ในห้วงมิติกว้างใหญ่ที่มีสีสันเพียงสองคือสีขาวกับสีดำแห่งหนึ่ง ผู้อาวุโสเสวียนอวี๋ ผู้เฒ่าเสื้อเนื้อหยาบกับผู้เฒ่าชุดขาวสามคนกำลังยืนอยู่กลางอากาศ
เบื้องหน้าของทั้งสามมีแมลงร่างยักษ์ขนาดร้อยจั้งตัวหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ
หน้าตาของมันเหมือนมดที่ขยายขนาดขึ้นหลายเท่านับไม่ถ้วนตัวหนึ่ง แต่ขาหน้าสองข้างทั้งเรียวและยาว ส่วนปลายของลำตัวก็ใหญ่โตยิ่งนัก เวลานี้บนร่างของมันมีเส้นไหมเรียวเล็กสีขาวดำมากมายถี่ยิบรัดพันไว้ เปลือกรอบร่างก็มีรูนับร้อยนับพัน ไม่มีลมปราณของสิ่งมีชีวิตแผ่ออกมาแม้แต่น้อย
ยอดฝีมือระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ทั้งสามรวมทั้งผู้อาวุโสเสวียนอวี๋ เวลานี้แลดูสะบักสะบอมเล็กน้อย เสื้อผ้าบนร่างยุ่งเหยิง สีหน้าก็ซีดเผือดอยู่เลือนราง นอกจากนั้นเทือกเขากับแม่น้ำบริเวณใกล้ๆ ก็เป็นหลุมเป็นบ่อ สถานที่ไม่น้อยถูกกวาดจนกลายเป็นที่ราบ ดูแล้วเละเทะไปหมด
“คิดไม่ถึงว่าแมลงระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ขั้นกลางตัวนี้จะร้ายกาจเช่นนี้ พวกเราสามคนต้องร่วมมือกันประสานกับพลังแห่งหยินหยางในมิติภาพธารคีรีอาวุธเวทมิติชิ้นนี้กว่าจะสังหารมันได้อย่างหวุดหวิด” ผู้อาวุโสเสวียนอวี๋ถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้นแช่มช้า
ผู้เฒ่าชุดขาวฟังแล้วพยักหน้าเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
“ในความเห็นของข้า แมลงตัวนี้ไม่ใช่แมลงระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ธรรมดา เมื่อครู่มันใช้เวลาเพียงนิดเดียวก็ทำลายเหล็กท่อนจักรพรรดิสายฟ้าของศิษย์น้องเฟิงชิงได้ พลังแข็งแกร่งอย่างหาได้ยาก หากมิใช่อยู่ในอาวุธเวทมิติชิ้นนี้ พวกเราคงรั้งมันไว้ไม่ได้แน่นอน” ผู้เฒ่าเสื้อเนื้อหยาบด้านข้างพลันเอ่ยขึ้นมา
“กล่าวไปแล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง” ผู้อาวุโสเสวียนอวี๋ฟังแล้วนิ่งไป บนใบหน้าปรากฏสีหน้าครุ่นคิด
“หากกล่าวถึงสายตาอันกว้างไกล ในหมู่พวกเราสี่คน ศิษย์พี่มู่คงเป็นอันดับหนึ่งอย่างสมศักดิ์ศรี ในเมื่อศิษย์พี่กล่าวเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นแมลงตัวนี้ก็คงจะแปลกอยู่บ้าง” ผู้เฒ่าชุดขาวครุ่นคิดครู่หนึ่งก็เอ่ยออกมา
เพิ่งเอ่ยจบ เขาพลันสะบัดมือ ประกายแสงสีเขียวครามสายหนึ่งพุ่งออกมาจากสายน้ำเบื้องล่าง ก่อนจะร่วงลงในมือของเขา มันก็คือเคียวสำริดเล่มนั้นของสตรีอาภรณ์ดำ
ผู้เฒ่าชุดขาวโบกมือส่งแสงเจิดจ้าสายหนึ่งจมหายเข้าไปในเคียวสำริด คมเคียวเปล่งแสงสีครามหม่นออกมาครู่หนึ่ง
“อาวุธเวทที่สร้างจากทรายอนธการ! มิน่าของสิ่งนี้จึงทำลายมิติภาพธารคีรีได้ง่ายดาย!” ผู้เฒ่าชุดขาวเผยสีหน้าตกตะลึงระคนยินดีออกมาจางๆ
“ท่อนเหล็กจักรพรรดิสายฟ้าของศิษย์พี่เฟิงเพิ่งถูกแมลงตัวนี้ทำลายไป ของสิ่งนี้ก็ยกให้ศิษย์พี่ นับว่าชดเชยกันไปเถิด” ผู้อาวุโสเสวียนอวี๋ยิ้มน้อยๆ เอ่ยขึ้นมา
“เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้ว” ผู้เฒ่าชุดขาวมีสีหน้ายินดีปรีดา โบกมือเก็บเคียวสำริดไป
ผู้เฒ่าเสื้อเนื้อหยาบไม่โต้แย้งในเรื่องนี้ เขางอนิ้วดีดครั้งหนึ่ง แสงเจิดจ้าสายหนึ่งพลันลอยออกมา ด้านในแสงเจิดจ้าเห็นมุกกลมสีขาวดำเม็ดหนึ่งหมุนอยู่เลือนราง ในเวลาเดียวกันทิวทัศน์สีขาวดำรอบด้านก็เริ่มพร่าเลือน พายุหมุนสีขาวดำลูกแล้วลูกเล่าจมหายเข้าไปในมุกกลมสีขาวดำอย่างไร้ร่องรอย
ภาพวาดภาพหนึ่งปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้าเหนือหุบเขาแสงอัสดง ทางเชื่อมมิติที่เดิมทีกลายเป็นเส้นสีดำเลือนรางเส้นหนึ่งถูกผนึกสำเร็จแล้ว
“ดูท่าภารกิจของเจ้าเด็กหลิ่วหมิงจะสำเร็จแล้ว ฝั่งเทียนเกอก็น่าจะกำจัดแมลงระดับดาราพยากรณ์หลายตัวนั้นเรียบร้อยแล้วกระมัง หากเป็นเช่นนี้คงกวาดล้างแมลงใกล้เทือกเขาหมื่นวิญญาณได้อย่างรวดเร็ว” ผู้เฒ่าเสื้อเนื้อหยาบพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้นมา
“เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อย มอบให้ข้าจัดการก็พอ เรื่องการติดต่อนิกายอื่นคงต้องลำบากศิษย์พี่ทั้งสองจัดการแล้ว” ผู้อาวุโสเสวียนอวี๋เอ่ย
“ถ้าเช่นนั้นก็ลำบากศิษย์น้องแล้ว” ผู้เฒ่าเสื้อเนื้อหยาบเอ่ยด้วยสีหน้าเฉยชา
เสวียนอวี๋พยักหน้า โบกมือครั้งเดียวก็เปิดทางเชื่อมมิติเส้นหนึ่ง ร่างกายผลุบหายเข้าไปด้านในอย่างไร้ร่องรอย
สายตาของผู้เฒ่าเสื้อเนื้อหยาบจับอยู่บนศพของเหล่าแมลง ดวงตาทอประกายวูบหนึ่งไม่ทราบว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่
……
บนท้องฟ้านอกยอดเขาแสงอัสดง เทียนเกอเจินเหริน จินเทียนชื่อกับผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์อีกสองคนยืนอยู่กลางอากาศ เผ่าหนอนผีเสื้อระดับดาราพยากรณ์สามตัวถูกพวกเขาแต่ละคนสังหารไปแล้ว เมื่อสูญเสียผู้นำ กองทัพเผ่าหนอนผีเสื้อก็พังทลายไม่เป็นกระบวน ถูกศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์สังหารจนถอยร่นไปเรื่อยๆ แมลงนับไม่ถ้วนหนีกระเจิงไปทั่วทุกสารทิศ
ศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์ไล่ตามไปโจมตีภายใต้การนำของผู้อาวุโสระดับแก่นแท้จำนวนหนึ่ง
ยอดเขาแสงอัสดงที่เคยเป็นรังของเผ่าหนอนผีเสื้อ ยามนี้กลับว่างเปล่า มองไม่เห็นร่องรอยของเผ่าหนอนผีเสื้อหรือศิษย์นิกายยอดบริสุทธิ์สักเท่าไร
ในตอนนี้เองเงาคนร่างหนึ่งพลันปรากฏตัว ร่างของผู้อาวุโสเสวียนอวี๋โผล่ออกมา
“คารวะผู้อาวุโสสูงสุแสวียนอวี๋” พวกเทียนเกอเจินเหรินเห็นเช่นนี้จึงรีบเข้าไปคารวะ
“เอาล่ะ ยามนี้สถานการณ์เร่งเด่วน ไม่ต้องมากพิธีเช่นนี้ สงครามครั้งนี้พวกเจ้าวางกลยุทธ์ได้ดีเยี่ยม ทำลายกำลังหลักของเผ่าหนอนผีเสื้อใกล้เทือกเขาหมื่นวิญญาณได้สำเร็จ ไม่เพียงข้า มู่คงกับเฟิงชิงสองผู้อาวุโสก็พอใจผลงานของพวกเจ้ายิ่งนัก” ผู้อาวุโสเสวียนอวี๋เอ่ยขึ้นเรียบๆ
“ผู้อาวุโสสูงสุดเสวียนอวี๋ชมเกินไปแล้ว สิ่งเหล่านี้พวกข้าล้วนสมควรกระทำ” พวกเทียนเกอเจินเหรินได้ยินพลันมีสีหน้ายินดี แล้วเอ่ยขึ้นอย่างถ่อมตัว
“แม้เผ่าหนอนผีเสื้อเหล่านั้นจะถอยร่นไม่เป็นกระบวนแล้ว แต่ปล่อยพวกมันไว้ย่อมเหลือเป็นภัยร้าย ต้องกวาดล้างเผ่าหนอนผีเสื้อที่หนีกระเจิงไปเหล่านี้กับเผ่าหนอนผีเสื้อตรงที่อื่นของเทือกเขาหมื่นวิญญาณให้สิ้นซาก” ผู้อาวุโสเสวียนอวี๋กำชับ
“น้อมรับคำสั่งผู้อาวุโสสูงสุดเสวียนอวี๋!” เทียนเกอเจินเหรินรีบขานรับ
ผู้อาวุโสเสวียนอวี๋พยักหน้า ร่างกายขยับวูบเดียวพลันหายไปจากที่เดิม
พวกเทียนเกอเจินเหรินสี่คนหารือกันกลางท้องฟ้าครู่หนึ่งก็เริ่มเหาะแยกย้ายไปสี่ทิศ
……
หลิ่วหมิงแอบเดินทางผ่านแม่น้ำใต้ดินจนกลับมาถึงเขตเหมืองร้างแห่งนั้นอย่างรวดเร็วยิ่งนัก
เขาใช้พลังซ่อนเร้นของภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนแปลงเป็นเงาดำร่างหนึ่งเหาะออกจากปากถ้ำของเหมืองร้าง
“เอ๋…” หลิ่วหมิงอุทานออกมาเบาๆ ใกล้กับเขตเหมืองร้างสัมผัสไม่พบลมปราณของเหล่าแมลงแม้แต่น้อย แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจครู่หนึ่งเขาก็คาดเดาสาเหตุได้พอประมาณ
“ดูท่าการต่อสู้ครั้งนี้ นิกายเราคงได้ชัยแล้ว”
เขาโบกมือข้างหนึ่ง แล้วกลายเป็นแสงสีดำสายหนึ่งเหาะเร็วจี๋ไปยังเทือกเขาหมื่นวิญญาณในทันใด
เหาะอย่างรวดเร็วไปได้ไม่ถึงหนึ่งเค่อ หลิ่วหมิงก็หยุดลำแสงแล้วหันไปมองทิศหนึ่งทางฝั่งซ้าย ใบหน้าเผยสีหน้าประหลาดใจ
ห่างไปพันลี้ทางฝั่งซ้ายมีคลื่นพลังเวทรุนแรง เห็นชัดว่ามีผู้ฝึกฝนที่ระดับพลังไม่น้อยกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดอยู่ ฝ่ายหนึ่งในนั้นมีกลิ่นอายชั่วร้ายเฉพาะตัวของเหล่าแมลง ส่วนผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์อีกฝ่ายมีลมปราณของคนผู้หนึ่งที่เขารู้สึกคุ้นเคยยิ่งนัก
หลิ่วหมิงใคร่ครวญครู่เดียว ร่างกายพลันเลี้ยวเปลี่ยนทิศเหาะเร็วรี่ไปยังทิศทางนั้น
……
เมื่อศึกใหญ่จบลง กองทัพแมลงที่ยึดครองยอดเขาแสงอัสดงถูกสังหารหมดสิ้น กองกำลังเผ่าหนอนผีเสื้อขนาดเล็กส่วนหนึ่งที่ยังหลงเหลืออยู่รอบเทือกเขาหมื่นวิญญาณจึงทยอยถูกศิษย์ทั้งหลายจากนิกายยอดบริสุทธิ์ร่วมแรงกันไล่ล่าสังหาร
ณ ยอดเขาขนาดเล็กลูกหนึ่งห่างจากเทือกเขาหมื่นวิญญาณไปทางเหนือหนึ่งแสนกว่าลี้ ศิษย์ของยอดเขากระบี่สวรรค์หลายคนกำลังไล่ล่าสังหารแมลงร้อยกว่าตัวอยู่ ผู้ที่เป็นหัวหน้าคือชายหนุ่มใบหน้าผอมยาวผู้สวมอาภรณ์หรูหรา เขาก็คือซาทงเทียนผู้นั้นนั่นเอง
เสียงกังวานใสดังขึ้นครั้งหนึ่ง แสงสีน้ำเงินเส้นหนึ่งพลันแบ่งตัวจากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสี่กลางท้องนภา พริบตาเดียวกลายเป็นรุ้งสีน้ำเงินยาวสิบกว่าจั้งสิบหกสายแหวกท้องฟ้า
หลังจากเสียง “ฟึบ” ดังขึ้นกลายครั้ง ศพของแมลงประหลาดที่ถูกฟันเป็นท่อนๆ ตัวแล้วตัวเล่าก็ร่วงสู่พื้น แม้แต่ตัวเดียวก็หนีไม่รอด
“ศิษย์พี่ซาพลังไม่ธรรมดาจริงๆ แมลงเหล่านี้ดูดซับและป้องกันอาวุธจิตวิญญาณได้อย่างร้ายกาจ ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้ากระบี่บินของศิษย์พี่ซากลับอ่อนแอไม่ทานทนสักการโจมตี” ศิษย์ร่างเตี้ยของยอดเขากระบี่สวรรค์ผู้หนึ่งข้างกายซาทงเทียนเห็นเช่นนี้ก็รีบยกยอเสียหลายประโยค
“เหอะ นี่นับเป็นอันใด…แย่แล้ว ศิษย์น้องเจียหลานเหมือนจะมีอันตราย!”
ในตอนนี้เองจู่ๆ ซาทงเทียนก็ตกใจ รีบกวักมือข้างหนึ่ง แสงสีน้ำเงินสายหนึ่งบินพุ่งกลับมา จากนั้นตัวเขาจึงกลายเป็นลำแสงสีน้ำเงินสายหนึ่งพุ่งเร็วจี๋ไปยังยอดเขาน้อยลูกหนึ่งทางฝั่งตะวันออก
ร้อยกว่าปีที่ผ่านมา แม้ซาทงเทียนจะตั้งใจฝึกฝนตามคำชี้แนะของอาจารย์ แต่ในใจก็ยังปล่อยวางเจียหลานไม่ลงมาตลอด ยิ่งหลิ่วหมิงหายเงียบไร้ข่าวคราว นี่ยิ่งทำให้ความปรารถนาที่กดไว้ในใจของซาทงเทียนเหมือนจะมีประกายความหวังขึ้นมาเล็กน้อย
หลังจากหลิ่วหมิงกลับมานิกายครั้งนี้ เขาก็เดินทางไปทำภารกิจลับในสงครามครั้งใหญ่ทันที ในสำนักคนที่รู้ข่าวการกลับมาของเขามีไม่มาก ซาทงเทียนย่อมไม่รู้เรื่องนี้แม้แต่น้อย
……
เหนือธารน้ำน้อยใสแจ๋วสายหนึ่งระหว่างยอดเขาน้อยสองลูก แมลงสีดำกับสีเหลืองฝูงหนึ่งกำลังล้อมศิษย์หญิงผู้สวมกระโปรงสีฟ้าของยอดเขาเลื่อนลอยสองคนไว้ตรงกลาง
สตรีนางหนึ่งในนั้นเรือนร่างสะโอดสะอง รูปโฉมงามล้ำเลิศ ดวงเนตรทั้งสองข้างทอประกายสีฟ้าเลือนราง นางก็คือเจียหลานสตรีผู้นั้นนั่นเอง
ทั้งสองคนไล่ล่าแมลงระดับล่างมาถึงสถานที่นี้ แต่คิดไม่ถึงกลับพบแมลงระดับแก่นแท้ตัวหนึ่งรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ใกล้ๆ จึงถูกล้อมโจมตี
แมลงฝูงนี้มีมากถึงหกเจ็ดร้อยตัว แมลงประหลาดระดับแก่นแท้ตัวที่เป็นหัวหน้าตัวนั้นสีเขียวเข้มปลอด บนหัวอันใหญ่โตมีดวงตาเรียวยาวคู่หนึ่งแลดูดุร้ายยิ่งนัก
หลังจากกลืนกินแมลงระดับล่างที่หนีเอาชีวิตรอดมาถึงที่นี่ไปหลายสิบตัว พลังปราณของมันก็ฟื้นคืนสภาพเดิมอย่างสมบูรณ์ เวลานี้มันหยุดอยู่นอกฝูงแมลง จับจ้องทั้งสตรีทั้งสองอย่างมาดร้าย คล้ายทนรอกินสตรีทั้งสองลงท้องเป็นมื้ออาหารแทบไม่ไหว
“ศิษย์พี่ วิชาที่ท่านกับข้าถนัดล้วนจัดการแมลงเหล่านี้ไม่ได้ ต่อสู้นานเข้า เกรงว่าแมลงคงจะยิ่งมารวมตัวกันมากขึ้นอีก ไม่สู้พวกเราถอยจากที่นี่ก่อนเถิด” ศิษย์หญิงหน้าตาอ่อนหวานอีกคนหนึ่งถามเสียงแผ่ว
“ศิษย์น้องจ้าว สถานการณ์ตอนนี้ แม้เจ้ากับข้าอยากหนีพร้อมกันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้วิชาเสน่ห์ของข้าจะได้ผลกับพวกมันน้อยนิด แต่ก็ยังถ่วงแมลงประหลาดฝูงนี้ไว้ได้ชั่วคราว ไม่สู้เจ้าหนีไปขอความช่วยเหลือใกล้ๆ ก่อนดีกว่า”
หลังจากเจียหลานเอ่ยออกมาเรียบๆ ดวงตาสองข้างพลันมีคลื่นสีเขียวหยกหมุนวนครู่หนึ่ง สองมือทำท่าเคล็ดวิชาต่อเนื่อง รัศมีแสงสีฟ้าอ่อนรอบร่างเดี๋ยวสว่างเดี๋ยวหม่นแสง
“ศิษย์พี่เจียหลาน!” ศิษย์หญิงหน้าตาอ่อนหวานตกตะลึง แต่เถียงอันใดไม่ได้ นางหมุนตัวอย่างละล้าละลัง ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อกลายเป็นแสงสีฟ้าเส้นหนึ่งพุ่งเร็วรี่จากไป
เจียหลานใช้วิชาลับ เส้นไหมเรียวเล็กสีฟ้าเส้นแล้วเส้นเล่าพุ่งออกมาจากรัศมีแสงสีฟ้ารอบร่างของนาง แล้วเข้าโอบล้อมกองทัพแมลงประหลาดเผ่าหนอนผีเสื้อรอบด้านเอาไว้
เส้นไหมสีฟ้าเหล่านี้ว่องไวยิ่งนัก พริบตาเดียวร่างของแมลงประหลาดจำนวนไม่น้อยก็ถูกแสงเรืองรองสีฟ้าอ่อนหุ้มเอาไว้จนการเคลื่อนไหวเชื่องช้าลงพร้อมกัน
แมลงยักษ์ระดับแก่นแท้สีเขียวเข้มตัวนั้นที่เป็นหัวหน้าดวงตาวาวโรจน์ มันมองแสงสีฟ้าที่เคลื่อนห่างออกไปแล้วร้องคำราม!
“กี๊ซ!”
คลื่นเสียงสั่นเป็นวงแผ่ออกจากร่างของมัน
แสงเรืองรองสีฟ้าอ่อนที่หุ้มบนร่างเหล่าแมลงถูกคลื่นเสียงรุนแรงอัดกระแทกจนสั่นสะท้านคลายตัวออก ตัวเจียหลานเองก็ได้รับแรงกระแทกจากคลื่นเสียงดุจเดียวกัน นางก้าวถอยหลังออกไปหลายจั้งอย่างมิอาจห้ามได้
ทันทีที่แมลงประหลาดฝูงนั้นดิ้นหลุดจากพันธนาการก็กรีดร้อง โถมเข้าใส่เจียหลานในทันใด