ค่ายกลไท่อี่ถล่มทลายทำงานถึงขีดสุด โลกแสงสีขาวครอบคลุมรอบบริเวณ
พวกอันชิงหลินที่อยู่ด้านนอกค่ายกลถูกแสงสีขาวบดบังทัศนวิสัย มองไม่เห็นเหตุการณ์ด้านในค่ายกล
ทุกคนเห็นแต่เพียงว่าแสงสีขาวซัดสาด เขตแดนของฟ้าดินรอบๆ ม้วนตัว ท้องฟ้าอยู่ในลักษณะบิดเบี้ยว
แรงอันมหาศาลของมิติที่ไหลกลับด้านขยายออกไปรอบๆ อย่างต่อเนื่อง ทุกคนที่อยู่ด้านนอกได้แต่ถอยออกไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ถูกม้วนเข้าไปในที่ว่างที่ยิ่งมายิ่งบิดเบี้ยว
ค่ายกลไท่อี่ถล่มทลายกำลังสร้างพลังผนึกอันยิ่งใหญ่ สะกดพวกราชันปีศาจอัคคีและประตูทางเชื่อมเขตแดนที่เชื่อมไปยังโลกปีศาจอัคคีพร้อมกัน
มิติของดินแดนแห่งนี้กำลังบิดเบี้ยวและเปลี่ยนรูปร่างอย่างต่อเนื่อง ค่อยๆ กลายเป็นกรงขังไร้รูปร่าง กั้นระหว่างโลกด้านในและด้านนอก
ทุกคนมองสถานการณ์ในค่ายกลไม่ออก แต่เห็นลำแสงอันลี้ลับสายหนึ่งพลันเจาะทะลุโลกแสงสีขาว เชื่อมต่อกับฟากฟ้า เบิกท้องนภา
พอท้องฟ้าเปิดออก ด้านในก็คล้ายมีเหตุการรณ์มากมายเกิดขึ้น แต่เสียดายที่ถูกโลกแสงสีขาวด้านล่างบังไว้ ทำให้คนที่อยู่ด้านนอกค่ายกลไท่อี่ถล่มทลายมองไม่เห็น
ในขณะที่ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ แสงสายนั้นก็ค่อยๆ ขาดออก ท้องฟ้าที่เปิดเป็นรูเริ่มสมานกันอีกรอบ
คนอื่นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลำแสงนั้น แต่เจ้าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์หวงซวี่กลับทราบดี
ในตอนนี้ลำแสงปรากฏออกมาได้ไม่นานก็เริ่มสลาย หวงซวี่เห็นดังนั้นแล้วอดขมวดคิ้วไม่ได้
เขาในตอนนี้รู้สึกโชคดีที่ได้เตรียมตะเกียงวิเศษไว้อีกใบ
หวงซวี่พลิกฝ่ามือ ไฟตะเกียงสีทองปรากฏขึ้น จากนั้นก็ลอยข้ามแสงสีขาวอันยิ่งใหญ่ เข้าไปในค่ายกลไท่อี่ถล่มทลาย
จอมยุทธ์จากสำนักอื่นเห็นดังนั้นต่างวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นาๆ ในใจมีการคาดเดามากมาย วินาทีถัดมาก็เห็นมีลำแสงพุ่งขึ้นท้องฟ้าเข้าไปในหมู่เมฆอีกครั้ง
เพียงแต่ไม่รอให้หวงซวี่ถอนใจโล่งอก ลำแสงสายนั้นก็กำลังจะสลายไปอีกรอบ
ด้านในค่ายกลไท่อี่ถล่มทลายเหมือนมีหลุมดำคอยกลืนกินไฟตะเกียงสีทอง และแสงของลำแสงวิญญาณอยู่ด้วย
ดวงตาของหวงซวี่เคร่งขรึม จ้องมองโลกแสงสีขาวเขม็ง
โลกแสงสีขาวพุ่งลง จมลงไปในทะเลเพลิงสีแดงฉานเบื้องล่าง ในตอนนี้การปะทะกันระหว่างทั้งสองฝ่ายอยู่ในจุดสูงสุด ทำให้มิติรอบๆ บิดเบี้ยวหลายครั้ง
ท้องฟ้าเหนือน่านน้ำทั้งหมดต่างก็ทับซ้อนกันและคลี่ออกกลับไปกลับมา
ไม่เพียงแต่โลกแปดพิภพเท่า แม้แต่มิติของโลกปีศาจอัคคีที่อยู่อีกด้านของทางเชื่อมเขตแดนก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เปลวไฟสีแดงฉานเดี๋ยวปรากฏเดี๋ยวหายไป
บนทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออก คลื่นยักษ์ไร้รูปร่างที่มีโลกแสงสีขาวกับประตูทางเชื่อมเขตแดนเป็นศูนย์กลาง กำลังม้วนพัดไปรอบๆ อย่างบ้าคลั่ง
คลื่นยักษ์ทำลายล้างนั้นทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งหมดรอบๆ อย่างน่าพรั่นพรึงถึงขีดสุด คนที่มีพลังฝึกปรือไม่ถึงระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ต่างป้องกันไม่ได้
เมิ่งหวานที่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์คอยปกป้อง รวมถึงผู้อาวุโสจากเขาไร้พรมแดน และอันชิงหลินที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ถึงแม้ว่าจะไม่ถึงขนาดถูกฆ่า แต่ไม่คิดป้องปะทะ พากันถอยหลัง
เพียงแต่พวกจอมยุทธ์ที่อยู่รอบๆ ซึ่งกำลังดูเหตุการณ์ที่เหมือนกับการล่มสลายของโลก ระหว่างที่ตกตะลึง ต่างก็รู้สึกฮึกเหิมด้วย
เนื่องจากทุกอย่างเป็นไปตามแผน ปีศาจอัคคีถูกสะกด ไม่อาจส่งผลคุกคามต่อโลกแปดพิภพได้อีกนาน
มีเพียงแต่พวกหวงซี่เท่านั้นที่มองลำแสงซึ่งหายไปเป็นครั้งที่สองอย่างขื่นขมและอับจน เรื่องราวไม่เป็นไปตามที่คาดหวังโดยสิ้นเชิง
ในค่ายกลเทพไท่ถอี้ถล่มทลายในตอนนี้ อารมณ์ของหวงกวงเลี่ยก็ไม่ได้ดีนักเช่นกัน
แสงสีขาวเคลื่อนขึ้นลงตามร่างกายของเขา เริ่มแผ่จากเท้าทั้งสองข้างขึ้นข้างบน ประกายแสงยิ่งมายิ่งหนาแน่น ทำให้สองขาของเขาเหมือนรูปปั้นแสงสีขาว
สถานการณ์มุ่งสู่จุดจบอย่างต่อเนื่อง
ผนึกของค่ายกลไท่อี่ถล่มทลายกำลังจะถูกสร้างอย่างเป็นทางการ
เยี่ยนตี๋ ผู้อาวุโสม่อ และซ่งอู๋เลี่ยงอยู่ในลักษณะเดียวกัน
เยี่ยนจ้าวเกอใช้เตากลืนดินกลืนกินลำแสงที่เกิดจากแสงตะเกียงสีทอง ในตอนนี้เมื่ออยู่ในค่ายกลไท่อี่ถล่มทลาย ก็รับรู้ได้ว่าโลกแสงสีทองกำลังมุ่งสู่การพังทลายเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว
ในวินาทีที่ค่ายกลพังทลายเป็นครั้งสุดท้าย และกำลังกลายเป็นผนึก พลังทำลายล้างที่เกิดขึ้นยังรุนแรงกว่าการบิดเบี้ยวของมิติในโลกภายนอกนัก
หวงกวงเลี่ยเงยหน้ามองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เจ้าทำลายพิธีกรรมของข้า จึงหนีออกจากค่ายกลไท่อี่ถล่มทลายไม่ทัน”
“รอจนค่ายกลพังทลายโดยสิ้นเชิง ต่อให้เจ้าเก่งกล้าขนาดไหน แต่ถ้าไม่ใช่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์คอยปกป้อง สุดท้ายก็หนีความตายไม่พ้น!”
“เจ้าคิดจะหนี ข้าก็มีโอกาสเป็นอิสระ ไม่เช่นนั้น ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะตายอย่างไร”
“ถ้าเจ้าไม่ไป เช่นนั้นก็ทิ้งชีวิตไว้เถอะ ข้าอย่างมากก็แค่ครั้งนี้โชคร้าย ได้แต่แค่เฝ้าผนึกนี้ไว้เท่านั้น”
สายตาของเขากวาดมองเยี่ยนตี๋อย่างราบเรียบ “ครั้งนี้บิดาเจ้าก็คุ้มครองไม่ได้”
เยี่ยนจ้าวเกอยื่นเตากลืนดินที่เหมือนกับเตาเครื่องหอมในมือไปในลำแสงวิญญาณ เพื่อให้เตากลืนกินมัน
เขาก้มหน้าลงมองหวงกวงเลี่ย ก่อนจะเอ่ยอย่างราบเรียบ “ท่านทำผนึกให้สำเร็จอยู่ที่นี่อย่าว่าง่ายเถอะ อย่าเปลืองสมองคิดถึงเรื่องความเป็นได้เหล่านั้นเลย สำหรับข้าจะเป็นอย่างไรไม่ต้องให้ท่านมายุ่งหรอก”
ขณะพูด ในมืออีกข้างหนึ่งของเยี่ยนจ้าวเกอก็พลันปรากฏกระจกบานหนึ่ง
เยี่ยนตี๋เห็นดังนั้นพลันยิ้มขึ้นเล็กน้อย รู้ว่านั่นคือกระจกยังสูงส่ง
ชายหนุ่มเติมญาณจริงแท้ของตนเองเข้าไปในกระจกวิเศษ บนผิวกระจกปรากฏลายแสงหลายสาย ประกอบกันกลายเป็นค่ายกลวิญญาณที่มีขนาดเล็กและประณีต
แสงของกระจกสาดขึ้น ด้านหน้าเยี่ยนจ้าวเกอคล้ายปรากฏเส้นทางสายหนึ่ง
เส้นทางสายนี้ยืดไปยังที่ไกล วกไปวนมาในท้องฟ้าที่กำลังบิดเบี้ยว เชื่อมไปยังสถานอันเป็นปริศนา
หวงกวงเลี่ยมองอย่างละเอียด เห็นแสงกระจกคล้ายเปิดประตูมิติบานหนึ่ง
“เจ้า…” หวงกวงเลี่ยจ้องมองเยี่ยนจ้าเกอเขม็ง
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างเรียบเฉย “ข้าอะไร? หวงกวงเลี่ย ขอบอกท่านชัดๆ เรื่องในวันนี้พวกเรายังไม่จบกัน สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ของท่านชอบก่อเรื่อง ไว้ว่างๆ แล้ว พวกเราค่อยมาคุยกัน”
ค่ายกลไท่อี่ถล่มทลายที่อยู่ภายใต้การครอบคลุมของแสงสีขาวเริ่มพังทลายอย่างเป็นทางการ ความวุ่นวายรอบนอกค่ายกลรุนแรงมากขึ้น
แสงสีขาวที่อยู่บนร่างของพวกเยี่ยนตี๋สี่คนค่อยๆ ครอบคลุมพวกเขาไว้โดยสิ้นเชิง
แสงวิญญาณที่เชื่อมโลกไว้เส้นนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกอเก็บเตากลืนดิน เตรียมจะเข้าไปในประตูมายาที่เกิดจากแสงของกระจกยังสูงส่ง เหยียบเข้าไปในทางเชื่อมเขตแดนมิติที่สร้างขึ้นชั่วคราวโดยวิชาเคลื่อนผ่านโลกกระจก
จู่ๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาหันไปมอง เห็นตรงขอบของค่ายกลที่พังทลายลงแล้ว มีเงาคนลอยอยู่เพราะผลของกระแสปั่นป่วนของมิติ
นั่นคือคนที่ถูกคลื่นไร้รูปร่างซึ่งเกิดขึ้นจากการผนึกม้วนพัดเข้ามา
ชายหนุ่มตั้งใจมองไป กลับเป็นผู้อาวุโสสูงสุดที่มีชื่อเสียงโด่งดังคนหนึ่งของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ มีพลังฝึกปรืออยู่ในระดับสูงสุดของมหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรม ห่างจากจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เพียงก้าวเดียวเท่านั้น
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคลื่นคลั่งที่น่ากลัวเช่นนี้ ร่างวิญญาณวรยุทธ์ของเขาถูกฉีกกระชาก ติดอยู่ในสถานการณ์อันตราย
อีกด้านหนึ่งก็มีคนอยู่เช่นกัน สิ่งที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกประหลาดใจก็คือ คนผู้นั้นก็คือฟู่เอินซู!
คลื่นคลั่งไร้รูปร่างรุนแรงถึงเพียงไหน หากไม่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ก็ยากจะป้องกัน
ถึงแม้ว่าไม่นานมานี้ฟู่เอินซูจะเลื่อนเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นที่เก้า ขั้นรูปญาณระยะท้านได้ แต่ก็ทนคลื่นคลั่งแบบนี้ไม่ได้ ร่างกายจึงได้รับบาดเจ็บสาหัส
กระแสปั่นป่วนของมิติที่เกิดขึ้นจากคลื่นคลั่งกำลังจะฉีกร่างกายของนางแล้ว
เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้ว หันแสงของกระจกยังสูงส่งเล็งไปที่มิติซึ่งกำลังปั่นป่วน จากนั้นก็เหาะร่างไปเบื้องหน้า รับฟู่เอินซูเอาไว้
ฟู่เอินซูที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส พอเห็นเยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกประหลาดใจ จากนั้นใบหน้าของนางพลันปรากฏความผ่อนคลาย
พอคลายใจลง ฟู่เอินซูก็สลบไสลไป
ชายหนุ่มไม่คิดมากความ ค่ายกลพังทะลายลงแล้ว ผนึกกำลังก่อตัว โลกบริเวณนี้กำลังล่มสลาย
เขาใช้ถุงย่อส่วนเก็บร่างของฟู่เอินซู จากนั้นก็ก้าวเข้าไปในทางเชื่อมที่เกิดจากกระจกยังสูงส่ง และหายไปจากโลกแปดพิภพ
ส่วนผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้น ร่างถูกบดขยี้ในท้องฟ้าที่กำลังล่มสลาย
บนทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออก มิติของประตูทางเชื่อมเขตแดนที่เชื่อมไปยังโลกปีศาจอัคคีในตอนแรกปั่นป่วนถึงขีดสุด จากนั้นก็พลันหยุดนิ่งลงอย่างน่าประหลาด
ยอดเขาที่เปล่งแสงสีขาวระยิบระยับลูกหนึ่งหล่นลงไปในมหาสมุทร ถมก้นมหาสมุทร ยอดเขาโผล่พ้นผิวทะเลออกมา
เหนือยอดเขามีตราอาคมขนาดยักษ์ที่กว้างใหญ่ไพศาล กำลังเปล่งแสงอันอ่อนโยน
สภาพแวดล้อมพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินก่อนหน้านี้ ในตอนนี้สงบลงแล้ว