การสั่นไหวของพลังที่ยิ่งใหญ่ปรากฏห่างออกไปในมหาสมุทร จากนั้นก็เข้าใกล้สถานที่ที่พวกเยี่ยนจ้าวเกออยู่อย่างรวดเร็ว
แทบจะเป็นในเวลาเดียวกับที่ทุกคนสัมผัสได้ถึงการดำรงอยู่นั้น จิตวิญญาณอันยิ่งใหญ่นั้นก็เข้ามาใกล้แล้ว ความเร็วนั้นทำให้คนอ้าปากตาค้าง
ฟู่เอินซูมองเยี่ยนจ้าวเกอ เขากลับมีสีหน้าเหมือนปกติ และพยักหน้าเล็กน้อย “นี่คือกระบวนท่าของเกาะจิตประสานที่ข้าเคยบอกท่าน ตอนนั้นไม่รู้จักชื่อ ต่อมาได้สอบถามคนอื่น น่าจะเรียกว่า ”สงวิญญาณปรากฏ”
“มีความเร็วสูง เคลื่อนย้ายร่างได้ในรวดเร็วราวกับประกายไฟ คล้ายกับลำแสงพุ่งผ่าน แต่ก็ยังช้ากว่าการเคลื่อนที่โดยวิชาทลายนภา มองไปเหมือนไม่เห็นระยะห่างระหว่างที่ว่างอยู่ในสายตา สามารถเคลื่อนไหวได้ในพริบตา”
นางขมวดคิ้ว พูดแค่เรื่องความเร็วอย่างเดียว ไม่มีวรยุทธ์ใดในความทรงจำของนางจะทำได้
วรยุทธ์ของสำนักที่มีความเร็วสูงที่สุดในแปดพิภพ อันหนึ่งมาจากตำหนักอัสนีสวรรค์ในตอนนี้ อีกอันขึ้นจากเขานิมิตทมิฬที่ล่มสลายไปแล้ว
แต่สำหรับฟู่เอินซู แม้จะเป็นกระบวนท่าของตำหนักอัสนีสวรรค์และเขานิมิตทมิฬ ก็ใช่ว่าจะทำถึงขั้นนี้ได้
“โลกผืนสมุทรเป็นสถานที่ที่มีสิ่งของมากมาย และมีเอกลักษณ์จริงๆ” ฟู่เอินซูพูดพลางครุ่นคิด
เยี่ยนจ้าวเกอยักไหล่ เห็นบุรุษวัยกลางคนปรากฏตัวเบื้องหน้า
บุรุษวัยกลางคนยืนอยู่กลางทะเลลึก คล้ายกับหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับมหาสมุทร ไม่อาจแยกออกมาได้
รอบกายของเขามีลำแสงหลายสายสั่นไหว คล้ายกับกลายเป็นกระจกหลายบาน สะท้อนภาพที่แตกต่างกัน
แสงกระจกเคลื่อนไหวกลางมหาสมุทร เหมือนแยกมหาสมุทรให้กลายเป็นอาณาเขตมากมายนับไม่ถ้วน คนที่อยู่ในอาณาเขตนี้ รู้สึกว่าเบื้องหน้ากลายเป็นพร่าเลือน ถึงกับมองคนที่อยู่ในอาณาเขตอื่นไม่ออก
บุรุษผู้นี้มองไปมีอายุราวๆ สี่สิบปี แต่ว่าคนที่รู้จักเขาล้วนทราบว่า พลังและอายุของเขามากกว่าอายุภายนอก แตกต่างกับเยี่ยนจ้าวเกอ
จอมยุทธ์ในโลกผืนสมุทรที่อยู่รอบๆ ไม่มีใครไม่รู้จักเขา
เจ้าผู้ปกครองเกาะจิตประสาน หนึ่งในเจ็ดกลุ่มฝ่ายธรรมมะ มหาปรมจารย์ขั้นบรรลุธรรม ฟางข่าน
เขาเป็นผู้มีอำนาจอันดับที่เจ็ด ในหมู่จอมยุทธ์ขั้นบรรลุธรรมสิบอันดับแรกของโลกผืนสมุทร นับเป็นหนึ่งในบุคคลที่แกร่งที่สุดและมีอำนาจมากที่สุดบนยอดเจดีย์ทองของโลกนี้
เยี่ยนจ้าวเกอไม่เคยเจอฟางข่านมาก่อน แต่ว่าเขาเคยเจอฟางจ้าวหงผู้เป็นบุตร บิดาบุตรอย่างน้อยก็มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกันหกส่วน
ฟางข่านกวาดมอง สายตาอยู่จับจ้องบนตัวเยี่ยนจ้าวเกอ
ลูกศิษย์ที่ไม่ได้เข้าไปในข่ายอาคมพร้อมกับพวกฟางจ้าวหงและหยางฉู่ฟาน หลังจากกลับเกาะแล้ว ก็บรรยายรูปพรรณของเยี่ยนจ้าวเกอให้กับฟางข่านฟัง
ฟางข่านมองเยี่ยนจ้าวเกอด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
จางฮ่าวเฉิงมีใบหน้าลังเล กล่าวอย่างเชื่องช้า “ผู้ปกครองเกาะ เยี่ยนจ้าวเกอผู้นี้น่าจะมิใช่ผู้สืบทอดของสำนักปราชญ์ปีศาจ เรื่องนี้อาจจะมีการเข้าใจผิดกัน…”
ฟางข่านหันไปมองผู้อาวุโสต่งแห่งวังผลึกวารี “วังผลึกวารีปกป้องเขาหรือ?”
ผู้อาวุโสต่งลังเลเล็กน้อย กลับได้ยินฟางข่านกล่าวว่า “วันนี้ต่อให้วังผลึกวารีคุ้มครองเขา แต่มีบัญชีต้องคิดกับเด็กน้อยผู้นี้อยู่ดี”
เขามองเยี่ยนจ้าวเกออีกครั้ง ถามอย่างเชื่องช้า “ตอนนี้ลูกศิษย์ของข้า ฟางจ้าวหง หยางฉู่ฟาน ช่ายจื่อฉี และจางเผิงอยู่ที่ใด”
สามคนอื่นยังพอทำเนา แต่พอได้ยินชื่องของฟางจ้าวหง ในใจของจอมยุทธ์โลกผืนสมุทรที่อยู่รอบๆ ต่างเกิดความกังขา
จอมยุทธ์โลกผืนสมุทรล้วนให้ความสนใจเยี่ยนจ้าวเกอ
พวกฟางจ้าวหงหายสาปสูญไปไม่เจอตัวและไม่เจอศพมานาน แต่ว่าพวกเขายังมีความหวังหนึ่งในหมื่น หวังว่าพวกฟางจ้าวหงจะแค่ถูกเยี่ยนจ้าวเกอจบตัวไว้ และยังมีชีวิตรอด
เยี่ยนจ้าวเกอพอจะเดาความคิดของพวกเขาออก เนื่องจากศพของพวกฟางจ้าวหงถูกตนทำลายทิ้งแล้ว อีกฝ่ายหาไม่เจอก็ไม่แปลก
เพียงแต่เขาไม่คิดใช้คนตายมาแสร้งเป็นตัวประกัน
ชายหนุ่มมองฟางข่าน ยิ้มเล็กน้อย “บุตรและลูกศิษย์ในสำนักท่านคิดสังหารข้า แต่สู้ไม่ได้ จึงตายด้วยน้ำมือข้าหมดแล้ว”
ฟางข่านหยุดหายใจลงเล็กน้อย
ลำแสงหลายสายที่เคลื่อนไหวทางกลางมหาสมุทรเริ่มสั่นไหวและบ้าคลั่ง คล้ายกับต้องการบดขยี้ท้องทะเล
ถึงแม้ว่าจอมยุทธ์โลกผืนสมุทรในใจจะเดาได้ แต่ครั้นมองเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ ต่างพูดไม่ออก
ก่อนที่เยี่ยนจ้าวเกอจะต่อสู้กับจางฮ่าวเฉิงและลี่เซิ่ง ถึงแม้จะสังหารเจียงสยงแห่งสำนักตาข่ายปีศาจไป แต่ว่าจอมยุทธ์เกาะจิตประสานคิดไปเองว่า ฟางจ้าวหงที่เป็นมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณตายด้วยน้ำมือของฟู่เอินซู
แต่ว่าหลังจากเห็นการต่อสู้ระหว่างเยี่ยนจ้าวเกอกับพวกลี่เซิ่งแล้ว จอมยุทธ์เกาะจิตประสานก็เข้าใจว่า เมื่อฟางจ้าวหงเผชิญหน้ากับเยี่ยนจ้าวเกอก็มีแต่เจอเส้นทางมรณะเท่านั้น!
และถ้าหากพวกจางฮ่าวเฉิงรู้ก่อนว่าฟางจ้าวหงตายด้วยน้ำมือของเยี่ยนจ้าวเกอ คงจะลังเลไม่กล้าสู้กับเขาแล้ว
ฟางจ้าวหงที่เป็นมหาปรมาจารย์ขั้นเจ็ด ขั้นรูปญาณระยะต้น เขาแข็งแกร่งกว่า ‘นกฮูกพลิกทะเล’ เหลิ่งคุนที่ตายด้วยน้ำมือของจางฮ่าวเฉิงเสียอีก
ฟางข่านมองเยี่ยนจ้าวเกอ พลางพยักหน้าช้าๆ “ประเสริฐ ประเสริฐยิ่ง!”
เสียงยังไม่ทันขาด เขาก็ยกฝ่ามือขึ้น แสงสว่างหลายสายที่อยู่รอบๆ รวมตัวกัน แล้วพุ่งเข้าใส่เยี่ยนจ้าวเกอ!
ฟู่เอินซูขมวดคิ้วเล็กน้อย ยกกระบี่ขึ้นเข้าปะทะกับฟางข่าน
สภาวะกระบี่ที่ล้ำลึกและยิ่งใหญ่คล้ายรวมเป็นหนึ่งกับฟ้าดิน ทำให้ฟางข่านหนังตากระตุก “เป็นท่ากระบี่ที่สูงล้ำนัก แต่พลังฝึกปรือของเจ้าสู้ข้าไม่ได้”
แสงสว่างที่รวมตัวกันกลางฝ่ามือของเขาเปลี่ยนจากสีเงินยวงเป็นสีเขียวมรกต พลิกไปพลิกมากลางมหาสมุทร ทำให้ท่ากระบี่นภาไร้ขอบเขตของฟู่เอินซูพลาดเป้า
แสงสีมรกตยังคงพุ่งเข้าใส่เยี่ยนจ้าวเกอ ฟู่เอินซูมือขวาถือกระบี่ มือซ้ายพลิกฝ่ามือ เปลวไฟสีม่วงลุกไหม้ กลายเป็นทะเลเพลิงในชั่วพริบตา ปะทะกับแสงสีมรกตอีกครั้ง
รูปญาณหลายสายกลายเป็นค่ายกลมากมาย จากนั้นก็กลายเป็นแท่นสีขาว ครอบคลุมร่างของฟู่เอินซู ทำให้สภาวะโจมตีของฝ่ามือซ้ายและกระบี่ในมือขวาของนางรุนแรงยิ่งขึ้น
แต่ว่าด้านบนแท่นสีขาวมีส่วนชำรุดอยู่ไม่น้อย ทำให้ตัวแท่นดูไปมีตำหนิอยู่บ้าง
ทว่าถึงแม้อาการบาดเจ็บจะยังไม่หายดี ฟู่เอินซูก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงนิสัยแข็งกร้าว ใช้การโจมตีแทนการป้องกัน หยุดฝ่ามือจิตประสานที่ฟางข่านใช้กับเยี่ยนจ้าวเกอ
“ที่แท้เจ้าก็บาดเจ็บ นี่ยิ่งแสดงพลังที่ไม่เพียงพอของเจ้าออกมา”
ฟางข่านสีหน้าไร้อารมณ์ สภาวะฝ่ามือเปลี่ยนแปลง มิได้พลิกแพลงอีกต่อไป แต่พุ่งใส่ฟู่เอินซูโดยตรง
แสงสว่างโชติช่วงมากมายห้อมล้อมร่างกายของฟางข่าน กลายเป็นภาพยักษ์ตนหนึ่งในชั่วพริบตา เป็นร่างวิญญาณวรยุทธ์หลังจากที่เขาฝึกฝนเป็นขั้นบรรลุธรรมสำเร็จ
พลังฝึกปรือของเขาเดิมทีก็เหนือกว่าฟู่เอินซูอยู่แล้ว อาการบาดเจ็บเก่าของนางยังไม่ดีขึ้น เมื่อปะทะกันตรงๆ เช่นนี้ นางก็พลันแค่นเสียงขึ้นในทันที
ตอนที่ฟางข่านคิดจะเพิ่มพลังอีกขั้นหนึ่ง ด้านข้างพลันมีฝ่ามือหนึ่งพุ่งออกมา ปะทะกับฝ่ามือจิตประสานที่เขาใช้ สภาวะฝ่ามือนั้นยิ่งใหญ่ดุจท้องนภาเลยทีเดียว
‘ขั้นรูปญาณระยะต้นมีพลังเช่นนี้หรือ? มิน่าหงเอ๋อร์ถึงประสบกับมืออำมหิตของเดรัจฉานน้อยผู้นี้…’ ฟางข่านตกใจ แต่ว่าลงมือโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
เขามองเยี่ยนจ้าวเกอที่ลงมืออย่างเย็นเยียบ “ขอบอกเจ้า ต่อให้ปราชญ์ปีศาจปรากฏตัว เขาก็ปกป้องเจ้าไม่ได้”
“สิ่งที่ข้าทำก็คือข้าทำ ข้ายินดียอมรับ อย่างเช่นบุตรของท่าน เป็นข้าเองที่สังหารเขา” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างราบเรียบ “ถึงแม้จะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์หลัก แต่เรื่องที่ข้าไม่ได้ทำ ท่านอย่าใส่ความข้า”
“คนที่สาดน้ำเน่าใส่ข้า ล้วนไม่ได้มีจุดจบที่ดีอันใด”