ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี – ตอนที่ 493 ผนึกทะเลตะวันออก

ค่ายกลไท่อี่ถล่มทลายทำงานถึงขีดสุด โลกแสงสีขาวครอบคลุมรอบบริเวณ

พวกอันชิงหลินที่อยู่ด้านนอกค่ายกลถูกแสงสีขาวบดบังทัศนวิสัย มองไม่เห็นเหตุการณ์ด้านในค่ายกล

ทุกคนเห็นแต่เพียงว่าแสงสีขาวซัดสาด เขตแดนของฟ้าดินรอบๆ ม้วนตัว ท้องฟ้าอยู่ในลักษณะบิดเบี้ยว

แรงอันมหาศาลของมิติที่ไหลกลับด้านขยายออกไปรอบๆ อย่างต่อเนื่อง ทุกคนที่อยู่ด้านนอกได้แต่ถอยออกไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ถูกม้วนเข้าไปในที่ว่างที่ยิ่งมายิ่งบิดเบี้ยว

ค่ายกลไท่อี่ถล่มทลายกำลังสร้างพลังผนึกอันยิ่งใหญ่ สะกดพวกราชันปีศาจอัคคีและประตูทางเชื่อมเขตแดนที่เชื่อมไปยังโลกปีศาจอัคคีพร้อมกัน

มิติของดินแดนแห่งนี้กำลังบิดเบี้ยวและเปลี่ยนรูปร่างอย่างต่อเนื่อง ค่อยๆ กลายเป็นกรงขังไร้รูปร่าง กั้นระหว่างโลกด้านในและด้านนอก

ทุกคนมองสถานการณ์ในค่ายกลไม่ออก แต่เห็นลำแสงอันลี้ลับสายหนึ่งพลันเจาะทะลุโลกแสงสีขาว เชื่อมต่อกับฟากฟ้า เบิกท้องนภา

พอท้องฟ้าเปิดออก ด้านในก็คล้ายมีเหตุการรณ์มากมายเกิดขึ้น แต่เสียดายที่ถูกโลกแสงสีขาวด้านล่างบังไว้ ทำให้คนที่อยู่ด้านนอกค่ายกลไท่อี่ถล่มทลายมองไม่เห็น

ในขณะที่ทุกคนรู้สึกประหลาดใจ แสงสายนั้นก็ค่อยๆ ขาดออก ท้องฟ้าที่เปิดเป็นรูเริ่มสมานกันอีกรอบ

คนอื่นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับลำแสงนั้น แต่เจ้าสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์หวงซวี่กลับทราบดี

ในตอนนี้ลำแสงปรากฏออกมาได้ไม่นานก็เริ่มสลาย หวงซวี่เห็นดังนั้นแล้วอดขมวดคิ้วไม่ได้

เขาในตอนนี้รู้สึกโชคดีที่ได้เตรียมตะเกียงวิเศษไว้อีกใบ

หวงซวี่พลิกฝ่ามือ ไฟตะเกียงสีทองปรากฏขึ้น จากนั้นก็ลอยข้ามแสงสีขาวอันยิ่งใหญ่ เข้าไปในค่ายกลไท่อี่ถล่มทลาย

จอมยุทธ์จากสำนักอื่นเห็นดังนั้นต่างวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นาๆ ในใจมีการคาดเดามากมาย วินาทีถัดมาก็เห็นมีลำแสงพุ่งขึ้นท้องฟ้าเข้าไปในหมู่เมฆอีกครั้ง

เพียงแต่ไม่รอให้หวงซวี่ถอนใจโล่งอก ลำแสงสายนั้นก็กำลังจะสลายไปอีกรอบ

ด้านในค่ายกลไท่อี่ถล่มทลายเหมือนมีหลุมดำคอยกลืนกินไฟตะเกียงสีทอง และแสงของลำแสงวิญญาณอยู่ด้วย

ดวงตาของหวงซวี่เคร่งขรึม จ้องมองโลกแสงสีขาวเขม็ง

โลกแสงสีขาวพุ่งลง จมลงไปในทะเลเพลิงสีแดงฉานเบื้องล่าง ในตอนนี้การปะทะกันระหว่างทั้งสองฝ่ายอยู่ในจุดสูงสุด ทำให้มิติรอบๆ บิดเบี้ยวหลายครั้ง

ท้องฟ้าเหนือน่านน้ำทั้งหมดต่างก็ทับซ้อนกันและคลี่ออกกลับไปกลับมา

ไม่เพียงแต่โลกแปดพิภพเท่า แม้แต่มิติของโลกปีศาจอัคคีที่อยู่อีกด้านของทางเชื่อมเขตแดนก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน เปลวไฟสีแดงฉานเดี๋ยวปรากฏเดี๋ยวหายไป

บนทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออก คลื่นยักษ์ไร้รูปร่างที่มีโลกแสงสีขาวกับประตูทางเชื่อมเขตแดนเป็นศูนย์กลาง กำลังม้วนพัดไปรอบๆ อย่างบ้าคลั่ง

คลื่นยักษ์ทำลายล้างนั้นทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งหมดรอบๆ อย่างน่าพรั่นพรึงถึงขีดสุด คนที่มีพลังฝึกปรือไม่ถึงระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ต่างป้องกันไม่ได้

เมิ่งหวานที่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์คอยปกป้อง รวมถึงผู้อาวุโสจากเขาไร้พรมแดน และอันชิงหลินที่เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ถึงแม้ว่าจะไม่ถึงขนาดถูกฆ่า แต่ไม่คิดป้องปะทะ พากันถอยหลัง

เพียงแต่พวกจอมยุทธ์ที่อยู่รอบๆ ซึ่งกำลังดูเหตุการณ์ที่เหมือนกับการล่มสลายของโลก ระหว่างที่ตกตะลึง ต่างก็รู้สึกฮึกเหิมด้วย

เนื่องจากทุกอย่างเป็นไปตามแผน ปีศาจอัคคีถูกสะกด ไม่อาจส่งผลคุกคามต่อโลกแปดพิภพได้อีกนาน

มีเพียงแต่พวกหวงซี่เท่านั้นที่มองลำแสงซึ่งหายไปเป็นครั้งที่สองอย่างขื่นขมและอับจน เรื่องราวไม่เป็นไปตามที่คาดหวังโดยสิ้นเชิง

ในค่ายกลเทพไท่ถอี้ถล่มทลายในตอนนี้ อารมณ์ของหวงกวงเลี่ยก็ไม่ได้ดีนักเช่นกัน

แสงสีขาวเคลื่อนขึ้นลงตามร่างกายของเขา เริ่มแผ่จากเท้าทั้งสองข้างขึ้นข้างบน ประกายแสงยิ่งมายิ่งหนาแน่น ทำให้สองขาของเขาเหมือนรูปปั้นแสงสีขาว

สถานการณ์มุ่งสู่จุดจบอย่างต่อเนื่อง

ผนึกของค่ายกลไท่อี่ถล่มทลายกำลังจะถูกสร้างอย่างเป็นทางการ

เยี่ยนตี๋ ผู้อาวุโสม่อ และซ่งอู๋เลี่ยงอยู่ในลักษณะเดียวกัน

เยี่ยนจ้าวเกอใช้เตากลืนดินกลืนกินลำแสงที่เกิดจากแสงตะเกียงสีทอง ในตอนนี้เมื่ออยู่ในค่ายกลไท่อี่ถล่มทลาย ก็รับรู้ได้ว่าโลกแสงสีทองกำลังมุ่งสู่การพังทลายเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว

ในวินาทีที่ค่ายกลพังทลายเป็นครั้งสุดท้าย และกำลังกลายเป็นผนึก พลังทำลายล้างที่เกิดขึ้นยังรุนแรงกว่าการบิดเบี้ยวของมิติในโลกภายนอกนัก

หวงกวงเลี่ยเงยหน้ามองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เจ้าทำลายพิธีกรรมของข้า จึงหนีออกจากค่ายกลไท่อี่ถล่มทลายไม่ทัน”

“รอจนค่ายกลพังทลายโดยสิ้นเชิง ต่อให้เจ้าเก่งกล้าขนาดไหน แต่ถ้าไม่ใช่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์คอยปกป้อง สุดท้ายก็หนีความตายไม่พ้น!”

“เจ้าคิดจะหนี ข้าก็มีโอกาสเป็นอิสระ ไม่เช่นนั้น ข้าจะรอดูว่าเจ้าจะตายอย่างไร”

“ถ้าเจ้าไม่ไป เช่นนั้นก็ทิ้งชีวิตไว้เถอะ ข้าอย่างมากก็แค่ครั้งนี้โชคร้าย ได้แต่แค่เฝ้าผนึกนี้ไว้เท่านั้น”

สายตาของเขากวาดมองเยี่ยนตี๋อย่างราบเรียบ “ครั้งนี้บิดาเจ้าก็คุ้มครองไม่ได้”

เยี่ยนจ้าวเกอยื่นเตากลืนดินที่เหมือนกับเตาเครื่องหอมในมือไปในลำแสงวิญญาณ เพื่อให้เตากลืนกินมัน

เขาก้มหน้าลงมองหวงกวงเลี่ย ก่อนจะเอ่ยอย่างราบเรียบ “ท่านทำผนึกให้สำเร็จอยู่ที่นี่อย่าว่าง่ายเถอะ อย่าเปลืองสมองคิดถึงเรื่องความเป็นได้เหล่านั้นเลย สำหรับข้าจะเป็นอย่างไรไม่ต้องให้ท่านมายุ่งหรอก”

ขณะพูด ในมืออีกข้างหนึ่งของเยี่ยนจ้าวเกอก็พลันปรากฏกระจกบานหนึ่ง

เยี่ยนตี๋เห็นดังนั้นพลันยิ้มขึ้นเล็กน้อย รู้ว่านั่นคือกระจกยังสูงส่ง

ชายหนุ่มเติมญาณจริงแท้ของตนเองเข้าไปในกระจกวิเศษ บนผิวกระจกปรากฏลายแสงหลายสาย ประกอบกันกลายเป็นค่ายกลวิญญาณที่มีขนาดเล็กและประณีต

แสงของกระจกสาดขึ้น ด้านหน้าเยี่ยนจ้าวเกอคล้ายปรากฏเส้นทางสายหนึ่ง

เส้นทางสายนี้ยืดไปยังที่ไกล วกไปวนมาในท้องฟ้าที่กำลังบิดเบี้ยว เชื่อมไปยังสถานอันเป็นปริศนา

หวงกวงเลี่ยมองอย่างละเอียด เห็นแสงกระจกคล้ายเปิดประตูมิติบานหนึ่ง

“เจ้า…” หวงกวงเลี่ยจ้องมองเยี่ยนจ้าเกอเขม็ง

เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยอย่างเรียบเฉย “ข้าอะไร? หวงกวงเลี่ย ขอบอกท่านชัดๆ เรื่องในวันนี้พวกเรายังไม่จบกัน สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ของท่านชอบก่อเรื่อง ไว้ว่างๆ แล้ว พวกเราค่อยมาคุยกัน”

ค่ายกลไท่อี่ถล่มทลายที่อยู่ภายใต้การครอบคลุมของแสงสีขาวเริ่มพังทลายอย่างเป็นทางการ ความวุ่นวายรอบนอกค่ายกลรุนแรงมากขึ้น

แสงสีขาวที่อยู่บนร่างของพวกเยี่ยนตี๋สี่คนค่อยๆ ครอบคลุมพวกเขาไว้โดยสิ้นเชิง

แสงวิญญาณที่เชื่อมโลกไว้เส้นนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน

เยี่ยนจ้าวเกอเก็บเตากลืนดิน เตรียมจะเข้าไปในประตูมายาที่เกิดจากแสงของกระจกยังสูงส่ง เหยียบเข้าไปในทางเชื่อมเขตแดนมิติที่สร้างขึ้นชั่วคราวโดยวิชาเคลื่อนผ่านโลกกระจก

จู่ๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาหันไปมอง เห็นตรงขอบของค่ายกลที่พังทลายลงแล้ว มีเงาคนลอยอยู่เพราะผลของกระแสปั่นป่วนของมิติ

นั่นคือคนที่ถูกคลื่นไร้รูปร่างซึ่งเกิดขึ้นจากการผนึกม้วนพัดเข้ามา

ชายหนุ่มตั้งใจมองไป กลับเป็นผู้อาวุโสสูงสุดที่มีชื่อเสียงโด่งดังคนหนึ่งของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ มีพลังฝึกปรืออยู่ในระดับสูงสุดของมหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรม ห่างจากจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เพียงก้าวเดียวเท่านั้น

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคลื่นคลั่งที่น่ากลัวเช่นนี้ ร่างวิญญาณวรยุทธ์ของเขาถูกฉีกกระชาก ติดอยู่ในสถานการณ์อันตราย

อีกด้านหนึ่งก็มีคนอยู่เช่นกัน สิ่งที่ทำให้เยี่ยนจ้าวเกอรู้สึกประหลาดใจก็คือ คนผู้นั้นก็คือฟู่เอินซู!

คลื่นคลั่งไร้รูปร่างรุนแรงถึงเพียงไหน หากไม่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ก็ยากจะป้องกัน

ถึงแม้ว่าไม่นานมานี้ฟู่เอินซูจะเลื่อนเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นที่เก้า ขั้นรูปญาณระยะท้านได้ แต่ก็ทนคลื่นคลั่งแบบนี้ไม่ได้ ร่างกายจึงได้รับบาดเจ็บสาหัส

กระแสปั่นป่วนของมิติที่เกิดขึ้นจากคลื่นคลั่งกำลังจะฉีกร่างกายของนางแล้ว

เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้ว หันแสงของกระจกยังสูงส่งเล็งไปที่มิติซึ่งกำลังปั่นป่วน จากนั้นก็เหาะร่างไปเบื้องหน้า รับฟู่เอินซูเอาไว้

ฟู่เอินซูที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส พอเห็นเยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกประหลาดใจ จากนั้นใบหน้าของนางพลันปรากฏความผ่อนคลาย

พอคลายใจลง ฟู่เอินซูก็สลบไสลไป

ชายหนุ่มไม่คิดมากความ ค่ายกลพังทะลายลงแล้ว ผนึกกำลังก่อตัว โลกบริเวณนี้กำลังล่มสลาย

เขาใช้ถุงย่อส่วนเก็บร่างของฟู่เอินซู จากนั้นก็ก้าวเข้าไปในทางเชื่อมที่เกิดจากกระจกยังสูงส่ง และหายไปจากโลกแปดพิภพ

ส่วนผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้น ร่างถูกบดขยี้ในท้องฟ้าที่กำลังล่มสลาย

บนทะเลชั้นนอกของทะเลตะวันออก มิติของประตูทางเชื่อมเขตแดนที่เชื่อมไปยังโลกปีศาจอัคคีในตอนแรกปั่นป่วนถึงขีดสุด จากนั้นก็พลันหยุดนิ่งลงอย่างน่าประหลาด

ยอดเขาที่เปล่งแสงสีขาวระยิบระยับลูกหนึ่งหล่นลงไปในมหาสมุทร ถมก้นมหาสมุทร ยอดเขาโผล่พ้นผิวทะเลออกมา

เหนือยอดเขามีตราอาคมขนาดยักษ์ที่กว้างใหญ่ไพศาล กำลังเปล่งแสงอันอ่อนโยน

สภาพแวดล้อมพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินก่อนหน้านี้ ในตอนนี้สงบลงแล้ว

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

Score 7.9
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านเรื่อง ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพีชายหนุ่มข้ามมิติกาลเวลาครั้งแรกมาสู่ยุคสมัยที่อารยธรรมวรยุทธ์รุ่งเรืองจนถึงที่สุด มุมานะศึกษาและฝึกฝนคัมภีร์สุดยอดวิชาที่เก็บรวบรวมไว้ในวังเทพมากมาย แต่แล้วยุคสมัยอันรุ่งโรจน์ก็ต้องพบพานกับวิกฤติการณ์ครั้งใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายจนหมดสิ้น ทว่าชายหนุ่มผู้นั้นก็พาตนเองและสมองที่เปี่ยมไปด้วยความรู้ของสุดยอดวิชา ข้ามมิติกาลเวลาอีกครั้งไปสู่ยุคสมัยใหม่ ยุคสมัยนี้มีสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกขัดใจยิ่งนัก นั่นก็คือทุกอย่างช่างง่ายดายไปเสียหมด จนทำให้เขาได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสี่คุณชายแห่งยุค เหนือกว่าจอมยุทธ์รุ่นเยาว์ผู้ใดในบรรดาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดในเวลาชั่วพริบตา กระนั้น แม้เขาจะยอดเยี่ยมอย่างไร เป็นที่น่าเคารพเลื่อมใสต่อศิษย์น้องในสำนักเพียงใด มีชื่อเสียงขจรไกลไปถึงหนแห่งไหน สุดท้ายแล้วก็ยังมีคนปากกล้าและอวดดี กังขาในความสามารถของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้จักเจียมตัวก็แล้วไปเถอะ แต่จะหาเรื่องคนที่มีพลังแก่กล้ากว่าตนอยู่อักโขเช่นนี้ ก็คงต้องประมือกันสักตั้งแล้ว “หากชอบรนหาที่ตายนัก ข้าจะสนองให้พวกเจ้าเอง!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset