คนผู้นั้นร้องโหยหวนขึ้นมาในทันที ร่างของเขากลายเป็นสายฝนกระหน่ำสาดลงบนพื้น
เมื่อขาดการควบคุมจากเจ้าของ แสงบนตัวอาวุธอาญาสิทธิ์สองชิ้นก็ดับลง และร่วงลงมาจากที่สูง
หลิ่วหมิงยื่นมือข้างหนึ่งออกไปดูดอาวุธอาญาสิทธิ์ทั้งสองชิ้นเข้ามา เขาเพียงแค่มองผ่านๆ ก็ค้นพบว่าเป็นแค่อาวุธอาญาสิทธิ์ระดับกลางทั่วไปเท่านั้น จากนั้นเขาก็ยัดมันเข้าไปในหอยสังข์ย่อส่วน
หลิ่วหมิงกระตุ้นเมฆดำใต้เท้าเพื่อไปตรวจสอบศพสองศพนั้น แต่ค้นมาได้แค่หินจิตวิญญาณจำนวนเล็กน้อยกับยันต์ไม่กี่ผืน และก็ไม่มีของมีมูลค่าอะไรอื่นอีกเลย
มันไม่ได้ผิดไปจากที่เขาคาดการณ์ไว้
เพราะทั้งสองคนนี้อ่อนแอมาก อย่างมากก็เป็นแค่ศิษย์จิตวิญญาณขั้นต้นเท่านั้น ถ้าพวกเขามีสิ่งของดีๆ คุ้มกันตัวล่ะก็ คงไม่ถูกเขาโจมตีอย่างง่ายดายเช่นนี้
หลิ่วหมิงเก็บของที่ค้นตัวมาได้ จากนั้นก็ขี่เมฆเหาะไปด้านหน้าต่อ
ครั้งนี้เขาเหาะออกไปสิบกว่าลี้ ก็มองเห็นยอดเขาสองลูกอยู่ติดกัน และแอ่งขนาดหมู่กว่าๆ ที่อยู่กลางระหว่างเขาทั้งสองลูก ล้วนถูกทะเลหมอกสีขาวพวยพุ่งปกคลุมเอาไว้ทั้งหมด
บริเวณรอบๆ ทะเลหมอกมีนักรบสวมชุดทะมัดทะแมงร้อยกว่าคนยืนอยู่อย่างหนาแน่น พวกเขากำลังใช้อาวุธฟันทะเลหมอกอย่างบ้าคลั่ง
ดาบในมือของคนเหล่านี้ต่างก็มีแสงเปล่งประกายอยู่จางๆ ทั้งหมดล้วนเป็นผู้ฝึกปราณขั้นต่ำ
สถานที่ไกลออกไปหน่อย มีคนสามสิบถึงสี่สิบคนถือธนูและลูกธนูคอยระแวดระวังภัยอยู่
บนยอดเขาทั้งสองลูกมีเงาร่างคนเจ็ดแปดคนอยู่ที่นั่น พวกกำลังปล่อยลูกเปลวไฟ หรือคมวายุโจมตีทะเลหมอกอยู่ไม่หยุด
ทุกการโจมตีในแต่ละครั้ง ต่างก็ทำให้ทะเลหมอกลดขนาดลง และสลายไปเล็กน้อย เมื่อหลิ่วหมิงมาถึงที่นี่ทะเลหมอกก็บางเบาไปมากแล้ว จนกระทั่งสามารถมองเห็นคนที่ซ่อนอยู่ในนั้นอย่างรำไร
“ฮ่าๆ! สหายทั้งหลายใยต้องฝืนต่อไปด้วยเล่า! จะว่าไปแล้วพวกเราต่างก็ไม่มีความแค้นส่วนตัวกัน เพียงแค่ทำเพื่อเจ้านายของแต่ละฝ่ายเท่านั้น ถ้าตอนนี้ทุกท่านยอมรามือ และส่งสิ่งของประมูลทั้งหมดออกมา ข้าจะให้สหายทุกท่านไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย” เงาร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่ง ที่ลอยอยู่เหนือยอดเขาพลันหัวเราะแล้วกล่าวออกมา
เจ้าของเงาร่างนี้เป็นผู้อาวุโสชุดคลุมสีเหลือง ใบหน้าเต็มไปด้วยกระสีดำ ด้านหลังสะพายกล่องไม้สีดำ
“ผู้อาวุโสหยางอย่าได้คิดฝันไปเลย ค่ายกลทองคำจตุรสัตว์นี้ เดิมทีก็มีชื่อเสียงในการป้องกันเป็นอย่างมาก พื้นที่คุ้มกันยิ่งเล็กลง พลังการปกป้องก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น คาดว่าเรื่องนี้พวกท่านเองก็คงรับรู้ได้ มิเช่นนั้นจะพูดคำพูดไร้สาระเหล่านี้ออกมาทำไม! ข้าเองก็จะไม่ปิดบังเจ้า ข่าวที่พวกเราถูกปิดล้อมถูกส่งไปจวนเฉียนเมื่อหนึ่งชั่วยามก่อนแล้ว คิดว่ากองกำลังสนับสนุนก็คงใกล้จะมาถึงแล้ว แต่ข้าขอเตือนเจ้าสักหนึ่งประโยค ถ้าหนีไปตอนนี้ยังทัน มิเช่นนั้นพอถึงเวลานั้นพวกเจ้าอยากจะหนีก็คงหนีไม่พ้น” น้ำเสียงเยือกเย็นของชายผู้หนึ่งดังออกมาจากกลางทะเลหมอก
“อะไรนะ! พวกเจ้าส่งข่าวไปเสวียนจิงแล้ว ฮึ! เจ้าคิดว่าพูดเช่นนี้แล้วข้าจะเชื่อหรือ ในเมื่อเตือนด้วยความหวังดีแต่เจ้าไม่ฟัง งั้นก็อย่าหาว่าข้าลงมือโหดเหี้ยมก็แล้วกัน” ผู้อาวุโสชุดเหลืองได้ยินในตอนแรกรู้สึกตกตะลึง แต่ต่อมาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และตบกล่องไม้สีดำตรงหลังทันที มีเสียงดังออกมาจากในนั้น จากนั้นมีดบินจำนวนสิบสามเล่มที่ยาวครึ่งฉื่อ และบางอย่างน่าประหลาดใจก็พุ่งออกมา มันกลายเป็นลำแสงเย็นสะท้านก่อนเข้าโจมตีทะเลหมอก
ศิษย์จิตวิญญาณคนอื่นๆ เห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา และต่างก็ค่อยๆ ทำท่ามือเพิ่มการโจมตีให้รุนแรงขึ้น
ไม่นานทะเลหมอกก็สั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่าจะถูกทำลายในพริบตา
แต่ขณะนี้ หลิ่วหมิงก็ถูกผู้ฝึกปราณที่ระมัดระวังภัยเหล่านั้นค้นพบเข้าในที่สุด
มีคนส่งสัญญาณแจ้งเตือนไปอย่างรวดเร็ว ที่เหลือก็ยิงธนูโจมตีหลิ่วหมิงอย่างไม่ลังเล
ลูกธนูจำนวนมากกลายเป็นลำแสงหลากสีพุ่งยิงเข้ามาด้วยเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ทำเสียงฮึดฮัด และทำท่ามือด้วยมือเพียงข้างเดียว ทันใดนั้นไอสีดำก็ม้วนออกจากร่างเขาทันที มันกลายเป็นหนวดสัมผัสขนาดเท่าปากถ้วยสิบกว่าเส้นโบกสะบัดไปมาอย่างบ้าคลั่ง
ลูกธนูเหล่านั้นต่างก็ถูกหนวดสัมผัสปัดกระเด็นออกไป บางส่วนที่จมเข้าไปในนั้นก็ค่อยๆ ส่งเสียงดังออกมา หลังจากก็ไม่มีปฏิกิริยาใดๆ อีกเลย
ขณะนี้ หลิ่วหมิงทำท่ามือด้วยมือเดียว และแสงสีเขียวเป็นจุดๆ ก็รวมตัวกันตรงหน้าอย่างรวดเร็ว หลังจากที่มันเปล่งประกายออกมา คมวายุเจ็ดแปดเส้นก็พุ่งยิงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
เสียงร้องอย่างน่าเวทนาดังขึ้นตรงหน้าในทันที ผู้ฝึกปราณเจ็ดถึงแปดคนที่คอยระแวดระวังภัยเหล่านั้นถูกคมวายุฟันออกเป็นสองส่วน
คนที่เหลือเห็นเช่นนี้ ก็ตกใจจนพากันหนีไปยังยอดเขาทั้งสองอย่างบ้าคลั่ง ยิ่งไปกว่านั้นมีคนส่งเสียงร้องออกมาว่า “ผู้อาวุโสหยาง ช่วยด้วย!”
ผู้ฝึกฝนบนยอดเขาก็ค้นพบความผิดปกติของด้านนี้ด้วยเช่นกัน มีคนสองคนรีบเหาะมาทางนี้อย่างรวดเร็ว และตะโกนออกมาไกลๆ “หยุดนะ!”
หลิ่วหมิงกลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย นิ้วของเขาเคลื่อนไหวไปมาติดต่อกัน คมวายุสีเขียวพุ่งยิงออกไปอยู่ไม่หยุด และคมวายุแต่ละเส้นที่พุ่งออกไป ก็จะทำให้คนที่อยู่ด้านหน้าล้มลงไปคนหนึ่ง
พริบตาเดียว ผู้ฝึกปราณที่รับผิดชอบระวังภัยเหล่านี้ก็ถูกสังหารไปจนหมดสิ้น
ฉากอันน่าตกใจนี้ ไม่เพียงแต่จะทำให้ผู้ที่เหาะเข้ามารู้สึกร้อนใจและโมโหเท่านั้น ผู้ฝึกปราณที่ถืออาวุธโจมตีทะเลหมอกอยู่ก็ตกใจจนค่อยๆ หยุดการโจมตีลง แล้วมองมาทางหลิ่วหมิงด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“สหายช่างลงมือเหี้ยมโหดจริงๆ ระยะเวลาสั้นๆ ก็สามารถสังหารคนไปได้มากขนาดนี้!” หนึ่งในสองคนที่เหาะมา ชายวันกลางคนรัดผมด้วยแถบสีทอง และมีใบหน้าแดงราวกับพุทราตะโกนด้วยเสียงอันดัง
“ฮึ! ถ้าท่านเป็นคนมีใจเมตตาจริงๆ คงไม่มาปรากฏตัวในสถานที่แห่งนี้หรอก ข้าไม่สนอย่างอื่น ตอนนี้ใครขวางทางข้า ข้าก็จะฆ่าคนนั้น พวกเจ้าจะยอมหลีกทางไปเอง หรือว่าให้ข้าลงมือ!” หลิ่วหมิงเหลือบมองชายผู้นี้ทีหนึ่ง แล้วกล่าวด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก
“พูดจาโอหัง! ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเรือนร้อยวิญญาณจะมีคนอวดดีอย่างท่าน พี่เถียนไม่ต้องเกรงใจเขา พวกเราลงมือพร้อมกันเถอะ!” ชายหน้าแดงได้ยินก็รู้สึกโมโหขึ้นมา และหันไปกล่าวกับชายผอมแห้งข้างๆ ที่ดูเหมือนคนป่วย
“อย่าใจร้อนไป สหายมาถึงที่นี่ได้อย่างไร ระหว่างทางไม่มีคนสกัดเอาไว้หรอกหรือ?” ชายแซ่เถียนถามออกไปอย่างระแวดระวัง
“อ๋อ! เจ้าหมายถึงเจ้าของอาวุธอาญาสิทธิ์สองชิ้นนี้ล่ะสิ! พวกเขาทั้งสองแอบจู่โจมข้า ตอนนี้ถูกข้าฆ่าไปแล้ว!” หลิ่วหมิงได้ยิน ก็สะบัดแขนเสื้อ ทันใดนั้นง่ามบินกับมีดบินก็ลอยออกมาตรงหน้า และเขาก็กล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน
“อะไรนะ! เจ้าฆ่าสหายจินทั้งสองไปแล้ว” พอชายแซ่เถียนที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟมาแต่เดิมได้ยินเช่นนี้ ก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปในทันที
“ฮึ! ที่แท้ก็ไม่ได้มาเล่นๆ ถึงแม้สหายจินทั้งสองจะเป็นแค่ศิษย์จิตวิญญาณขั้นต้น แต่ไม่ทันได้ส่งข่าวก็ถูกฆ่าตายเสียแล้ว ดูท่าพลังของท่านคงจะไม่ธรรมดา พี่เฟิงระวังตัวหน่อย” พอชายผอมแห้งได้ยินก็มีสีหน้าไม่พอใจขึ้นมา จากนั้นเขาก็สะบัดแขนเสื้อหยิบลูกประคำสีขาวขุ่นออกมาเส้นหนึ่ง
ชายแซ่เฟิงถอนหายใจยาวๆ แล้วถอยออกไปสองก้าว ขณะเดียวกันก็ตบถุงหนังบนเอวก่อนที่จะมีลูกกลมๆ สีฟ้าบินออกมาสองลูก
หลังจากมีเสียงกรอบแกรบดังออกมา มันก็กลายเป็นวิหคประหลาดสีฟ้าสองตัวที่มีขนาดใหญ่ฉื่อกว่าๆ มันมีหัวขนาดใหญ่ ลำตัวเล็ก มีปีกเล็กๆ อยู่ตรงหลังสี่ปีก
“หุ่นอสูร?”
พอหลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ตอนแรกเขาก็รู้สึกตกตะลึง แต่ก็ยิ้มออกมาอย่างรวดเร็ว
“ฮึ! หวังว่าอีกสักครู่ท่านจะยังคงยิ้มออกมาได้นะ”
พอชายแซ่เฟิงปล่อยหุ่นที่ตนเองภาคภูมิใจที่สุดออกไปแล้ว ความกล้าหาญของเขาก็เพิ่มขึ้นมา หลังจากที่พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นไปไม่กี่ประโยคแล้ว ก็ทำท่ามือด้วยสองมือ และชี้ไปยังวิหคสีฟ้า
“ฟู่!” “ฟู่!”
หุ่นวิหคไม้สีฟ้าทั้งสองตัวกระพือปีกทั้งสี่ที่อยู่บนหลังของพวกมัน และกลายเป็นแสงสีฟ้าพุ่งขึ้นไป หลังจากที่หมุนวนไปหนึ่งรอบแล้ว ก็พุ่งยิงเข้าหาหลิ่วหมิง
ขณะเดียวกัน ทางด้านของชายแซ่เถียนก็ร่ายคาถา กระตุ้นพลังเวทย์ทั่วร่างแล้วส่งเข้าไปยังลูกประคำที่อยู่ในมือ
ลูกประคำทั้งเส้นเปล่งประกายแสงจ้าออกมา ขณะเดียวกันภายใต้เสียงทุ้มต่ำของภาษาสันสกฤตที่มาเป็นระลอกๆ อักขระเจ็ดสีแต่ละตัวก็พรั่งพรูกันออกมา มันสั่นสะเทือนก่อนจะพุ่งยิงมาหาหลิ่วหมิงราวกับสายฝนกระหน่ำ
“ที่แท้ก็เป็นอาวุธอาญาสิทธิ์ที่มีพุทธานุภาพแท้จริง มันเป็นสิ่งที่พบเจอได้น้อยมาก!”
หลิ่วหมิงไม่ค่อยสนใจวิหคไม่ทั้งสองตัวสักเท่าไหร่ แต่เขารู้สึกสนใจลูกประคำในมือของชายผอมแห้งเป็นอย่างมาก
มือเท้าของเขาไม่ได้เคลื่อนไหว แต่หนวดสัมผัสสีดำบนตัวเขากลับโบกสะบัดอย่างบ้าคลั่ง และกลายเป็นเงาสีดำปกป้องเขาไว้อย่างแน่นหนา
ครู่ต่อมา อักขระเจ็ดสีเหล่านั้นก็โจมตีหนวดสัมผัสสีดำราวกับฝนตกกระทบรั้วไม้ไผ่ และกระเบิดออกมาเป็นกลายเป็นกลุ่มแสงที่หนาแน่น พริบตาเดียวกก็ทำให้หนวดสัมผัสเกือบครึ่งหนึ่งสลายไป
แต่หลิ่วหมิงเพียงแค่กระตุกหางคิ้ว ไอสีดำบนตัวก็พวยพุ่งออกมา หนวดสัมผัสสีดำออกมามากกว่าเดิม และต้านทานการโจมตีที่มาจากด้านหลังของเขาได้
วิหคไม้สีฟ้าสองตัวพุ่งมาด้านหน้าเขาราวกับลูกธนู มันไม่หยุดนิ่งเลยแม้แต่น้อย แต่กลับหมุนวนรอบหลิ่วหมิงด้วยความเร็วที่น่ากลัว ขณะเดียวกันมันก็อ้าปากพ่นศรวารีออกมาจำนวนมาก และกลายเป็นเส้นสีขาวพุ่งยิงออกไป
แต่พอหุ่นวิหคไม้ทั้งสองเข้าร่วมการโจมตีนี้ หลิ่วหมิงที่ถูกหนวดสัมผัสสีดำคุ้มกันอยู่ก็ได้ลงมือแล้ว
พอเขาประกบฝ่ามือทั้งสองเข้าหากัน และแยกออกจากกันอีกครั้ง คมวายุยักษ์สีเขียวยาวครึ่งจั้งก็ปรากฏออกมา เมื่อเขาสะบัดข้อมือ คมวายุยักษ์ก็กลายเป็นเส้นสีเขียว และหายวับไปด้านหน้า
ครู่ต่อมา ชายแซ่เฟิงที่กำลังกระตุ้นหุ่นวิหคไม้ทั้งสองเพื่อโจมตีจากที่ไกลๆ ก็รู้สึกแค่ว่ามีแสงสีเขียวเปล่งประกายขึ้นตรงหน้า จากนั้นแสงที่ปกป้องเขาอยู่ก็ถูกสิ่งของบางอย่างฟันเข้าจนแตกกระจาย ขณะเดียวกันก็รู้สึกเย็นๆ บริเวณเอว
เขากำลังจะก้มมองด้วยความตกใจ แต่ร่างกายส่วนล่างของเขาก็ร่วงหล่นลงไปแล้ว
ชายแซ่เฟิงร้องเสียงดังออกมา จากนั้นก็ไม่รับรู้เรื่องราวใดๆ อีก
วิหคไม้สีฟ้าที่บนวนโจมตีหลิ่วหมิง ก็หยุดชะงักในทันที และลอยอยู่ในอากาศอย่างเงียบๆ
อีกด้านหนึ่ง ดูเหมือนว่าชายผอมแห้งที่ยังคงกระตุ้นลูกประคำในมือ แทบจะไม่อยากเชื่อฉากเหตุการณ์ที่ปรากฏตรงหน้า
ถึงแม้พลังของชายแซ่เฟิงจะอ่อนกว่าเขาเล็กน้อย แต่ถ้าจะบอกว่าถูกฆ่าตายไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ สำหรับเขาแล้วมันเป็นเรื่องที่คิดไม่ถึงเป็นอย่างมาก
และหากผู้ที่มีพลังน่ากลัวเช่นนี้ ใช้วิธีเดียวกันจัดการกับเขาล่ะก็ เขาก็ไม่มีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถต้านทานได้ทัน
ภายใต้ความตกใจ ชายร่างผอมก็คำรามเสียงออกมา ทันใดนั้นเขาก็ดึงลูกประคำจนขาดออกจากกัน ขณะเดียวกันมือทั้งสองก็ทำท่ามืออย่างรวดเร็ว ปากก็เริ่มร่ายคาถาออกมา
ลูกประคำเหล่านี้กลายเป็นอักขระขนาดใหญ่หมุนวนรอบตัวเขาหนึ่งรอบ จากนั้นมันก็รวมตัวกันเป็นม่านแสงเจ็ดสีหนึ่งชั้น และปกคลุมร่างเขาไว้
……………………………………….