หลิ่วหมิงไม่มีข้อคัดค้านใดๆ เขารีบล้วงถุงหนังออกมาจากอก และโยนออกไปในทันที
เถ้าแก่เฉียนคว้าถุงหนังมาเปิดดูข้างใน จากนั้นก็พยักหน้าและกวักมือออกไป
สาวใช้ใบหน้างดงามผู้นั้น รีบเดินเข้ามาอย่างรู้งาน
หลิ่วหมิงสะบัดแขนเสื้อเพื่อเก็บของทั้งสามชิ้น
ชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชาผ่านไป เมื่อหลิ่วหมิงก็เดินออกทางประตูข้างห้องโถงใหญ่ และชายแซ่หนานที่สวมงอบกำลังถูกสาวใช้พาเข้ามาพอดี
พอเห็นหลิ่วหมิง เขาก็หยุดชะงักเล็กน้อย
“ขอบคุณที่สหายยื่นมือเข้าช่วย มิเช่นนั้นข้าคงไม่อาจประมูลเกราะกลนักรบนี้ได้ แต่ข้าเป็นคนไม่ชอบติดค้างหนี้บุญคุณใคร ภายหน้าถ้าสหายต้องการสร้างอุปกรณ์กลไกอะไร ก็สามารถมาหาข้าที่วัดไผ่ใต้ ข้าจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่” ชายแซ่หนานพลันเอ่ยปากออกมา จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อก่อนที่ป้ายไม้ไผ่สีเหลืองอ่อนจะพุ่งเข้าหาหลิ่วหมิง
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว” ถึงแม้หลิ่วหมิงจะรู้สึกประหลาดใจ แต่ย่อมไม่ปฏิเสธเรื่องดีแบบนี้อย่างแน่นอน เขายื่นมือข้างหนึ่งคว้าป้ายไม้ไผ่มาไว้ในมือ จากนั้นก็เดินสวนฝ่ายตรงข้ามไป
พอเขากลับมายังที่นั่งอีกครั้ง บนแท่นหินก็มีศิษย์จิตวิญญาณที่สวมหน้ากากดุร้ายสีดำอยู่สี่คน และหลังจากที่ไปยืนตามจุดต่างๆ บนแท่นหินแล้ว หญิงสาวที่สวยกว่าก่อนสาวใช้ก่อนหน้านั้น ก็ถือขวดเล็กๆ สีทองเดินขึ้นแท่นสูงอย่างระมัดระวัง
หลังจากผู้อาวุโสเหมี่ยนรับขวดเล็กๆ สีทองมาแล้ว ก็กล่าวกับคนในห้องโถงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ต่อไปเป็นของประมูลชิ้นสุดท้ายของเรือนร้อยวิญญาณเรา และเป็นของประมูลรั้งท้ายที่มีมูลค่าสูงที่สุด เชื่อว่าก่อนหน้านั้นสหายหลายท่านคงได้ยินชื่อของมันมาบ้าง ไม่ผิด! มันคือไอปีศาจบริสุทธิ์พลังดาราสวรรค์ที่เรือนร้อยวิญญาณของเราต้องจ่ายไปจำนวนมาก ถึงซื้อมาได้ชุดหนึ่ง ไอปีศาจบริสุทธิ์นี้หาได้ยากยิ่ง แม้กระทั่งทั่วทั้งแผ่นดินอวิ๋นซาน ก็เห็นมันปรากฏไม่เกินห้าครั้ง ถ้าควบแน่นไอปีศาจบริสุทธิ์นี้เป็นปราณแกร่งล่ะก็ มันไม่เพียงแต่จะมีผลลัพธ์การโจมตีและป้องกันดีเยี่ยมเท่านั้น ในเวลากลางคืนยังสามารถเชื่อมต่อกับพลังของดวงดาวได้ ด้วยเหตุนี้มันจึงมีผลลัพธ์เสริมในการฝึกฝนอย่างคาดไม่ถึง”
พอผู้อาวุโสกล่าวจบ เขาก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ก่อนเปิดจุกขวดออกมา จากนั้นก็กระตุ้นพลังเวทย์เข้าใส่ก้นขวดเล็กน้อย
กลุ่มแสงสีทองพุ่งออกจากปากขวด และหมุนวนรอบขวด จนทำให้แสงสีทองเปล่งประกายออกมาเป็นจุดๆ ราวกับว่ามันเป็นดวงดาวสวยงามที่ล่องลอยเต็มท้องฟ้า
“นี่คือไอปีศาจบริสุทธิ์พลังดาราสวรรค์ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!”
ผู้ที่รู้ว่าของประมูลชิ้นสุดท้ายนี้คือไอปีศาจบริสุทธิ์พลังดาราสวรรค์ ต่างก็จ้องมองปรากฏการพิเศษบนแท่นหิน และกล่าวพึมพำออกมา
ส่วนผู้ที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็ยิ่งจ้องมองจนปากอ้าตาค้าง
ตอนนี้คนลึกลับไม่กี่คนที่รู้สึกเฉยๆ ในก่อนหน้านั้น ต่างก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา และจ้องมองขวดเล็กๆ สีทองด้วยสายตาที่ร้อนผะผ่าว
“เอาล่ะ! ข้าจะไม่พูดให้มากความ ไอปีศาจบริสุทธิ์พลังดาราสวรรค์หนึ่งชุด มีราคาต่ำสุดอยู่ที่สองแสนหินจิตวิญญาณ เสนอราคาได้ครั้งละไม่ต่ำกว่าห้าพันหินจิตวิญญาณ!” ผู้อาวุโสเหมี่ยนรอให้ผู้คนในห้องสงบลงแล้ว ถึงได้เก็บแสงสีทองเข้าไปในขวด และกล่าวอย่างไม่รีบร้อน
“สองแสนหนึ่งหมื่น!”
เจ้าของร่างที่ถูกชุดคลุมสีเทาปกคลุมรอบตัว เสนอราคาออกมาในทันที
“สองแสนสามหมื่น!”
ชายอีกคนที่สวมหน้ากากปีศาจ เสนอราคาเพิ่มขึ้นมาสองหมื่นอย่างไม่ลังเล
“สองแสนสี่หมื่น!”
น้ำเสียงเคร่งครึมดังก้องกังวานไปทั่วห้องโถง ราวกับเป็นปีศาจ
“ฮึ! เพิ่มขึ้นทีละน้อยอย่างนี้ เมื่อไหร่ถึงจะสิ้นสุด ข้าขอเสนอสามแสนหินจิตวิญญาณ ดูสิว่ายังจะมีใครกล้ามาแย่งกับข้าอีก” น้ำเสียงแก่หง่อมหัวเราะอย่างบ้าคลั่งก่อนกล่าวออกมา
เมื่อราคานี้ถูกเสนอออกมา ไม่เพียงแต่คนส่วนใหญ่จะอึ้งเท่านั้น ผู้ที่เริ่มเสนอราคาคนแรกก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
ห้องโถงเงียบสงัดไปชั่วขณะหนึ่ง
……
ครึ่งชั่วยามผ่านไป หลิ่วหมิงปรากฏตัวบนถนนเปล่าเปลี่ยวแห่งหนึ่งเพียงลำพัง นอกจากจะมีร้านค้าเก่าๆ ที่อยู่สองข้างทางไม่กี่ร้านแล้ว ผู้คนที่เดินอยู่บนท้องถนนก็มีไม่มาก
แต่เขากลับค่อยๆ เดินไปตามถนนอย่างไม่สนใจ หลังจากที่เลี้ยวขวาวนซ้ายแล้ว ก็เดินมาถึงตรอกวังเวงแห่งหนึ่ง
หลิ่วหมิงกวาดสายตามองเข้าไปในตรอก และกล่าวออกมาในฉับพลันโดยไม่หันหน้ามาเลย
“ตั้งแต่ออกมาจากงานประมูล สหายก็ตามติดข้ามาโดยตลอด ระดับการฝึกฝนของท่านกับข้าก็พอๆ กัน คิดหรือว่าจะรอดพ้นสายตาข้าไปได้”
“ฮึ! ที่แท้เจ้าก็คือคุณชายเฉียน แขกคนใหม่ที่มีชื่อเสียงของเรือนร้อยวิญญาณ! ถ้าเป็นเช่นนี้ล่ะก็ ข้าคงต้องถามเหตุผลกับสหาย ว่าทำไมถึงทำลายแผนการประมูลของข้า?” เงาร่างเคลื่อนไหวด้านหลังหลิ่วหมิง ร่างอรชรโผล่ออกมาอย่างไร้สุ้มเสียง
“ที่แท้ก็เป็นสหายหู ข้าคิดว่าเป็นสหายสือเสียอีก” หลิ่วหมิวกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน และหันหน้ากลับมาในที่สุด
ห่างจากเขาไปไม่ไกล มีหญิงสาวใส่ผ้าปิดหน้าสีขาว มีเครื่องประดับเต็มศีรษะ แต่ดวงตาดุร้ายทั้งคู่จ้องมองเขาอย่างเยือกเย็น
ถึงแม้ใบหน้าส่วนล่างของนางจะถูกปิดบังไว้ แต่ดวงตากับระหว่างคิ้วที่ดูคุ้นเคย ทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย และจ้องมองฝ่ายตรงด้วยความสงสัยอย่างอดไม่ได้
“คิดไม่ถึงว่าคุณชายเฉียนที่ร่ำลือ จะเป็นจะเป็นคนมักมากในกาม!”
หญิงสาวเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกโมโหป็นอย่างมาก น้ำเสียงของนางดูเยือกเย็นมากขึ้นกว่าเดิม
“หืม! เมื่อครู่สหายหูว่าอะไรนะ! ต้องขออภัยด้วยจริงๆ เมื่อครู่ข้าเพิ่งจะค้นพบว่าสหายเหมือนกับคนผู้หนึ่งเป็นอย่างมาก ดังนั้นถึงได้ใจลอยไปหน่อย” ตอนนี้หลิ่วหมิงเพิ่งจะได้สติขึ้นมา และป้องมือไปทางหญิงสาวในเชิงขอโทษแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เหมือนคนผู้หนึ่ง? สหายเฉียนคิดว่าข้าจะเชื่อคำพูดนี้หรือ? ช่างเถอะ! เราจะยังไม่พูดถึงเรื่องนี้ ที่ข้าถามออกไปในก่อนหน้านั้น สหายยังไม่ตอบเลยนะ!” หูชุนเหนียงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่สีหน้าดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“มีอะไรที่ต้องตอบด้วยเล่า? ข้าสนใจอุปกรณ์กลไกเหล่านั้น เลยประมูลมันมาก็แค่นั้น สหายสงสัยอะไรหรอกหรือ?” หลิ่วหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ต่อให้สหายจะไม่ได้ตั้งใจ แต่การกระทำเช่นนี้ มันทำลายแผนการสำคัญของข้า เรื่องนี้เจ้าจะว่าอย่างไร?” หูชุนเหนียงทำเสียงฮึดฮัด
“มันช่วยไม่ได้! คิดเสียว่าสหายหูดวงไม่ดีก็แล้วกัน แต่ถ้าสหายรู้สึกไม่พอใจล่ะก็ พวกเราคงต้องต่อสู้กันสักครา สำหรับผู้ฝึกฝนระดับพวกเราแล้ว ผู้ใดแข็งแกร่งกว่า ผู้นั้นย่อมมีเหตุผลกว่า” หลิ่วหมิงหัวเราะก่อนกล่าวออกมา
“ได้! ข้าเองก็อยากเห็นความสามารถที่แท้จริงของคุณชายเฉียนเช่นกัน ไม่ทราบว่าท่านว่างเมื่อไหร่ พวกเราจะได้มาแลกมือศึกษากันเล็กน้อย!” หญิงสาวเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่แสดงอาการให้เห็นบนสีหน้า
“วันไหนมันก็ไม่ต่างกัน งั้นตอนนี้เลยดีกว่า แน่นอนว่าสถานที่นี้ไม่เหมาะต่อการลงมือ พวกเราไปยอดสันเขาเหล็ก ที่อยู่ห่างประตูเสวียนจิงทางด้านตะวันตกไปไม่กี่ลี้เถอะ! ข้าจะออกไปรออยู่ที่นั่นก่อน” หลิ่วหมิวหัวเราะก่อนกล่าวออกมา พอเขาขยับตัว ร่างของเขาก็แวบผ่านข้างตัวหญิงสาวไปอย่างรวดเร็ว
หูชุนเหนียงรู้สึกตกตะลึง แต่สุดท้ายก็หันไปมองหลิ่วหมิงที่แฉลบผ่านข้างเธอไปอยู่บนท้องถนน และเขากำลังก้าวยาวๆ ไปทางประตูเมืองด้านตะวันตก
“ได้! ข้าจะดูว่าเจ้าเป็นปีศาจอะไรแปลงกายมา ถึงได้อาจหาญเช่นนี้!” สีหน้าภายใต้ผ้าคลุมของหญิงสาวเปลี่ยนไปมา และในที่สุดนางก็เดินตามหลิ่วหมิงไป
หลายชั่วยามต่อมา บนยอดเขาที่อยู่นอกเสวียนจิงแห่งหนึ่ง
หลิ่วหมิงกับหูชุนเหนียงต่างก็สบตากันจากที่ไกลๆ
“ในเมื่อเป็นการประลอง ย่อมต้องมีการเดิมพันกันเล็กน้อย ถ้าข้าชนะ สหายก็มอบอุปกรณ์กลไกที่เพิ่งได้มาใหม่ให้ข้า แต่ถ้าสหายชนะ ถ้าจะมอบไอปีศาจพลังอัคคีนี้ให้!” หูชุนเหนียงจ้องหมองหลิ่วหมิงอย่างเยือกเย็นอยู่พักหนึ่ง ทันใดก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นมา เผยให้เห็นขวดสีแดงเล็กๆ ใบหนึ่ง และกล่าวอย่างไม่เกรงใจ
“ไอปีศาจบริสุทธิ์พลังอัคคี! ที่แท้ของสิ่งนี้ก็อยู่ในมือสหายชุดหนึ่ง มิน่าล่ะ! ถึงไม่ได้แย่งชิงเกราะกลนักรบในตอนท้าย ของสิ่งนี้มีมูลค่าพอๆ กับของที่ข้าประมูลมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้” หลังจากที่หลิ่วหมิงตาเป็นประกาย สีหน้าเขาก็ดูเคร่งขรึมขึ้นมาเป็นครั้งแรก
“ดีมาก ถ้าอย่างนั้นข้าจะให้สหายเฉียนได้เห็น ความร้ายกาจของวิชาระบำผีเสื้ออันเลื่องชื่อของข้า?” หูชุนเหนียงกล่าว หลังจากที่เก็บขวดเล็กๆ เข้าไปแล้ว นางก็สะบัดแขนเสื้อทั้งสอง และแสงหลากสีก็สว่างออกมา
แสงเหล่านี้รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว และมากขึ้นเรื่อยๆ พริบตาเดียวมันก็ครอบคลุมพื้นที้กือบครึ่งหนึ่งของบริเวณโดยรอบ
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็หรี่ตาทั้งสองอย่างอดไม่ได้
ทันทีที่หูชุนเหนียงตะโกนเสียงอ่อนหวานออกมา กลุ่มแสงทั้งหมดก็หมุนติ้วๆ และก่อตัวเป็นผีเสื้อยักษ์หลากสี หลังจากที่พวกมันกระพือปีก ก็เกิดเป็นเงาร่างสวยงามของผีเสื้อบินเต็มอยู่บนท้องฟ้า ก่อนที่จะพุ่งเข้าหาหลิ่วหมิง
ในขณะเดียวกัน หญิงสาวก็บิดตัวเคลื่อนไหวจนเกิดเป็นภาพพร่ามัว และจมหายไปในท่ามกลางเงาร่างของผีเสื้อยักษ์อย่างไร้ร่องรอย
หลิ่วหมิงรู้สึกเย็นยะเยือกในใจ แต่ก็ทำท่ามือด้วยมือเดียวในทันที แสงสีเขียวเป็นจุดๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นมันก็กลายเป็นคมวายุเจ็ดแปดเส้น และพุ่งยิงออกไปด้วยเสียงแหลมดัง
“เต๊ง!” “เต๊ง!”
พอคมวายุฟันเข้าไปในเงาร่างของผีเสื้อยักษ์ ก็ถูกอะไรบางอย่างปัดกระเด็นออกมา
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็สะบัดแขนเสื้ออย่างไม่รอช้า และปล่อยลูกเปลวไฟแดงออกไปหลายลูก
“ตู้ม!” “ตู้ม!”
ลูกเปลวไฟยังไม่ทันได้เข้าใกล้เงาร่างผีเสื้อ ก็ถูกแสงเย็นสะท้านจำนวนมากที่พุ่งออกมาในฉับพลัน ทำลายจนแตกกระจายออกมา
สีหน้าหลิ่วหมิงเคร่งขรึมขึ้น ไอสีดำพวยพุ่งออกมาในทันที และกลายเป็นหนวดสัมผัสสีดำโบกสะบัดไปมา
ขณะนั้นเอง เงาร่างผีเสื้อบนฟ้าก็ม้วนตัวอย่างรวดเร็ว และบินมาห่อหุ้มหลิ่วหมิงไว้ด้วยภาพมายาที่สวยงาม
หลิ่วหมิงอยู่ภายใต้การคุ้มครองของหนวดสัมผัสที่โบกสะบัดจนกลายเป็นม่านแสง เขาจ้องมองเงาร่างสวยงามจากที่ไกลๆ และกำลังเคลื่อนไหวไปทั่วทิศ ดวงตาทั้งสองของนางเปล่งประกายอยู่ไม่หยุด ในมือมีกระบี่สั้นสีเขียวอยู่เล่มหนึ่ง
หลังจากที่เงาร่างผีเสื้อรอบด้านค่อยๆ หยุดชะงักลง แสงเย็นสะท้านก็ฟันเข้ามาจากทิศทางตรงกันข้ามทั้งสองด้าน
“เต๊ง!” “เต๊ง!”
พอหลิ่วหมิงสะบัดข้อมือ ปราณกระบี่สองสายก็ฟาดฟันออกไป แสงเย็นสะท้านก็ถูกปัดจนกระเด็น
จากนั้นเขาก็คำรามเสียงต่ำออกมา เพียงแค่เขาตวัดกระบี่สั้นในมือ ปราณกระบี่สีเขียวจำนวนมากก็ปะทุออกมา และกลายเป็นจันทราสีเขียวกลมๆ ก่อนพุ่งขึ้นไปด้านบน
……………………………………….