ดวงตาทั้งสองข้างของเยี่ยนจ้าวเกอฉายแววเยียบเย็น เสียงสายฟ้าปะทุดังออกมาช่วงหนึ่งจากตำแหน่งที่ทั้งสองสัมผัสกัน
หมัดนี้ของเขาก็เหมือนกับโจมตีอยู่บนภูเขาใหญ่ลูกหนึ่ง ซ้ำยังถูกกระแสฟ้าฟาดปะทุอีก ทำให้รู้สึกชาหนึบบนกำปั้นอยู่พักหนึ่ง
เลือดลมพลันไหลเวียนไม่สะดวกทันที ทั่วทั้งกำปั้นราวกับว่าไม่ใช่ของตนอย่างไรอย่างนั้น
คล้ายคลึงกับมือขวาของตน ถึงแม้ว่าเมื่อครู่กระบวนท่ามังกรสะบัดหางจะปัดหมัดสายฟ้ามรกตเสออกไป ทว่ามือขวาที่สัมผัสกับแขนของหลินโจวนั้น ก็ถูกปราณสายฟ้าที่อยู่บนหมัดของอีกฝ่ายระเบิดปะทุจนเกิดอาการชา
วิชาวรยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์ถนัดโจมตี แต่ไม่ถนัดตั้งรับ ถ้าเกิดตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบ แนวโน้มตกเป็นเบี้ยล่างก็จะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
หลินโจวที่เสียโอกาสไปแล้วไม่กล้าถอยอีก เขาลอยขึ้นฟ้าโดยตรง จำเป็นต้องดึงวิธีการต่อสู้ที่ใกล้เคียงกันทั้งสองฝ่ายมาใช้
‘ไม่ใช่วิชาวรยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์ กลับคล้ายจะเป็นการกลายพันธุ์ของมังกรเหินบินไล่คว้าสมุนดวงดาวก่อนมหาภัยพิบัติ…’
ความคิดภายในสมองเยี่ยนจ้าวเกอแล่นปราดประหนึ่งฟ้าแลบ
เขาแค่นหัวเราะเบาๆ เสียงหนึ่ง ไม่ถอยเช่นเดียวกับหลินโจว เท้ากลับจะย่ำพรวดๆ ไปข้างหน้า ก่อนจะยกเข่าขึ้นดุจโล่กำบัง!
กล้ามเนื้อทั่วกายพาดสลับซับซ้อน เส้นเอ็นหนาใหญ่นับไม่ถ้วนภายใต้ผิวหนังพันเข้าด้วยกัน ประคองอยู่บนเนื้อเยื่อของตน ทำให้เนื้อเยื่อที่เดิมทีก็แข็งแกร่งทรหดอยู่แล้วยิ่งแข็งแกร่งขึ้นไปอีก!
หนึ่งในหมัดอสูรหกวิญญาณ หมัดนอแรด!
ทฤษฎีหมัดเลียนแบบแรดยักษ์ดึกดำบรรพ์ สัตว์อสูรสมัยยุคโบราณกาล พลังตั้งรับป้องกันของมันเป็นที่กล่าวขานไปทั่วหล้า
เยี่ยนจ้าวเกอตั้งเข่าขึ้น ไม่ถอยแม้เพียงครึ่งก้าว ต้านทานท่ามังกรผงาดเกี้ยวเดือนท่านี้ของหลินโจว!
ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกชาบนมือทั้งสองข้างคลายลงขณะสูดลมหายใจเข้าออกหนึ่งครั้งการหมุนเวียนเลือดปลอดโปร่งขึ้นใหม่อีกครั้ง
ทั่วร่างเยี่ยนจ้าวเกอเกิดปราณจิตราขึ้นมาทันที เขาไม่ให้โอกาสหลินโจวได้หอบหายใจแม้แต่นิดเดียว หมัดเหล็กของเขาเปลี่ยนแปลง กลางฝ่ามือเป็นสีแดงแกมม่วงทั้งแถบ
ฝ่ามือดุสิตกระทบใบหน้าของหลินโจวดังโครมๆ อย่างต่อเนื่อง
สองมือของหลินโจวตั้งรับสลับกันไปมา เดิมทีเขาโจมตีตอบโต้กลับระลอกที่สองแล้ว
ฝ่ามือดุสิตต่อยไปหาหลินโจว กระทบศีรษะกระแทกหน้าโครมๆ อย่างต่อเนื่อง แต่บัดนี้เขากลับพบว่าเยี่ยนจ้าวเกอเปลี่ยนกระบวนท่าได้รวดเร็วยิ่งกว่า!
ทั้งสองฝ่ายประจันหน้ากันอย่างดุดัน และเขากำลังจะเป็นฝ่ายที่ถูกเยี่ยนจ้าวเกอจู่โจมก่อน!
ขาข้างหนึ่งของหลินโจวทดสอบพลังป้องกันจากหมัดนอแรดของเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว เขาถึงตระหนักถึงเรื่องหนึ่งได้อย่างชัดเจน นั่นก็คือถึงแม้ว่าระดับของเขาจะสูงกว่าอีกฝ่ายขั้นหนึ่ง กระนั้นหากใช้การบาดเจ็บแลกการบาดเจ็บ กลับจะเป็นเขาที่เสียเปรียบยิ่งกว่าด้วยซ้ำไป
หลินโจวขมวดคิ้วเป็นปมแน่น ทำได้แค่เพียงตั้งรับหมัดเท่านั้น เขายกแขนขึ้นตั้งเป็นแนวขวาง สกัดกั้นฝ่ามือดุสิตของเยี่ยนจ้าวเกอเอาไว้
คราวนี้เยี่ยนจ้าวเกอเป็นฝ่ายรุกโดยสิ้นเชิงแล้ว
ได้ทีไม่ออมมือให้ การโหมโจมตีหลังจากนั้นของเยี่ยนจ้าวเกอ เหมือนกับคลื่นทะเลโหมซัดสาดเป็นวัฏจักรไม่ขาดตอน รุนแรงมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณทุกครั้ง กระหน่ำไปทางหลินโจวอย่างมืดฟ้ามัวดิน
หลินโจวเองก็ไม่ใจร้อนท้อถอยเช่นกัน เขาแสดงความทนทานที่จอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์น้อยคนนักจะมีออกมา ขับเคลื่อนการเคลื่อนไหวกายจนถึงที่สุด ราวกับแสงเงาสายฟ้าวับวาบก็มิปาน คลายการโหมโจมตีของเยี่ยนจ้าวเกอจนหมดไป
ทั้งสองเหยียบย่ำบนความว่างเปล่า ร่างกายส่องประกายแสงวับวาบ ทุกครั้งที่พวกเขาร่วงลงสู่พื้นดิน บนพื้นแผ่นดินใหญ่จนปรากฏรอยแตกระแหงมากมาย
อาวุธวิญญาณของทั้งสองฝ่ายปะทะซึ่งกันและกัน กระนั้นบนร่างกายก็มีแสงโชติช่วงจากอาวุธวิญญาณหลายสายลุกวาบอยู่เสมอๆ
ช่วงที่รัศมีแสงสาดไปทั้งสี่ทิศ พวกมันตรึงขจัดซึ่งกันและกัน เจ้ามาข้าไป
ปราณจิตราทั่วกายเยี่ยนจ้าวเกอลอยขึ้น ส่งเสียงคล้ายกับพยัคฆ์ร้องมังกรคำรามออกมา
ซึ่งขณะที่ปราณจิตราของหลินโจวคำนึงถึงความโหดเหี้ยมรุนแรงหลายๆ ด้านของตำหนักอัสนีสวรรค์ ความหนาหนักของพลังที่อยู่เหนือกว่าจอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์ในระดับขั้นเดียวกันก็ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน
ปราณจิตราที่เปี่ยมไปด้วยสติปัญญาเปลี่ยนเป็นโลกลวงตาปกคลุมเยี่ยนจ้าวเกอไว้ นำมาซึ่งการคุกคามมหาศาล จนถึงขั้นที่เยี่ยนจ้าวเกอเองก็ไม่สามารถขยายความได้เปรียบต่อไปได้
รบกันจนถึงขั้นดุเดือด ปราณจิตราเยี่ยนจ้าวเกอกลายเป็นกระบี่ เพลงกระบี่เจ็ดดารากระบวนท่าเดียวยอดเยี่ยมจนถึงขีดสุดราวกับว่าลงมาจากเหนือฟ้า ตรงดิ่งสู่หว่างคิ้วหลินโจว
แววตาอันเยียบเย็นของหลินโจว พลันเปลี่ยนเป็นร้อนแผดเผา!
ร่างกายเขาพลันหมุนพลิก เพลงดาบอันโหดเหี้ยมรุนแรงเปลี่ยนเป็นอ่อนนุ่มดุจน้ำโดยพลัน!
เมื่อสายฟ้ากระจายตัวเต็มท้องนภา ฉับพลันนั้นก็ปรากฏกระแสน้ำสายหนึ่งออกมา
กระแสน้ำนั้นรวมกันเป็นเชือกเส้นหนึ่ง ตัดความว่างเปล่า ราวกับไม่มีสิ่งใดมาขัดขวางการทำลายล้างได้ อีกทั้งกลับยังปราดเปรียวเปลี่ยนแปลงบ่อย ทำให้ยากจะคาดเดาวงโคจรของมันได้!
ลูกตาดำเยี่ยนจ้าวเกอหดเล็กลงอย่างฉับพลัน “วิชาคมเชือกของเมืองทะเลมรกต”
ท้องฟ้ารวมกับทะเลเป็นเส้นเดียว ไม่มีผู้ใดเอาชนะได้!
วิชาคมเชือก วิชาลับวรยุทธ์สืบทอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เมืองทะเลมรกตแห่งวารีพิภพ!
นึกไม่ถึงว่าวิชานี้จะถูกขับเคลื่อนโดยหลินโจว ศิษย์สืบทอดของตำหนักอัสนีสวรรค์!
อีกทั้งนี่ไม่ใช่การลอกเลียนแบบที่คล้ายกับจะดีแต่ไร้ประโยชน์แต่อย่างใด แต่เขาได้รับวิชาลับเหนือชั้นนี้จริงๆ!
ถึงแม้จะคาดไว้แล้วหลินโจวต้องเล่นลูกไม้เป็นแน่ ทว่าการที่เขาสำแดงวิชาคมเชือกออกมานี้เช่นนี้ ก็เหนือความคาดหมายของเยี่ยนจ้าวเกอจริงๆ
อีกทั้งนี่ยังเป็นวิชาลับที่มีอยู่ก่อนเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ และขาดการสืบทอดไปจากโลกแปดแผ่นดินแล้ว ยิ่งทำให้เยี่ยนจ้าวเกอประหลาดใจ!
พลังกระบี่เจ็ดดาราของเยี่ยนจ้าวเกอเปลี่ยนแปลงไป ราวกับใช้ดาวเจ็ดดวงหยุดนิ่งทางช้างเผือก หยุดยั้งระลอกการโหมโจมตีของเชือกน้ำอันแปลกประหลาดที่ไม่อาจคาดเดาได้เส้นนั้น
หลินโจวฉกฉวยโอกาสนี้ จนในที่สุดก็แย่งชิงโอกาสพลิกจากตั้งรับเป็นรุกโจมตีได้แล้ว!
ปราณจิตราทั่วกายเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างฉับพลันไปพร้อมๆ กัน!
เขายื่นมือทั้งสองข้างออกมาพร้อมกัน ปราณจิตรากลายเป็นดาบและกระบี่ มือหนึ่งกำกระบี่ มือหนึ่งถือดาบ!
ฟ้าดินเกิดเสียงฟ้าร้องสนั่นดังขึ้นเป็นวัฏจักรโดยไม่รู้ตัว โลกลวงตาอันแปรสภาพมาจากปราณจิตราของหลินโจวนี้ นอกจากสายฟ้ากระจายไปทั่วท้องฟ้าแล้ว ก็ไม่มีสิ่งอื่นใดอีก
วิชากระบี่สายฟ้าเจ็ดสิบสองกระบวนท่า วิชาสืบทอดของตำหนักอัสนีสวรรค์ และวิชาดาบสามสิบหกกระบวนท่า ถูกแสดงออกมาพร้อมกัน!
อาหู่ที่ทำให้เศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้าคงที่อยู่ที่ด้านหนึ่ง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที “อัสนีฟาดประสานฟ้าคำรน เขาทำได้อย่างไรกัน”
วิชาลับของตำหนักอัสนีสวรรค์ กระบี่และดาบรวมเข้าด้วยกัน วิชาอัสนีฟาดประสานฟ้าคำรน!
นับแต่ตำหนักอัสนีสวรรค์ก่อตั้งขึ้นมา ยังมิเคยมีผู้ใดสามารถแสดงวิชาออกมาได้ด้วยระดับปรมาจารย์เลย!
หลินโจวนับเป็นผู้ริเริ่มเปิดสมัย!
โลกลวงตาที่เต็มไปด้วยสายฟ้านั้น ระเบิดจนแตกร้าวเสียงดังโครมคราม!
ดวงตาทั้งสองของหลินโจวเย็นชายิ่งนัก ดูเหมือนไร้ซึ่งอุณหภูมิใดภายในนั้น “หากไม่เกิดเหตุไม่คาดฝันอันใด เยี่ยนจ้าวเกอ แท้จริงแล้วไม่นานนักเจ้าก็จะเป็นคนตายแล้ว”
“โลกใบนี้ไม่จำเป็นต้องมีเจ้าอยู่ เดินไปในวงโคจรโชคชะตาที่เดิมเจ้าควรจะเดินไปเสียเถิด!”
ประกายกระบี่ที่คล้ายกับฟ้าแลบ กับประกายดาบที่คล้ายกับฟ้าร้อง แผ่กระจายไปทั่วท้องฟ้ารอบนอกเป็นร้อยเป็นพันลี้!
การชนปะทะกันของพลังทั้งสองกลุ่ม ทำให้พลังที่เดิมก็บ้าคลั่งอยู่แล้ว ระเบิดปะทุออกมาทั้งหมดในชั่วพริบตาเดียว!
ทันทีที่เยี่ยนจ้าวเกอเห็นดังนั้น แววตาเขาก็สงัดนิ่ง สูดหายใจเข้าลึกครั้งหนึ่ง
กำปั้นเขาทั้งสองตั้งท่าหมัดวิญญาณสยบคลื่นขึ้นมาพร้อมกัน
ขณะที่ปราณบริสุทธิ์พรั่งพรูอยู่ในจุดตันเถียน กลุ่มธาตุปราณบริสุทธิ์ก็พลันสั่นไหวทันที
ปราณจิตราที่รุกล้ำภายในจุดลมปราณทั่วกายดุจมังกร พลันเปลี่ยนรูปร่างอย่างพร้อมเพรียง
ปราณจิตราที่ร้อนแผดเผาดุจเพลิงหมุนเปลี่ยนเป็นปราณจิตราหนาวเหน็บในพริบตา รวมเข้ากับปราณจิตราเดิมที่เย็นยะเยือกเหมือนกับน้ำแข็งเหล่านั้น
รอบร่างกายเยี่ยนจ้าวเกอคล้ายกับมีหมอกเย็นชั้นหนึ่งลอยขึ้นมา
ปราณจิตราอันหนาวเย็นมากมายมหาศาลราวกับท้องทะเล ส่งเสริมหมัดวิญญาณสยบคลื่น ครั้นเยี่ยนจ้าวเกอโจมตีออกไปด้วยกระบวนท่านี้ ทั้งร่างกายของเขาก็ราวกับกลายเป็นทะเลน้ำแข็งที่ลึกเสียจนไม่เห็นก้นบึ้ง
สงบเงียบและหนาวเหน็บอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ จนถึงขั้นวิเวกอย่างไม่อาจจะหาสิ่งใดมาเทียบ
ทั้งหมดทั้งมวลหวนกลับสู่ก้นทะเลลึก ประหนึ่งกับก้าวเข้าไปในสถานที่แห่งนิทราชั่วนิรันดร์
สายฟ้าแลบอันบ้าคลั่งนั้นร่วงลง ชั่วขณะหนึ่งก็คล้ายกับหายต๋อมลงไปในทะเล โดยที่ทำอะไรกับเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้เลย
ต่อให้มีเงากระบี่ประกายดาบตีฝ่าการป้องกันด้วยหมัดวิญญาณสยบคลื่นของเยี่ยนจ้าวเกอ ก็ถูกกายเหล็กกล้าเขาที่ใช้หมัดนอแรดสร้างขึ้นต้านทานออกไป!
แรกเริ่มเป็นพลังปราณ จากนั้นเริ่มเสื่อมโทรม และสิ้นสุดลงในที่สุด
อัสนีฟาดประสานฟ้าคำรนของหลินโจวบ้าระห่ำเป็นอย่างยิ่ง ถึงกระนั้นมาไวก็ไปไวเช่นกัน
ชั่วขณะนี้เอง ท่าหมัดเยี่ยนจ้าวเกอก็พลันเปลี่ยนแปลง หมัดวิญญาณสยบคลื่นกลายเป็นหมัดราชันงูสวรรค์
ช่วงเวลาที่เงียบเชียบอย่างยิ่งยวดผันเปลี่ยนในชั่วพริบตาเดียว แต่กลับสมบูรณ์นัก
ราวกับหลังจากมังกรกบดานแล้ว มันก็เหินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า!
ปราณจิตราเย็นเยียบทั่วกายเยี่ยนจ้าวเกอกลายเป็นร้อนแผดเผาในอึดใจเดียว ตามการสั่นสะเทือนอีกครั้งของกลุ่มธาตุปราณบริสุทธิ์ในจุดตันเถียน!
พลังอันบ้าคลั่งระเบิดปะทุในทันใด ทำลายกระบี่และดาบที่สูญเสียพลังอันฮึกเหิมไปแล้วของหลินโจว!
เยี่ยนจ้าวเกอย่ำเท้าก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง ปราณจิตราดุจเพลิงขับเคลื่อน เขายื่นมือทั้งสองออกไปสำแดงวิชาฝ่ามือดุสิตพร้อมกัน โจมตีไปทางหลินโจว!
หลินโจวพยายามปลดปล่อยพลังใต้ฝ่าเท้าสุดชีวิต เพื่อหลบไปทางด้านหลัง พลางยกแขนขึ้นกำบังตรงหน้าอก ต้านทานพลังที่จู่โจมมาอย่างเหี้ยมหาญ
‘กรอบ! กรอบ!’
เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นสองครั้ง เพราะการโจมตีของเยี่ยนจ้าวเกอในครั้งนี้ จัดการหลินโจวจนแขนซ้ายหักออกเป็นสามท่อน!
………………..