บรรลุธรรมระดับศักดิ์สิทธิ์
แค่เพียงประโยคนี้ประโยคเดียว กลับคล้ายการข้ามแนวร่องน้ำตามธรรมชาติแล้ว
แม้ว่าจะเป็นก่อนมหาภัยพิบัติ การเลื่อนจากขั้นบรรลุธรรมสู่ระดับศักดิ์สิทธิ์มิใช่เรื่องง่าย
หลังมหาภัยพิบัติ จอมยุทธ์ระดับศักดิสิทธิ์บนโลกแปดพิภพในยุคปัจจุบันมีแค่หกคนเท่านั้น
เยี่ยนตี๋ ถูกคนเรียกว่าเยี่ยนไร้เทียมทาน ตั้งแต่ฝึกฝนสำเร็จ ก็ไม่เคยพ่ายแพ้ในการต่อสู้กับจอมยุทธ์ระดับเดียวกัน เป็นฝ่ายบดขยี้ผู้อื่นมาโดยตลอด
แม้จะเป็นคู่ต่อสู้ที่มีระดับสูงกว่าเขา ก็ถูกเขามองข้ามเช่นกัน
การเลื่อนสู่ขั้นบรรลุธรรมประมาณสองปีก่อนหน้านี้ ก็ไร้ศัตรูในหมู่มหาปรมาจารย์ด้วยกันแล้ว ต่อให้ร่วมมือกันก็ไม่มีประโยชน์
ในสายตาของคนทั่วไป คู่ต่อสู้ของเยี่ยนตี๋ที่เป็นมหาปรมาจารย์บรรลุธรรม หาได้แค่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น
ไม่มีใครสงสัยว่าเยี่ยนตี๋จะเลื่อนเป็นระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ ยิ่งไม่มีใครสงสัยว่า เขาจะเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่อายุน้อยที่สุดตั้งแต่เคยมีการบันทึกในโลกแปดพิภพหลังจากมหาภัยพิบัติ
กระนั้นถึงแม้จะเป็นคนที่เทิดทูนเขาที่สุด ก็ไม่นึกเลยว่า เยี่ยนตี๋จะข้ามผ่านร่องน้ำธรรมชาติที่คนจำนวนนับไม่ถ้วนข้ามไม่ได้ตลอดชีวิต เลื่อนจากขั้นบรรลุธรรมสู่ระดับศักดิ์สิทธิ์ ในเวลาแค่สองปีเท่านั้น!
ผู้อาวุโสม่อ หวงกวางเลี่ย ซ่งอู๋เลี่ยง อันชิงหลิน และคนอื่นๆ เกิดความรู้สึกสึกสงสัยว่าตัวเองมองผิดไปหรือไม่
“โฮก!”
เสียงคำรามสั่นสะเทือนฟ้าดินสั่นไหวท้องฟ้า เปลวไฟมากมายรวมตัวกัน
มหาราชันปีศาจพุ่งกรงเล็บทั้งสองข้างออก กลางอากาศพลันมีแสงไฟตัดสลับกัน เปลวไฟลุกไหม้คล้ายกับเผาทะลุมิติ กลายเป็นร่องแยกอันน่ากลัว
ภายใต้การครอบคลุมของเปลวไฟ ฟ้าดินคล้ายกับกำลังจะพังทลาย
จอมยุทธ์เผ่ามนุษย์ทุกคนรู้สึกหวาดหวั่น พากันได้สติกลับมา
อีกฝ่ายใช้การเคลื่อนไหวเพื่อทำลายความงุนงงของพวกเขา
สำหรับมหาราชันปีศาจอัคคี เยี่ยนตี๋เป็นคนที่ส่งผลคุกคามมากที่สุดในหมู่จอมยุทธ์ที่อยู่รอบๆ!
เยี่ยนตี๋เผชิญหน้าเปลวไฟอันบ้าคลั่งแยกฟ้าดินโดยไม่กลัวเกรงแม้แต่น้อย
ในมือของเขาชูดาบยาวส่องแสงสีม่วงระยิบระยับขึ้น จากนั้นก็ฟันลงเบื้องล่าง ท้องฟ้าเหนือศีรษะพลันล้มคว่ำ
เจตจำนงดาบอันยิ่งใหญ่ไร้สิ้นสุดและไร้เทียมทาน ปะทะกับเปลวไฟอันรุนแรง ต่างฝ่ายต่างแตกสลายอย่างต่อเนื่อง!
ปราณดาบและเปลวไฟที่พังทลายกลางอากาศกลายเป็นพายุหมุนลูกแล้วลูกเล่า ม้วนพัดเปลวไฟ ให้กลายเป็นพายุไฟอันน่าสะพรึงกลัวจำนวนนับไม่ถ้วนกลางท้องฟ้า
มหาราชันปีศาจอัคคีเหยียบใส่อากาศ ก้มศีรษะลง ใช้เขาวัวสองข้างบนศีรษะพุ่งเข้ามาหาเยี่ยนตี๋!
การพุ่งเข้าชนครั้งนี้ อากาศคล้ายกับระเบิด พายุอัคคีมากมายที่กำลังหมุนวนพลันแตกสลายหมดสิ้น
เยี่ยนตี๋ยังไม่ทันจะชักดาบสวรรค์มังกรทะยานในมือขวากลับมา แต่เขายังคงมีสีหน้าปกติ ตั้งฝ่ามือซ้ายขึ้นประดุจดาบ จากนั้นก็ฟันใส่มหาราชันปีศาจอัคคีตัวนั้น!
ดาบนี้เมื่อฟันออกแล้ว กลับไม่เหมือนดาบนภาไร้ขีดจำกัดที่เขาใช้มาโดยตลอด
เพราะเจตจำนงดาบยิ่งใหญ่จนยากจะบรรยาย
อีกทั้งยังมีรากฐานมาจากวิชาเอกพิสุทธิ์และดาบนภาไร้ขีดจำกัด ซึ่งเป็นวิชาสายตรงของเขากว่างเฉิง
แต่ว่าไม่ได้ทรงพลังและยิ่งใหญ่เหมือนดาบนภาไร้ขีดกำจัดอีกแล้ว
ความรู้สึกที่สัมผัสได้โดยตรงจากดาบนี้มีเพียงอย่างเดียว
แข็งกร้าว!
นอกจากความแข็งกร้าว ก็คือความแข็งกร้าว!
สยบใต้หล้าอย่างไร้ความกริ่งเกรง!
จิตวรยุทธ์ของตัวเยี่ยนตี๋รวมกับสิ่งที่ได้เรียนมาตลอดชีวิต ในพริบตาที่เขาเข้าสู่ระดับศักดิ์สิทธิ์ เขาก็บรรลุทุกสิ่ง เกิดเป็นกระบวนท่าสยบใต้หล้าที่สร้างขึ้นมาเอง
ดาบคลั่งทำลายฟ้า!
ในตอนนี้โลกให้กำเนิดท่าดาบที่ไม่เคยมีมาก่อน และปรากฏต่อหน้าผู้คนเป็นครั้งแรกในวันนี้!
มันเป็นท่ากระบี่อันแข็งกร้าวที่เข้ากับเยี่ยนตี๋มากที่สุด อีกทั้งยังแสดงพลังของเขาได้อย่างหมดจด โดยเชื่อมกับกฎเกณฑ์แห่งฟ้าดิน!
เยี่ยนตี๋ใช้ฝ่ามือแทนดาบ ฟันใส่เขาของมหาราชันปีศาจอัคคี
ร่างของทั้งสองฝ่ายสั่นไหวพร้อมกัน!
มหาราชันปีศาจอัคคีส่งเสียงกู่ร้องดังสนั่น ร่างพุ่งออกไปด้านหลัง
เขาข้างหนึ่งบนศีรษะถึงกับถูกเยี่ยนตี๋ฟันหัก!
เยี่ยนตี๋ตวาดเสียงต่ำคำหนึ่ง ร่างถูกกระแทกถอยไปด้านหลัง แต่ก็ตั้งตัวได้อย่างรวดเร็ว
เขายกดาบสวรรค์มังกรทะยานในมือขวาขึ้นมา จากนั้นก็ฟันออกไปอีกครั้ง!
ดาบคลั่งทำลายสวรรค์ที่แข็งกร้าวและรุนแรงเหลือประมาณ เมื่อถูกใช้โดยเยี่ยนตี๋ที่เลื่อนเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สำเร็จแล้ว คมของดาบสวรรค์มังกรทะยานซึ่งเป็นอาวุธที่โดดเด่นท่ามกลางอาวุธวิญญาณชั้นสูงถึงกับสั่นไหวไม่หยุด คล้ายกับไม่อาจทนต่อเจตจำนงดาบของเยี่ยนตี๋ได้!
มหาราชันปีศาจส่งเสียงร้องอย่างโกรธแค้นติดต่อกัน พุ่งเข้ามาอีกครั้ง ลายเปลวไฟทั่วทั้งร่างสว่างเจิดจ้า
เปลวไฟไร้ขอบเขตที่อยู่บนฟากฟ้าพลันร่วงลงมามากมาย
แต่ว่าพลังของมหาราชันปีศาจอัคคีตัวนั้นกลับเพิ่มขึ้น จากนั้นก็หดตัวลงอย่างอย่างฉับพลัน สุดท้ายก็ระเบิดอย่างสะเทือนเลือนลั่น!
ฟ้าดินพลันถูกแสงนับไม่ถ้วนครอบคลุมเอาไว้ ในชั่วพริบตานั้น แม้แต่ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เผ่ามนุษย์และราชันปีศาจอัคคีทั้งหมดต่างมองภาพไม่ชัดเจน
หลังจากแสงหายไป คลื่นไฟไร้ขอบเขตกับปราณดาบก็ขยายออกไปรอบๆ แทบทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในท้องฟ้าบริเวณใกล้เคียงจนหมด แผ่ขยายออกด้านนอกและทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างในลักษณะวงแหวนที่ขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทะเลตะวันออกทั้งหมดล้วนถูกกวาดล้าง กระแสลมอันบ้าคลั่งกวาดไปทั่วแผ่นดินและวารีพิภพ พื้นที่ติดทะเลที่กำลังเจอกับพายุฝน จู่ๆ พายุฝนก็หายไปหมดสิ้น
เยี่ยนตี๋ยืนตระหง่านอยู่กลางท้องฟ้าเหนือเมืองทะเลมรกตบนเกาะมังกรตะวันออก โดยที่ถือดาบไว้ในมือ
ดวงตาของมหาราชันปีศาจอัคคีตัวนั้นเต็มไปด้วยริ้วเลือด จ้องมองเยี่ยนตี๋เขม็ง ศีรษะเหลือเขาเพียงข้างเดียว บริเวณที่เขาหักไปมีสะเก็ดไฟพวยพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง
มันใช้กรงเล็บข้างหนึ่งอุดเขาที่หักไว้ สายตาที่มองเยี่ยนตี๋ปรากฏจิตสังหารอันแน่วแน่
เยี่ยนตี๋ยกดาบขวางด้านหน้า มองดูประกายดาบที่รีบหรี่ลงเล็กน้อย และดาบยาวที่ส่งเสียงโหยหวนอย่างเลือนราง
สีหน้าของเขาไม่ปรากฏความเศร้า เพียงกระซิบเสียงเบา “สหายเก่า ลำบากเจ้าแล้ว”
ครั้งนี้ยอดฝีมือเผ่ามนุษย์กับพวกราชันปีศาจอัคคีที่อยู่ด้านล่างหยุดการเคลื่อนไหวของตัวเอง ตั้งใจดูการต่อสู้สั่นสะเทือนฟ้าดินนั้นอย่างอดไม่ได้
ผู้อาวุโสม่อเหมือนรำพึงเหมือนพึมพำ “มีพลังระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่หนึ่งเหมือนกันเป็นแน่ แต่เขาเหนือกว่าผู้สะเทือนสวรรค์จ่านอีก ในด้านวรยุทธ์ เขาเองก็กระโดดออกจากกรอบที่อีกฝ่ายวางไว้เช่นกัน”
“คนแต่ละคนฝึกฝนวรยุทธ์เดียวกัน ย่อมแบ่งเป็นสูงต่ำ ดาบนภาไร้ขีดจำกัดของเยี่ยนตี๋ เหนือกว่าดาบนภาไร้ขีดจำกัดที่หยวนเจิ้งเฟิงใช้แล้ว”
“กระนั้นดาบนภาไร้ขีดจำกัด สุดท้ายก็เป็นท่าดาบของผู้สะเทือนสวรรค์จ่าน แต่สองดาบเมื่อครู่นี้กลับเป็นของตัวเยี่ยนตี๋เอง”
“ความสูงต่ำระหว่างท่าดาบและท่าดาบด้วยกันยังไม่ต้องพูดถึง สองดาบในภายหลังของเยี่ยนตี๋กลับเหนือกว่าดาบนภาไร้จำกัดที่เขาใช้แน่นอน!”
อันชิงหลินถอนใจ “นอกจากฝ่ามือนภากว่างเฉิง ดาบนภาไร้ขีดจำกัด และกระบี่นภาไร้ขอบเขต เขากว่างเฉิงได้ให้กำเนิดกระบวนท่าสยบใต้ล่าท่าที่สี่แล้ว”
ซ่งอู๋เลี่ยงเงียบงัน จากนั้นก็ถอนใจ “ท่าดาบที่เขาใช้เมื่อครู่ หากพูดแค่เรื่องความรุนแรงและความแข็งกร้าว พูดได้เลยว่าเป็นอันดับหนึ่งตั้งแต่แปดพิภพเคยมีมาหลังจากมหาภัยพิบัติ”
“แต่ว่าเยี่ยนตี๋เพิ่งจะเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ เกรงว่าจะยังเอาชนะมหาราชันปีศาจอัคคีไม่ได้”
สีหน้าของซ่งอู๋เลี่ยงปรากฏความกังวลเล็กน้อย “ท่าดาบของมันรุนแรงเกินไป มหาราชันปีศาจอัคคีตัวนั้นเพิ่งมาก็ได้รับบาดเจ็บแล้ว แต่ถ้าหากต่อสู้กันเป็นระยะเวลานาน เกรงว่าสถานการณ์จะไม่เป็นผลดีต่อเยี่ยนตี๋”
ผู้อาวุโสม่อพลันยิ้มขึ้นเล็กน้อย “ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร อาศัยแค่สองดาบนี้ เขาก็กลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลกแปดพิภพในปัจจุบันแล้ว”
เมื่อเขาพูดจบ จอมยุทธ์เผ่ามนุษย์ทุกคนที่อยู่รอบๆ ล้วนเงียบกริบ
หวงกวงเลี่ยไม่พูดอะไรตั้งแต่ต้นจนจบ สายตาจับอยู่ที่เยี่ยนตี๋ซึ่งอยู่กลางอากาศโดยไม่กะพริบแม้แต่น้อย
เยี่ยนตี๋ยืดกายขึ้น หันคมดาบชี้ไปที่มหาราชันปีศาจอัคคีเบื้องหน้า เอ่ยถามด้วยสีหน้าใจเย็น “ทุกท่านคงมีแรงเหลือสู้อยู่กระมัง?”
ซ่งอู๋เลี่ยงส่ายหน้า “ไม่มีก็ต้องมี”
หลังจากชะงักอยู่ช่วงสั้นๆ พวกราชันปีศาจอัคคีจิ่งจงก็ได้สติ เริ่มอาละวาด ใช้ไฟโหมทำลายทุกสิ่งอีกครั้ง
เยี่ยนตี๋กล่าวอย่างราบเรียบ “เช่นนั้นก็สู้เถอะ”