ต่อจากนั้นสายลมคลั่งสีหยกทั้งหมดก็รวมตัวจากทั่วทุกสารทิศอีกครั้ง ก่อตัวเป็นพายุหมุนสีเขียวหม่นขนาดมหึมาอย่างยิ่งลูกหนึ่งกลางท้องฟ้า
เงาคนพร่ามัวเงาหนึ่งปรากฏตัวขึ้นใจกลางพายุหมุน
ชิงหลิงขมวดคิ้ว สองมือประกบวาดบนอากาศ สลายม่านแสงสีน้ำเงินที่ล้อมทั้งสองคนไว้ จากนั้นมองเงาเลือนรางร่างนั้นที่ปรากฏตัวขึ้นด้วยสีหน้านิ่งสงบ
เงาเลือนรางสั่นกระเพื่อมอยู่ครู่หนึ่งจึงค่อยๆ ก่อตัวให้เห็นชัด เงาคนที่มีดวงตายาว คิ้วกระบี่ ร่างกายสวมอาภรณ์ผ้าไหมสีเขียวหยกผู้หนึ่งปรากฏตรงหน้าทั้งสองคน
คนผู้นี้ทั้งร่างพร่าเลือนไม่ชัดคล้ายไม่ใช่ร่างจริง ทันทีที่ปรากฏตัวเขาก็กวาดสายตาผ่านร่างของพวกหลิ่วหมิงแล้วสุดท้ายจับอยู่บนร่างของชิงหลิง
หลิ่วหมิงสีหน้าแปรเปลี่ยนไปมา สายตาของอีกฝ่ายทำให้เขารู้สึกว่าไม่อาจหลบหลีกพ้น ถูกมองทะลุทุกความรู้สึกในพริบตา
แต่เมื่อเห็นชิงหลิงที่อยู่ด้านข้างไม่มีปฏิกิริยาอันใดนัก เขาก็สงบใจลงได้อีกครั้งแล้วมองอีกฝ่ายอยู่เงียบๆ
“ปี้โยว เจ้าทำเช่นนี้มีเจตนาใด” ชิงหลิงถามเสียงเย็นชา
หลิ่วหมิงได้ยินก็เข้าใจทันที
ที่แท้คนตรงหน้าก็คือปี้โยวยอดฝีมือระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ในตำนานผู้ปกครองแดนวารีมืดนั่นเอง มิน่าพลังจึงยิ่งใหญ่เช่นนี้
“เหอะ ข้าไม่ถามเจ้า เจ้ากลับย้อนถามข้า! หนานฮวง เดิมเจ้าก็ไม่ใช่คนของแดนยมโลกเรา ครั้งแรกที่เจ้าเข้ามาในยมโลกข้าเคยบอกเจ้าตามธรรมเนียมแล้วว่าจะให้โอกาสเจ้าเข้ามาในแดนยมโลกได้สามครั้ง ครั้งนี้เป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้า หากจากไปครั้งนี้ หลังจากนี้เจ้าไม่อาจเหยียบเข้ามาในแดนยมโลกของพวกเราได้อีกแม้แต่ก้าวเดียว มิเช่นนั้นราชายมโลกทั้งหมดจะร่วมมือกันสังหารเจ้า ผลที่ตามมาคงไม่ต้องให้ข้าพูดมาก เจ้าระวังตัวไว้เถอะ!” พูดคำนี้จบ เงาคนก็ไม่ให้โอกาสชิงหลิงพูดแม้แต่น้อย ร่างกายเลือนรางเร้นกายหายเข้าไปในพายุหมุนสีเขียวด้านหลังอีกครั้ง
หลังจากเขาเร้นกายเข้าไปด้านใน พายุหมุนสีเขียวกลางท้องฟ้าก็ส่งเสียงดัง “ปัง” แล้วพังทลายลงในทันใด
รอบด้านกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
นับตั้งแต่ปี้โยวปรากฏตัวจนกระทั่งเขาจากไป ตั้งแต่ต้นจบจบกินเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ หากไม่ใช่รอบด้านมีซากปรักหักพังของป่าผลึกหมึกอยู่แถบหนึ่ง ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ก็ประหนึ่งฝันไป
หลิ่วหมิงย่อมไม่พูดมาก เขายืนนิ่งอยู่ด้านข้าง
ชิงหลิงกลับสีหน้าดำทะมึนยิ่งนัก
“ดูท่าข้าจะทำตามสัญญาตอนนี้ไม่ได้เสียแล้ว ข้ายังมีธุระสำคัญที่ต้องทำในยมโลก ไม่อาจจากไปตอนนี้ เจ้าคงต้องรออีกสักหลายปี เมื่อข้าสร้างหุ่นหยกผลึกหมึกสำเร็จ ข้าจะอาศัยพลังของมันส่งเจ้าออกไป!” ครู่หนึ่งหลังจากนั้น ในที่สุดชิงหลิงก็ถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นโดยไม่ให้โอกาสตั้งคำถาม
“ไม่เป็นปัญหา ผู้เยาว์รออีกไม่กี่ปีย่อมรอได้” หลิ่วหมิงฟังจบย่อมไม่คัดค้านประการใด
นอกจากนี้ที่ตัวเขาก็ยังมีอาวุธกับวัตถุดิบที่เป็นประโยชน์เฉพาะกับเผ่ายมโลกอีกไม่น้อย หากนำไปยังแผ่นดินจงเทียนกลับจะไร้ประโยชน์ พอดีจะได้ใช้เวลาระหว่างรอหลายปีนี้แลกเป็นของที่ใช้ประโยชน์บนแผ่นดินจงเทียนได้จำนวนหนึ่ง
ชิงหลิงพยักหน้าแล้วขยับแขน กางห้านิ้วออกมา ลูกบอลแสงสีฟ้าลูกหนึ่งลอยออกมาจากกลางฝ่ามือแล้วตรงไปยังเอวของหลิ่วหมิง
“เรื่องนี้เป็นการคำนวณผิดพลาดของข้า ข้าเห็นว่าลูกกลอนกระบี่ของเจ้าแม้จะมีฝักกระบี่บำรุงเพิ่มอยู่ แต่ตอนนี้ยังต้องการเวลาอีกไม่น้อย นี่คือพลังเวทบริสุทธิ์หลังกลั่นให้บริสุทธิ์ของข้า คิดว่าคงมีประโยชน์กับลูกกลอนกระบี่ของเจ้าไม่น้อย ช่วยย่นระยะเวลาบำรุงลูกกลอนกระบี่ได้ส่วนหนึ่ง ถือเสียว่าเป็นการชดเชยให้เจ้า”
“ขอบคุณผู้อาวุโสยิ่งนัก!” หลิ่วหมิงฟังแล้วย่อมดีใจเป็นอย่างยิ่ง
ทันทีที่แสงสีฟ้าดวงนั้นสัมผัสถูกฝักกระบี่ว่างเปล่าก็จมหายเข้าไปด้านในอย่างไร้สุ้มเสียง
“หากทุกสิ่งราบรื่น ภายในเวลาหกปี ข้าน่าจะสร้างหุ่นตัวนี้เรียบร้อย หกปีหลังจากนี้เจ้าไปรอข้าที่เขารัตติกาลของแดนวารีมืด ถึงตอนนั้นข้าจะใช้หุ่นหยกผลึกหมึกตัวนี้พาเจ้าออกไปจากยมโลก” ชิงหลิงกล่าวคำนี้จบก็ไม่มองหลิ่วหมิงอีก แต่ทำท่าเคล็ดวิชาพร้อมกันสองมือ แสงสว่างฉายวูบหนึ่ง นางก็มุดหายเข้าไปใต้ดิน
หลิ่วหมิงครุ่นคิดอยู่ที่เดิมพักหนึ่งก็กลายเป็นลำแสงเหาะออกไปนอกป่าผลึกหมึกบ้าง
หลายเดือนหลังจากนั้นเขาใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายเดินทางผ่านหลายเมือง แล้วเหาะรวดเดียวเดินทางอยู่หลายวัน จนในที่สุดก็มาถึงท้องนภาเหนือแม่น้ำมืดกว้างใหญ่สีดำสนิทดั่งหมึกสายหนึ่ง
พื้นที่แถบนี้เขาคุ้นเคยยิ่งนัก นี่ก็คือสถานที่ซึ่งเขาเก็บตัวอยู่ถึงสามสิบปี
เหนือแม่น้ำที่ทอดสายตามองไปไม่เห็นจุดสิ้นสุด หลิ่วหมิงเร่งลำแสงเหาะเข้าไปอย่างชำนาญทาง แล้วร่อนลงเหนือวังน้ำวนที่มีปราณยมโลกเข้มข้นอย่างที่สุดจุดหนึ่งอย่างเชื่องช้า
หลังจากนั้นหนึ่งเค่อ เขาก็มาถึงชั้นจำกัดก้นแม่น้ำ
ร่องรอยทุกอย่างเมื่อครั้งฝึกฝนอยู่ที่นี่ตอนนั้นยังคงเป็นเช่นเดิม แม้จากที่นี่ไปเพียงไม่กี่ปี แต่ช่วงเวลานี้เกิดเรื่องราวขึ้นมากมายนัก เมื่อมาถึงที่นี่อีกครั้ง หลิ่วหมิงจึงรู้สึกประหนึ่งข้ามเวลามา
หลิ่วหมิงนั่งขัดสมาธิบนพื้น ใบหน้าเผยสีหน้าครุ่นคิด
หลายเดือนที่ผ่านมานี้ หลิ่วหมิงจัดการของสารพัดชนิดที่ได้มาจากยมโลกที่ตัวไปแล้ว หินยมโลกทั้งหมด สมบัติยมโลกและอาวุธยมโลกที่ตนใช้งานไม่ได้ ทั้งหมดล้วนนำไปแลกกับของที่เขาคิดว่าใช้การได้บนแผ่นดินจงเทียน
ตอนนี้ภายในแหวนย่อส่วนของเขาเก็บหินแร่และหญ้าจิตวิญญาณนานาชนิดที่เกิดขึ้นเฉพาะที่ยมโลกไว้จำนวนมาก วัตถุดิบจิตวิญญาณจากยมโลกเหล่านี้เป็นวัตถุดิบจิตวิญญาณธาตุหยินบริสุทธิ์ที่ล้ำค่าอย่างที่สุดบนแผ่นดินจงเทียน มูลค่าสูงยิ่งนัก
แล้วยังมีวัตถุดิบจากอสูรยมโลกมากมายที่เขาสังหารมาจนถึงวันนี้อีก ก่อนหน้านี้เขาขายส่วนน้อยในนั้นออกไป ส่วนใหญ่ที่มีประโยชน์ยังเก็บเอาไว้ เชื่อว่าเมื่อกลับไปถึงแผ่นดินจงเทียนจะต้องแลกหินจิตวิญญาณมาได้กองโต แม้จะชดเชยหินจิตวิญญาณที่เสียไปกับค่ายกลรวมจิตวิญญาณตอนเลื่อนสู่ระดับแก่นแท้ก่อนหน้านี้ได้ไม่ทั้งหมด แต่ก็คงเรียกส่วนที่เสียไปคืนมาได้บางส่วน
นอกชั้นจำกัดสีดำที่ก้นแม่น้ำมืด วังน้ำวนสีดำหลายสิบลูกยังคงหมุนวนอยู่เช่นเดิม
แสงสีดำปรากฏขึ้นบนมือของหลิ่วหมิง ขวดหยกสีดำใบหนึ่งโผล่ออกมา แม้ปากขวดจะปิดยันต์เอาไว้ แต่ก็ยังมีปราณสีเลือดหลายสายลอยออกมาจากด้านใน
เขาคลึงขวดหยก สีหน้าเผยความดีใจจางๆ
ด้านในขวดหยกใบนี้คือโลหิตปราณพิสุทธิ์หยดหนึ่งที่เขาเสียหินยมโลกหลายหมื่นก้อนกับแก่นยมโลกของอสูรยมโลกระดับแก่นแท้เม็ดหนึ่งแลกมา
เผ่ายมโลกในยมโลกมีสารพัดเผ่าพันธุ์แปลกประหลาดมากมายจนนับไม่หมด หนึ่งในนั้นก็คือเผ่าที่ชื่อว่าเผ่าหน้าศพ พวกเขาคล้ายกับเผ่าโลหิตในตำนานตรงที่เกิดมาก็ครอบครองพลังดูดซับโลหิตบริสุทธิ์
โลหิตปราณพิสุทธิ์นี้ก็คือโลหิตบริสุทธิ์ชนิดพิเศษที่เผ่าหน้าศพใช้วิชาลับกลั่นออกมา
โลหิตปราณพิสุทธิ์เป็นสมบัติที่มีชื่อเสียงโด่งดังยิ่งนักชนิดหนึ่งในยมโลก มันเติมเลือดและปราณให้แก่ผู้ฝึกฝนได้ในพริบตาและยังเป็นโอสถวิเศษสำหรับรักษาอาการบาดเจ็บชนิดหนึ่ง ทว่าสิ่งที่หลิ่วหมิงเห็นค่ากลับเป็นฤทธิ์ในการเสริมเลือดและปราณให้แก่ผู้ฝึกฝนในพริบตาของสิ่งของชิ้นนี้
เขาจ่ายราคาสูงซื้อโลหิตปราณพิสุทธิ์หยดนี้มาก็เพื่อจัดการกับการระเบิดของฟองอากาศลึกลับครั้งต่อไปที่กำลังจะมาถึง
นับเวลาดูก็คือภายในไม่กี่เดือนนี้แล้ว
ตอนนี้พลังของเขาบรรลุระดับแก่นแท้ขั้นกลาง พลังเวทมากมายกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า วิชาโล่โลหิตที่เอาไว้เผื่อก็ฝึกฝนจนถึงขั้นปลายนานแล้ว โลหิตบริสุทธิ์ที่เก็บสะสมไว้ในร่างค่อนข้างมาก เพียงพอให้ฟองอากาศลึกลับกลืนกินจนพอใจ
ทว่าหลัวโหวเคยบอกไว้ว่าเพราะการตื่นของจิตวิญญาณอาวุธ กรงขังจึงไม่มั่นคงเล็กน้อย ครั้งก่อนก็สูบอายุขัยของตนไปไม่น้อย เพื่อรับประกันความปลอดภัย เขาจึงจ่ายราคาแพงแลกโลหิตปราณพิสุทธิ์หยดนี้มา
น่าเสียดายที่โลหิตปราณพิสุทธิ์นี่สลายตัวเร็วยิ่งนัก แม้ใช้อุปกรณ์เวทพิเศษเก็บรักษาและมียันต์ผนึกไว้ก็ยังสลายตัวอยู่อย่างช้าๆ ไม่เช่นนั้นของที่มีประโยชน์ปานนี้เขาคงไม่ลังเลที่จะทุ่มสมบัติทั้งตัวซื้อมาเก็บไว้กับตัวให้มากหน่อย
หลิ่วหมิงเก็บขวดหยกสีดำที่เล่นอยู่ลงไป สายตากวาดผ่านน้ำของแม่น้ำมืดด้านนอกชั้นจำกัดแล้วพลิกมือเรียกเคล็ดวิชากระดูกดำ จากนั้นนั่งนิ่งๆ หลับตาลง
เขามาที่แถวแม่น้ำมืดแห่งนี้ ประการแรกเพราะที่แห่งนี้ปลอดภัยอย่างยิ่ง เป็นสถานที่เหมาะสำหรับการฝึกฝนและรับมือการระเบิดของฟองอากาศลึกลับ อีกสาเหตุหนึ่งก็เพราะน้ำในแม่น้ำมืดแห่งนี้
การฝึกฝนเคล็ดวิชากระดูกดำหลังจากนี้ แต่ละขั้นล้วนต้องใช้หยดพลังวารีแม่น้ำมืดจำนวนมาก เขาวางแผนจะใช้เวลาหลายปีนี้กลั่นเตรียมไว้ให้มากหน่อย
อย่างไรก็ตามน้ำจากแม่น้ำมืดก็มีอยู่แต่ในยมโลกเท่านั้น หลังจากกลับไปถึงแผ่นดินจงเทียนหากต้องการสิ่งนี้อีกย่อมยากแล้ว
แต่เรื่องเหล่านี้ล้วนต้องรอเขาจัดการกับการปะทุของฟองอากาศลึกลับครั้งนี้ก่อน
เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า พริบตาเดียวก็ผ่านไปสามเดือนกว่า
วันนี้หลิ่วหมิงกำลังนั่งสมาธิอยู่ ทันใดนั้นทะเลจิตวิญญาณก็ไหวกระเพื่อม ฟองอากาศแวววาวใบหนึ่งปรากฏออกมาอย่างเชื่องช้า
เขาเลิกคิ้วแล้วลืมตาขึ้นทันที มือข้างหนึ่งตบถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณข้างเอว ปราณสีดำกลุ่มหนึ่งลอยออกมา แมงป่องขนาดเท่าครึ่งตัวคนตัวหนึ่งปรากฏตัวข้างกายหลิ่วหมิง
สีหน้าของเซียเอ๋อร์ยังเซื่องซึมอยู่เล็กน้อย เมื่อถูกเรียกออกมานางก็มองหลิ่วหมิงอย่างมึนงง
หลิ่วหมิงไม่ทันอธิบายให้นางฟังอย่างละเอียดก็ยื่นมือจับบนร่างของเซียเอ๋อร์ไว้ปานสายฟ้าแลบ
“ฟู่”
ฟองอากาศในทะเลจิตวิญญาณส่งสียงออกมาเบาๆ แรงดูดอันแข็งแกร่งที่คุ้นเคยสายหนึ่งซัดออกมา
หลิ่วหมิงเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้วจึงกระตุ้นแก่นแท้สิบสามทวารในทะเลจิตวิญญาณทันที พลังเวทอันแข็งแกร่งไหลเข้าไปในฟองอากาศต่อเนื่องไม่ขาดสาย
พลังกลืนกินที่ฟองอากาศส่งออกมาแข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันประหนึ่งหลุมไร้ก้น ไม่ว่าพลังเวทเท่าไรก็ถูกสูบเข้าไปอย่างง่ายดาย
ยังดีที่เวลานี้พลังเวทของหลิ่วหมิงมากมายกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่าจึงไม่ต้องกังวลว่าจะเสียไปมากกว่าที่เติมเข้ามา
การกลืนกินของฟองอากาศดำเนินอยู่หนึ่งเค่อก็ไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนแรงลงสักนิด พลังเวทในทะเลจิตวิญญาณของหลิ่วหมิงถูกกลืนกินไปเกือบครึ่งแล้ว
เขาสีหน้าเคร่งขรึม จิตสั่งการทันที ปราณดำที่ลอยออกมาจากร่างของเซียเอ๋อร์กลายเป็นพลังเวทเย็นยะเยือกสายหนึ่งผสานเข้ามาในร่างของเขาแล้วไหลตามเส้นลมปราณที่ต่างๆ จมเข้าไปในฟองอากาศอย่างเร็วไว
เมื่อได้เซียเอ๋อร์ช่วยเหลือ ความเร็วที่พลังเวทในร่างเขาลดลงจึงช้าลงมาก
ทว่าหลิ่วหมิงก็ไม่กล้าประมาท จิตสัมผัสของเขาสอดส่องการเคลื่อนไหวของฟองอากาศลึกลับอยู่ตลอดเวลา
เวลาผ่านไปทีละเล็กทีละน้อย
แม้พลังเวทในร่างของเซียเอ๋อร์จะนับได้ว่ามากมายทัดเทียมผู้ฝึกฝนเผ่าปีศาจระดับแก่นแท้ทั่วไป แต่เทียบกับหลิ่วหมิงแล้วก็น้อยกว่ามากนัก พลังเวทในร่างของนางส่อเค้าว่าจะถึงก้นอย่างรวดเร็วยิ่งนัก มันร้องครวญครางออกมาคำหนึ่ง ดวงตามองมาทางหลิ่วหมิง
เวลานี้ฟองอากาศระเบิดผ่านไปนานครึ่งชั่วยามแล้ว แต่ความเร็วของการกลืนกินพลังเวทยังไม่ลดลงแม้แต่น้อย
หลิ่วหมิงขมวดคิ้ว ยามนี้พลังเวทในทะเลจิตวิญญาณของเขาเหลืออยู่เพียงราวสามส่วน เซียเอ๋อร์ยิ่งย่ำแย่ รอบร่างเหลือเพียงหมอกสีดำบางๆ ชั้นหนึ่งเท่านั้น
เขามองเซียเอ๋อร์แวบหนึ่ง จากนั้นมือข้างหนึ่งก็ใช้เคล็ดวิชาตัดการสูบพลังเวทจากร่างนางทันที ในเวลาเดียวกันดวงจิตก็สั่งการ โล่โลหิตเล็กจิ๋วชิ้นหนึ่งโผล่มาจากร่าง หลังจากหมุนติ้วรอบหนึ่ง เส้นโลหิตสายแล้วสายเล่าพลันทะลักจากด้านในเคลื่อนเข้าสู่สี่แขนขาร้อยกระดูก