สำหรับหยวนเจิ้งเฟิง เยี่ยนตี๋ และฟู่เอินซู ตอนนี้วิชาเข็มแกนน้ำแข็งไม่ใช่ความลับอีกแล้ว
เนื่องจากเรื่องนี้ เยี่ยนจ้าวเกอกับเฟิงอวิ๋นเซิงที่ทั่วทั้งเขากว่างเฉิงถือเป็นของล้ำค่าจึงถูกดุด่าไปแล้วรอบหนึ่ง
ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเฟิงอวิ๋นเซิงยึดมั่นในความคิดของตัวเองอย่างแน่วแน่ หยวนเจิ้งเฟิงจะต้องไม่สนับสนุนการทำเช่นนี้เด็ดขาด
ถึงแม้เยี่ยนจ้าวเกอจะถูกดุไปด้วย แต่ก็ไม่ได้ไม่พอใจอันใด ความจริงตัวเขาก็ไม่อยากใช้วิธีนี้เช่นกัน ถ้าหากไม่ใช่เพราะเฟิงอวิ๋นเซิงมีความต้องการอย่างแรงกล้า เขาคงจะไม่พูดถึง
กลับเป็นฟู่เอินซูที่ยอมรับอยู่หลายส่วน ยิ่งพอใจในตัวเฟิงอวิ๋นเซิงที่ทนวิธีนี้ได้มากขึ้น
แต่ว่าด้วยเหตุนี้เอง อิ่นหลิวหัวจึงเจอโศกนาฏกรรม
สำหรับฟู่เอินซู ในเมื่อเฟิงอวิ๋นเซิงทนได้ เช่นนั้นอิ่นหลิวหัวสมควรทนได้เช่นกัน…
“ท่านอาจารย์ เข็มแกนน้ำแข็งนั่น…” อวิ่นหลิวหวาได้ยินคำถามของฟู่เอินซู สีหน้าพันกลายเป็นเป็นสีเขียวเล็กน้อย สายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เห็นสีหน้าไม่อยากจะนึกถึงของนาง ฟู่เอินซูก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เป็นอะไรไปหรือ”
อิ่นหลิวหัวกล่าวเสียงอ่อย “ท่านอาจารย์ เข็มแกนน้ำแข็งนั่น ข้าทนไม่ไหวจริงๆ”
เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยขึ้นจากด้านข้าง “หลังจากลองแล้วครั้งหนึ่ง ศิษย์น้องอิ่นได้แสดงให้เห็นว่าไม่อาจทนรับได้ ข้าจึงไม่ได้ฝังเข็มอีก”
ขณะที่เห็นคิ้วของฟู่เอินซูค่อยๆ ขมวดขึ้น เยี่ยนจ้าวเกอก็ยักไหล่เล็กน้อย “เป็นเพราะร่างกายของสตรีแห่งจันทรา ความเจ็บปวดในการรับเข็มแกนน้ำแข็งจึงรุนแรงกว่าคนทั่วไปจริงๆ”
ฟู่เอินซูยังคงมีสีหน้าเคร่งขรึม “แต่ว่าอวิ๋นเซิงรับได้”
อิ่นหลิวหัวก้มหน้าไม่กล้าพูดอันใด
ชายหนุ่มเบะปาก กระซิบกับฟู่เอินซู “ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีจิตใจแน่วแน่เหมือนศิษย์น้องเฟิง”
คิ้วของฟู่เอินซูค่อยๆ คลายลง สายตากวาดมองเยี่ยนจ้าวเกอ เฟิงอวิ๋นเซิง และอิ่นหลิวหัวอีกรอบหนึ่ง จากนั้นก็กล่าวว่า “ให้หลิวหัวลองอีกครั้ง”
นางมองอิ่นหลิวหัว พลางกล่าวด้วยความจริงจัง “ถึงแม้ศิษย์พี่เฟิงของเจ้าจะมีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว แต่เจ้าจะท้อเพราะสาเหตุนี้ไม่ได้”
“ในอดีตร่างแห่งจันทราของศิษย์พี่เฟิงของเจ้าได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องเหนือความคาดหมาย เมิ่งหวานแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์นั้นก็ล้มเหลวในการทดสอบแห่งจันทราครั้งที่สอง เพราะอาการบาดเจ็บก่อนหน้าเช่นกัน”
“โลกใบนี้มีเรื่องเหนือความคาดหมายมากมายนัก พวกเราไม่อาจไม่เตรียมการและระแวดระวัง การแย่งชิงมงกุฏแห่งจันทรามิใช่เป็นเรื่องที่อวิ๋นเซิงเพียรพยายามเพียงคนเดียวก็พอ”
ฟู่เอินซูกล่าวต่อ “หลิวหัว จุดเริ่มต้นของเจ้าเดิมทีก็ช้ากว่าคนอื่นแล้ว ถ้าหากไม่กระตือรือร้นไล่ตาม แล้วจะแข่งกับสตรีแห่งจันทราคนอื่นได้อย่างไร”
“ถ้าหากติดอยู่ในสภาพปัจจุบัน อย่าว่าแต่พวกเมิ่งหวานกับฝานชิวเลย แม้แต่อวิ๋นซิ่วชิงแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ เจ้าก็สู้ไม่ได้ หรือกระทั่งคนที่ได้อันดับท้ายๆ มาหลายปีอย่างเหนียนเหล่ยหรือหลิงฮุ่ย คิดจะไล่ตามให้เหนือกว่าพวกนางยังเป็นเรื่องยาก เจ้าเข้าใจหรือไม่”
อิ่นหลิวหัวเม้มปาก “ศิษย์จะตั้งใจฝึกฝน ท่านอาจารย์กับศิษย์พี่เยี่ยนได้โปรดชี้แนะมากๆ”
ฟู่เอินซูกล่าว “เจ้าจำได้ขึ้นใจจริงก็ดี”
นางหันไปมองเยี่ยนจ้าวเกอ “จ้าวเกอ เจ้าถ่ายทอดวิชาเข็มแกนน้ำแข็งให้ข้าได้หรือไม่ ต่อจากนี้ข้าจะจับตาดูหลิวหัวเอง”
อิ่นหลิวหัวมีสีหน้าเขียวคล้ำเล็กน้อย เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “ย่อมได้แน่นอน”
เฟิงอวิ๋นเซิงมองอยู่ด้านข้าง ถอนใจคำหนึ่ง
หลังจากรอเยี่ยนจ้าวเกอกับฟู่เอินซูคุยกันเสร็จแล้ว อวิ๋นหลิวหัวก็พูดขึ้นอย่างอ้ำๆ อึ้งๆ “ท่านอาจารย์ ข้ามีปัญหาเกี่ยวกับทักษะแห่งหยิน อยากจะขอให้ศิษย์พี่เยี่ยนชี้แนะ”
ฟู่เอินซูพยักหน้า “ย่อมได้”
เยี่ยนจ้าวเกอมองอิ่นหลิวหัวแวบหนึ่ง ก่อนจะพานางเดินไปอีกด้าน ส่วนฟู่เอินซูชี้แนะเฟิงอวิ๋นเซิงให้ฝึกฝนกระบวนท่าของเขากว่าเฉิงอันอื่นต่อ
หลังจากอิ่นหลิวหัวขอให้เยี่ยนจ้าวเกอตอบคำถามหลายข้อเสร็จ ก็กล่าวอย่างเศร้าสร้อยเล็กน้อย “ศิษย์พี่เยี่ยน ข้า ข้าโง่เง่าเป็นพิเศษใช่หรือไม่”
ดวงตาของเยี่ยนจ้าวเกอสงบนิ่ง “พรสวรรค์เทียบกับศิษย์น้องเฟิงไม่ได้จริงๆ แต่ไม่ถึงขนาดโง่เง่าหรอก ในทางกลับกัน อาจจะบอกว่ามีความสำเร็จได้ด้วยซ้ำ”
อิ่นหลิวหัวเงยหน้ามองเยี่ยนจ้าวเกอ พูดด้วยลังเลเล็กน้อย “พรสวรรค์ของข้าสู้ศิษย์พี่เฟิงไม่ได้ อีกทั้งยังเริ่มต้นช้ากว่านาง ไม่ว่าจะไล่ตามอย่างไร ก็อาจจะไล่ไม่ทันศิษย์พี่เฟิง”
เยี่ยนจ้าวเกอถามอย่างราบเรียบ “เป็นอะไรไป เจ้ากำลังจะบอกว่า ไม่ว่าจะไล่ตามอย่างไร อย่างมากก็ได้แต่เป็นตัวสำรองหรือ”
นางรีบส่ายหน้า “มิกล้า ข้าไม่ได้หมายความแบบนั้น…”
ชายหนุ่มกล่าวต่อ “ข้าจำได้ว่า ตอนที่เจ้าเพิ่งจะเข้าสำนัก อาจารย์ป้าฟู่เคยกล่าวว่า ถ้าหากเจ้าโดดเด่นยิ่งกว่าศิษย์น้องเฟิง เมื่อเข้าร่วมการทดสอบแห่งจันทรา ย่อมมีโอกาสชนะมากขึ้น เช่นนั้นย่อมให้เจ้าเป็นตัวหลักแน่”
“เป็นอย่างที่ว่า เจ้าเข้าสำนักช้า เริ่มต้นช้า เรื่องเหล่านี้เป็นความจริง แต่ว่าสำนักไม่เคยปฏิบัติกับเจ้าอย่างไม่ยุติธรรมในด้านทรัพยากรต่างๆ ทุกอย่างล้วนเป็นมาตราฐานที่ใช้ดูแลศิษย์น้องเฟิงเหมือนกัน”
“ถึงอย่างไรพวกเจ้าสองคนก็เป็นศิษย์ร่วมสำนัก คู่ต่อสู้ของเจ้ามิใช่แค่ศิษย์น้องเฟิงเท่านั้น พูดให้ถูกต้อง คู่ต่อสู้ของพวกเจ้าล้วนเป็นสตรีแห่งจันทราจากแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งอื่น”
อิ่นหลิวหัวพยักหน้า “เจ้าค่ะศิษย์พี่เยี่ยน ข้าเข้าใจ”
นางเม้มริมฝีปากปากเบาๆ “เพียงแต่ ข้ารู้สึกไม่เห็นความหวังแม่แต่น้อย…”
เยี่ยนจ้าวเกอส่ายหน้า “ตอนที่เพิ่งเริ่ม ศิษย์น้องเฟิงมองไม่เห็นความหวังยิ่งกว่า นางมาถึงวันนี้ได้ เป็นเพราะฝ่าฟันมาด้วยตัวเอง”
อีกฝ่ายลดเสียงพูด “ศิษย์พี่เยี่ยนถ่อมตัวไปแล้ว วิชาหยินหยางค้ำจุนเป็นท่านศึกษาและถ่ายทอดให้พวกเรา คัมภีร์แห่งจันทราเป็นศิษย์พี่เยี่ยนท่านได้รับมาโดยบังเอิญ เข็มแกนน้ำแข็งเองก็เป็นวิชาลับโบราณที่ศิษย์พี่เยี่ยนท่านได้มา ยังมีอีกมากมายนัก…”
“ไม่ว่าจะเป็นศิษย์พี่เฟิงหรือข้า สตรีแห่งจันทราล้วนเป็นผลสำเร็จของท่าน”
ชายหนุ่มกล่าวอย่างราบเรียบ “ทุกอย่างล้วนมีเงื่อนไขเดียวกัน ทว่าแต่ละคน สุดท้ายแล้วก็อาจจะไม่เหมือนกัน”
“มีคำโบราณกล่าวไว้ว่า อาจารย์นำเข้าสำนัก การฝึกฝนอยู่ที่ตัวคน”
อิ่นหลิวหัวก้มหน้า “เจ้าค่ะ ศิษย์พี่เยี่ยน”
ขณะมองเงาหลังที่ผละไปของเยี่ยนจ้าวเกอ นางเม้มปากแน่น ‘จะต้องมีวิชาลับอื่นอีกแน่ ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่น ศิษย์พี่เยี่ยนจะต้องมีวิธีลดความเจ็บปวดจากเข็มแกนน้ำแข็งนั่นแน่นอน’
‘ศิษย์พี่พูดเองว่านั่นเป็นหนึ่งในเจ็ดการลงทัณฑ์ก่อนมหาภัยพิบัติ เใช้ทรมานคนโดยเฉพาะ ใช้กับร่างของสตรีแห่งจันทราอย่างพวกเรายิ่งไม่อาจรับไหว ถ้าหากอดทนได้ง่ายเช่นนั้น อีกทั้งยังนำมาฝึกได้ แล้วจะนับเป็นเจ็ดการลงทัณฑ์ได้อย่างไร’
เมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาที่อิ่นหลิวหัวมองตน เยี่ยนจ้าวเกอก็ส่ายหน้าเงียบๆ ‘สภาพจิตใจไม่ถูกต้อง’
ถึงแม้เยี่ยนจ้าวเกอจะรู้สึกเสียดายแทนเฟิงอวิ๋นเซิง เพราะการพลากพลั้งในรอบสุดท้ายของการทดสอบแห่งจันทราครั้งที่หก แต่ก็ไม่ถึงกับผิดหวัง
สถานการณ์อยู่ในการคาดการณ์ของเขา มองจากในตอนนี้ การทดสอบแห่งจันทราครั้งที่เจ็ดสมควรคาดหวังได้จริงๆ แล้ว
หากไม่มีเรื่องเหนือความคาดหมาย หลังจากนี้อีกหนึ่งปี จะถึงเวลาที่เมิ่งหวานแห่งสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ถูกเขี่ยลงจากบัลลังก์
เมื่อการทดสอบแห่งจันทราจบลง ความสนใจของเยี่ยนจ้าวเกอก็กลับมายังทางด้านปฐพีพิภพอีกครั้ง
ทางหนึ่งยุ่งกับการฝึกฝนวรยุทธ์ ทางหนึ่งจัดเตรียมสร้างกระบวนทัพค่ายกลไท่อีถล่มทลาย ทางหนึ่งยุ่งกับเรื่องกระจกยังสูงส่ง เยี่ยนจ้าวเกอใช้เวลาต่อจากนี้อย่างเต็มที่
ขณะที่ยุ่งกับงาน เวลาก็ค่อยๆ ผ่านไปทีละวัน
เพียงพริบตาเดียว ก็ผ่านไปอีกครึ่งปี
เยี่ยนตี๋เข้าฌานมากกว่าหนึ่งปีแล้ว เพียงแต่ยังคงไม่มีวี่แววที่เขาจะออกฌาน
เยี่ยนจ้าวเกอจัดการธุระในมือได้ไม่น้อยแล้ว กระนั้นในตอนนี้เขาก็ยังไม่ออกจากโลกแปดพิภพ เพื่อตามหาโลกผืนสมุทรกับพวกสวีเฟย
เพราะทางด้านปฐพีพิภพ ค่อยๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาที่ผ่านไป