ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 1129 มหาค่ายกลบรรพตธารา

ต้องรู้ก่อนว่าวิชาที่เขาฝึกฝนคือวิชาสายวิญญาณ ฉะนั้นเขาจึงมีความต้านทานพิษจำพวกพิษธาตุหยินดียิ่งนัก ทว่ายามนี้เพียงสูดหมอกโลหิตเข้าไปเล็กน้อยกลับทำให้สมองมึนงง

ขณะที่เขากำลังจะโคจรปราณสลายหมอกพิษในร่าง แสงสีน้ำเงินก็สว่างวาบขึ้นตรงหัวไหล่อย่างฉับพลัน ความเย็นสบายไหลเวียนในร่างจนครบรอบอย่างรวดเร็ว

ความรู้สึกวิงเวียนในสมองเขาหายไปในทันใด

“เชอฮ่วน…”

หลิ่วหมิงเปลี่ยนสีหน้าไปเล็กน้อย มือข้างหนึ่งตบหัวไหล่ซ้ายเบาๆ ทันใดนั้นแสงสีน้ำเงินแสบตาสายหนึ่งก็พลันพุ่งออกมาหมุนติ้วกลางอากาศก่อนจะกลายเป็นเงาวัวสีน้ำเงินที่ดูประหนึ่งมีชีวิตตัวหนึ่ง

เงาเชอฮ่วนที่บรรลุขั้นปลายแล้วนั่นเอง!

ทันทีที่เชอฮ่วนปรากฏตัวก็แหงนหน้าร้องมอทุ้มต่ำคล้ายชอบอกชอบใจกับหมอกโลหิตรอบด้าน มันอ้าปากกว้าง แรงสูบมหาศาลสายหนึ่งแผ่ออกมาจากปากของมัน หมอกโลหิตรอบด้านฉับพลันโถมทะลักเข้ามาในปากของมันทันที

แมลงสีเลือดสองตัวตรงหน้าตกตะลึง สายตาจับอยู่บนเงาวัวสีน้ำเงิน ขณะที่ร่างกายอ้วนพีขดตัวถอยหลังสองสามครั้งอย่างห้ามไม่ได้

เวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ เงาวัวสีน้ำเงินก็กลืนกินหมอกสีเลือดรอบด้านจนหมดแล้วส่ายหัวเหมือนยังไม่อิ่มหนำนัก หัววัวหันกลับไปมองแมลงสีเลือดสองตัวตรงหน้า ร่างกายขยับวูบเดียวพุ่งพรวดออกไป

แมลงสีเลือดสองตัวตกตะลึง ร่างกายหดไปด้านหลังหมายจะหลบ

แต่ภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนรวดเร็วดังสายฟ้า แสงเรืองรองสีน้ำเงินพุ่งออกไปรัดร่างกายของแมลงสีเลือดตัวหนึ่งทางฝั่งซ้ายเอาไว้

ทันทีที่แสงสีเลือดรอบร่างแมลงสัมผัสถูกแสงสีน้ำเงิน เกล็ดสีเลือดอันแข็งแกร่งรอบร่างพลันส่งเสียงปริแตกสลายกลายเป็นไอหมอกสีแดงเข้มสายแล้วสายเล่าแล้วถูกเงาเชอฮ่วนกลืนลงไป

แมลงสีเลือดกรีดร้องอย่างเจ็บปวด ร่างกายมหึมาสะบัดไม่หยุด พยายามสลัดให้หลุดจากการโอบรัดของเชอฮ่วน

ในตอนนี้เองท้องฟ้าเหนือร่างแมลงสีเลือดก็ขยับไหว หลิ่วหมิงปรากฏตัวออกมาแล้วสะบัดแขน มุกบรรพตธาราสีเหลืองหม่นสองเม็ดลอยหลุดจากมือ พาหมอกสีเหลืองผืนใหญ่ร่วงลงใส่หัวแมลง

มุกบรรพตธาราขยายใหญ่ขึ้นระหว่างที่ลอยอยู่กลางอากาศ จนเมื่อร่วงลงบนหัวแมลงก็มีขนาดหลายจั้งแล้ว

ต่อจากนั้นแสงสีเหลืองพลันสว่างวาบ มุกบรรพตธาราสองเม็ดทอแสงก่อนจะผสานเป็นร่างเดียวกลายเป็นมุกขนาดยักษ์ประหนึ่งภูเขาน้อยลูกหนึ่งที่แผ่แสงสีเหลืองออกมานับหมื่นสาย พร้อมกับนำพลังอันหนักอึ้งร่วงลงมาด้วย

แมลงสีเลือดตกตะลึง มันไม่มีเวลาสนใจความเจ็บปวดบนร่าง อ้าปากกว้างพ่นลำแสงสีเลือดหนาเส้นหนึ่งปะทะกับมุกบรรพตธารายักษ์ที่ดิ่งลงมาทันที

วิ้ง!

ลำแสงสีเลือดแม้หน้าตาธรรมดา แต่พลังที่ซ่อนอยู่ในนั้นกลับน่าตะลึงยิ่งนัก มุกบรรพตธารายักษ์สะท้าน จากที่กำลังร่วงลงมาก็หยุดชะงัก

แววตาประหลาดใจแล่นผ่านดวงตาของหลิ่วหมิงวูบหนึ่ง แต่ทันใดนั้นเขาก็แค่นเสียงหยันแล้วสะบัดมือ มุกบรรพตธาราอีกสามเม็ดที่ลอยอยู่รอบตัวเขาร่วงลงไป พวกมันเปล่งแสงสีเหลืองเข้มวูบหนึ่ง จากนั้นผสานเข้ากับมุกบรรพตธารายักษ์

มุกบรรพตธารายักษ์เปล่งแสงสว่างจ้าแล้วหมุนติ้ว ก่อนจะกลายเป็นยอดเขายักษ์ขนาดหลายสิบจั้งลูกหนึ่งในทันใด ฐานของยอดเขาแผ่วงแหวนแสงสีเหลืองเข้มวงแล้ววงเล่ากดลงมาเบื้องล่างต่อ

บึ๊ม!

ลำแสงสีเลือดที่แมลงสีเลือดพ่นออกมาแตกสลายเสียงดังกึกก้อง ยอดเขาสีเหลืองพาพลังมหาศาลทับลงมาที่หัวของแมลงสีเลือด

เผละ!

แมลงสีเลือดไม่ทันได้กรีดร้องก็ถูกทับจนร่างแหลกเละ

หลิ่วหมิงสังหารแมลงสีเลือดตัวหนึ่งได้ในชั่วพลิกฝ่ามือ จากนั้นเขาก็ไม่รั้งรอแม้แต่น้อย หันไปหาแมลงสีเลือดอีกตัวหนึ่งที่หนีไปจนถึงขอบทะเลเพลิงแล้วพุ่งเร็วรี่ออกไป

ร่างกายยังไม่ทันไปถึง เงาวัวสีน้ำเงินบนหัวไหล่ก็พ่นแสงเรืองรองสีน้ำเงินสายหนึ่งออกไปครอบมันไว้…

สองสามลมหายใจหลังจากนั้น หลังจากเสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นพักหนึ่ง เบื้องหน้าหลิ่วหมิงก็มีเนื้อแหลกเละกองเท่าภูเขาน้อยปรากฏขึ้นอีกครั้ง

เขากำมือข้างหนึ่ง ยอดเขาสีเหลืองเข้มพลันหดเล็กอย่างรวดเร็วกลายเป็นยอดเขาจิ๋วขนาดเท่าฝ่ามือร่วงกลับมาอยู่ในมือ จากนั้นร่างกายก็ขยับ โถมเข้าใส่แมลงตัวหนึ่งที่โจมตีค่ายกลป้องกันอย่างบ้าคลั่งอยู่ไม่ไกล ในเวลาเดียวกันเมื่อกวาดสายตามองด้านล่าง คิ้วก็ขมวดเป็นปม

สถานการณ์ตอนนี้เห็นชัดว่าอันตรายถึงขั้นวิกฤติแล้ว ผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้สามคนที่เหลือต่อสู้กับแมลงสีเลือดหลายตัวอย่างยากลำบากยิ่ง บุรุษร่างกำยำผมสีแดงระดับแก่นแท้ขั้นปลายผู้นั้นดีกว่าคนอื่นอยู่บ้าง เขาอาศัยกายเนื้ออันแข็งแกร่งของตนกับตราประทับสีเงินชิ้นนั้นพอต่อกรกับแมลงสีเลือดสองตัวได้อย่างสูสี

ทว่าผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้อีกสองคนบาดเจ็บ อีกทั้งยังตกอยู่ท่ามกลางหมอกโลหิตคละคลุ้ง ถูกบีบให้ถอยหลังไม่หยุด ใกล้จะทานไม่ไหวเต็มที

แสงที่ค่ายกลป้องกันสีดำแผ่ออกมาเลือนรางลงมากแล้ว ตัวแสงสั่นไหวไม่หยุด ผู้ฝึกฝนระดับผลึกทั้งหลายที่หลบอยู่ด้านในค่ายกลป้องกันหากต้องเผชิญหน้ากับแมลงระดับแก่นแท้สิบกว่าตัวคงทำประโยชน์ได้ไม่เท่าไร

จุดที่อันตรายที่สุดก็คือทะเลเพลิงสีแดงรอบด้าน เพราะไม่มีใครควบคุม เปลวเพลิงสีแดงฉานจึงค่อยๆ อ่อนแรง เห็นชัดว่าแมลงด้านนอกค้นพบเรื่องนี้แล้ว เมื่อแมลงระดับแก่นแท้หลายตัวนั้นสั่ง พวกมันจึงเริ่มส่งลำแสงสายแล้วสายเล่าออกมาโจมตีทะเลเพลิง

เปลวเพลงรอบทะเลเพลิงสีแดงตกอยู่ใต้การโจมตีดุจเม็ดฝนของเหล่าแมลง ขอบรอบนอกสลายกลายเป็นสะเก็ดไฟจุดแล้วจุดเล่าหายไปไม่หยุด พื้นที่ของทะเลเพลิงหดเล็กลงทีละน้อย

หลิ่วหมิงเห็นทุกสิ่งนี้ในสายตา จากนั้นสายตาจึงจับอยู่บนร่างของแมลงสีเลือดที่กระหน่ำโจมตีค่ายกลอยู่ ทันใดนั้นแววตาก็เย็นเยียบอย่างยิ่ง

เขาโบกมือครั้งเดียว ยอดเขาจิ๋วก็โผล่ออกมาอย่างรวดเร็ว อากาศเหนือร่างแมลงสีเลือดตัวหนึ่งกระเพื่อม จากนั้นยอดเขาสีเหลืองขนาดหลายสิบจั้งพลันร่วงลงมา

หกสิบกว่าปีที่หลิ่วหมิงอยู่ในมิติของกรงขัง เขาเสียเวลาไม่น้อยศึกษาวิธีใช้มุกบรรพตธารา การแปลงมุกบรรพตธาราหลายเม็ดให้กลายเป็นภูเขาลูกหนึ่งเช่นนี้เป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยเก็บออมพลังไว้ได้ในช่วงสั้นๆ

วิธีการเช่นนี้ลดขั้นตอนระหว่างใช้วิชา เมื่ออยู่ในการต่อสู้เป็นวิธีที่ทรงพลังอย่างหนึ่ง

ฐานของยอดเขาเปล่งแสงสว่างจ้า วงแหวนแสงสีเหลืองวงแล้ววงเล่าครอบลงมาล้อมแมลงสีเลือดตัวนี้ไว้ด้านใน

ยามนี้แมลงสีเลือดตัวนี้เพิ่งรู้สึกตัว ร่างกายขยับหมายจะหลบหลีก ทว่าแสงสีเหลืองที่ครอบทับประหนึ่งศิลายักษ์หมื่นชั่งกดลงบนร่างทำให้เคลื่อนไหวได้เชื่องช้าอย่างยิ่ง

แมลงสีเลือดตกใจยิ่งนัก ร่างกายเปล่งแสงสีเลือด ปากก็กรีดร้องคำรามทันที แสงสีเลือดสว่างขึ้นสองฝั่งของลำตัว จากนั้นขาแหลมเรียวยาวดุจคมดาบสองแถวก็ยืดออกมา แสงสีเลือดคมกริบโผล่ออกมาจากปลายขาแหลมแล้วตวัดอย่างแรง

ฉัวะ ฉัวะ!

แสงสีเหลืองที่ล้อมอยู่รอบร่างแมลงถูกกรีดแหวกเป็นช่องขนาดใหญ่ช่องหนึ่ง ร่างกายของแมลงสีเลือดพลันคลายความตึงเครียด กำลังจะทะลวงออกมาจากวงแหวนแสงสีเหลือง

ในตอนนี้เองเงาแม่น้ำสีดำสายแล้วสายเล่าพลันก่อตัวบนยอดเขาสีเหลืองแล้วลอยมาโอบรัดร่างกายของแมลงสีเลือดปานสายฟ้าแลบ

แมลงสีเลือดดิ้นรนสุดกำลัง แต่แม่น้ำสีดำเหล่านี้แข็งแกร่งยิ่งนัก พวกมันรัดแมลงเอาไว้แน่น

เสียงดังกึกก้องสะเทือนฟ้าสะเทือนดินลอยมา ยอดเขาสีเหลืองร่วงลงมาพร้อมเสียงกัมปนาท หลุมยักษ์ขนาดสิบกว่าจั้งปรากฏขึ้นบนพื้น

หลังจากผ่านพ้นการโจมตีครั้งนี้ ยอดเขาสีเหลืองเข้มฉับพลันสลายร่างเสียงดังสนั่นกลายเป็นมุกบรรพตธาราสีเหลืองหม่นห้าเม็ดลอยกลับเข้ามาในมือหลิ่วหมิงเมื่อเขากวักมือ

ในหลุมยักษ์ทั้งร่างของแมลงสีเลือดถูกทับบี้จนกลายเป็นเนื้อแหลกเหลวกองหนึ่ง

หลิ่วหมิงสังหารแมลงสีเลือดสามตัวติดต่อกันได้อย่างสบายๆ ท่าทางเหมือนยังออมแรงอยู่ ทำให้ทุกคนที่นั่นตกตะลึง พวกบุรุษกำยำผมแดงตาโตอ้าปากค้าง แต่นอกเหนือไปจากนั้นพวกเขาล้วนยินดียิ่งนัก

แมลงสีเลือดที่เหลือเห็นภาพนี้ต่างพากันกรีดร้องอย่างโกรธเกรี้ยว แมลงสีเลือดสามตัวคำรามเกรี้ยวกราดเหาะเข้าใส่หลิ่วหมิงในทันใด ส่วนแมลงหลายตัวที่เหลือยังคงโจมตีค่ายกลสีดำอย่างบ้าคลั่งเช่นเดิม

แมลงสีเลือดตัวหนึ่งอ้าปากกว้าง คมดาบโลหิตขนาดหลายจั้งเล่มหนึ่งโจมตีลงบนค่ายกลสีดำที่หม่นแสงแล้ว

เปรี๊ยะ!

ในที่สุดบนค่ายกลสีดำก็เกิดรอยร้าวเส้นหนึ่ง ผู้ฝึกฝนระดับผลึกสิบกว่าคนในค่ายกลหน้าซีดเผือดในพริบตา

“แย่แล้ว!”

หลิ่วหมิงหน้าเครียด หากค่ายกลป้องกันถูกทำลาย อาศัยเพียงผู้ฝึกฝนระดับผลึกเหล่านั้นคงต้านไว้ไม่ได้แน่ ถึงเวลาแม้แต่ค่ายกลอีกสี่จุดก็จะตกอยู่ในอันตรายไปด้วย

ในใจเขาความคิดแล่นเร็วไว ดวงตาฉายแววเฉียบขาด เสียงท่องมนตร์งึมงำดังออกมาจากปากอย่างรวดเร็ว จากนั้นมือข้างหนึ่งก็ยกโบก แสงสีเหลืองผืนหนึ่งส่องสว่าง มุกบรรพตธาราทั้งหมดสิบสองเม็ดถูกเรียกออกมาลอยเคลื่อนไปมาอยู่รอบตัวเขา

ในเวลาเดียวกันนี้แมลงสีเลือดสามตัวก็เหาะมาถึงตรงหน้า สองมือของหลิ่วหมิงสะบัดพลิ้ว ส่งเคล็ดวิชาสายแล้วสายเล่าออกมาประหนึ่งกงล้อ

มุกบรรพตธาราสิบสองเม็ดเปล่งแสง ไอหมอกสีเหลืองเข้มผืนใหญ่ทะลักออกมา พริบตาเดียวท่วมเต็มบริเวณร้อยจั้ง ล้อมร่างกายของหลิ่วหมิงเอาไว้ด้านใน

แมลงสีเลือดสามตัวกรีดร้องออกมาพร้อมกัน พวกมันอ้าปากส่งลำแสงออกมาสองสายพร้อมกับคมดาบแสงสีเลือดผืนหนึ่งโจมตีจุดที่หลิ่วหมิงอยู่เสียงดังกึกก้อง

ไอหมอกสีเหลืองปั่นป่วนวูบหนึ่งแล้วสลายหายไป ทว่าที่ตรงนั้นไหนเลยจะยังมีร่างของหลิ่วหมิงอยู่

ในตอนนี้เองหมอกสีเหลืองที่ปั่นป่วนรอบด้านก็ลอยขึ้นสูงแล้วโถมเข้ามาล้อมแมลงทั้งสามตัวเอาไว้ด้านใน

ณ มุมหนึ่งของไอหมอกสีเหลือง หลิ่วหมิงกำลังท่องมนตร์อย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าเคร่งขรึม สองมือประสานสร้างสัญลักษณ์สีเหลืองตัวแล้วตัวเล่าพุ่งหายเข้าไปในไอหมอกสีเหลืองรอบด้านอย่างต่อเนื่อง

อึดใจต่อมาไอหมอกสีเหลืองพลันถาโถมคลุ้มคลั่ง มองผ่านไอหมอกเห็นเงายอดเขาสีเหลืองลูกแล้วลูกเล่าผุดขึ้นมาจากผืนดินอยู่เลือนราง ในเวลาเดียวกับที่แม่น้ำสีดำยาวหลายสายเริงระบำโอบล้อม พาไอน้ำสายน้อยลอยหมุนรอบเงายอดเขาไม่หยุดหย่อน

มองจากไกลๆ บริเวณร้อยจั้งจากที่มีหลิ่วหมิงอยู่ตรงกลางกลายเป็นภาพขุนเขาสายน้ำอันยิ่งใหญ่ที่มีปราณสีดำวนเวียนรายล้อม

“มหาค่ายกลบรรพตธารา!”

หลิ่วหมิงเอ่ยขึ้นในใจ จากนั้นโบกมือส่งเคล็ดวิชาสายสุดท้ายออกไป

เขาในยามนี้หน้าซีดเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาควบคุมมุกบรรพตธาราทั้งสิบสองเม็ดวางมหาค่ายกลบรรพตธาราที่เจ้าของเดิมของมุกบรรพตธาราสร้างเอาไว้ในอดีต พลังเวทในร่างราวกับน้ำทลายเขื่อนทะลักไหลหายไปแทบจะสามถึงสี่ส่วน

แมลงสีเลือดสามตัวเหมือนแมลงวันไร้หัว พุ่งทะลวงอย่างสับสนในมหาค่ายกลบรรพตธารา

หลิ่วหมิงสูดลมหายใจลึกยาวเฮือกหนึ่ง ทันใดนั้นฝ่ามือใหญ่ก็ขยับกำ เงายอดเขาลูกหนึ่งในมหาค่ายกลบรรพตธาราถูกยกลอยขึ้นมาแล้วขว้างออกไปอย่างแรง

ตึง!

เงายอดเขาหล่นทับแมลงตัวหนึ่งพร้อมเสียงดังกัมปนาท แมลงสีเลือดตกใจคิดจะหลบ ทว่าเวลานี้หมอกสีเหลืองรอบตัวกลับประหนึ่งมีจิตวิญญาณเข้ามารัดร่างกายของมันไว้ทำให้มันเคลื่อนไหวได้เชื่องช้ายิ่งนัก

เงาภูเขาทับบนร่างแมลงสีเลือดเสียงดังสนั่น แมลงตัวนี้ร้องโหยหวนได้ครั้งเดียวก็ถูกทับเอาไว้ แม้ไม่ตายทันที แต่ก็กระดิกไม่ได้แล้ว

หลิ่วหมิงสูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สองมือกำตามต่อกัน ยกเงายอดเขาอีกสองลูกทับแมลงอีกสองตัวอย่างโหดเหี้ยม

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ
Status: Ongoing
เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset