“ผู้คุมหออันเกรงใจไปแล้ว ข้าไม่ใช่คนชอบต่อสู้ เพียงแต่สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และตำหนักอัสนีสวรรค์คิดว่าเขากว่างเฉิงของข้าอ่อนแอข่มเหงได้ เช่นนั้นพวกเขาต้องจ่ายราคาความหลงระเลิงของตัวเอง”
เยี่ยนจ้าวเกอประสานมือให้อันชิงหลินเบื้องหน้า
อันชิงหลินคำนับตอบอย่างจริงจัง “สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และตำหนักอัสนีสวรรค์ทำผิด ย่อมต้องได้รับโทษ”
นางมองเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่เบื้องหน้าอย่างสะท้อนใจ
ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสที่มีตำแหน่งและอำนาจสูงอย่างจางคุนและเหอหนิงจะอยู่ด้วย แต่ว่าเขากว่างเฉินในตอนนี้ให้ชายหนุ่มผู้นี้เป็นผู้ตัดสินใจ แม้แต่ในการพบหน้ากับตนยังให้เขาเป็นประธาน
หลังจากพบเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว อันชิงหลินก็รู้สึกได้ว่า ถึงแม้เขาจะยังเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณ แต่พลังฝึกปรือของเขาน่าตกตะลึงยิ่ง เกรงว่ามหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรมจะสู้เขาไม่ได้แล้ว
แม้จะยังคงไม่เข้าใจว่าเหตุใดเยี่ยนจ้าวเกอถึงฆ่าเติ้งเซิน ซุนฮ่าว และหลิวเฟิง ยอดฝีมือที่สามารถสยบโลกแปดพิภพให้ตายได้ แต่อันชิงหลินย่อมไม่กล้าดูถูก
ในสายตาของนาง ชายหนุ่มตรงหน้านี้เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะเป็นผู้ที่เข้มแข็งที่สุดบนโลกแปดพิภพในปัจจุบัน
พวกเติ้งเซินสามารถกวาดล้างแปดพิภพได้ เช่นนั้นคนที่สังหารพวกเขาได้หมดสิ้นจะน่ากลัวถึงขนาดไหน?
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้มีความสามารถน่าพรั่นพรึงเช่นนั้นจริงๆ เพียงดูที่ตัวเขา อายุยังน้อยก็เป็นมหาปรมาจารย์ขั้นเก้า ขั้นรูปญาณระยะท้ายแล้ว พลังและพรสวรรค์เช่นนี้ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันไม่มีใครเทียบได้
อัจฉริยะที่ยังไม่เติบโตไม่นับว่าเป็นอัจฉริยะ กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอก็ได้เติบโตถึงระดับนี้แล้ว มากพอจะทำให้ผู้มีอำนาจที่มีจำนวนน้อยอย่างอันชิงหลินต้องให้ความสำคัญในระดับเดียวกัน
สิ่งที่ทำให้อันชิงหลินรู้สึกโล่งใจก็คือ ถึงแม้ตลอดมาจะมีคนบอกว่าเยี่ยนจ้าวเกอหยิ่งผยอง ทว่าในตอนนี้เขายังไม่แสดงความโหดร้ายทารุณเลย
เขากว่างเฉิงทำให้ใต้หล้าตกตะลึงด้วยการต่อสู้เพียงครั้งเดียว เอาชนะสำนักแสงสว่างซึ่งเป็นยอดฝีมือจากโลกเบื้องบน ทำลายสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์และตำหนักอัสนีสวรรค์ศัตรูคู่อาฆาต ไม่จำเป็นต้องถกเถียงถึงความยิ่งใหญ่ในใต้หล้าของพวกเขาอีกแล้ว
ต่อให้แดนศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือจะร่วมมือกันก็ไม่อาจรับมือได้
ทุกคนได้แต่ยอมศิโรราบ แต่ต่างฝ่ายจะคบหากันอย่างไร กำหนดมาตรฐานอย่างไร ยังอดทำให้ผู้คนเป็นห่วงไม่ได้
ถ้าหากเขากว่างเฉิงต้องการทุกสิ่ง เช่นนั้นก็ไม่ต่างอะไรจากการถูกทำลายสำนัก ได้แต่ต่อต้านอย่างจนปัญญา
ทว่าหากดูจากปัจจุบัน อย่างน้อยเยี่ยนจ้าวเกอก็ไม่มีความคิดนี้
ตามการสังเกตของอันชิงหลิน ตอนนี้ท่าทีของเขากว่างเฉิงคล้ายกับยุคที่จ่านตงเก๋อ ผู้สะเทือนสวรรค์ยืนอยู่ในจุดสูงสุด
ในตอนนั้นจ่านตงเก๋อปีนขึ้นสู่จุดสูงสุด ทำให้ใต้หล้าไม่กล้าไม่ยอมรับ แต่ว่าเขาก็ไม่ได้รีดเค้นขุมกำลังอื่น
มีเพียงแต่ตอนที่เขานิมิตทมิฬโจมตีสำนักในตอนที่จ่านตงเก๋อเข้าฌาน เป็นเหตุให้จ่านตงเก๋อทำลายสำนักเขานิมิตทมิฬหลังจากออกฌานเท่านั้น
สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ประสงค์ร้าย แต่ไม่ได้ลงมือจริงๆ สุดท้ายจางเชา จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์อาทิตย์ม่วงขังตัวเองในเขาอัคคีที่ทุ่งร้างแดนใต้เพื่อรับโทษ จ่านตงเก๋อจึงไม่ได้สร้างปัญหาให้สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์
‘เพียงแต่ในตอนนั้นผู้สะเทือนสวรรค์ก็ไม่ได้อายุน้อยขนาดนี้’ อันชิงหลินทอดถอนใจ ‘ถึงแม้เยี่ยนจ้าวเกอจะยโสโอหัง แต่เกรงว่าว่าปณิธานของเขาจะไม่ได้อยู่ที่แปดพิภพ มิน่าตอนนี้ถึงได้ใจกว้างถึงเพียงนี้’
“แปดพิภพไม่อาจบรรจุความอัจฉริยะของเขาได้”
อันชิงหลินออกจากเขากว่างเฉิง ขณะที่เดินทางก็หันหน้ามองไป ‘ผู้ขี่มังกรสู่ฟากฟ้า ใช้มือเดียวยกนภา ปราชญ์ภาพวาดคงนึกไม่ถึงว่าประโยคหลังจะเป็นจริงเร็วเช่นนี้กระมัง?
“มือเดียวค้ำฟ้า มือเดียวบังนภา…”
หลังจากส่งอันชิงหลินออกจากสำนักแล้ว เยี่ยนจ้าวเกอมองไปยังพวกฟู่เอินซูที่อยู่ด้านข้าง พูดด้วยรอยยิ้ม “สามารถมอบขวานจามสวรรค์ให้เขาไร้พรมแดนได้”
ผู้อาวุโสระดับหนึ่งแห่งหุบเขาผนึกเวหากล่าวว่า “พวกเราได้ดูเหตการณ์ในไข่มุกมองฟ้าแล้ว ต่อให้ฉางเจิ้นไม่ลงมือ หลี่จิ่งถูก็ไม่อาจหนีความตายพ้น ขวานจามสวรรค์สุดท้ายตกอยู่ในมือสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์อาศัยความสามารถชิงขวานจามสวรรค์มาจากมือของพวกเขา พวกเราชิงมาจากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้ติดค้างพวกเขา”
“คนที่ติดค้างชีวิตของหลี่จิ่งถูคือฉางเจิ้น และวันนี้เขาก็เสียชีวิตแล้ว”
เยี่ยนจ้าวเกอโบกมือ พูดอย่างไม่สนใจ “ถึงอย่างไรก็เป็นพันธมิตรกัน ถึงจะถูกข้าหลอกลงเรือ แต่ตั้งแต่ผูกมิตรกันก็นับว่าบุกด้วยกันถอยด้วยกัน”
“เรื่องฆ่าคนวางเพลิงยังไม่นับว่าเป็นไร แต่เรื่องข้ามแม่น้ำรื้อสะพานยังคงไม่ทำจะดีกว่า ก่อนหน้านี้ร่วมกันผ่านอุปสรรคมาได้แล้ว วันนี้ย่อมพากันเจริญได้”
“แน่นอนว่าอย่าเอาให้พวกเขาง่ายดายนัก ของที่คนได้มาง่ายๆ มักจะไม่ค่อยทะนุถนอม ได้คืบจะเอาศอก ไม่รู้จักประเมินค่าตัวเอง”
ผู้อาวุโสกงได้ยิน สบตากับพวกฟู่เอินซู พากันพยักหน้าช้าๆ
สีหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอจริงจังขึ้น กล่าวต่อ “สำหรับสำนักเราแล้ว อาวุธศักดิ์สิทธิ์ชิ้นหนึ่งล้ำค่าจริงๆ แต่ว่าในตอนนี้สามารถรวบรวมทรัพยากรในแปดพิภพรวมถึงสี่ทะเลแปดทุ่งร้างได้แล้ว การเพิ่มพลังของปรมาจารย์ชนิดก้าวกระโดดอยู่ใกล้ตรงหน้านี้เอง”
เขาพูดทีละคำ “ตอนนี้ข้ามีความมั่นใจเต็มเปี่ยม จะเพิ่มระดับเตาผลึกหินชั้นในอีกครั้ง”
พวกฟู่เอินซูต่างฮึกเหิม
เยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้พูดจาส่งเดช ตอนนี้ต่อให้เยี่ยนตี๋ยังอยู่ที่ทะเลตะวันออก เขาก็มั่นใจว่าจะเพิ่มประสิทธิผลของเตาผลึกหินชั้นในได้
ตัวเขาไม่ได้อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ กระนั้นกลับมีร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก ด้วยเหตุนี้ การเพิ่มระดับเตาผลึกหินชั้นในจึงเป็นเรื่องที่กำหนดไว้อยู่แล้ว
การผลิตอาวุธวิญญาณชั้นสูงไม่ใช่วิมานในอากาศอีกต่อไป
ปัจจัยจำกัดเพียงหนึ่งเดียวก็คือมีวัตถุดิบไม่พอ แต่ตอนนี้เขากว่างเฉิงเป็นหนึ่งในใต้หล้า ยึดกุมโลกแปดพิภพทั้งหมด ต่อให้ผืนดินอันกว้างใหญ่ไม่ได้อยู่ในการควบคุมของเขากว่างเฉิง แต่ถูกควบคุมโดยหอคลื่นโหม หากเขากว่างเฉิงอยากได้วัตถุดิบใดก็ย่อมต้องบรรณาการให้ก่อน
การพุ่งทยานในด้านพลังโดยรวมของเขากว่างเฉิงเข้าใกล้เบื้องหน้าแล้ว
อาวุธศักดิ์สิทธิ์ยังคงไม่อาจสร้าง กระนั้นเมื่อได้รับศพมังกรจำนวนมากมาจากสุสานมังกร และมีเตาผลึกหินชั้นในหลังจากเพิ่มระดับ กอปรกับมีวิชาหลอมอาวุธที่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกของเยี่ยนจ้าวเกอสามารถแสดงพลังได้อย่างยิ่งใหญ่ ก็มีความหวังเหมือนกัน
พึงทราบว่า สำหรับเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว วัตถุดิบที่ได้มาจากสุสานมังกรสามารถหลอมสร้างอาวุธศักดิ์สิทธิ์ชั้นกลางได้ เพียงแต่สำนักในตอนนี้ยังไม่มียอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เหนือกว่าขั้นสามขึ้นไป
ทว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้เสียดาย ของวิเศษสามารถแม้แปรรูปได้ทันเวลา ทว่าต้องใช้ได้อย่างแท้จริงจึงจะเป็นของวิเศษที่มีคุณค่า
การใช้ของวิเศษเพื่อเพิ่มพลังของตัวเองในตอนนี้ ดูเหมือนจะน่าเสียดาย แต่ในอนาคตย่อมแย่งชิงของที่ดีกว่าได้
ผู้อาวุโสฉินเอ่ยขึ้น “ยังมีอีกเรื่อง ปล่อยให้เขาไร้พรมแดนเหยียบย่ำอัสนีพิภพ เดิมทีก็ไม่มีอะไร แต่ว่าเกาะจ้าวซึ่งเป็นหนึ่งในหกเกาะของอัสนีพิภพ…”
เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะ “ข้ากับบิดาข้าถือว่าบ้านของพวกเราอยู่ที่เกาะนภากลาง ตอนนี้คนในครอบครัวหลายคนก็คิดเหมือนกัน”
“มีคนที่ต้องการกลับเกาะจ้าวที่อัสนีพิภพเช่นกัน พวกเราย่อมไม่รั้งไว้ สถานการณ์ในตอนนี้ ต่อให้เขาไร้พรมแดนกับเมืองทะเลมรกตยึดครองเกาะจ้าว ก็จะไม่สร้างปัญหาให้ครอบครัวของข้า กลับเป็นคนพวกนี้ไปยังดินแดนของผู้อื่น อาจจะกลายเป็นประชากรนอกกฎหมาย ออกอาละวาดตามใจ”
ชายหนุ่มพูดต่อ “แต่ว่าสถานที่ที่เคยเป็นตำหนักอัสนีสวรรค์ สองสำนักนั้นย่อมไม่อาจเหยียบย่ำ ที่นั่นยังมีทางเชื่อมเขตแดนที่เฉินหัวล้านเปิดขึ้น ไม่ทราบว่าเชื่อมไปยังที่ใด ถูกข้าผนึกไว้ชั่วคราว ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาไปยังที่นั่น ให้คนเฝ้าผนึกไว้แต่อย่าแตะต้อง”
ผู้อาวุโสฉินพยักหน้าเล็กน้อย “ในเมื่อเจ้ามีแผนการแล้ว เช่นนั้นข้าจะไม่กล่าวมากความ”
ต่อมา ข่าวที่ส่งมาจากอัสนีพิภพก็ทำให้ทั่วทั้งเขากว่างเฉิงอดยิ้มไม่ได้
ถึงแม้ว่าเขาไร้พรมแดนและเมืองทะเลมรกตจะแบ่งปันอัสนีพิภพเหมือนปรองดองกัน แต่กลับเอาไปเพียงสองเกาะ ส่วนอีกสองเกาะใจกลางอัสนีพิภพซึ่งก็คือเกาะโยวและเกาะจ้าวถูกทิ้งไว้
เกาะโยว ยังเรียกว่าเกาะเยี่ยน ได้รับขนานนามว่าคู่กับเกาะจ้าว ว่าดินแดนแห่งเยี่ยนจ้าวมาตั้งแต่โบราณ
ดินแดนแห่งเยี่ยนจ้าวมีวีรบุรุษผู้ขับขานบทเพลงมากมาย[1] นี่เป็นที่มาของชื่อเยี่ยนจ้าวเกอ
ปัจจุบันไม่มีขุมกำลังใดในโลกแปดพิภพนอกจากเขากว่างเฉิงกล้าเหยียบที่นี่อีกต่อไป
……………………………………….
[1] ดินแดนแห่งเยี่ยนจ้าวมีวีรบุรุษผู้ขับขานบทเพลงมากมาย เป็นคำพูดของหานอวี้ซึ่งเป็นผู้มีชื่อเสียงในสมัยราชวงศ์ถัง คำกล่าวนี้หมายถึงดินแดนเยี่ยนจ้าวหรือเหอเป่ยในปัจจุบันมีวีรบุรุษเกิดขึ้นมากมาย
Next