ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – ตอนที่ 403 คนที่เคยลองล้วนบอกว่าดี

เยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิดในใจ ดวงตาเปล่งประกายไม่หยุด

จู่ๆ แววตาของเยี่ยนจ้าวเกอก็เคร่งขรึมขึ้น ‘บางทีต่อจากนี้อีกหลายปี อาจจะมีมหาราชันปีศาจอัคคีกำเนิดขึ้นก็ได้ หรือว่าจะเป็นอย่างอื่น…’

ชายหนุ่มส่ายหน้าเพื่อความคิด ก่อนจะตามหยวนเจิ้งเฟิงและฟู่เอินซูขึ้นเขาไป

ทุกคนกลับมาอย่างปลอดภัย ทางด้านสำนักสบายใจขึ้นมาก

ข่าวการเปลี่ยนแปลงของชั้นใต้ดินที่ทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออกถูกส่งกลับมา เยี่ยนตี๋ที่คอยคุ้มครองสำนักเตรียมจะออกจากเขาเพื่อไปทะเลตะวันออกแล้ว

“ครั้งนี้พวกเรารับมือปีศาจอัคคีไม่ทัน” หยวนเจิ้งเฟิงกล่าวพลางถอนใจ “ต่อจากนี้เวลาสู้กับปีศาจอัคคี คงต้องระมัดระวังมากขึ้น”

เยี่ยนตี๋เอ่ย “เมืองทะเลมรกตให้กำเนิดอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ต่อจากนี้ขอแค่พวกเขาฟื้นกำลังกลับมาได้ พลังของทะเลตะวันออกจะเพิ่มขึ้น และจะรับมือกับการรุกรานของปีศาจอัคคีได้ดีมากยิ่งขึ้น”

หยวนเจิ้งเฟิงพูด “ถูกต้อง แต่ต่อจากนี้เราจะต้องระวังไม่ให้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เล่นงานเมืองทะเลมรกต สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ตอนนี้เป็นศัตรูกับเรา ส่วนเมืองทะเลมรกตเป็นสหายของเรา หากสามารถฉวยโอกาสนี้ได้ ตาเฒ่าหวงย่อมไม่ยอมปล่อยไปแน่”

เยี่ยนจ้าวเกอไตร่ตรอง “ปีศาจอัคคีแสดงพลังอันน่ากลัวในการรุกรานครั้งนี้”

“ถึงแม้ครั้งนี้มันจะถอยกลับ อีกทั้งราชันปีศาจอัคคียังถูกฆ่าไปสองตัว แต่ก็พวกมันยังคงมีพลังแข็งแกร่ง เพื่อไม่ให้พวกมันจู่โจมเราอีกครั้ง เมื่อเมืองทะเลมรกตฟื้นกำลังกลับมาได้แล้ว ความสนใจทั้งหมดจะอยู่บนทะเล ไม่ค่อยส่งผลต่อการต่อสู้ระหว่างพวกเรากับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์เท่าไรนัก”

ฟู่เอินซูได้ยินดังนั้นก็แค่นหัวเราะเสียงหนึ่ง “เพราะปีศาจอัคคี สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์จึงได้โอกาสอีกครั้ง”

สายตาของฟางจุ่นมองเยี่ยนจ้าวเกอ “จ้าวเกอเจออะไรในเจดีย์สีแดงองค์นั้นบ้าง”

ชายหนุ่มพลันตอบ “ตอนนี้ยังมองเบื้องหลังที่เป็นรูปธรรมไม่ออกขอรับ”

หยวนเจิ้งเฟิงพยักหน้า ระหว่างทางกลับ เยี่ยนจ้าวเกอนำเจดีย์สีแดงมอบให้เขากับฟู่เอินซูศึกษา แต่ไม่ค่อยได้เรื่องได้ราวนัก

ฟางจุ่นเอ่ยถาม “อืม ความหมายของข้าก็คือ เป็นไปได้หรือไม่ว่าปีศาจอัคคีจะสร้างเจดีย์อีกองค์”

เยี่ยนจ้าวเกอรินสุรา พลางกล่าวว่า “ความเป็นไปได้ไม่มาก เพราะว่าของสิ่งนี้ไม่น่าใช่ของที่ปีศาจอัคคีสร้างขึ้นมาเอง แต่ได้มาจากภายนอก ส่วนผู้ใดเป็นคนให้ หรือได้มาโดยบังเอิญ ข้ายังยืนยันไม่ได้ขอรับ”

ฟางจุ่นได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้าช้าๆ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ถือว่าสถานการณ์ยังดีอยู่

“ความจริง สงครามในครั้งนี้อันตรายมาก ด้านหนึ่งปีศาจอัคคีโจมตีอย่างรุนแรงเหนือความคาดหมาย อีกด้านหนึ่งเพราะมิได้คาดคิดว่าพวกมันจะสั่นสะเทือนชั้นใต้ดินของมหาอำนาจแปดพิภพ ใช้เพลิงผลาญทะเลได้ ทำให้พวกมันพลิกจากผู้มาเยือนเป็นเจ้าบ้าน”

เขากล่าวต่ออีก “ที่ปีศาจอัคคีหลบหูตาของพวกเรา แอบเคลื่อนที่มาที่ทะเลชั้นในของทะเลตะวันออกได้ คล้ายกับมีความเกี่ยวข้องกับสิ่งนี้”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าจริงจัง “อย่างน้อยก็มีความเป็นไปได้ถึงแปดส่วน ที่พวกมันพึ่งเจดีย์สีแดงองค์นี้”

หยวนเจิ้งเฟิงกล่าว “สิ่งนี้เหมือนจะสร้างขึ้นมานานแล้ว แฝงไฟวิญญาณแต่กำเนิด ไม่ปรากฏพลังไฟ ซ่อนพลังได้ ขณะเดียวกันก็เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของชั้นใต้ดินในมหาอำนาจแปดพิภพด้วย”

“ตามการเดาของข้า วัตถุดิบที่ใช้สร้างของสิ่งนี้ น่าจะเป็นของล้ำค่า ซึ่งเป็นไฟวิญญาณแต่กำเนิดชิ้นหนึ่งในชั้นใต้ดินของมหาอำนาจแปดพิภพ”

“แต่ว่ามีเบื้องหลังเช่นไร สร้างขึ้นมาได้อย่างไร มาจากผู้ใด ตอนนี้ยังยังไม่ทราบ”

ผู้อาวุโสเหอ ผู้อาวุโสสูงสุดเอ่ยปากขึ้น “เกี่ยวข้องกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ ข้าหมายถึง…”

นางเว้นครู่หนึ่ง ค่อยกล่าวต่อ “จางเชา จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์อาทิตย์ม่วงแท้จริงเป็นหรือตาย หายไปอยู่ที่ใด จนถึงตอนนี้ยังไม่ชัดเจน”

เยี่ยนจ้าวเกอ หยวนเจิ้งเฟิง และฟู่เอินซูต่างก็ส่ายหน้าพร้อมกัน

หยวนเจิ้งเฟิงกล่าว “สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์สืบทอดวรยุทธ์แบบใด พวกเราต่างรู้ดี ไม่จำเป็นต้องเอ่ยถึงคนรุ่นหลังของพวกเขา ในปีนั้นพวกเราเคยเห็นธาตุแท้ของจางเชามา ศิษย์น้องเหอ อีกเดี๋ยวเจ้าได้เห็นเจดีย์สีแดงองค์ด้วยตนเอง ก็คงจะรู้”

“ถึงแม้ระดับพลังของเจดีย์สีแดงองค์นี้ว่าจะอยู่ในทางเพลิง แต่ก็แตกต่างกับสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และจางเชาโดยสิ้นเชิง ข้าลองถามตัวเองถึงจุดนี้ดูแล้ว แต่เหมือนตัวเองเป็นชายชราตาฟ้าฟาง”

“นอกเสียจากว่า จางเชาตั้งเตาไฟใหม่ สร้างวรยุทธ์อีกรูปแบบหนึ่ง นั่นก็เป็นอีกเรื่อง”

หยวนเจิ้งเฟิงมองเยี่ยนจ้าวเกอ อีกฝ่ายพลันพยักหน้า ก่อนจะออกไปด้านนอกตำหนัก เพื่อเปิดถุงย่อส่วนและปลดผนึกเสาระเบียงวังเทพ

บัดนั้นปรากฏเงามังกรวนเวียน เจดีย์สีแดงลอยออกมาในทันใด จากนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้น

ถึงแม้เมื่อเทียบกับเจดีย์สูงแล้วจะมีขนาดเล็กกว่า แต่ก็ถือว่าใหญ่โตมากเมื่อตั้งตระหง่านอยู่เหนือยอดเขาเฉียนเทียน

พลังด้านในถูกเก็บไว้เป็นอย่างดี หากแค่มองอยู่ด้านข้าง คงจะไม่ทราบถึงความน่าอัศจรรย์ที่อยู่ด้านใน

ลวดลายมังกรน้ำแข็งสีน้ำเงินที่วนเวียนอยู่บนเจดีย์สีแดงนั้น ช่างโดดเด่นยิ่งนัก

เยี่ยนตี๋กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้าจำได้ว่าเจ้าเคยบอก ว่าเจ้าเก็บสิ่งของมีค่าส่วนใหญ่ที่จอทยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็งทิ้งไว้หมดแล้ว”

ทุกคนหัวเราะขึ้น เยี่ยนจ้าวเกอก็หัวเราะเช่นกัน “ต้องบอกว่าโชคดีจริงๆ ที่ได้ซากมังกรน้ำแข็งสมบูรณ์จากที่อยู่ของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธ์มังกรน้ำแข็ง ไม่เช่นนั้นหากคิดจะทำลายความได้เปรียบจากสภาพแวดล้อมที่พวกเขาใช้ ก็มีความหวังอยู่ไม่มาจริงๆ”

หยวนเจิ้งเฟิงเอ่ยต่อว่า “จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็ง เป็นผู้สูงส่งของมหาอำนาจแปดพิภพ ครั้งนี้นับว่าพวกเรานับว่าได้รับการช่วยเหลือจากคนรุ่นก่อน เพื่อประคับประคองทั้งแปดพิภพเอาไว้”

เยี่ยนจ้าวเกอครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “ตอนแรกข้าคิดจะเอาซากมังกรกลับสำนัก ทั้งตัวของมันเป็นของล้ำค่า หากใช้ประโยชน์จากมันได้ทั้งหมด ย่อมมีส่วนช่วยต่อการเพิ่มพลังโดยรวมของสำนักอย่างใหญ่หลวง”

ผู้เป็นบิดาใช้นิ้วสะกิด “อย่าโลภนักเลย อย่างไรก็สิ้นเปลืองไม่มาก เจ้าจำเป็นต้องฝึกฝนให้จริงจังกว่าเดิม”

“ลมปราณส่วนหนึ่งอยู่ในร่างเจ้าแล้ว คิดดูดซึมให้หมดมิใช่เรื่องง่าย แต่ว่าต่อจากนี้ ก่อนจะถึงระดับบรรลุธรรม เกรงว่าไม่จำเป็นต้องกังวลปัญหาด้านปราณวิญญาณและการสั่งสมอีก”

ชายหนุ่มได้ยินดังนั้น ก็พลันหัวเราะขึ้น

พวกหยวนเจิ้งเฟิงก็หัวเราะเช่นกัน ซากมังกรน้ำแข็งเป็นสิ่งที่เยี่ยนจ้าวเกอได้มา เขาจึงมีสิทธิ์ใช้เป็นคนแรก

เพียงแต่ว่า พลังฝึกปรือในตอนนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอ หากกอบโกยไว้เอง แม้ไม่อยากใช้คุณค่าของซากมังกรน้ำแข็งอย่างสิ้นเปลือง ถือเป็นเรื่องยากยิ่ง

เยี่ยนจ้าวเกอสงบสติอารมณ์ ปฏิเสธความยั่วยวนในการฮุบไว้คนเดียว มอบซากมังกรน้ำแข็งให้สำนัก พวกหยวนเจิ้งเฟิงต่างชมเชย

ตอนนี้เนื่องจากเป็นสถานการณ์พิเศษ จึงมอบตำแหน่งสูงให้ไม่ได้ พวกเขาเองก็ไม่ถือสา

ต่อให้ได้ตำแหน่งสูงขึ้น สิ่งดีๆ ส่วนใหญ่ก็ยังตกเป็นของเยี่ยนจ้าวเกออยู่ดี

เหล็กดีมีไว้สร้างคมมีด ไม่ว่าจะเป็นเขากว่างเฉิงหรือดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งอื่น ล้วนรวบรวมทรัพยากรที่ยอดเยี่ยมที่สุดให้กับคนที่สุดยอดที่สุด และมีศักยภาพยอดเยี่ยมที่สุด

โอกาสที่มีมอบให้ทุกคนล้วนเท่าเทียม แต่ว่าขอรางวัลมิได้ต้องปันผลให้เท่ากันตลอดกาล

เยี่ยนจ้าวเกอพิสูจน์ตัวเองมานานแล้ว

ชายหนุ่มตบด้านข้างของเจดีย์สีแดง แล้วกล่าวกับเยี่ยนตี๋ว่า “ถึงแม้ว่าเบื้องหลังจะไม่ชัดเจน แต่ว่าระดับพลังของมันค่อนข้างพิเศษ หากจอมยุทธ์อย่างพวกเราศึกษาทำความเข้าใจอย่างละเอียด จะได้รับประโยชน์มหาศาล ท่านกับพวกผู้อาวุโสลองดูได้เต็มที่”

เขาพูดกับหยวนเจิ้งเฟิงและฟู่เอินซูด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์กับอาจารย์ป้าเคยลองแล้ว ล้วนบอกว่าดีทุกคน”

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset