มูลค่าของซากมังกรสมบูรณ์ตัวหนึ่ง ที่ได้มาจากที่อยู่เดิมของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์มังกรน้ำแข็ง ก็ถึงขั้นทำให้คนถอนใจชมเชยแล้ว
ตอนนี้ฝูงมังกรที่ปรากฏขึ้นด้านหน้าเยี่ยนจ้าวเกอมีคุณค่าอยู่ในระดับที่ไม่อาจประเมินได้ แค่คิดดูก็ทำให้คนรู้สึกหนังศีรษะชาแล้ว
กระนั้นพอคิดว่าฝูงมังกรจำนวนมากขนาดนี้ฝังร่างลงที่นี่ หลังจากความยินดีแรกสุด ความพลุ่งพล่านในใจของทุกคนก็เริ่มสลาย สันหลังกลับเย็นวาบขึ้นมา
แม้แต่คนที่ไม่ค่อยกลัวอะไรอย่างฟู่เอินซู สีหน้าก็กลายเป็นหนักใจถึงขีดสุด
เยี่ยนจ้าวเกอกวาดตามองไป ‘หลังจากผ่านหายนะหลายครั้งก่อนหน้า ปราณวิญญาณที่แฝงอยู่ที่นี่หายไปมากกว่าครึ่ง แต่ถ้าหากทั้งหมดระเบิดออกมา เกรงว่าโลกผืนสมุทรจะประสบกับภัยพิบัติล้างโลกอีกครั้ง’
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกดวงตาเป็นประกาย มองไปยังบริเวณใจกลางที่ฝูงมังกรยึดอยู่ ที่ตรงนั้นมีชายชราหน้าตาน่าเกรงขามยืนอยู่กลางอากาศ
เมื่อมาอยู่ในหุบเหวเหมันต์บรรพกาล มังกรเหลืองก็ไม่อาจปกปิดร่องรอยได้อีก ทำให้ชายชราผู้นั้นพบพวกเยี่ยนจ้าวเกอแล้วเช่นกัน
เมื่อเห็นร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก สีหน้าที่เคร่งขรึมอยู่แล้วของชายชราก็ดุดันขึ้นกว่าเดิม
เขาคือจ้าวจ้ง ‘สังหารเจ็ดทะเล’ เจ้าสำนักสังหารมังกร หนึ่งในหกพรรคมาร ผู้ถูกยกย่องให้เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของโลกผืนสมุทรก่อนที่เยี่ยนจ้าวเกอจะปรากฏตัวขึ้น
จ้าวจ้งมองเยี่ยนจ้าวเกอกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเขม็ง ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ “สมคำร่ำลือ”
เยี่ยนจ้าวเกอมีสีหน้าสงบนิ่ง “ใต้เท้ามาถึงเร็วนัก”
“ที่สำนักของข้ามีชื่อว่าสำนักสังหารมังกร ไม่ใช่ไม่มีเหตุผล” เสียงของจ้าวจ้งเหมือนกับคมมีดดุดัน ทำลายบรรยากาศเย็นเยือกหนาหนักที่ก้นหุบเหว “กลับเป็นท่าน เป็นเพราะท่านเตรียมตัวไว้อยู่แล้ว ท่านได้อะไรมาหลังจากสังหารลิ่นเชียนเฉิง?”
ชายหนุ่มยิ้ม “ตอนนี้เรื่องเหล่านี้ไม่สำคัญอีกแล้ว”
จ้าวจ้งพยักหน้า “ไม่สำคัญจริงๆ”
ขณะที่พูด เขายกฝ่ามือขึ้น แล้วฟันลงด้านล่างเหมือนกับดาบ
ไม่เห็นคมมีด ไม่เห็นปราณดาบ ไม่เห็นประกายดาบ ไร้สุ้มไร้เสียง แต่ว่ามังกรสีแดงตัวหนึ่งด้านล่าง กลับคอหลุดออกจากบ่า!
ในพริบตานั้น มังกรสีแดงที่ตายไปแล้วเหมือนรับรู้ได้ถึงอันตราย มีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง ร่างกายขยับเล็กน้อย
แต่ว่าหลังจากจ้าวจ้งฟันดาบลงแล้ว มังกรสีแดงก็สิ้นชีวิตไป
เยี่ยนจ้าวเกอขมวดคิ้ว จ้าวจ้งเอ่ยอย่างราบเรียบ “ข้าไม่เหมือนกับพวกท่าน ข้ามาที่นี่เพื่อสังหารมังกร ถึงแม้ว่าจะเป็นศพมังกร แต่ว่าร่างกายอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อม และมีจำนวนมากมาย ยังคงมีประโยชน์อยู่”
แน่นอนว่ามังกรมากมายขนาดนี้ย่อมมีประโยชน์ ต่อให้เป็นมังกรที่ตายแล้ว หากถูกฆ่าจนหมด เขาจะขึ้นไปยังโลกซ้อนโลกได้อย่างสบายเหลือแหล่
อีกทั้งยังสะดวกสบายยิ่ง มังกรจำนวนมากขนาดนี้ถ้าเกิดยังมีชีวิตอยู่ ไม่ต้องขยับกรงเล็บ แค่มังกรแต่ละตัวพ่นน้ำลายออกมาก็กลบฝังเขาจนตายได้แล้ว
สถานที่แห่งนี้สำหรับจ้าวจ้งแล้ว เป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ยิ่งกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ ทุกคนยังต้องพิจารณาเอาของล้ำค่าออกไป เขาแค่ลงมืออยู่ที่เดิมก็ใช้ได้แล้ว
“เหอะ สำนักสังหารมังกรเข้ามาในสุสานมังกร น่าสนใจจริงๆ” เยี่ยนจ้าวเกอหัวเราะเล็กน้อย ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกพุ่งออกไปท่ามกลางเสียงกู่ร้อง
กำปั้นไปถึงหน้าจ้าวจ้งในชั่วพริบตาเหมือนกับคมหอก
ร่างของจ้าวจ้งไม่เปลี่ยนแปลง ฟันดาบออกครั้งหนึ่ง
การปะทะกันระหว่างหอกเทพสมุทรสุดขอบโลกกับดาบเจ็ดทะเลสังหารมังกร ทำให้ไอเย็นที่ก้นเหวลึกสลายไปหมด
ยอดฝีมือระดับศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองแลกเปลี่ยนกระบวนท่าติดต่อกันสิบกว่ากระบวนท่า แต่ละท่าอันตรายเป็นอย่างยิ่ง!
ขณะที่เอาตัวบุกเข้าไป เลือดก็กระจายกลางอากาศ เห็นบนเอวของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกปรากฏรอยดาบขึ้นรอยหนึ่ง เลือดไหลออกมาจากด้านในอย่างต่อเนื่อง
ร่างกายอันแข็งแกร่งของจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ควบคุมให้กล้ามเนื้อสมานบาดแผล ทว่ากลับไม่อาจห้ามเลือดได้ชั่วคราว ตรงบาดแผลมีจิตดาบอันน่ากลัวกำลังทำลาย
ส่วนหัวไหล่ของจ้าวจ้งถูกแทงทะลุ รูขนาดใหญ่เป็นเลือดเนื้อเลอะเลือน ถ้าไม่ใช่เขาหลบทันเวลา บริเวณที่หอกนี้จะแทงทะลุก็คือหัวใจ
คนทั้งสองต่างมีวรยุทธ์รุนแรงสุดขีด มีลักษณะบ้าคลั่งแข็งกร้าว ลงมือก็ตัดสินความเป็นความตาย ได้รับบาดเจ็บในไม่กี่กระบวนท่า
ตั้งแต่เยี่ยนจ้าวเกอหลอมร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกมา บัดนี้นับว่ามันได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นครั้งแรก
จิตใจของจ้าวจ้งเย็นเยียบยิ่งกว่า ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยประมือกับจวงคุน จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์สุดขอบโลกมาก่อน แต่ว่าเมื่อรวมความสามารถและผลการรบแต่ละอย่างที่เคยได้ยินมา เขาเชื่อว่าตนเหนือกว่าคนโบราณ อย่างไรพลังของเขาก็เหนือกว่าจวงคุน
แต่เขาไม่คาดคิดเลย ว่าหลังจากถูกเยี่ยนจ้าวเกอหลอมเป็นร่างแยกแล้ว พลังของคราบจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ถึงกับเหนือกว่าแต่ก่อน
กอปรกับเมื่อรวมกับการลงมือของร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก ที่ระเบียงสมุทรและทะเลตาข่ายดาวก่อนหน้านี้แล้ว ไม่เจอเพียงแค่พักเดียว พลังกลับเพิ่มระดับขึ้น
จ้างจ้งมองเยี่ยนจ้าวเกอที่อยู่ห่างออกไปเขม็ง
ตอนนี้ถ้ามีใครยังกล้าพูดว่าเยี่ยนจ้าวเกอเพียงอาศัยร่างแยกจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์จึงทำตัวเหิมเกริมได้ เขาจ้าวจ้งจะตบหน้าคนผู้นั้นก่อนค่อยว่ากล่าว!
สิ่งที่ทำให้จิตใจของจ้าวจ้งหนักอึ้งยิ่งกว่าก็คือ เขาทราบว่าพลังของเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้มีแค่ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกเท่านั้น
ยามปกติไม่อาจส่งผลคุกคามต่อเขา แต่ในตอนที่เขาประมือกับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลก นั่นก็เป็นความสามารถที่อาจทำให้เขาเสียชีวิตได้แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ใครจะรู้ว่าเยี่ยนจ้าวเกอหลอมนิ้วมังกรทั้งเก้าที่เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์สำเร็จแล้วหรือยัง
ครั้นคิดถึงตรงนี้ ดวงตาของจ้าวจ้งก็เคร่งขรึมขึ้น แสงสีดำใจกลางฝ่ามือสว่างวาบ มีดาบยาวเพิ่มขึ้นอีกเล่ม ปราณวิญญาณกระจายไปทั่วสี่ทิศ เป็นอาวุธวิญญาณชั้นสูงระดับสุดยอดชิ้นหนึ่ง
ถึงแม้จะไม่ใช่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ ทว่าเมื่ออยู่ในมือของจ้าวจ้งแล้ว พลันทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง จนร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกต้องถอยหนีชั่วคราว
เยี่ยนจ้าวเกอเบะปาก ตนไม่มีหอกยาวที่เป็นอาวุธวิญญาณชั้นสูงอยู่ในมือ แต่ก็ไม่ใช่ว่าหมดหนทาง
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกหลบดาบหนึ่งของจ้าวจ้ง จากนั้นพลันพุ่งลงด้านล่าง มุ่งหน้าไปหาฝูงมังกรที่ก้นเหว
จ้าวจ้งไม่คิดว่าเยี่ยนจ้าวเกอกำลังหลบหนีตนอยู่ เห็นร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกยื่นสองมืออกพร้อมกัน จับมังกรสีขาวตัวหนึ่งไว้
พลังชีวิตของมังกรตัวนั้นยังไม่สลาย ยังคงมีความน่าเกรงขาม ร่างกายคิดขยับ แต่ถูกร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกจับเอาไว้ ถ่ายทอดจิตหอกวรยุทธ์เข้าไป ร่างมังกรพลันยืดเป็นเส้นตรง
ร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกตวาด ใช้ร่างมังกรตัวนี้ต่างคมหอก แทงใส่อกจ้าวจ้งชนิดทำลายศิลา สั่นสะเทือนท้องฟ้า!
จ้าวจ้งเงยหน้าเข้าปะทะ ไม่ได้ถอยหนี
ต่อให้เป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่อาจหลอมอาวุธวิญญาณชั้นสูงในชั่วพริบตาได้ ร่างมังกรถึงแม้จะแข็งแกร่ง และมีร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกที่เข้าใจวรยุทธ์อย่างถ่องแท้ แต่สุดท้ายก็ยังไม่มีอาวุธวิญญาณชั้นสูงอย่างแท้จริง
ถ้าหากอีกฝ่ายเป็นมหาปรมาจารย์ที่ใช้อาวุธวิญญาณชั้นสูงยังพอว่า จ้าวจ้งเป็นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เหมือนกัน ย่อมไม่เกรงกลัว
ดาบมาหอกไป ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือด จ้าวจ้งได้เปรียบเล็กน้อย แต่กลับไม่อาจสังหารร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกได้ทันที ถึงอย่างไรเขาก็กริ่งเกรงนิ้วมังกรทั้งเก้าที่ยังไม่ปรากฏ ทั้งยังไม่อยากจะตกตายร่วมกัน
ด้วยเหตุนี้ จ้าวจ้งจึงไม่อาจเข้าใกล้ฝูงมังกรที่ก้นเหวได้
และในตอนที่ทั้งสองประมือกัน ก็มีคนอื่นๆ มายังหุบเหวเหมันต์บรรพกาล เป็นราชันวังผลึกวารีหลินซื่อ และผู้ปกครองเกาะวิญญาณหลอนหลิวซั่ว
คนทั้งสองสังเกตสถานการณ์รอบๆ มองหน้ากันและกัน หลังจากเงียบงันสักพักก็ไม่ได้สอดมือ พุ่งไปหาฝูงมังกรที่ก้นหุบเหว
ขณะที่ลงมือ พวกเขาคอยระวังการเคลื่อนไหวของเยี่ยนจ้าวเกอ ถึงอย่างไรก็ยังไม่เห็นนิ้วมังกรทั้งเก้าโผล่ออกมา
แต่มาตรว่าเยี่ยนจ้าวเกอจะใช้นิ้วมังกรทั้งเก้าได้ คิดจะสู้หนึ่งต่อสองกลับเป็นไปไม่ได้
พวกเกาเทียนจงเหาะลงไปหาฝูงมังกรที่ก้นเหวเช่นกัน
สถานการณ์ตรงหน้ากลายเป็นแบ่งสันปันส่วน ครั้งนี้ต้องดูความสามารถของแต่ละคนว่าจะชิงไปได้เท่าไร
เยี่ยนจ้าวเกอมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ดวงตาไม่สะทกสะท้าน ไม่ได้สนใจจ้าวจ้งที่ต่อสู้กับร่างแยกสมุทรสุดขอบโลกอย่างดุเดือด และไม่ได้สนใจหลินซื่อกับหลิวซั่วที่พุ่งไปหาฝูงมังกร เขาพุ่งลงไปอีกทิศทางหนึ่งเพียงลำพัง