ได้ยินคำเอ่ยของหญิงสาวแซ่เซี่ยผู้นั้นแล้ว หร่วนผิงพลันเลิกคิ้ว หันหน้ากลับไปมองยังหน้ากระจก
เขาพบกว่าภายในกระจกเกิดกระแสคลื่นโหมกระหน่ำบนผืนทะเลสาบ ตามการย่างก้าวเคลื่อนที่ของเยี่ยนจ้าวเกอ
ระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอเดินไปตามทาง สายตาของเขากวาดมองไปรอบทิศ แต่จู่ๆ ก็หยุดอยู่ที่ทิศหนึ่งชั่วครู่
ภายในเรือนไม้ไผ่ หร่วนผิงที่อยู่หน้ากระจกใจกระตุกวูบ เพราะเห็นได้ชัดว่าเยี่ยนจ้าวเกอในกระจกกำลังสบตาอยู่กับเขา
กั้นไว้ด้วยค่ายกล กั้นไว้ด้วยปรากฏการณ์ชั้นแล้วชั้นเล่า กระนั้นทั้งสองฝ่ายกลับเหมือนว่าข้ามผ่านระยะห่างของพื้นที่ไปแล้ว
สายตาเยี่ยนจ้าวเกอทอดมองมา ยิ้มน้อยๆ
หร่วนผิงขมวดคิ้วเป็นปมแน่นโดยพลัน ค่ายกลกั้นพวกเขาเอาไว้จริงๆ และเยี่ยนจ้าวเกอยังคงมองไม่เห็นเขา ทว่าการแสดงออกและสีหน้าท่าทางนั้น กลับชัดเจนว่าอีกฝ่ายจับได้แล้วว่ามีคนกำลังเฝ้าดูการเคลื่อนไหวผ่านค่ายกลอยู่
ครั้นมองภายในหน้ากระจกอีกครั้ง จังหวะการก้าวเดินของเยี่ยนจ้าวเกอแปลกประหลาดนัก ประเดี๋ยวเดินหน้าประเดี๋ยวถอยหลัง หร่วนผิงที่คุ้นเคยต่อค่ายกลอย่างยิ่งยวดมองออกในทันที ว่าชายหนุ่มผู้นี้มีความสามารถในการเดินออกมาจากค่ายกล กลับเกาะปิดนภาอีกครั้งได้เอง
ซึ่งขณะเยี่ยนจ้าวเกอก้าวเดินก็นำพาลมเมฆโหมซัดไล่หลัง พลิกกลับมาส่งผลกับค่ายกลอย่างคาดไม่ถึง
ภายใต้สถานการณ์ที่ใช้พลังฝึกปรือของเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ ไม่เข้าสู่ศูนย์กลางค่ายกล ไม่แตะต้องของวิเศษวางค่ายกลและรากฐานอักขระค่ายกล คิดอยากจะสั่นคลอนค่ายกลที่มหึมาเช่นนี้ กำลังความสามารถยังไม่มากพอ
ทว่าเป็นเช่นนี้ต่อไป การเปลี่ยนแปลงค่ายกลก็ยิ่งจะใหญ่หลวงมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานนักก็จะทำให้ยอดฝีมืออาวุโสแห่งหอคลื่นโหมตระหนกตกใจได้
ฟางจุ่นและคนอื่นๆ ล้วนอยู่ด้วย หอคลื่นโหมยึดถือความเป็นกลางอย่างยิ่ง แต่ไรไม่เคยคิดจะผูกแค้นกับเขากว่างเฉิง ทว่าใช้ประโยชน์จากค่ายกลกลั่นแกล้งผู้คนเช่นนี้ หร่วนผิงยากจะเลี่ยงการถูกตำหนิได้
ยิ่งไปกว่านั้น บัดนี้เขาหมดหนทางจัดการกับเยี่ยนจ้าวเกอโดยสิ้นเชิง
หากยกระดับอานุภาพค่ายกลต่อไปจนกลายเป็นค่ายกลสังหารแล้ว เซี่ยโยวฉานที่อยู่ข้างกายเขาก็จะไม่เห็นด้วยเป็นคนแรก
เซี่ยโยวฉานกล่าวอย่างสงบนิ่งว่า “เจ้าต้องการหยั่งเชิงความรู้ซึ้งในค่ายกลของเยี่ยนจ้าวเกอ บัดนี้ก็นับได้ว่าบรรลุผลที่คาดไว้แล้ว”
หร่วนผิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนผุดรอยยิ้มพลางกล่าวว่า “ไม่ธรรมดาจริงๆ สมคำร่ำลือ” สิ้นคำพูด เขาก็ยื่นมือออกไปเช็ดบนหน้ากระจกอย่าแรง
ปรากฏการณ์บนหน้ากระจกพลันหายวับไปทันที
ส่วนเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ภายในทะเลสาบปิดนภาพลันยิ้มน้อยๆ เพราะเขารู้สึกได้ว่าความผิดปกติของค่ายกลหายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ จังหวะก้าวเท้าผ่อนช้าลง ลมเมฆที่สั่นคลอนเพราะปราณจิตราที่อยู่ข้างกายก็ค่อยๆ สงบลงเช่นกัน
อาหู่ตามอยู่ด้านหลังเขา ยิ้มซื่อเอ่ยว่า “คุณชายขอรับ อีกฝ่ายหวาดกลัวแล้วหรือ”
ชายหนุ่มยักไหล่ “ไม่ถึงขั้นหวาดกลัวหรอก หอคลื่นโหมกับสำนักเรา เดิมก็ไม่ได้มีข้อวิวาทอันใดอยู่แล้ว คนอื่นผู้หนึ่งว่างอยู่ไม่มีเรื่องก็มักหาเรื่อง มักจะมีคนขี้เบื่อเช่นเขาจริงๆ นั่นแหละ”
ไม่นานนัก เมฆหมอกเบื้องหน้าก็กระจายออก หญิงสาวผู้หนึ่งสูง ผู้หนึ่งเตี้ย ทั้งสองสวมหมวกไผ่ แต่งกายด้วยอาภรณ์สีเขียวย่ำน้ำเดินมาถึงตรงหน้าเยี่ยนจ้าวเกอและอาหู่
หญิงสาวที่ตัวสูงกว่าถอดหมวกไผ่ที่ห้อยผ้าโปร่งผืนบางเอาไว้ออก เผยเห็นเค้าหน้าธรรมดา ทว่ามีท่วงท่างดงาม ซึ่งก็คือเซี่ยโยวฉาน
“ศิษย์น้องเยี่ยนก็มีความรู้ซึ้งด้านค่ายกลอย่างสูงเช่นกัน” เซี่ยโยวฉานยิ้มเล็กน้อยพลางเอ่ย “เมื่อครูคันไม้คันมือชั่ววูบ หยอกล้อเจ้าเล่น ข้าขออภัยเจ้า ณ ตรงนี้ ขอเจ้าอย่าได้เก็บมาใส่ใจ”
เยี่ยนจ้าวเกอมองดูเซี่ยโยวฉาน พลางกะพริบตาปริบๆ ยิ้มกล่าว “ศิษย์พี่เซี่ยกล่าวเกินไปแล้ว เรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง ข้าจะโทษท่านได้อย่างไรกัน หากให้ศิษย์พี่สวีทราบ เช่นนั้นข้าก็คงน่าสมเพชนัก เพียงแต่คราหน้าบอกกล่าวกันล่วงหน้าหน่อยเถิด เมื่อครู่ข้าไม่ได้เตรียมตัวใดๆ สักนิด”
ชายหนุ่มไม่เพียงแค่รู้จักหญิงสาวเบื้องหน้า ยังค่อนข้างคุ้นเคยกันอีกด้วย
เซี่ยโยวฉาน หนึ่งในผู้สืบทอดหัวกะทิที่สุดในบรรดาคนรุ่นเยาว์แห่งหอคลื่นโหม พลังฝึกปรืออยู่ในระดับปรมาจารย์ขั้นเคียงนภาระยะท้าย แกร่งยิ่งกว่าหร่วนผิง ระยะห่างสู่ชั้นผ่านภาขาดเพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น
ปัจจุบันนางอายุใกล้สามสิบ ในสายตาของทั่วหล้านับว่าเป็นหญิงชราแล้ว เพียงแต่ว่าด้วยศักยภาพพรสวรรค์ของนาง และระดับขั้นที่นางสามารถบรรลุในภายภาคหน้าได้ หากคำนวณตามอายุขัยแล้ว สามสิบปียังไม่นับว่ามากเท่าใดนัก
จอมยุทธ์หญิงโลกแปดพิภพที่ไม่แต่งงานเลยตลอดชีพ ก็ไม่ได้อยู่ในกลุ่มน้อยเช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกอกับนางก็นับว่าคุ้นเคยกัน เพียงแต่ว่าความสนิทสนมนี้ก็เหมือนกับเยี่ยฉงโจว ก็คือมาจากสวีเฟย ‘วิหคเวหา’ ศิษย์ร่วมสำนักเดียวกับเยี่ยนจ้าวเกอเช่นกัน
เซี่ยโยวฉานส่ายศีรษะ เผลอหลุดยิ้มออกมา “ศิษย์น้องเยี่ยนพูดเล่นแล้ว คราวก่อนพบหน้ากับศิษย์พี่สวี เขาคุยโวทั้งวันว่าเจ้าเป็นหน้าเป็นตาแก่เขากว่างเฉิง”
“โอ้? ทั้งวัน…” เยี่ยนจ้าวเกอหัวร่อทะเล้นพลางกล่าว “มีสัมพันธ์ชู้สาวหรือนี่…”
“เจ้านี่นะ…” เซี่ยโยวฉานชี้นิ้วเขา
นางหันศีรษะกลับไปมองสาวน้อยตัวเตี้ยคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง “นี่คือจางเหยา ศิษย์น้องของข้า เจ้ายังไม่เคยพบนางมาก่อน รู้จักกันไว้เสียสิ ต่อไปหากเจ้าพบเสี่ยวเหยาเอ๋อร์เดินทางอยู่ภายนอก ก็ขอให้เจ้าดูแลนางสักหน่อย”
สาวน้อยตัวเตี้ยผู้นั้นก็ถอดหมวกไผ่ที่ห้อยผ้าโปร่งไว้นานแล้วเช่นกัน เผยเห็นใบหน้ากลมอันขาวนุ่มน่าเอ็นดู ดูท่าทางอายุรุ่นราวคราวเดียวกับซือคงจิง
จางเหยาพิจารณาเยี่ยนจ้าวเกออย่างละเอียดด้วยความสงสัยมาโดยตลอด ตอนนี้เองนางกุลีกุจอคารวะ “จางเหยาแห่งหอคลื่นโหม คารวะศิษย์พี่เยี่ยน”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อยพลางคารวะตอบ “ศิษย์น้องจาง พบกันหนแรก ช่างมีมารยาทจริง”
เซี่ยโยวฉานพูดกล่าว “เอาละ ศิษย์น้องเยี่ยน เจ้ายังอยากฝึกปรืออยู่ที่ทะเลสาบอยู่หรือไม่”
“ก่อนหน้านี้ได้รับมาไม่น้อยแล้ว ที่เหลือก็คือต้องจัดระเบียบและตกตะกอน จึงไม่จำเป็นต้องรั้งอยู่ที่ทะเลสาบต่อไปแล้ว” ชายหนุ่มกล่าวตอบ “แต่ได้ยินมาว่าเขตหนึ่งของทะเลสาบปิดนภา นอกจากเกาะหลักหลายเกาะที่อยู่เขตตรงกลางแล้ว ยังมีทิวทัศน์งดงามแห่งอื่นอีก ข้าอยากจะไปดูสักหน่อย อีกทั้งที่แห่งนี้มีของวิเศษบางอย่างที่เกิดอยู่แค่เพียงที่นี่เท่านั้น หากสำนักท่านไม่ถือละก็ ข้าก็อยากจะเก็บรวบรวมบ้าง”
“ย่อมได้ เช่นนั้นพวกข้าก็จะนำเจ้าไปเดินเล่นแล้วกัน” เซี่ยโยวฉานกล่าว
ชายหนุ่มยิ้ม “ก็ลำบากศิษย์พี่เซี่ยและศิษย์น้องจางแล้ว”
ทั้งสี่คนเดินทางร่วมกัน เยี่ยนจ้าวเกออยู่ภายในทะเลสาบปิดนภาคราวนี้ เหมือนกับได้เข้าไปในคลังของวิเศษ สิ่งที่ได้รับมากมายสมบูรณ์ เพียงแต่ของที่เขาได้รับ ส่วนใหญ่เป็นเขาเองที่รู้อยู่แก่ใจ
ทว่าในสายตาคนรอบข้าง กลับไม่เห็นความผิดปกติแต่อย่างใด
หลังจากเดินไประยะหนึ่ง จู่ๆ ก็มีนกรูปร่างแปลกประหลาดรุกรานผ่านพื้นผิวทะเลสาบ ข้ามผ่านเมฆหมอกชั้นแล้วชั้นเล่า ตรงมาหาเยี่ยนจ้าวเกอกับเซี่ยโยวฉานและคนอื่นๆ จนเจออย่างแม่นยำ
เยี่ยนจ้าวเกอมองไป เห็นเพียงว่ารูปร่างนกบินตัวนั้นคล้ายกับห่านป่า ทว่าขนาดกลับเล็กกว่ามากนัก ตัวของมันเป็นสีแดงเพลิงไปทั่วทั้งร่าง สะดุดตาท่ามกลางเมฆหมอกและควันไฟอันกว้างใหญ่ไพศาลอย่างยิ่ง
“นี่ก็คือห่านป่าเพลิงที่สำนักท่านเลี้ยงดูจนเชื่องกระมัง สามารถเคลื่อนที่ไปมาอย่างอิสระท่ามกลางเมฆหมอกในทะเลสาบปิดนภาได้ ทั้งยังสามารถหาศิษย์สำนักท่านได้อย่างแม่นยำ ความเร็วเหินบินรวดเร็ว เป็นประโยชน์ต่อการติดต่อสื่อสารยิ่งนัก” เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มพลางชื่นชม “ได้ยินชื่อเสียงมายาวนาน ในที่สุดวันนี้ได้พบ สมคำร่ำลือดังคาด”
เซี่ยโยวฉานกล่าว “ทำให้ศิษย์น้องเยี่ยนขบขันเสียแล้ว”
นางยื่นแขนออกมา ห่านเพลิงตัวนั้นถึงร่อนลงมาพักบนแขนของนาง
หญิงสาวแกะสารน้อยแผ่นหนึ่งที่ติดอยู่บนกรงเล็บออกมา ครั้นอ่านดูเนื้อหาแล้ว นางก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “โอ้ บริเวณอันใกล้นี้ปรากฏปี่เซียะภูเขาตัวหนึ่งรึ”
ผู้อาวุโสแห่งหอคลื่นโหมได้รับรายงานข่าว ทว่าเรื่องราวไม่ได้รีบเร่งแต่อย่างใด ไม่จำเป็นต้องให้ยอดฝีมือเร่งมาจากเกาะปิดนภาเป็นการเฉพาะ
พวกเขายืนยันได้คร่าวๆ ผ่านค่ายกลว่ามีศิษย์ในสำนักอยู่บริเวณใกล้เคียง จึงส่งข่าวให้จัดการมันเสีย
เซี่ยโยวฉานและจางเหยาอยู่ใกล้พอดี ผู้อาวุโสหอคลื่นโหมตัดสินว่าเซี่ยโยวฉานมีความสามารถจัดการได้ จึงใช้ห่านเพลิงส่งข่าวมา
“ลั่นวาจาแล้วว่าจะนำทางให้ศิษย์น้องเยี่ยน แต่กลับมีเรื่องขึ้นมาเสียได้” เซี่ยโยวฉานมองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอ “เพียงแต่ปี่เซียะเป็นสัตว์ที่พบได้ยาก ศิษย์น้องเยี่ยนสนใจร่วมเดินทางไปด้วยกันหรือไม่”
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มพลางผงกศีรษะ “หากศิษย์พี่เซี่ยอนุญาต ข้าเองก็อยากจะพบเห็นเจ้าสัตว์ประหลาดที่ได้ยินชื่อมานาน แต่กลับไม่เคยเห็นกับตามาก่อนอยู่พอดี”
พวกเขาเคลื่อนไหวในทันที ไม่นานนักก็มาถึงบนเกาะเล็กเกาะหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ กัน
กลุ่มของเยี่ยนจ้าวเกอเดินขึ้นไปบนเกาะ ทว่ากลับมีคนไปถึงในป่าเขาบนเกาะนั้นก่อนเสียแล้ว
คนผู้นี้ยังไม่ได้ปรากฏตัวแต่อย่างใด กำลังมองดูเยี่ยนจ้าวเกอและคนอื่นๆ เดินขึ้นมาบนเกาะอย่างเงียบเชียบ
เขาเองก็ประหลาดใจอย่างยิ่ง ทว่าไม่นานนักก็ละสายตากลับ ป้องกันเยี่ยนจ้าวเกอและคนอื่นๆ ค้นพบเขา
ในดวงตาทั้งสองข้างของคนผู้นี้ทอประกายอันตรายวับวาบ มุมปากปรากฏรอยยิ้มเย็น ชัดเจนว่านั่นคือหลิวเซิ่งเฟิง ศิษย์เขาไร้พรมแดน
………………..