แมลงสีเทาระดับแก่นแท้ตัวนี้หน้าตาเหมือนแมลงปอยักษ์ตัวหนึ่ง มันขนาดราวสามสี่จั้ง ท่อนหางยาวรัดแขนข้างหนึ่งกับเอวของชายหนุ่มกำยำไว้หลายทบ หนามเล็กคมกริบยุ่บยั่บบนหางจมเข้าไปในผิวของชายหนุ่มร่างกำยำ เลือดสดไหลริน
ในเวลาเดียวกันนี้ปากของมันก็พ่นคมดาบสายลมสีเทาฟาดฟันใบหน้าและศีรษะของชายหนุ่มร่างกำยำไม่หยุด
ยังดีที่รอบตัวชายหนุ่มร่างกำยำเปล่งแสงสีทองเรืองๆ เห็นชัดว่าเขาสำเร็จวิชาฝึกฝนร่างมาไม่ตื้นเขิน เขาไม่ถูกรัดจนเอวขาดเป็นสองท่อน แต่กลับขยับแขนสร้างเงาหมัดสีทองแถบหนึ่งได้ตามใจตน ส่งพวกมันพุ่งออกไปโจมตีคมดาบสายลมสีเทาทั้งหมดจนเป็นชิ้นๆ
ทว่าเนื่องจากเขาเคลื่อนไหวได้จำกัด อีกทั้งแมลงสีดำรอบด้านพุ่งเข้ามาไม่หยุด ทั่วร่างจึงเต็มไปด้วยบาดแผลอย่างรวดเร็ว เห็นชัดว่าได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
“ไสหัวไป!”
ชายหนุ่มพลันคำรามเกรี้ยวกราด เสียงกระดูกลั่นเปรี๊ยะดังขึ้น เส้นเอ็นทั้งร่างปูดนูน ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นครึ่งจั้งในทันที แขนเลือนหายไปวูบหนึ่ง เงาหมัดถี่รัวต่อยออกมาดังฟึบๆ บนหางของแมลงปออย่างแรงพยายามจะโจมตีมันให้แหลก
“เปรี้ยงๆ !”
เปลือกบนหางของแมลงปอปริแตก รอยหมัดเว้าลึกลงไปปรากฏขึ้นหลายรอย
แต่แมลงปอตัวนั้นกลับไม่คิดปล่อยเพราะเหตุนี้ ตรงกันข้ามหางยาวเฟื้อยนั่นกลับบิดรัดแน่นขึ้นอีกนิด พร้อมกับที่ปากกรีดร้อง พ่นคมดาบสายลมสีเทาออกมาถี่ยิบยิ่งกว่าเดิม
ทั้งสองฝ่ายยื้อยุดกันอยู่ชั่วเวลาหนึ่ง
ในเวลาเดียวกันนี้ศิษย์ระดับผลึกหลายสิบคนนั่นก็ถูกเหล่าแมลงมืดฟ้ามัวดินรุมโจมตีจนบาดเจ็บไปกว่าครึ่ง แม้ไม่ถึงขั้นพ่ายแพ้ราบคาบในทันที แต่ก็ยากจะฝ่าวงล้อมออกมาได้
ศิษย์จำนวนน้อยที่ไม่ใช่สายฝึกร่างดิ้นรนควบคุมอาวุธจิตวิญญาณในมือปล่อยแสงรัศมีสารพัดรูปแบบออกมาป้องกันสุดชีวิต
แต่อาวุธจิตวิญญาณเหล่านี้มีผลกับแมลงที่เปลือกทั้งแข็งแกร่งและดูดซับวิชาเวทได้น้อยนัก แม้จะพอสังหารแมลงระดับล่างได้จำนวนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อสถานการณ์การต่อสู้มากนัก
เวลาเพียงชั่วครู่ที่หลิ่วหมิงสังเกตการต่อสู้อยู่ก็มีศิษย์ระดับผลึกที่ไม่ใช่ผู้ฝึกฝนร่างคนหนึ่งถูกแมลงหลายตัวโถมเข้าใส่แล้วขย้ำกลายเป็นชิ้นๆ ในพริบตา
เมื่อเห็นว่าศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์เหล่านี้สถานการณ์ไม่ดี หลิ่วหมิงย่อมไม่อาจนิ่งดูดาย เขาทำหน้าเคร่งขรึมตบปลาหมึกแปดขาตรงหน้าอกทันที “ฟู่” ปีกเนื้อสีเงินคู่หนึ่งงอกออกจากแผ่นหลังของเขาในพริบตา
แสงสีเงินทอแสงวูบหนึ่ง
เงาดำร่างหนึ่งพลันแทรกเข้าไปในฝูงแมลงดุจภูตพราย หลังจากเลือนหายสองสามหนก็ปรากฏตัวอยู่หลังชายหนุ่มร่างกำยำที่ถูกแมลงปอรัดเอาไว้ดั่งภูตผี จากนั้นแรงลมจากหมัดอันดุดันก็ตามมาติดๆ
เสียงพยัคฆ์คำรามสะเทือนแก้วหูแทบดับดังขึ้น เงาหัวพยัคฆ์ขนาดหนึ่งจั้งพุ่งออกมาจากนั้นกระโจนเข้าขย้ำหัวของแมลงปอสีเทา
“บึ๊ม!”
ความเร็วของหลิ่วหมิงเร็วเกินไปแล้วอย่างแท้จริง อีกทั้งแมลงปอยักษ์สีเทากำลังรัดชายหนุ่มร่างกำยำไว้แน่นจนตนเองไม่อาจเคลื่อนไหวได้อิสระ หัวจึงถูกสายลมจากหมัดอันรุนแรงบดขยี้แหลกสลายกลายเป็นเศษเนื้อกองหนึ่งในพริบตา
หางที่เดิมรัดเอวของชายหนุ่มร่างกำยำเอาไว้แน่นคลายออกในทันใด
“ขอบคุณมาก!”
ชายหนุ่มร่างกำยำเห็นเช่นนี้ย่อมดีใจเป็นหนักหนา รีบเอ่ยขอบคุณแล้วโยนศพท่อนล่างของแมลงยักษ์ที่รัดอยู่บนร่างทิ้ง ร่างกายขยับวูบเดียวกลายเป็นเงาเลือนรางร่างหนึ่งพุ่งเข้าไปในฝูงแมลง
การกระทำของชายหนุ่มที่ไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตนเองแล้วยังพยายามจะช่วยสหายร่วมสำนักทำให้ในใจหลิ่วหมิงบังเกิดความนับถือขึ้นมาเล็กน้อย
ปีกเนื้อบนแผ่นหลังเขากระพือครั้งเดียวก็กลายเป็นแสงสีเงินเส้นหนึ่งตามไปติดๆ
เนื่องจากแมลงระดับแก่นแท้ที่เป็นหัวหน้าถูกหลิ่วหมิงสังหารในพริบตาอย่างฉับไว ยามนี้ฝูงแมลงเผ่าหนอนผีเสื้อจึงสับสนเพราะกลายเป็นฝูงมังกรไร้หัวในพริบตา เสียงร้องประหลาดดังขึ้นรอบทิศ
เงาสีเหลืองกับสีเงินสองสายพุ่งผ่านไปมาท่ามกลางฝูงแมลงเผ่าหนอนผีเสื้อขนาดมหึมาประหนึ่งไร้ตัวตน สายลมจากหมัดและเงาฝ่ามือส่งเสียงดังหวีดหวิดพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนกับเสียงแตกร้าวดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หลิ่วหมิงกับผู้ฝึกร่างจากยอดเขาทองคำระดับแก่นแท้ขั้นปลายผู้นั้นร่วมมือกันใช้ร่างกายอันแข็งแกร่งสังหารแมลงระดับล่างไปทีละตัวๆ อย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ สถานการณ์ในสนามรบเพียงชั่วครู่ก็พลิกผันอีกครั้ง
ศิษย์ระดับผลึกที่พลังค่อนข้างต่ำเหล่านั้นเห็นชายหนุ่มร่างกำยำหลุดออกมาได้ อีกทั้งยังมีกำลังเสริมที่แข็งแกร่งมาเข้าร่วมจึงพากันฮึกเหิม ต่างเร่งกระตุ้นพลังเวทขึ้นมาบ้าง
แสงเรืองรองกับเงาหมัดฉับพลันบินว่อนเต็มฟ้าท่ามกลางฝูงแมลง สิ่งที่แลกกลับมามีเพียงเสียงร้องโหยหวนของเหล่าแมลง
ในที่สุดหลิ่วหมิงก็ทนรำคาญไม่ไหวใช้วิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬออกมา มังกรหมอกหกตัวกับพยัคฆ์สีดำหกตัวกวาดแมลงกลุ่มใหญ่ในฝูงแมลงจนราบ ทำให้ฝูงแมลงกรีดร้องแล้วแตกกระเจิงหนีไปทุกทิศในที่สุด
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้กลับไม่ได้มีความคิดจะไล่สังหารต่อ แต่เก็บวิชาไปทันที
นับตั้งแต่เขาร่วมการต่อสู้จนทำให้แมลงเหล่านี้พ่ายแพ้เป็นเวลาเพียงสิบกว่าลมหายใจ ถึงขนาดที่ศิษย์ซึ่งพลังค่อนข้างต่ำหลายคนยังไม่ทันเข้าใจสถานการณ์ชัดเจน การต่อสู้ครั้งนี้ก็จบลงแล้ว
“เจ้า…เจ้าคือศิษย์น้องหลิ่ว หลิ่วหมิง?” ชายหนุ่มร่างกำยำมองหัวของแมลงที่หล่นอยู่เกลื่อนกลาดรอบด้านแล้วถอนหายใจยาว จากนั้นจึงหันมามองหลิ่วหมิง ฉับพลันเหมือนคิดอะไรออกจึงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าตกตะลึง
“ข้าเอง ศิษย์พี่เป็นศิษย์จากยอดเขาทองคำหรือ” หลิ่วหมิงกลับไม่รู้สึกแปลกใจสักนิด ยิ้มน้อยๆ ตอบกลับมา
“ศิษย์น้องหลิ่วไม่ผิดจริงๆ ด้วย ข้าต้วนเหมิ่งจากยอดเขาทองคำ ก่อนนี้เคยมีวาสนาพบหน้ากับศิษย์น้องหลิ่วอยู่บ้าง แต่เกรงว่าศิษย์น้องคงจำข้าไม่ได้” ชายหนุ่มร่างกำยำค่อนข้างตรงไปตรงมา หัวเราะฮ่าๆ เอ่ยขึ้น
คำพูดนี้เอ่ยออกมา ศิษย์สายในของยอดเขาทองคำหลายสิบคนนอกจากพวกเขาสองคนก็พากันเผยสีหน้าประหลาดใจ ฮือฮาขึ้นมาในทันใด
“ศิษย์พี่หลิ่วหมิง…ไม่ได้เล่ากันว่าศิษย์พี่หลิ่วหายตัวไปในทางปีศาจร้ายนานแล้วหรือ”
“น่าจะไม่ได้หายตัวไป แต่ออกไปทำภารกิจพิเศษของนิกายกระมัง”
“ได้ยินว่าศิษย์พี่หลิ่วระดับพลังล้ำเลิศ วันนี้ได้พบ ไม่ธรรมดาจริงๆ!”
“เขาเป็นศิษย์สายนอกที่ได้เปลี่ยนไปเป็นศิษย์สายใน ทั้งยังฝ่าสามสิบหกชั้นของเจดีย์ซวีหลิงได้ด้วยตนเองตั้งแต่พลังยังระดับของเหลวจิตวิญญาณ!”
“เขายังเป็นอันดับหนึ่งของงานประตูสวรรค์ครั้งล่าสุดอีกด้วย!”
ศิษย์เหล่านี้ถือโอกาสหลังรอดพ้นภัยกระซิบกระซาบพูดกันคนละคำสองคำอย่างตื่นเต้น แววตาที่มองหลิ่วหมิงเต็มไปด้วยความยำเกรง
“ฮ่ะๆ ศิษย์น้องหลิ่วไม่จำเป็นต้องใส่ใจ พวกเขาส่วนใหญ่เป็นศิษย์ที่เพิ่งเข้าสำนักในเมื่อไม่กี่ปีนี้ คนในตำนานอย่างศิษย์น้องหลิ่วเรียกได้ว่าได้ยินชื่อเสียงมาไม่ขาดหู” ต้วนเหมิ่งกระแอมเบาๆ แล้วเอ่ยกับหลิ่วหมิงอย่างกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
“ศิษย์พี่ต้วนชมเกินไปแล้ว! ครั้งนี้ข้าจากนิกายไปหลายปี ยามนี้เพิ่งได้กลับมา ไม่รู้ว่าในนิกายเกิดเรื่องอันใดขึ้น ตลอดทางที่ข้าเดินทางมาจากแดนใต้ เขตใกล้เคียงพบฝูงแมลงไม่น้อยจริงๆ” หลิ่วหมิงหัวเราะแล้วถามเปลี่ยนประเด็น
“เรื่องนี้เล่าแล้วยาว ที่แห่งนี้มักจะมีแมลงประหลาดเผ่าหนอนผีเสื้อจำวหนึ่งปรากฏตัว ตอนนี้มีศิษย์น้องไม่น้อยบาดเจ็บ พวกเราเดินทางไปคุยไปเถิด” ต้วนเหมิ่งได้ยินจึงขมวดคิ้วน้อยๆ เอ่ยขึ้นมา
หลิ่วหมิงย่อมไม่คัดค้าน
จากนั้นต้วนเหมิ่งจึงหันไปตะโกนสั่งศิษย์ยอดเขาทองคำรอบด้านแล้วใช้เคล็ดวิชา เมฆสีขาวก้อนใหญ่โผล่มาจากความว่างเปล่าแล้วยกทุกคนลอยขึ้นแหวกท้องฟ้ามุ่งไปยังทางเข้าเทือกเขาหมื่นวิญญาณ
บนก้อนเมฆขาว หลิ่วหมิงสีหน้าเคร่งเครียดขณะฟังคำพูดของชายหนุ่มร่างกำยำ
“ก่อนหน้านี้ราวครึ่งปีหลายเขตใกล้เทือกเขาหมื่นวิญญาณของพวกเราปรากฏรอยแยกมิติจำนวนหนึ่งขึ้นอย่างไร้ลางบอก ต่อจากนั้นแมลงระดับล่างจำนวนหนึ่งก็แห่ออกมาจากรอยแยกไม่ขาดสายประหนึ่งน้ำหลาก แมลงเหล่านี้แม้จำนวนมากมาย แต่พลังต่ำเตี้ย สังหารได้ง่ายดายยิ่งนัก นิกายส่งศิษย์หลายกลุ่มออกมากำจัดพวกมันไปได้ประมาณหนึ่ง แต่ต่อมาจู่ๆ แมลงเหล่านี้ก็เปลี่ยนสนามรบไปโจมตีเมืองของมนุษย์ธรรมดาหลายแห่ง บางส่วนก็เก็บซ่อนตัว…”
สิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยเล่าซ้ำรอยกับสิ่งที่ได้ยินจากดินแดนทางใต้เมื่อตอนนั้น เพียงแต่สถานที่เปลี่ยนจากทะเลทรายหนานฮวงมาเป็นรอบเทือกเขาหมื่นวิญญาณเท่านั้น
เมื่อรวมกับสภาพที่ได้เห็นระหว่างทาง หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง ในใจหลิ่วหมิงก็อดไม่ได้ตกตะลึง
การรุกรานจากต่างเผ่าขนาดใหญ่เช่นนี้ ในประวัติศาสตร์ของแผ่นดินจงเทียนมีนับครั้งได้ ไม่ใช่สิ่งที่พวกต่างเผ่าธรรมดาจากต่างโลกจะทำได้ง่ายๆ อีกทั้งนิกายยอดบริสุทธิ์ที่อยู่ภาคกลางของแผ่นดินจงเทียนยังถูกเหล่าแมลงล้อมบุก เกรงว่าสถานที่อื่นเพลิงสงครามคงหนักหนายิ่งกว่า
การรุกรานของเผ่าหนอนผีเสื้อครั้งนี้คงจะเกี่ยวเนื่องถึงทั้งแผ่นดินจงเทียน!
“ครั้งนี้ข้าเดินทางมาจากแดนใต้ จำนวนแมลงในดินแดนทางนั้นก็ไม่ใช่น้อย ไม่รู้ว่าในนิกายมีแผนการรับมือเรื่องนี้อย่างไร จะปล่อยให้ฝูงแมลงเหล่านี้วนเวียนอยู่ใกล้เทือกเขาหมื่นวิญญาณหรือ” หลิ่วหมิงถามจริงจัง
“แม้เริ่มแรกนิกายเคยประกาศรวบรวมศิษย์จำนวนมากมากวาดล้างแมลงระดับล่างเหล่านี้ แต่เบื้องบนก็ไม่ได้สนใจมากนัก…เฮ้อ ยามนี้เมื่อแมลงมากกว่าเดิมปรากฏตัวขึ้นก็พลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการกำจัดไปแล้ว…”
“หลายเดือนหลังจากรอยแยกมิติปรากฏ มีแมลงระดับสูงจำนวนมากปรากฏตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งแมลงยักษ์เผ่าหนอนผีเสื้อระดับดาราพยากรณ์ ทำให้ศิษย์ที่นิกายส่งออกมาแต่เดิมบาดเจ็บล้มตายเพิ่มขึ้นไม่หยุด เรื่องนี้จึงได้รับความสนใจจากเหล่าผู้อาวุโส แต่ยามนี้ก็สายเสียแล้ว เมื่อพวกเราตรวจสอบกองทัพใหญ่ของเผ่าหนอนผีเสื้อได้ชัดเจนก็พบว่าจำนวนมากถึงหลายล้าน อีกทั้งยังมีกองหนุนกับเผ่าหนอนผีเสื้อระดับสูงตัวอื่นแห่ออกมาจากรอยแยกมิติไม่หยุด” พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของต้วนเหมิ่งก็พลันหดหู่
“แมลงระดับดาราพยากรณ์ปรากฏตัว แล้วนิกายไม่ส่งผู้อาวุโสออกมากำจัดหรือ?” หลิ่วหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อยถามขึ้นมา
“ศิษย์พี่หลิ่วอาจไม่รู้ เมื่อนิกายค้นพบว่าผิดปกติก็ใช้มาตรการเร่งด่วนทันที ได้ยินว่าผู้อาวุโสสูงสุดเฟิงชิงปรมาจารย์ระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ลงมือด้วยตนเอง เริ่มแรกก็สังหารแมลงระดับสูงไปได้ไม่น้อย แต่เมื่อผู้อาวุโสสูงสุดคิดจะใช้วิชาลับผนึกทางเชื่อมมิติกลับถูกลมปราณระดับเดียวกันที่โผล่ออกมาจากทางเชื่อมโจมตีจนต้องถอยออกมา…ด้วยจนหนทาง หลังจากประมุขนิกายกับเหล่าผู้อาวุโสหารือกันจึงเปิดมหาค่ายกลพิทักษ์สำนักชั่วคราวแล้วออกคำสั่งเรียกรวมพล รีบเรียกศิษย์ทั้งหมดที่อยู่ด้านนอกกลับไป ครั้งนี้ข้าก็ได้รับคำสั่งให้ไปรับศิษย์กลุ่มหนึ่งกลับนิกายด้วยตนเอง แต่ปรากฏว่าเพิ่งออกจากนิกายได้ไม่เท่าไรก็ถูกแมลงกลุ่มหนึ่งพบเข้า เกือบจะตายยกกลุ่มแล้ว โชคดีที่ศิษย์น้องหลิ่วลงมือช่วยทันเวลา” พูดถึงตรงนี้ ต้วนเหมิ่งก็ประสานมือให้หลิ่วหมิงแล้วเอ่ยขอบคุณอย่างซาบซึ้ง
“ศิษย์พี่เกรงใจแล้ว ข้ากับท่านล้วนเป็นคนนิกายเดียวกัน ลงมือช่วยเหลือเดิมก็เป็นหน้าที่” หลิ่วหมิงแย้มยิ้มเล็กน้อย