เยี่ยนจ้าวเกอใช้ท่ากระบี่มังกรเขียวในแขนเสื้อ ด้วยวิชาอัสนีฟ้าคำรน ประกายกระบี่เชื่อมโยงกันดุจมังกร โจมตีเจียงสยงด้วยพลังของมังกรออกทะเล
วรยุทธ์ของสำนักตาข่ายปีศาจตรงไปตรงมา ดุดันรุนแรง ถนัดการโจมตีที่ต้องปะทะซึ่งหน้า
แต่ถ้าเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่า ดุดันกว่า ทรงพลังกว่า ก็จะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบได้โดยง่าย เมื่อถูกโจมตีจากทุกทิศทุกทาง จะเกิดความรู้สึกไม่ว่าทำอย่างไรก็มิอาจโต้กลับได้
ชายหนุ่มใช้กระบี่หนึ่งตามด้วยอีกกระบี่หนึ่ง พลังของทุกกระบี่ต่างรวมตัวและทรงพลังถึงขีดสุด ระหว่างแต่ละกระบวนท่าล้วนไร้ช่องโหว่ คล้ายกับไม่จำเป็นต้องพักหายใจ
นี่ทำให้เจียงสยงเกิดความรู้สึกหลอน คล้ายกับถูกเยี่ยนจ้าวเกอหลายคนโจมตีพร้อมกัน
ประกายดุร้ายด้านในดวงตาที่เต็มไปด้วยริ้วเลือดของเขายิ่งมายิ่งโชติช่วง สีหน้ายิ่งมายิ่งเคร่งเครียด
จอมยุทธ์จากสำนักตาข่ายปีศาจ และจอมยุทธ์จากเกาะจิตประสานเช่นพวกหยางฉู่ฟานและฟางหมิ่นรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน
เพราะความตกใจสุดขีด การต่อสู้ระหว่างพวกเขาจึงไม่ได้รุนแรงเช่นเดิมอีกต่อไป ทุกคนต่างแบ่งความสนใจส่วนหนึ่งมามองภาพที่เยี่ยนจ้าวเกอสู้กดดันเจียงสยงจนต้องถอยหลัง แต่ละคนอดอ้าปากตาค้างไม่ได้
ฟางหมิ่นถามอย่างงงงัน “อาจารย์ลุงหยาง เขา…เขาเหมือนใช้มือเปล่าต่อสู้กับเจียงสยงที่ใช้อาวุธวิญญาณเลย”
หยางฉู่ฟานงงงันเช่นกัน “ถูกต้อง…”
คนที่มองอยู่ต่อให้ประหลาดใจอย่างไร ก็สู้เจียงสยงที่ปะทะกับเยี่ยนจ้าวเกอตรงๆ ไม่ได้
เขากัดฟัน พลันใช้สองมือกำดาบ บนคมกระดูกสีเทาในมือมีแสงสว่างพิสดารปรากฏขึ้นในทันใด
เมื่อเจียงสยงยกดาบขึ้นเหนือศีรษะ พลังชั่วร้ายเข้มข้นก็รวมตัวกันบนคมดาบและร่างของเขา
ญาณจริงแท้และพลังชั่วร้ายผสมกับเจตจำนงดาบของเจียงสยง กลายเป็นเกราะกระดูกบนร่างของเขา
ดาบกระดูกในมือเขาขยายขนาดขึ้น คล้ายกับคมดาบยักษ์เบิกฟ้า
พายุสีดำกับเลือดสีแดงฉานในตอนนี้ถูกดูดไปอยู่ในกระดูกสีขาว ทำให้กระดูกสีขาวมีพลังชั่วร้ายรุนแรงมากขึ้น
เจียงสยงตวาดคำหนึ่ง ฟันคมดาบลงใส่เยี่ยนจ้าวเกออีกครั้ง!
กระบวนท่าระดับสูงของสำนักตาข่ายปีศาจ เหนือกว่าปราณดาบวิหคทมิฬและปราณดาบทะเลเลือด ‘ดาบกระดูกตาข่ายนรก’!
สภาวะดาบอันดุดันและพลังชั่วร้ายอันเหี้ยมโหด ทำให้เหมือนฟ้าดินเกิดเสียงร้องโหยหวนขึ้น
เยี่ยนจ้าวเกอมองดาบนี้ สีหน้าของเขายังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขายกมือขึ้น แล้วกางนิ้วออก
มังกรเขียวมากมายที่เกิดจากประกายกระบี่ในตอนนี้บินวนเวียน กลายเป็นฝ่ามือขนาดยักษ์ เหมือนกับการผสมผสานระหว่างกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นในร่ายกายคน
มืดขนาดยักษ์ที่เปล่งแสงระยิบระยับ จับดาบกระดูกที่ดุดันถึงขีดสุดของเจียงสยงเอาไว้ด้วยสภาวะยกผืนฟ้า
พลังชั่วร้ายบนคมดาบหมายจะทำลายฝ่ามือขนาดยักษ์นี้อย่างต่อเนื่อง แต่กลับไม่เกิดผลใดๆ ทั้งสิ้น
เมื่อดาบกระดูกถูกมือยักษ์จับไว้ มันก็พลันขยับเขยื้อนไม่ได้ ได้แต่ถูกหยุดไว้กลางอากาศ ไม่ว่าเจียงสยงจะพยายามอย่างไร ก็มิอาจเคลื่อนไหวมันได้แม้แต่น้อย
ไม่ว่าจะดันไปด้านหน้า หรือจะชักดาบกลับ ล้วนเป็นความคิดไร้สาระ
ฝ่ามือของเยี่ยนจ้าวเกอที่กางออกอย่างกว้างใหญ่ดุจฟ้าดิน ครั้งนี้เมื่อกำมือก็คล้ายกลายเป็นกรงขัง ทำให้เจียงสยงดิ้นไม่หลุด
ท่ามกลางเสียงคำรามต่ำ เงาแสงเหนือศีรษะของเจียงสยงพลันสั่นไหว ดอกไม้วิญญาณแปดดอกเปล่งประกาย ราวกับติดต่อกับฟ้าดิน
เขากระตุ้นจิตพลังถึงขีดสุด แต่ยังคงไม่เกิดผลลัพธ์ใด เหมือนกับมดสั่นต้นไม้
จอมยุทธ์จากสำนักตาข่ายปีศาจล้วนตกตะลึงหน้าถอดสี คนหนึ่งในมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณระยะท้ายสองคนที่กำลังโจมตีจอมยุทธ์เกาะจิตประสานอยู่ รีบแยกตัวมาฟันดาบใส่เยี่ยนจ้าวเกอ ต้องการช่วยให้เจียงสยงหลุดพ้น
จอมยุทธ์มหาปรมาจารย์สำนักตาข่ายปีศาจคนอื่น ถึงแม้จะยังสู้กับพวกหยางฉู่ฟานและฟางหมิ่นอยู่ แต่ในตอนนี้จิตใจเกิดความปั่นป่วน
พวกหยางฉู่ฟานกลับมิได้ฉวยโอกาสโต้กลับ พวกเขามองภาพตรงหน้าด้วยความงงงันเช่นกัน
“ว่ากันว่า ตอนที่ ‘ปีศาจวิหค’ เจียงสยงอยู่ในขั้นกำเนิดญาณ หน่อวิญญาณงอกกิ่ง ได้ใบวิญญาณเก้าใบ หลังจากเลื่อนเป็นขั้นกำเนิดญาณระยะท้าย ใบวิญญาณเก้าใบได้ดอกไม้วิญญาณแปดดอก เป็นรองเพียงคนที่ใบวิญญาณเก้าใบได้ดอกไม้วิญญาณเก้าดอก ดังนั้นจึงมีพลังแข็งแกร่งเช่นนี้”
จอมยุทธ์เกาะจิตประสานมองหน้ากัน “วันนี้ได้พบ จึงทราบว่าข่าวลือไม่แปลกปลอม อันดับที่สามในจอมยุทธ์ขั้นกำเนิดญาณสิบอันดับแรกสมกับชื่อเสียงจริงๆ แต่ว่า…”
เจียงสยงที่แข็งแกร่งเช่นนี้ แม้จะมีอาวุธวิญญาณ คนและดาบรวมเป็นหนึ่ง ทั้งยังใช้ดาบกระดูกตาข่ายนรก กระบวนท่าสุดยอดของสำนักตาข่ายปีศาจ แต่ก็ยังคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเยี่ยนจ้าวเกออยู่ดี!
ในปากของหยางฉู่ฟานรู้สึกขมฝาด “เป็นขั้นกำเนิดญาณระยะท้ายเหมือนกันแท้ๆ แต่ข้าร่วมมือกับมหาปรมาจารย์จากสำนักตาข่ายปีศาจสามคนนั่น ก็ใช่ว่าจะเป็นคู่มือของเจียงสยง”
“ชายหนุ่มผู้นี้โผล่มาจากที่ใดกันแน่?”
คำถามในใจของเขา ในตอนนี้เป็นคำถามในใจของจอมยุทธ์สำนักตาข่ายปีศาจทุกคนเช่นกัน
เยี่ยนจ้าวเกอคล้ายไม่เห็นมหาปรมาจารย์ขั้นกำเนิดญาณระยะท้ายจากสำนักตาข่ายปีศาจที่โจมตีใส่ตน เขามองภาพมายาเงาแสงเหนือศีรษะของเจียงสยงและดอกไม้วิญญาณแปดดอกด้วยความสนอกสนใจ
‘อืม แปดดอกเหมือนกัน แต่แกร่งกว่าไห่เจิ้งเซินนั่นนิดหน่อย’ เยี่ยนจ้าวเกอยิ้ม ‘หมายความว่า คนผู้นี้ได้ดอกไม้วิญญาณจากใบวิญญาณเก้าใบ ส่วนไห่เจิ้งเซินนั่นได้ดอกไม้วิญญาณแปดดอกจากใบวิญญาณแปดใบ’
ชายหนุ่มใช้ฝ่ามือนภากว่างเฉิงผนึกดาบกระดูกตาข่ายนรกของเจียงสยงเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งฟาดปราณดาบทะเลเลือดของมหาปรมาจารย์สำนักตาข่ายปีศาจผู้นั้นพังทลาย
“ไม่ทราบว่ายอดฝีมืออันดับหนึ่งของสำนักท่านมีพลังฝึกปรือเป็นอย่างไร? เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์หรือ?” เยี่ยนจ้าวเกอถาม “ไม่ทราบว่ามีอาวุธศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?”
เจียงสยงใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ พูดอะไรไม่ออก
ยามนี้ฟางหมิ่นร้องขึ้น “เจ้าสำนักตาข่ายปีศาจมิใช่จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน!”
จอมยุทธ์สำนักตาข่ายปีศาจส่งเสียงตวาดด้วยความโกรธพร้อมกัน มหาปรมาจารย์สำนักตาข่ายปีศาจผู้นั้นจ้องมองเยี่ยนจ้าวเกอ พร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงอึดอัด “แล้วอย่างไร? เจ้าสำนักของเราเป็นอันดับสี่ในบรรดาจอมยุทธ์ขั้นบรรลุธรรมสิบอันดับแรก ในสำนักเองก็มียอดฝีมือมากมาย”
“พวกเรายอมรับว่าไร้ดวงตา ประเมิณท่านต่ำไป แต่ถ้าหากท่านรู้สึกว่าท่านหรือขุมกำลังเบื้องหลังท่านจัดการสำนักเราได้ เช่นนั้นก็เข้ามาได้เต็มที่!”
“หากกล้า ก็ฆ่าพวกเราทิ้งที่นี่!”
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเสียงหนึ่ง “ท่านเข้าใจผิดแล้ว…”
เมื่อได้ยินเขากล่าวเช่นนี้ ใบหน้าของพวกหยางฉู่ฟานและฟางหมิ่นพลันเปลี่ยนเป็นซีดขาว ส่วนจอมยุทธ์สำนักตาข่ายปีศาจถอนใจโล่งอก บนใบหน้าปรากฏความมั่นใจขึ้นอีกครั้ง รู้สึกว่าขุมกำลังของตัวเองสยบจอมยุทธ์พเนจรที่ไม่ทราบว่าโผล่มาจากไหนผู้นี้ได้
ยิ่งจอมยุทธ์พเนจรเผชิญหน้ากับสำนักใหญ่ ก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความอ่อนแอของตัวเอง
ตอนนี้อาจจะไม่เป็นไร แต่เพื่อไม่สะกิดความโกรธของยอดฝีมือที่เป็นผู้อาวุโสในสำนักของอีกฝ่าย หลายๆ ครั้งได้แต่ยอมรามือ
เพียงแต่จอมยุทธ์สำนักตาข่ายปีศาจไม่กล้าวางใจ เกาะจิตประสานของพวกหยางฉู่ฟานและฟางหมิ่นในตอนนี้ ไม่ด้อยกว่าความยิ่งใหญ่ของสำนักตาข่ายปีศาจเลย ถ้าหากมีเกาะจิตประสานคอยคุ้มครอง ไม่แน่ว่าชายหนุ่มผู้นี้จะกล้าเสี่ยงอันตรายก็เป็นได้
พวกหยางฉู่ฟานกับฟางหมิ่นก็มีความคิดแบบนี้เช่นกัน จึงคิดจะพูดสนับสนุน เพื่อให้เยี่ยนจ้าวเกอมีความกล้าขึ้น
ทว่าพวกเขากลับได้ยินเยี่ยนจ้าวเกอกล่าวต่อว่า “…ที่ข้าถามว่าสำนักท่านมีหรือไม่มีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์และอาวุธศักดิ์สิทธิ์ ก็เพื่อทำความเข้าใจเท่านั้น ถ้าหากวันหน้าได้สู้กับสำนักท่าน จะได้เตรียมตัวไว้”
“ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการที่ข้าจะสังหารพวกท่านในตอนนี้แม้แต่น้อย”
เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า “อย่าคิดมากเกินไปนัก ไม่ว่าสำนักท่านจะมีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ พวกท่านก็เป็นคนตายไปแล้ว”
ขณะที่พูด เยี่ยนจ้าวเกอก็หุบฝ่ามือ ประกายกระบี่นั้นรวมตัว ฝ่ามือยักษ์ที่จับคมดาบของเจียงสยงเอาไว้หุบลง ลากเจียงสยงเข้ามาด้วย
เจียงสยงไม่อาจต่อด้านหรือเคลื่อนไหวได้
สุดท้ายเยี่ยนจ้าวเกอก็ยกฝ่ามืออีกข้างขึ้นสูง แล้วฟาดลงคล้ายกับต้องการทลายฟ้า!