ฟู่เอิ้นเอินซูมองท่าทางเกียจคร้านของเยี่ยนจ้าวเกอพร้อมกับส่ายหน้า หัวเราะขึ้นอย่างอดไม่ได้
หลังจากหัวเราะเสร็จแล้ว ฟู่เอิ้นซูนางก็ถามด้วยความประหลาดใจ “แต่ว่า เจ้าหลอมคราบของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ให้กลายเป็นร่างแยกของตัวเอง ในขณะที่เป็นเพียงตอนเป็นมหาปรมาจารย์ได้อย่างไร”?
“ต่อให้จะมีหยดน้ำพิรุณคอยช่วยเหลือ แต่เกรงว่าจะเกินกำลังกระมัง?”
เยี่ยนจ้าวเกอยังคงมีสีหน้าดังเดิมใบหน้าไม่เปลี่ยนแปลง “สมควรน่าจะเกี่ยวข้องกับรูปญาณของข้า ในตอนที่ข้าฝึกฝนจนถึงระดับขั้นกำเนิดญาณระยะกลาง ใบวิญญาณสิบใบได้ดอกไม้วิญญาณสิบดอก ตราอาคมที่สลักอยู่บนใบวิญญาณใบที่สิบค่อนข้างมีความพิเศษ”
“นั่นเป็นสิ่งที่ข้าได้มาโดยบังเอิญ จากความเข้าใจที่มีต่อกฎเกณฑ์แห้งฟ้าดินในกระบวนการฝึกฝน มันลี้ลับ ยากจะอธิบาย แต่เหมือนด้านในจะแฝงลักษณะอันลี้ลับบางอย่างเอาไว้ ช่วยให้ข้าทำเรื่องในวันนี้ได้สำเร็จ”
ฟู่เอิ้นเอินซูทบทวน พยักหน้าอย่างช้าๆ “ลี้ลับจริงๆ ตอนที่ข้าเห็นใบวิญญาณสิบใบบานดอกไม้วิญญาณสิบดอกของบิดาเจ้า ก็รู้สึกอัศจรรย์ใจเช่นกัน แต่นั่นก็ไม่ได้ดูเหมือนจะไม่ได้ลึกล้ำเช่นของเจ้า”
นางถอนพลางใจชมเชย “ใบวิญญาณและดอกไม้วิญญาณเป็นวาสนาของแต่ละคน แต่ทว่าก็สะท้อนถึงความเข้าใจและการสั่งสมในด้านวรยุทธ์ ที่เจ้าโชคดีเช่นนี้ ล้วนเกี่ยวข้องกับไม่อาจแยกจากรากฐานที่เจ้าวางไว้ในยามปกติอย่างแยกไม่ออก”
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะแหะๆ “ข้าเองก็คิดเช่นนี้”
ขณะมองท่าทางหน้าด้านอายอดหนาไม่รู้จักอายของเขา ฟู่เอิ้นเอินซูกลับไม่รู้สึกขุ่นเคือง “อืม ถึงแม้ข้าจะไม่เคยคุมเจ้าฝึกฝนมาก่อน แต่ก็ทราบดีว่าเจ้าขยันมาแต่ไหนแต่ไร ”
เยี่ยนจ้าวเกอถาม “อาจารย์ป้า อาการบาดเจ็บของท่านเป็นอย่างไรบ้างแล้วขอรับแล้ว?” ชายหนุ่มเอ่ยถาม
“เมื่อครู่ลงมือกับคนอื่นไป คิดจะให้หายดีโดยสิ้นเชิงต้องใช้เวลาอีกสักพัก” ฟู่เอิ้นเอินซูเอ่ย “พวกเราในตอนนี้กำลังมุ่งหน้าไปยังเขาหงส์วิเศษใช่หรือไม่?”
เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า “ถูกต้องขอรับ ตอนนี้ผ่านเกาะจิตประสานมาแล้ว การมุ่งหน้าไปยังทะเลไร้ขอบเขตย่อมไม่มีอุปสรรคขวางทางอีก” เยี่ยนจ้าวเกอตอบรับ
อย่าว่าแต่ฟางข่านตายแล้ว ต่อให้เขายังอยู่ ก็ไม่อาจขวางเยี่ยนจ้าวเกอที่มีร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกไม่ให้ข้ามทะเลจิตประสานอยู่ดี
“เรื่องที่เกิดขึ้นทางด้านระเบียงสมุทรกับทะเลลางเรือน เขาหงส์วิเศษสมควรน่าจะได้รับข่าวแล้ว ถ้าหากสองสามีภรรยาป๋ายไป๋จิ่งคังยังอยู่ เมื่อได้ยินคนบรรยายถึงรูปร่างหน้าตามของข้า ก็น่าจะสมควรเดาสถานะของข้าออก”
เยี่ยนจ้าวเกอลูบคางของตนเองพลางกล่าว “แต่ดูจากรูปการณ์แล้ว ผู้นำระดับสูงของเขาหงส์วิเศษสมควรอาจจะปิดปากเงียบสนิท ศิษย์พี่สวีกับเสี่ยวจวินน้อยเอ๋รอ์เป็นแขกของที่นั่นมาหลายปีแล้ว โลกผืนสมุทรก็ไม่ได้มีข่าวลือของพวกเขามากเกินไป ยึดถือว่าเขาเป็นจอมยุทธ์พเนจรทั่วไปก่อนที่พวกเขาจะเข้าเขาหงส์วิเศษมาโดยตลอด”
ฟู่เอิ้นเอินซูดูผิดหวังเล็กน้อย “ตามคำกล่าวของเจ้า พวกเขามายังโลกผืนสมุทรราวๆ เจ็ดแปดปีแล้ว ไม่ทราบรู้ว่าตอนนี้ อวี่เจินตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง?”
เยี่ยนจ้าวเกอชายหนุ่มได้ยินดังนั้นก็เกาศีรษะเล็กน้อย “เรื่องนี้ยังบอกไม่ได้ ได้แต่รอเราไปถึงเขาหงส์วิเศษก่อนถึงจะรู้”
เขาเอ่ยว่า “พวกเรารีบไปเขาหงส์วิเศษก่อน อาจารย์ป้าท่านรักษาอาการบาดเจ็บระหว่างทางอย่างสบายใจเถอะ”
ฟู่เอิ้นเอินซูพยักหน้า นางนั่งขัดสมาธิกลางอากาศ ก่อนจะปิดตาลง
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอกลายเป็นนกเผิง ขาสองข้างแยกจับเยี่ยนจ้าวเกอกับฟู่เอิ้นเอินซู สยายปีก บินโต้ลมด้วยความเร็วสูง
ฟู่เอิ้นเอินซูที่อยู่ด้านในไม่ได้รับความทรมานจากการโคลงเคลงเลย
เยี่ยนจ้าวเกอเงยหน้ามองร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของตน พยักหน้าเล็กน้อย “จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สมุทรสุดขอบโลกจวงคุนมีความสามารถน่าทึ่ง เสียดายที่เสียชีวิตก่อน ไม่อย่างนั้นในอนาคตไม่แน่ว่าจะไร้จึงไม่มีโอกาสไปยังโลกซ้อนโลก”
เยี่ยนจ้าวเกอเขาค่อนข้างชมเชยวรยุทธ์ของจวงคุนซึ่งมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง
ปัจจุบันหลังจากกลายเป็นร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของตน จึงสามารถฝึกปรือเพื่อเพิ่มพลังได้
เยี่ยนจ้าวเกอชายหนุ่มคำนวณในใจ ว่าสมควรใช้กระบวนท่าแบบไหนใดถึงจะทำให้ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกพัฒนาขึ้นได้เร็วกว่าเดิม
ร่างแยกนี้เป็นร่างจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ วรยุทธ์ที่ฝึกฝนแต่เดิมมั่นคงเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามกลับไม่อาจทิ้งของเดิมแล้วไปฝึกฝนคัมภีร์นภาไร้ขอบเขตได้
หากฝืนเปลี่ยน ผลสุดท้ายอาจจะเหมือนชาวหานตานหัดเดิน[1] ลืมข้อดีของตนไป ได้ไม่คุ้มเสีย
‘แต่ก็มิใช่ไม่มีวิธี เพียงแต่จำเป็นต้องปล่อยให้แม่น้ำสายน้อยค่อยๆ ไหล [2]ค่อยๆ หมักบ่ม ให้ซึมซับสภาพแวดล้อมรอบๆ’ ขณะที่ครุ่นคิดอยู่ อาคมจริงแท้ซึ่งเป็นญาณวรยุทธ์ของตัวเองก็ปรากฏขึ้นบนศีรษะของเขา พร้อมกับเปล่งแสงละลานตา
สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว การเลื่อนเป็นมหาปรมจารย์ระดับขั้นรูปญาณ ยังมีความสำคัญอีกประการหนึ่งด้วย
ในดวงตาของเขาปรากฏตัวอักษรอาคมที่น่าอัศจรรย์และงดงาม
เขาชูมือหนึ่งขึ้นเหนือศีรษะของตนเอง จากนั้นก็พลิกฝ่ามือ ตบลงด้านล่าง
การเคลื่อนไหวชัดเจนยิ่ง เปี่ยมไปด้วยความเคร่งขรึมแบบโบราณ
ในตอนนี้สภาวะพลังของเยี่ยนจ้าวเกอไม่เหมือนเดิมอีก เหมือนกับเทพจุติก็ไม่ปาน
หลังจากเขาพลิกมือรอบหนึ่ง ฟ้าดินคล้ายกับกลับตาลปัตร ท้องฟ้าพุ่งลงด้านล่างเหมือนกับลาดเอียงเพราะหนึ่งฝ่ามือ
เป็นฝ่ามือนภากว่างเฉิง หนึ่งในสามสุดยอดกระบวนท่าของสำนักเขากว่างเฉิง
ทว่า ฝ่ามือนภากว่างเฉิงที่เยี่ยนจ้าวเกอใช้ออกมาในตอนนี้ กลับคล้ายดูแตกต่างกับจากก่อนหน้า
และบนศีรษะของเยี่ยนจ้าวเกอเขา นอกจากอาคมจริงแท้อันเป็นญาณวรยุทธิ์ที่มีคัมภีร์นภาไร้ขีดจำกัดแล้ว ยังมีอาคมอีกชนิดหนึ่งค่อยๆ รวมตัวกัน
หลังจากอาคมนี้ปรากฏออกมา สภาวะพลังจากฝ่ามือนภากว่างเฉิงของเยี่ยนจ้าวเกอก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับจะเหมือนกับโค่นฟ้าโค่นแผ่นดินอย่างไรอย่างนั้น!
ไม่ใช่แค่ฟ้าดินเท่านั้น ยังรวมถึงโลกใบนี้ กฎเกณฑ์ทุกอย่างของโลกใบนี้คล้ายกับตาลปัตรเพราะเหตุการณ์นี้
กฎเกณฑ์เช่นหยินหยาง แสงสว่างความมืด ความเย็นความร้อน ความเร็วความช้า การเคลื่อนไหวความสงบนิ่ง ปรากฏออกมาในสภาพพลิกกลับ
เยี่ยนจ้าวเกอยิ้มเล็กน้อย
ฝ่ามือนภากว่างเฉิงซึ่งเป็นเคล็ดวิชาของเขากว่างเฉิง คือสิ่งที่อาจารย์ปู่ผู้ก่อตั้งสำนัก เฒ่าเบิกฟ้าชิวหยวนได้มาจากการทำความเข้าใจมรดกวิชาของสำนักหยกพิสุทธิ์ก่อนมหาภัยพิบัติ และพัฒนามาถึงวันนี้
วิชาหยกพิสุทธิ์ที่ท่านผู้เฒ่าขุดค้นและทำความเข้าใจนี้ ก็คือคัมภีร์พลิกฟ้าซึ่งเคียงคู่กับคัมภีร์นภาไร้ขีดจำกัด และคัมภีร์สวรรค์รังสรรค์ชีวิต!
คัมภีร์พลิกฟ้าก็คือวิชาเดิมของสำนักหยกพิสุทธิ์ มีความหมายว่าพลิกฟ้าพลิกดิน
ความลี้ลับและหลักการอันเป็นแก่นแท้ของมันมิใช่การพลิกฟ้าพลิกดินอย่างเดียว แต่เป็นการกลับตาลปัตรโดยสิ้นเชิง
หลักการที่ค้นคว้าคือแก่นสารของพลัง ที่แม้แต่ซึ่งฟ้าดินยังพลิกกลับเพราะมัน ในขณะเดียวกันก็สะท้อนอยู่บนหลักการมากมาย ดั่งเช่น หยินหยางพลิกกลับ ทิศทางกลับด้าน สงบเคลื่อนผสมผสาน ร้อนเย็นกลับกลาย
สองขั้ว้อที่ดูเหมือนอยู่ตรงข้ามกัน กลับผสมผสานกันเป็นเนื้อเดียว ครอบครองความมหัศจรรย์ที่อยู่ภายในใช้เคล็ดวิชาที่อยู่ด้านใน พลังเพียงจุดเดียวเล็กน้อยก็สามารถพลิกทิศทาง กระกอบกันเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน
เมื่อครู่เป็นจิตของคัมภีร์พลิกนภา ฟ้า เป็นการฝึกกระบวนท่าที่แข็งแกร่งเช่นรอยตราพลิกนภา ซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายโบราณ และมีชื่อเสี่ยงสั่นสะท้านสำเร็จ
ในอดีต เทวกษัตริย์ากว่างเฉิงซึ่งเป็นลูกศิษย์คนแรกที่ผู้ก่อตั้งสำนักหยกพิสุทธิ์เทพต้นกำเนิดรับเข้าสำนักถนัดใช้กระบวนท่านี้ ทั้งยังมีรอยตรานภาอันเป็นของวิเศษสูงค่า ไม่ทราบรู้ว่าในยุคสมัยแห่งเรื่องเล่าได้สังหารยอดฝีมือไปมากน้อยเพียงใด
ฝ่ามือนภากว่างเฉิงของเขากว่างเฉิงในปัจจุบัน ความจริงแล้วกลายพันธุ์และพัฒนามาจากรอยตราพลิกนภาที่ชำรุด
ในตอนที่เยี่ยนจ้าวเกอเลือกเรียนสามสุดยอดวรยุทธ์ เขาไม่ได้เลือกเรียนกระบี่นภาไร้ขอบเขตซึ่งเป็นท่ากระบี่ที่ตนคุ้นมือ และไม่ได้เลือกดาบนภาไร้จำกัดที่บิดาของตนฝึกปรือ แต่เลือกฝ่ามือนภากว่างเฉิง ความจริงก็เพื่อรากฐานที่วางในวันนี้
ถึงแม้จะไม่ได้ฝึกฝน แต่ก็เข้าใจคัมภีร์พลิกนภา ฟ้า ทำให้ในตอนนั้นเยี่ยนจ้าวเกอฝึกฝ่ามือนภากว่างเฉิงสำเร็จง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความเร็วในการฝึกฝนหรือความเข้าใจในการใช้วรยุทธ์ล้วนเหนือกว่าผู้อื่นทั้งสิ้น
ส่วนตอนนี้ รากฐานที่ฝ่ามือนภากว่างเฉิงวางไว้ กลายเป็นรอยตราพลิกนภา มีผลสำเร็จส่วนหนึ่งอย่างรวดเร็ว
หลังจากเลื่อนเป็นมหาปรมาจารย์ระดับขั้นรูปญาณ ได้อาคมจริงแท้ซึ่งเป็นญาณวรยุทธ์ของตัวเองมา รากฐานหยั่งรากในขั้นแรกอย่างมั่นคง เยี่ยนจ้าวเกอจึงเรียนกระบวนท่าอื่นนอกจากคัมภีร์นภาไร้ขีดจำกัดแล้ว
……………………………………….
[1] ชาวหานตานหัดเดิน สุภาษิตจีน คอยแต่เลียนแบบผู้อื่น
[2] ปล่อยให้แม่น้ำสายน้อยค่อยๆ ไหล สุภาษิตจีน หมายถึง ค่อยๆ เก็บหอมรอมริด