หยวนเจิ้งเฟิงกับเฉินลี่ที่กำลังควบคุมผนึกอยู่ขมวดคิ้วขึ้นมา
พวกเขาสัมผัสได้ว่าในเหวลึกด้านล่าง นอกจากพลังอันแข็งแกร่งที่กำลังดิ้นรนอย่างบ้าคลั่งเพื่อทำลายผนึกแล้ว ยังมีพลังอันชั่วร้ายที่เหมือนกันอีกสายหนึ่ง
มันแข็งแกร่ง ยิ่งใหญ่ บ้าคลั่ง และชั่วร้ายเหมือนกัน
พลังทั้งสองสายผสมกัน ดวงอาทิตย์สีทองที่กำลังเคลื่อนลงข้างล่างพลันหยุดนิ่งลง
กระแสคลื่นหลายสายพรั่งพรูขึ้นด้านบน ทำให้ดวงอาทิตย์สีทองสั่นไหวไม่หยุด
เยี่ยนจ้าวเกอกับจอมยุทธ์มหาปรมาจารย์คนอื่นที่อยู่รอบๆ ต่างรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่อยู่เบื้องล่าง
โซ่สีดำหลายสายที่เคลื่อนไหวตัดสลับกันอย่างไม่เป็นระเบียบกลางอากาศคลุ้มคลั่งมากขึ้น พากันเคลื่อนที่ไปมาไม่หยุด
ธารแสงสีแดงบนผิวโซ่สีดำสว่างวาบอย่างต่อเนื่อง ยิ่งมายิ่งส่องสว่าง ยิ่งมายิ่งเจิดจ้า พลังที่ดุร้ายน่าพรั่นพรึงยิ่งขึ้น
มารร้ายจำนวนมากที่เกิดจากโซ่สีดำนั้นดุร้ายมากขึ้น พวกมันโจมตีจอมยุทธ์เผ่ามนุษย์อย่างรุนแรง
เยี่ยนจ้าวเกอสูดลมหายใจลึกเฮึอกหนึ่ง “มีมารจริงแท้จากนพยมโลกตัวหนึ่งโผล่มาจากด้านล่าง”
ผู้อาวุโสเขากว่างเฉิงคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างรู้สึกลนลานเล็กน้อย “ก่อนหน้านี้นานถึงเพียงนั้น เหตุใดจึงไม่เห็นมันก่อความวุ่นวาย เหตุใดถึงโผล่มาในเวลานี้ ปัญหาของปฐพีพิภพผ่านไปหลายปีแล้ว”
ชายหนุ่มส่ายหน้า “เมื่อครู่ผนึกอ่อนกำลังลง ดวงอาทิตย์สีทองดวงนี้ลอยขึ้นด้านบน ทำให้การการสะกดร่องแยกนพยมโลกอ่อนแอ ปราณวิญญาณระหว่างสองโลกจึงแลกเปลี่ยนกันหลายส่วน”
“เมื่อได้รับผลกระทบเช่นนี้ จึงมีมารร้ายถูกดึงดูดมาอีก”
“ผ่านไปอีกสักพัก ไม่แน่ว่าจะมีมาอีก”
เมื่อได้ยินดังนั้น ใบหน้าหนักใจของคนที่อยู่รอบๆ ก็ยิ่งมืดมนขึ้นไปอีก
ดวงอาทิตย์สีทองยังคงส่องสว่างเหวลึกจนเจิดจ้า แต่มิได้จมลงอีกต่อไป กลับหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ
เยี่ยนจ้าวเกอหยีตา สัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดาของดวงอาทิตย์สีทองลูกนี้
มาตรว่าจะประสบการโจมตีจากมารจริงแท้สองตัวที่อยู่ด้านล่าง แต่พลังของดวงอาทิตย์สีทองก็ยังคงเต็มเปี่ยม ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย
ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ และมีการโจมตีจากมารร้ายเบื้องล่าง จิตวรยุทธ์และพลังชีวิตที่แฝงไว้ในผนึกจึงสลายอย่างต่อเนื่อง
แม้ดวงอาทิตย์สีทองนี้ดูเหมือนมีพลังไร้สิ้นสุด แต่กลับหยุดนิ่งและเคลื่อนไหวช้าลง กลายเป็นฝ่ายถูกกระทำ
จากการโจมตีโดยมารร้ายของนพยมโลกในตอนนี้ ยังคงไม่เห็นความเสียหายบนดวงอาทิตย์สีทองแม้แต่น้อย แต่พลังของผนึกยิ่งมายิ่งอ่อนแอลง
ความมืดเบื้องล่างยิ่งมายิ่งทรงพลัง ดวงอาทิตย์สีทองคล้ายกับกำลังจะลอยขึ้นข้างบนอีกครั้ง!
ทุกคนลงมือสะกดผนึกที่เหวลึกเบื้องล่างพร้อมกัน
“หือ?” เยี่ยนจ้าวเกอพลันเกิดความรู้สึกหงุดหงิดสุดขีดในใจ
หางตาของเขากวาดผ่านจอมยุทธ์จากสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับตำหนักอัสนีสวรรค์ พอกวาดผ่านตงเซิงจวินและซี่จ้าวจวิน ก็รู้สึกขัดตาเป็นอย่างยิ่ง
ความขัดแย้งและบุญคุณความแค้นของทั้งสองฝ่ายตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันปรากฏขึ้นมาในความคิด
เบื้องหน้าเหมือนมีภาพมากมายสลับกันโผล่ขึ้นมา สุดท้ายหยุดอยู่ในตอนที่อีกฝ่ายถือโอกาสตีเหล็กตอนที่ยังร้อนเมื่อครั้งภัยพิบัติเขากว่างเฉิง
การยิงผลพลิกอาทิตย์ใส่ค่ายกลนภา ทำให้เขากว่างเฉิงประสบกับความอันตรายในการต่อสู้กับบึงไร้ขอบเขต มีจอมยุทธ์ในสำนักที่ไม่สมควรเป็นอะไรหลายนยคนต้องเสียสละชีวิตของตนเอง จึงจะทำให้ภัยพิบัติครั้งนี้สงบลงได้
ภาพที่อาจารย์ลุงใหญ่สือเถี่ยเลือดท่วมร่าง ยืนตระหง่านอยู่ด้านหน้าตนเองเหมือนรูปปั้นทราย ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวสมองของเยี่ยนจ้าวเกออยู่เนิ่นนาน จนทำให้ในใจของเขาเกิดความโกรธและจิตสังหารไร้ขอบเขต
สายตาของเยี่ยนจ้าวเกอเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม จิตใจสั่นสะท้าน
เขากวาดตามองรอบๆ เห็นแต่เพียงนอกจากมารร้ายที่เกิดจากโซ่สีดำหลายสาย ในเหวลึกของความมืดยังมีกระแสอากาศไร้รูปร่างอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง
กระแสอากาศสีดำเหล่านี้วนเวียนอย่างต่อเนื่อง แทรกอยู่ในหมอกดำอย่างไร้ร่องรอย ทำให้คนยากจะสัมผัสได้
เมื่อถูกพลังมารเหล่านี้โจมตีใส่ เยี่ยนจ้าวเกอก็รู้สึกจิตใจมั่นไม่มั่นคง ถูกสั่นคลอนได้อย่างง่ายดาย!
‘เป็นฝีมือของมารร้ายตัวที่สองหรือ?’ เยี่ยนจ้าวเกอตั้งมาธิ เคลื่อนไหวญาณจริงแท้ทั่วทั้งร่างให้กลายเป็นความโกลาหล กันพลังมารไว้ด้านนอก
พลังมารมีผลต่อจิตใจของคน ญาณจริงแท้และปราณจิตราของจอมยุทธ์มิอาจป้องกันได้
ดีที่คัมภีร์นภาไร้ขีดจำกัดของเยี่ยนจ้าวเกอน่าอัศจรรย์เหลือประมาณ ทำให้เขายังคงป้องกันตัวเองได้อยู่
ชายหนุ่มเพ่งสายตามองไป เห็นสีหน้าของคนอื่นเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมเกินบรรยาย แววตาวูบไหวอย่างต่อเนื่อง
ยอดฝีมือเผ่ามนุษย์ที่อยู่รอบๆ นอกจากเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว ทั้งหมดล้วนเป็นมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณ จึงมีความตั้งใจค่อนข้างแน่วแน่
แต่ว่าในตอนนี้ ผลกระทบของมารร้ายจากนพยมโลกส่งผลกระทบต่อความตั้งมั่นของคนรุนแรงเป็นพิเศษ ทำให้พวกเขารู้สึกถึงเพียงความเลอะเลือนเท่านั้น
นอกจากพวกหยวนเจิ้งเฟิงและเฉินลี่แล้ว จิตใจของจอมยุทธ์เผ่ามนุษย์คนอื่นในตอนนี้ล้วนสั่นไหวทั้งสิ้น
จอมยุทธ์จากหอคลื่นโหมยังพอว่า จอมยุทธ์เขากว่างเฉิง จอมยุทธ์สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ และจอมยุทธ์ตำหนักอัสนีสวรรค์ ในตอนนี้สายตาที่มองอีกฝ่ายยิ่งมายิ่งคมกริบ
ความแค้นและความขัดแย้งระหว่างกันยังคงอยู่ เพียงแต่เป็นเพราะในตอนนี้ต้องร่วมมือกันสู้ จึงทำได้แต่ละวางความรู้สึกเหล่านั้นไว้ชั่วคราว
ทว่าในตอนนี้ เหมือนกับกองฟืนที่ติดสะเก็ดไฟและกำลังจะลุกไหม้ในชั่วพริบตา
เยี่ยนจ้าวเกอตวาดเสียงทุ้ม “เป็นเล่ห์เหลี่ยมของมารร้าย เพิ่มความระมัดระวัง”
ความจริงทุกคนต่างทราบดี แต่ไม่อาจควบคุมความคิดมากมายในใจได้เลย
ถ้าหากสามารถสงบจิตใจ นั่งลงทำสมาธิได้ ยังพอทำเนา แต่ว่าตอนนี้มารร้ายที่เกิดจากโซ่สีดำอย่างต่อเนื่องนั้นกำลังจู่โจมทุกคนอยู่
เนื่องจากต่อสู้กับมารร้ายเหล่านี้ จึงทำให้พลังมารจู่โจมได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ทุกคนต้องแบ่งแยกจิตใจ ไม่อาจรวบรวมสมาธิได้
ในตอนนั้นเอง หยวนเจิ้งเฟิงกับเฉินลี่ต่างตวาดขึ้นพร้อมกัน
เสียงที่คล้ายกับเสียงตีระฆังดังสะท้อนไปมาในเหวลึก คล้ายกับจับตัวกันจนจับต้องได้ ฟาดใส่จิตใจของทุกคน
เพราะตกใจเสียงตวาดของสองจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ความคิดที่เกิดขึ้นจากการโจมตีโดยพลังมารพลันถูกทลายทิ้ง
ทุกคนได้สติขึ้นมาบ้าง พากันรีบร้อนควบคุมจิตใจ ป้องกันผลกระทบจากพลังมาร
แต่ว่าในฐานะจอมยุทธิ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งเขากว่างเฉิงและตำหนักอัสนีสวรรค์ มีวรยุทธ์มาจากแหล่งเดียวกัน เสียงตวาดของหยวนเจิ้งเฟิงและเฉินลี่จึงค่อนข้างได้ผลกับจอมยุทธ์ของทั้งสองสำนัก แทบจะรุนแรงชนิดตีแสกหน้า
แต่ว่าผลกระทบที่เกิดกับจอมยุทธ์สุริยันศักดิ์สิทธิ์และหอคลื่นโหมกลับอ่อนแอไปบ้าง
สถานการณ์ของจอมยุทธ์หอคลื่นโหมยังดีอยู่ แต่ว่าสถานการณ์ทางด้านสำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์ไม่น่าดูนัก
โดยเฉพาะตงเซิงจวิน สายตาที่เขามองเยี่ยนจ้าวเกอในตอนนี้ไม่ปิดบังยิ่งกว่าเดิม
ความอับอายจากการเสียหน้า
ความคับข้องและความเสียใจที่เกิดจากความพ่ายแพ้ในอดีต
ความเสียหายและการคุกคามที่เยี่ยนจ้าวเกอมอบให้สำนักของตน
ความกริ่งเกรงที่มีต่อการพัฒนาของเยี่ยนจ้าวเกอในวันข้างหน้า
อารมณ์มากมายนับไม่ถ้วนต่างก่อให้เกิดการถูกครอบงำ
ในยามปกติตงเซิงจวินยังควบคุมจิตใจได้ แต่ว่าในสถานการณ์พิเศษ ณ ตอนนี้ เขามิอาจควบคุมอะไรได้เลย ทุกสิ่งต่างรวมตัวกันกลายเป็นกระแสน้ำ กลืนกินเขาทั้งตัว!
ทันใดนั้น ร่างของตงเซิงจวินพลันสั่นไหวอย่างรุนแรง กระแสอากาศสีดำหลายสายรอบๆ ทะลักเข้าไปในตัวเขา
“กลายเป็นมารหรือ?” เยี่ยนจ้าวเกอเลิกคิ้ว แต่ก็ค้นพบความผิดปกติอย่างรวดเร็ว “ไม่ได้กลายเป็นมาร!”
ตงเซิงจวินเงยหน้าขึ้นมา ม่านตาทั้งสองของเขามิได้ขมุกขมัวและเต็มไปด้วยประกายเลือดเหมือนผู้ที่กลายเป็นมาร ทว่าเบ้าตากลับกลายเป็นสีดำขลับ ตาขาวกับลูกตาหายไป
กลิ่นอายอันน่ากลัวและดุร้ายที่กระจายออกมาจากร่างของเขาดูแข็งแกร่งไร้เทียมทาน
“ตั้งสติ…” มหาปรมาจารย์ตำหนักอัสนีสววรรค์ที่อยู่ด้านข้างร้องขึ้น แต่เสียงยังไม่ทันขาดลง แสงสีดำอันน่ากลัวก็กระแทกมหาปรมาจารย์ผู้นี้ให้กระเด็นออกไป!
แสงสีดำในเบ้าตาทั้งสองข้างของตงเซิงจวินแวววาว มุมปากเหยียดออกเป็นรอยยิ้มเย็นเยียบ “โลกทางนี้ ไม่เลวเลย”