ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกวาดมือขวาที่กำปลายหอกไว้ลงด้านล่าง คมหอกที่น่ากลัวถูกระตุ้นโดยพลังมหาศาลไร้ขีดจำกัด ฟันท้องของผู่เจี๋ยออกมา
แสงสว่างที่ผสมระหว่างสีแดงและสีทองหลายสายทำลายอวัยวะภายใน กระดูก และเส้นเลือดของผู่เจี๋ยจนหมดสิ้น
ระหว่างฟ้าดินเกิดเสียงดังกรอบๆ เหมือนกับก้อนหินจำนวนนนับไม่ถ้วนแตกร้าว
กล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเพชรของยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ไม่อาจต้านทานพลังอันน่ากลัวของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก ถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง
เลือดพรั่งพรูออกมา เร่าร้อนยิ่งกว่าหินหนืดจากภูเขาไฟสาดไปทั่วผืนดิน เป็นเพลิงโหดที่กระจัดกระจัดกายไปทั่วภูเขาลำเนาไพร
เยี่ยนจ้าวเกอสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง โบกมือดับไฟทั้งหมด
ผู่เจี๋ยเบิกตาโพลง ประกายตาค่อยๆ สลายไป ลูกไฟชีวิตดับสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธ์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่กลางอากาศ หรือจอมยุทธ์เขากว่างเฉิงที่อยู่บนยอดเขาเฉียนเทียน ต่างก็มองเหตุการณ์นี้ด้วยความงุนงง
พลังโจมตีของสภาพเบื้องหน้านี้ ทำให้พวกเขารู้สึกตื่นตระหนกยิ่งกว่าที่เยี่ยนจ้าวเกอสังหารหวงซวี่ ด้วยฝ่ามือเดียวก่อนหน้านี้เสียอีก
หวงซวี่ถึงแม้จะเป็นเจ้าสำนักคนปัจจุบันของสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ทว่าสุดท้ายก็เป็นคนของโลกแปดพิภพ ไม่ว่าจะเป็นศัตรูหรือฝ่ายตัวเองต่างคบหาเขาไม่น้อย จึงคุ้นเคยเป็นอย่างดี
ทั้งสองฝ่ายสู้กันทั้งในที่ลับและที่แจ้งมาหลายปี หวงซวี่ตายด้วยมือเยี่ยนจ้าวเกอ แม้ว่าจะทำให้ทุกคนตกใจ แต่ไม่ทันไรก็รับได้
ทว่าผู่เจี๋ยกลับไม่ใช่คนของโลกแปดพิภพ แต่มาจากโลกซ้อนโลกในตำนาน
ต่อให้จะเป็นตอนนี้ สำหรับคนจำนวนมากแล้ว ที่นั่นยังมีสิ่งที่ยังไม่รู้และไม่อาจจะจินตนาการถึงมากมาย
เหมือนกับที่สวรรค์ชั้นฟ้าเป็นคนละระดับกับโลกแปดพิภพที่พวกเขาอาศัยอยู่ เหมือนกับตัวตนที่เหมือนกับโลกแห่งเซียนในสายตาของทุกคน
สำหรับสำนักแสงสว่าง ต่อให้เป็นจอมยุทธ์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่รู้ว่าที่นั่นแข็งแกร่งถึงระดับไหนกันแน่
พวกเขาเพียงแต่รู้ว่า หลังจากอีกฝ่ายได้รับข่าวแล้ว ก็รีบส่งคนมายังโลกแปดพิภพทันที
หากดูจากการสนทนานานๆ ครั้งแล้ว ในสายตาของหยางจ่านหัวและผู่เจี๋ย ‘การลงมา’ ยังแปดพิภพไม่ใช่เรื่องดีนัก
ถ้าหากไม่ใช่เพราะของวิเศษอย่างตราประทับตะวัน และมงกุฎจันทราสามารถสร้างคุณูปการได้มาก ย่อมไม่มีคนยอม ‘ลงมา’
เช่นนี้เอง ยอดฝีมือของสำนักแสงสว่างที่ลงมาสามารถกวาดล้างแปดพิภพได้
ต่อให้ที่นี่จะมีเยี่ยนตี๋ที่ไม่ด้อยกว่าจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสาม อีกฝ่ายกลับเตรียมตัวอาศัยจำนวนรุมสังหาร
ผู่เจี๋ยไม่ใช่ลูกศิษย์สายตรง แต่ในฐานะจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ กลับมีตำแหน่งในสำนักแสงสว่างที่ไม่ธรรมดา
ปัจจุบันเยี่ยนจ้าวเกอสังหารผู่เจี๋ยอย่างเหี้ยมหาญ จะไม่ทำให้ทุกคนรู้สึกทำอะไรไม่ถูกได้อย่างไร?
จอมยุทธ์จากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์มองเยี่ยนจ้าวเกอ “บ้าไปแล้วหรือ?”
“หรือเขาจะไม่รู้ว่า ถ้าเป็นเช่นนี้จะไม่มีทางอยู่ร่วมกับสำนักแสงสว่างได้อีก”
“คนจากสำนักแสงสว่างที่ลงมายังแปดพิภพ ไม่ได้มีแค่ยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสองแค่สองคนนี้ ยังมีอยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามและจอมยุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ด้วย!”
ถึงแม้ในใจอยากจะให้สำนักแสงสว่างทำลายเขากว่างเฉิง ทว่าตอนนี้เมื่อเห็นเยี่ยนจ้าวเกอถึงกับสังหารผู่เจี๋ยอย่างเหี้ยมหาญ คนในสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา
“สำนักแสงสว่างคงไม่เอาเรื่องแปดพิภพ ไม่เอาเรื่องพวกเรากระมัง?”
“อย่างอื่นยังไม่รู้ แต่ว่าเด็กน้อยผู้นี้สร้างปัญหาใหญ่ถึงเพียงนี้ จะต้องมีความคิดความอ่านแน่นอน”
พวกจางคุนที่อยู่บนเขากว่างเฉิงก็สีหน้าซีดขาวเช่นกัน
ในสถานการณ์ที่ต้องตาย ถูกคนข่มเหงถึงสำนัก ทุกคนย่อมมีความกล้าแข็งขืนถึงที่สุด ยอมเอาชีวิตเข้าแลก
แต่เมื่อสถานการณ์ไม่ได้เร่งร้อนเหมือนตอนแรก เยี่ยนจ้าวเกอกลับฆ่าอีกฝ่ายอย่างเหี้ยมหาญ สร้างความแค้นขึ้น พวกจางคุนและฉางหนิงพลันรู้สึกขื่นขมในใจ
จางคุนอดส่งเสียงเตือนไม่ได้ “จ้าวเกอ! จอมยุทธ์สำนักแสงสว่างที่มาจากโลกซ้อนโลกไม่ได้มีแค่สองคน อย่างน้อยยังมียอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่หนึ่งคน กับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามสองคนที่ลงมาด้วย!”
เยี่ยนจ้าวเกอหันไปมองยอดเขาเฉียนเทียน พยักหน้าเหมือนไม่มีเรื่องราวใด “ถึงแม้จะไม่ทราบถึงจำนวนที่แท้จริง แต่แค่คิดดูก็รู้แล้วว่ายอดฝีมือของอีกฝ่ายน่าจะมีอยู่ไม่น้อย”
“สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์คงบอกสถานการณ์ของบิดาเจ้าให้คนจากสำนักแสงสว่างฟังแล้ว พวกเขาคิดลงมาเพื่อสร้างปัญหาให้พวกเรา จะต้องคิดบัญชีบิดาเจ้าด้วยแน่นอน”
ชายหนุ่มเงยหน้าครุ่นคิด “จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่ลงมายังแปดพิภพ จะถูกจำกัดให้อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามระดับสุดยอด นั่นเท่ากับมีจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามถึงสามคน”
จางคุนเอ่ย “ถูกต้อง บิดาเจ้าต้องใช้เวลาอีกสักพักในผนึกทะเลตะวันออกถึงจะออกมาได้ แต่ต่อให้เขาออกมาก็ไม่อาจสู้ศัตรูหลายคน…”
ขณะที่เขาพูด เยี่ยนจ้าวเกอกลับสะบัดมือ ไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้านั้นหล่นไปอยู่ในมือของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก
จากนั้นร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกก็หมุนกายเข้าไปในวังฝูงมังกร!
ทุกคนอ้าปากตาค้าง
“จ้าวเกอ ผู่เจี๋ยนั่นบอกว่าเป็นแขกของสำนักแสงสว่าง ไม่ใช่ศิษย์สายตรง ส่วนหยางจ่านหัวนั่นเกรงว่าจะเป็นศิษย์สายตรงของสำนักแสงสว่าง!” จางคุนเบิกตาโพลง
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ “ข้าทราบแล้ว ที่ข้าจะสู้ด้วยก็คือศิษย์สายตรงอย่างเขานี่เอง”
จางคุนอ้าปากแต่พูดอะไรไม่ออก
หลายปีมานี้ เยี่ยนจ้าวเกอประสบความสำเร็จอย่างงดงาม สร้างคุณูปการอย่างใหญ่หลวงไม่หยุดยั้ง เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งรุ่นเยาว์ของโลกแปดพิภพ อยู่ในระดับเดียวกับผู้อาวุโสของแต่ละสำนัก
ตำแหน่ง สถานะ พลัง และฝีมือ ไม่อาจนำคนอายุน้อยทั่วไปมาเปรียบเทียบได้อีกแล้ว
บางครั้งแม้แต่คนในเขากว่างเฉิงยังลืมไปว่า ภายใต้ท่าทางสบายอารมณ์ของคนหนุ่มเบื้องหน้านี้ เป็นวิญญาณที่ยโสโอหังดวงหนึ่ง
ยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งรุนเยาว์ผู้นี้มีความสามารถในการก่อเรื่องโดดเด่นเช่นเดียวกับความสามารถในการสร้างผลงาน
เพียงแต่ว่าจุดที่ไม่เหมือนกับคนอื่นอยู่ที่ ต่อให้เขาทะลุท้องฟ้าออกไป ล้วนไม่จำเป็นต้องให้ผู้อื่นคอยสะสางปัญหา ตนสามารถดึงให้ท้องฟ้าเอียงได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นจึงมีชื่อเสียงเช่นทุกวันนี้
ในตอนนี้วังฝูงมังกรสั่นไหวอย่างต่อเนื่อง หยางจ่านหัวพุ่งออกมาจากด้านใน
ขณะเขากำลังจะพุ่งออกมาจากประตูวังฝูงมังกร ประตูก็พลันอ้าออก
หยานจ่านหัวคิดจะพุ่งออกมา แต่ว่าด้านหน้ากลับพร่ามัว หอกอันครอบกริบมาถึงเบื้องหน้า
ความรู้สึกที่คุ้ยเคยเช่นนี้…
หยางจ่านหัวเดือดดาล กลับไม่อาจทำอย่างไรได้
เหมือนกับเวลาไหลกลับด้าน วิธีการที่คุ้นเคย ท่วงท่าที่คุ้นเคย เกิดขึ้นเหมือนเดิม
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกแทงหอกออกอีกครั้ง กดดันให้หยางจ่านหัวถอยไปในวังฝูงมังกร
ครั้งนี้ประตูใหญ่ของวังฝูงมังกรไม่ได้ปิดลง ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกพุ่งเข้ามา โจมตีหยางจ่านหัวด้วยสภาวะหอกที่เหมือนกับห่าฝน!
หยางจ่านหัวมองร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกที่สวมเกราะเหมันต์ทระนง ตวาดว่า “ประเสริฐ มาดูกันว่าเจ้ามีความสามารถขนาดไหน!”
ภายใต้การเสริมพลังของมงกุฎตะวันฟ้าสาง สภาวะฝ่ามือของเขาเหมือนกับไร้สิ้นสุด ประกายแสงเจิดจ้าส่องสว่างไม่ขาดตอน ทำให้ฟ้าดินเป็นสีขาวโพลนเหมือนไร้กลางวันไร้กลางคืน
วรยุทธ์สายตรงของสำนักแสงสว่าง ฝ่ามือแสงไร้สิ้นสุด!
ทว่าครั้งนี้ ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกลับไม่ได้เข้าปะทะ มันใช้มือหนึ่งกำหอก สภาวะหอกพลันเปลี่ยนจากแข็งเป็นอ่อน ป้องกันพลังฝ่ามือของหยางจ่านหัว
อีกมือหนึ่งง้างกระบองไม้ไผ่สีเขียวขึ้น แล้วฟาดใส่มงกุฎตะวันฟ้าสางของหยางจ่านหัว
ก่อนหน้านี้หยางจ่านหัวติดอยู่ในวังฝูงมังกร เห็นไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าดูธรรมดา ไม่มีจุดใดผิดปกติ ในใจรู้สึกสงสัยขึ้นมา
ถึงแม้จะอดกลั้นเพลิงโทสะไว้ขนาดไหน แต่เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ผิดปกติ เขายังตัดสินใจอย่างใจเย็น คิดหลบหลีกก่อน
กระนั้นท่าหอกของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกกลับเปลี่ยนแข็งเป็นอ่อนพัวพันหยางจ่านหัวไว้ ทำให้เขาช้าลงหนึ่งก้าว มงกุฎตะวันฟ้าสางถูกไม้ไผ่ฟาดใส่
มงกุฎสีทองที่ปล่อยแสงว่างไร้สิ้นสุดพลันสั่นไหวครั้งหนึ่ง ก่อนจะดับแสงลง!
“หือ?!” หยางจ่านหัวมองไม้ไผ่สีเขียวขี้ม้าที่ไม่มีพลังและกลิ่นอายใดๆ อย่างทำอะไรไม่ถูก อดเกิดความรู้สึกสับสนไม่ได้