เยี่ยนจ้าวเกอตบเรียกพ่านพ่านเบาๆ เดินไปพลาง ครุ่นคิดไปพลาง ‘คนผู้นั้นเมื่อครู่กักพลังความสามารถเอาไว้’
‘กลัวว่าตัวตนจะเปิดเผยเช่นนั้นหรือ? แต่ไม่เห็นมีความจำเป็นเลย เพราะเขาตกเป็นฝ่ายมารโดยสมบูรณ์แล้ว’
‘หรือว่าเขามีวิธีที่เปลี่ยนจากมารให้กลายเป็นมนุษย์ใหม่อีกครั้ง?’ เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้วเล็กน้อย ‘เพียงแต่กลิ่นไอของเขาคล้ายกับไอมารในแดนมารนี้อย่างยิ่ง การจะตกเป็นมารไม่ใช่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่เป็นแรมปี’
ชายหนุ่มส่ายศีรษะ ระงับข้อสงสัยภายในใจลงก่อนชั่วคราว แยกแยะเส้นทางตรงหน้าอย่างระมัดระวัง แล้วเดินต่อไปข้างหน้า
เดินไปได้ครู่หนึ่ง ในใจเยี่ยนจ้าวเกอพลันไหววูบ
ถึงแม้ว่าจะมีไอมารเป็นชั้นๆ ขวางกั้น ทว่ายังสามารถรู้สึกได้เลือนรางว่าไม่ไกลนัก มีคนกำลังประมือกันอยู่
เยี่ยนจ้าวเกรีบมุ่งไปข้างหน้า ท่ามกลางหมอกดำ ไม่นานนักก็มีรัศมีแสงปรากฎวับวาบ แนวตั้งแนวนอนตัดสลับกัน ต่อสู้กันจนโกลาหลอลหม่านไปหมด
ไอมารโดยรอบที่กระเพื่อมสาดซัด ล้วนกำลังแตกสลายไปไม่หยุด
ครั้นเห็นประกายกระบี่เปล่งประกายระยิบระยับเช่นนั้น เยี่ยนจ้าวเกอก็มุ่นคิ้ว “ศิษย์พี่สวี และ…ถังหย่งฮ่าวหรือ?”
รอจนเยี่ยนจ้าวเกอมาสมทบและเสียงเข้ามาใกล้ ก็เห็นว่าคนสามคนกำลังพุ่งเข้าหากัน ต่อสู้กันไม่หยุดยั้ง
เยี่ยนจ้าวเกอเพ่งมองอย่างรวดเร็ว อดถอนหายใจไม่ได้ เพราะไม่อยากเชื่อว่าจะได้พบเห็นศัตรูง่ายๆ เช่นนี้
หนึ่งในนั้น ก็คือคนชุดดำที่ลอบจู่โจมตนเองเมื่อครู่นี้
ส่วนอีกฝ่ายหนึ่ง แยกออกเป็นบุตรแห่งสวรรค์โปรดปรานที่เกิดในเขากว่างเฉิงและสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ สวีเฟยและถังหย่งฮ่าว กำลังร่วมมือต่อสู้กับคนชุดดำอำพรางหน้าผู้นั้น
สำหรับทั้งสองคนแล้ว ไม่เคยร่วมมือกันต่อสู้กับศัตรูมาก่อน กลับจะเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งต่อกันมาโดยตลอดนับตั้งแต่เยาว์วัย
ทว่าบัดนี้ร่วมมือกันประจัญศัตรูครั้งแรก กลับปรากฎให้เห็นความเข้าใจกันออกมาเต็มร้อย ราวกับศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักที่อยู่ร่วมกันกันมาแรมปี
สวีเฟยและถังหย่งฮ่าวร่วมมือกัน ผู้หนึ่งรุกโจมตี ผู้หนึ่งตั้งรับป้อง ผู้หนึ่งเป็นกองหลัก ผู้หนึ่งเป็นกองเสริม ยอดวิชาฝ่ามือกระบี่ทั้งสองของสวีเฟย วิชากระบี่อำพันลี้ลับและกระบวนท่าฝ่ามืออำพันสำแดงออกไปพร้อมกัน ปราณทรงพลัง เรียบง่ายหนาหนัก ป้องกันได้อย่างดีเยี่ยม
ถังหย่งฮ่าวถือกระบี่หนึ่งในมือ เห็นเพียงประกายกระบี่ทั่วท้องฟ้า มืดฟ้ามัวดิน ประหนึ่งกับนำพาแสงสว่างไสวมาโดยรอบฟ้าดิน ในแดนมารอันมืดมน
คนแซ่ถังและแซ่สวีทั้งสองคน ไม่ว่าใครล้วนอยู่ในขั้นเคียงนภาสูงสุด ระยะทางสู่ขั้นมหาปรมาจารย์ห่างแค่ก้าวหนึ่งเท่านั้น
อีกทั้งพวกเขายังจัดว่าเป็นผู้โดดเด่นท่ามกลางศิษย์สืบทอดหลักแห่งเขากว่างเฉิงและสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ บุตรแห่งสวรรค์ที่ไม่อาจโต้แย้งได้ และใช่ว่าจอมยุทธ์ขั้นฝ่านภาคนอื่นๆ จะเทียบเคียงได้
ขณะนี้ทั้งสองร่วมมือกันต่อสู้กับศัตรู ยิ่งเสริมอานุภาพยิ่งขึ้น
เพียงแต่คู่ต่อสู้ของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าก็ไม่ใช่ง่ายๆ
ถึงแม้ว่าจะพะว้าพะวังเศษชิ้นส่วนดวงตาราชันสายฟ้าของเยี่ยนจ้าวเกอ หลังไม่บรรลุผลสังหารในการลอบโจมตีเดียวก็ถอยร่นไปทันที กระนั้นพลังความสามารถของคนชุดดำผู้นั้นก็โดดเด่นเหนือชั้นกว่าจอมยุทธ์ระดับขั้นเดียวกันอย่างไม่ต้องสงสัย
บัดนี้เห็นเพียงว่าเขาผู้เดียวต่อศัตรูสองคน ต่อสู้กับสวีเฟยและถังหย่งฮ่าว แต่ยังคงมีกำลังเหลือ
ในฐานะผู้ที่ตกเป็นมาร เมื่ออยู่แดนมาร พลังความสามารถของเขายิ่งทวีคูณ
เยี่ยนจ้าวเกอมองดูคนชุดดำผู้นั้นอย่างเย็นชา พร้อมร้องเรียกเสียงเบาว่า “พ่านพ่าน?”
บัดนี้พ่านพ่านจิตใจเชื่อมถึงเยี่ยนจ้าวเกอ ทั่วร่างจรดปลายเท้าปรากฎเปลวเพลิงสีขาวขึ้น
เปลวเพลิงสีขาวเหล่านี้หดตัวลง รวมตัวกันไม่หยุดยั้ง จนท้ายที่สุดก็แปรเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงเล็กสีขาวดุจน้ำนม
เปลวเพลิงสีขาวประหนึ่งกับปีศาจตัวน้อยที่กำลังกระโดดโลดเต้นตนหนึ่ง ไม่เหมาะกับร่างใหญ่ยักษ์ของพ่านพ่านอย่างยิ่ง
ทว่าภายในกลับเปี่ยมไปด้วยพลังรูปแบบหนึ่งที่ทำให้ผู้คนหวาดผวาราวกับจะทำลายล้างให้พินาศไป!
กระบี่วิญญาณมังกรมรกตอยู่ในมือเยี่ยนจ้าวเกอ ในดวงตาขวาทอแสงสายฟ้าสีม่วงอมน้ำเงิน
ปราณจิตราทั่วร่างกลายเป็นร้อนรุ่มดุจเปลวเพลิง ชั่ววูบเดียวแรงระเบิดปะทุยกระดับจนถึงขีดสุด
เวลาต่อมามา ร่างเยี่ยนจ้าวเกอของหลอมรวมเข้ากับกระบี่ กระทั่งกายเหินขึ้นสู่อากาศ กลายสภาพเป็นแสงมรกตสายหนึ่งพร้อมกับกระบี่วิญญาณมังกรมรกต ตัดไปทางคนชุดดำอำพรางหน้าผู้นั้น!
บนแสงมรกต แสงเพลิงสีแดงก่ำส่องสว่างขึ้น สายฟ้าแลบฟ้าผ่ามากมายฟาดไม่หยุดยั้ง
ในโลกลวงตาที่แปรสภาพมาจากปราณจิตราของเยี่ยนจ้าวเกอ มังกรเขียวตัวหนึ่งปรากฏตัวทอดขวางกลางท้องฟ้า ทั่วร่างศีรษะจรดหางมีเสียงอัสนีฟาดฟ้าคำรนดังก้องกังวาน กระแสเสียงสะท้านฟ้า!
ในขณะเดียวกัน พ่านพ่านคำรามเสียงต่ำ เปลวเพลิงน้อยสีขาวน้ำนมนั่น ยิงไปทางคนชุดดำอำพรางหน้าผู้นั้นด้วยความเร็วยิ่ง ราวกับดาวตกก่อเกิดเพลิงอย่างไรอย่างนั้น
อัสนีแผดเผา!
ประกายกระบี่ของเยี่ยนจ้าวเกอดุจมังกร แหวกหมอกดำสุดลูกหูลูกตาออกในชั่วพริบตา โจมตีไปทางมหาปรมาจารย์ผู้นั้นพร้อมกันกับอัสนีแผดเผาของพ่านพ่าน
แม้ว่าจะอยู่ในการต่อสู้ดุเดือด ทว่าอย่างไรเสียคู่ต่อสู้ก็เป็นมหาปรมาจารย์ ทั้งยังเป็นการต่อสู้ในแดนมารอีกด้วย เขามีประสาทสัมผัสแก่กล้า จึงสังเกตเห็นเยี่ยนจ้าวเกอและพ่านพ่านเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว
เยี่ยนจ้าวเกอไม่พูดพร่ำ ก็ลงมือทันใด โหมเข้าโจมตียิ่งรุนแรงอย่างมาก
สวีเฟยและถังหย่งฮ่าวก็ไม่เกรงใจเช่นกัน โอกาสมาถึงแล้วก็ฉวยเอาไว้โดยมิลังเล สองกระบี่ปล่อยออกไปพร้อมกัน รุกโจมตีมหาปรมาจารย์ชุดดำผู้นี้ราวกับผลักภูเขาพลิกทะเลอย่างไรอย่างนั้น
คู่ต่อสู้ที่สวมหน้ากากผู้นี้ เผชิญกับการร่วมมือกันโจมตีของยอดฝีมือเยาว์วัยทั้งสาม เขาขยับข้อมือที่ถือกระบี่ไปตามจิตใต้สำนึก
ทว่าไม่นานนัก การเคลื่อนไหวของเขาให้หยุดนิ่ง ถอยอีกครั้ง ถอนกายออกไปอย่างว่องไว!
เพียงแต่การโจมตีของทั้งสามกับพ่านพ่านล้วนรุนแรงอย่างยิ่ง การถอยหนีครั้งนี้ของอีกฝ่าย ด้วยการลากดึงการไหลเวียนปราณ ยิ่งเป็นโจมตีไปโดยใช้พลังเทียมฟ้า
เสียงฮึดฮัดอู้อี้ส่งผ่านมาในอากาศ มหาปรมาจารย์ยอดฝีมือยิ่งใหญ่คนนี้ ได้รับบาดเจ็บจากน้ำมือของพวกเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว
เพียงแต่ว่าพลังความสามารถของเขาก็แก่กล้าอย่างแท้จริงเช่นกัน อาศัยชัยภูมิอันได้เปรียบของแดนมาร หลีกหนีไปอย่างฉับไว
ในใจของบุรุษผู้นี้คิดหนี กลุ่มของเยี่ยนจ้าวเกอเองก็ยากยิ่งจะรั้งเขาเอาไว้
เยี่ยนจ้าวเกอเก็บกระบี่วิญญาณมังกรมรกตที่ตกอยู่บนพื้นขึ้นมา สายตามองไปยังสวีเฟยและถังหย่งฮ่าว
ไกลออกไป ซือคงจิงที่รู้ว่าความสามารถของตนเองไม่มากพอ ก็ฉลาดพอที่จะมิเข้าไปใกล้ ทว่าเวลานี้เองกลับรุดหน้าเดินเข้ามา
เมื่อเห็นสายตาที่เยี่ยนจ้าวเกอมองถังหย่งฮ่าว สวีเฟยก็เอ่ยทันทีว่า “ข้าและศิษย์น้องซือคงจิงเจอคนลอบจู่โจมศิษย์พี่ถัง จึงลงมือช่วยเหลือ”
ถังหย่งฮ่าวกล่าวอย่างสงบนิ่งว่า “นพยมโลก ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขต ล้วนเป็นศัตรูร่วมในโลกแปดพิภพของข้า”
เขาเองก็ไม่ใช่คนที่ดื้อรั้นหัวแข็ง มุ่งมั่นไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
ถ้าหากผู้ที่ประมือกับสวีเฟย คือยอดฝีมือมหาปรมาจารย์แห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ก็ตำหนักอัสนีสวรรค์ แม้ว่าถังหย่งฮ่าวจะไม่เคยชินนัก แต่เขาก็จะไม่เอาบรรทัดฐานของตนไปร้องขอผู้อื่น
สวีเฟยคือผู้โดดเด่นรุ่นเยาว์แห่งเขากว่างเฉิง อนาคตในภายภาคหน้ายังอีกยาวไกลนัก
ผู้อาวุโสสำนักหรือยอดฝีมือตำหนักอัสนีสวรรค์ที่ผูกมิตรต้องการจะถอนรากถอนโคนเขาเสียเนิ่นๆ ถังหย่งฮ่าวจะไม่ฟังคำสั่งล้อมจู่โจม แต่ก็จะไม่รุดหน้าขัดขวางเช่นกัน
ถึงกระนั้นหากเป็นการประสบภัยอันตราย หรือไม่ก็ศัตรูร่วมโลกแปดพิภพเช่นปีศาจอัคคี และนพยมโลกเช่นนี้ก่อความอันตรายแก่สวีเฟย เช่นนั้นถังหย่งฮ่าวก็จะลงมือช่วยเหลือโดยมิลังเลแม้สักนิด
ต่อให้ภายหลังตัวเขาเองจะต่อสู้จนพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินกับสวีเฟยอีกครั้งแบบเจ้าตายข้าอยู่ก็ตาม
เยี่ยนจ้าวเกอมองไปยังถังหย่งฮ่าว ผงกศีรษะอย่างช้าๆ “ขอบพระคุณน้ำใจศิษย์พี่ถังที่ช่วยเหลือ”
ถังหย่งฮ่าวถอนหายใจยิ้มพลางกล่าวว่า “ศิษย์น้องเยี่ยนกล่าวเกินไปแล้ว กระบี่เมื่อครู่ของศิษย์น้องเยี่ยนต่างหาก ที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง ทำให้โลกทัศน์ของข้าเปิดกว้าง”
เยี่ยนจ้าวเกอรู้ดีว่าคนผู้นี้มีแต่การต่อสู้ จนนิสัยกลายเป็นซื่ออยู่บ้างเพียงใด ด้วยเหตุนี้จึงยิ้มน้อยๆ เช่นกัน “ศิษย์พี่ถังชมเกินไปแล้ว”
เมื่อมองไปรอบๆ เยี่ยนจ้าวเกอก็เอ่ยถาม “ตัวศิษย์พี่ถังอยู่ตรงนี้ ไม่ทราบว่าเหล่าศิษย์ร่วม…”
ถังหย่งฮ่าวกล่าวตอบ “ศิษย์น้องหวงเจี๋ยดูแลพวกเขาอยู่ ในตอนที่ข้าจมดิ่งสู่ดินแดนมารแห่งนี้ ก็พลัดกับพวกเขาแล้ว บัดนี้กำลังตามหาอยู่”
เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินเช่นนั้น หรี่ตาลงเล็กน้อยชั่วครู่
ในคำพูดของถังหย่งฮ่าวเมื่อครู่ เผยข้อมูลมากมายออกมาโดยไม่ได้เจตนา…
………………..