ร่างไร้หัวยังคงเดินต่อไปซักระยะ หลังจากนั้นถึงได้ล้มโครมลงพื้น และกลายเป็นกองขี้เถ้าสีขาวในที่สุด
หลิ่วหมิงโบกมือไปทางกองขี้เถ้าสีขาว
“ฟู่!” ป้ายเหล็กสีดำอันหนึ่งลอยเข้ามา และค่อยๆ หล่นลงบนมือ
เขาก้มสังเกตดูป้ายเหล็กในมือไม่กี่ที แล้วก็หมุนตัวเหาะกลับไป
“สหาย ผีดิบเกราะเหล็กตัวนี้เป็น……” ชายร่างอ้วนรอเท้าหลิ่วหมิงแตะพื้น และพูดอ้ำๆ อึ้งๆ ออกมาเพื่ออธิบาย
แต่หลิ่วหมิงโบกมือขัดจังหวะคำพูดในส่วนท้ายของเขา พร้อมกับโยนป้ายเหล็กออกไปให้ จากนั้นก็ถามด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
“อาวุธที่เจ้าพูดถึงใช่ของสิ่งนี้หรือไม่ ถ้าใช่ล่ะก็ ให้รีบเปิดผนึกเดี๋ยวนี้ ตอนนี้ข้าไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระใดๆ”
“ใช่! นี่คือสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ในการเปิดผนึก ข้าจะรีบไปเปิดผนึกเดี๋ยวนี้” แม้หลิ่วหมิงจะไม่พูดถึงผีดิบเกราะเหล็กในโลงศพ แต่ก็ยังคงทำให้ชายร่างอ้วนรู้สึกเย็นยะเยือกในใจ หลังจากรับป้ายเหล็กมาดูแล้ว เขาก็รีบตอบรับในทันที
ชายร่างอ้วนเดินเข้าไปใจกลางถ้ำ และยกป้ายเหล็กขึ้นสูงๆ พร้อมกับอ้าปากพ่นโลหิตออกมา หลังจากนั้นก็เริ่มร่ายคาถา
คาถาคลุมเครือยากจะเข้าใจ แต่มันสัมผัสคล้องจองกันอย่างบอกไม่ถูก
“ฟู่!” ป้ายเหล็กที่ดูธรรมดาส่องแสงสีขาวออกมา ทั้งยังสว่างขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดก็หลุดออกไปจากฝ่ามือการควบคุมของชายร่างอ้วน และพุ่งขึ้นบนอากาศ
แสงสีเขียวกะพริบผ่านไป ป้ายเหล็กหายไปบนผนังถ้ำ
ครู่ต่อมา อักขระแสงสีขาวจำนวนมากก็ปรากฏอยู่ด้านบน จากนั้นก็พุ่งลงมาราวกับหยาดฝน และค่อยๆ จมหายไปบนพื้น
มีเสียงดังขึ้นจากใต้พื้น ถ้ำทั้งหลังเริ่มสั่นสะเทือน และค่ายกลอักขระห้าสีขนาดใหญ่ก็พุ่งขึ้นมาจากพื้น มันเพียงแค่หมุนติ้วๆ ก็แผ่กลิ่นไออันน่ากลัวออกมา
ในขณะเดียวกัน พื้นดินกลางค่ายกลอักขระก็แตกกระจายออก ก่อให้เกิดหลุมสีดำขนาดใหญ่ มีเสียงปีศาจแผดร้องดังแว่วๆ ออกมาจากในนั้น
“นี่คือทางเข้าของหลุมปีศาจหรือ?” หลิ่วหมิงจ้องมองหลุมสีดำขนาดใหญ่ด้วยแววตาร้อนผะผ่าว
“คงไม่ผิดพลาดอย่างแน่นอน” ชายร่างอ้วนจ้องมองหลุมใหญ่แล้วกล่าวด้วยความตื่นเต้น
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าลงไปก่อนเถอะ” หลิ่วหมิงปราดตามองชายร่างอ้วนแล้วกล่าวออกมา
“สหายจะให้ข้าลงไปก่อนหรือ?” ชายร่างอ้วนได้ยินก็รู้สึกชะงักงันเล็กน้อย
“ทำไมล่ะ! หรือเจ้าจะให้ข้าลงไปก่อนหรือ? แต่วางใจเถอะ! ข้าจะให้พวกมันทั้งสองลงไปเป็นเพื่อนเจ้าด้วย” หลิ่วหมิงเลิกคิ้วแล้วกล่าวออกมา
“ได้! ข้าลงไปก่อนก็ได้” เหมือนชายร่างอ้วนจะรู้ว่าตนเองไม่สามารถคัดค้านใดๆ ได้ จึงตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นเขาก็เดินเข้าใกล้หลุมดำอย่างระมัดระวัง หลังจากที่ยื่นหน้ามองลงไปในนั้นแล้ว ถึงได้รวบรวมความกล้ากระโดดลงไป หัวบินกับแมงป่องกระดูกขาวตามไปติดๆ
ผ่านไปไม่นาน หลังจากหลิ่วหมิงไม่ได้รับรายงานจากแมงป่องกระดูกขาวกับหัวบินว่ามีสิ่งใดผิดปกติ เขาถึงกระโดดลงไป
หลุมดำไม่ค่อยลึกมากนัก หลิ่วหมิงรู้สึกว่าแค่อึดใจเดียวก็มาถึงถ้ำอีกหลังหนึ่งแล้ว
แต่นอกจากพื้นที่เล็กๆ ที่ควบคุมค่ายกลตรงหัวมุมแล้ว สถานที่อื่นๆ ล้วนเต็มไปด้วยไอสีดำเข้มข้น ทำให้มองเห็นไม่ชัดเจนว่าสภาพภายในถ้ำเป็นอย่างไร
ชายร่างอ้วน หัวบิน และแมงป่องกระดูกขาวต่างก็อยู่ในใจกลางค่ายกลอย่างว่าง่าย
“สิ่งเหล่านี้ดูไม่ค่อยเหมือนไอปีศาจบริสุทธิ์!” พอหลิ่วหมิงกวาดตามองไอดำเข้มข้นนอกค่ายกลแล้วก็ขมวดคิ้วก่อนกล่าวออกมา
“ข้าเองก็รู้ว่ามันไม่ใช่ แต่คิดว่าหลุมปีศาจคงจะอยู่บริเวณนี้! พวกเราค้นหาดูให้ทั่วดีกว่าไหม!” ชายร่างอ้วนมองดูไอดำรอบด้านและกล่าวด้วยความลังเลเล็กน้อย
“ค้นหาให้ทั่ว? ได้! เจ้าสามารถไปจากที่นี้ได้ ไปดูว่าไอดำด้านนอกคือสิ่งใดกัน?” หลิ่วหมิงตอบกลับด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น
“สหายล้อข้าเล่นแล้ว! ในเมื่อสถานที่แห่งนี้ถูกวางชั้นจำกัดไว้ต้านทานไอสีดำเหล่านี้ ข้าคิดว่าพวกมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรไปแตะต้อง” พอชายร่างอ้วนได้ยินเช่นนี้ ก็แสดงสีหน้าเหยเกออกมา
แต่ขณะนั้นเอง ไอดำรอบด้านที่ดูเงียบๆ ก็พลันพวยพุ่งขึ้นมา และเริ่มไปรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว
พริบตาเดียว ไอดำที่เดิมทีปกคลุมไปทั่วถ้ำก็หดหายไปจนหมดสิ้น พวกมันไปรวมตัวกันเหนือหลุมลึกที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางยาวเจ็ดแปดจั้ง และก่อตัวเป็นกลุ่มไอดำขนาดใหญ่กลุ่มหนึ่ง
ท่ามกลางไอสีดำมีเก้าอี้สีทองสว่างไสวลอยอยู่ และมีคนนั่งอยู่บนนั้น เขากำลังแหงนหน้ามองมาทางหลิ่วหมิง
สายตาของเขาราวกับสายฟ้า!
เขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างผอมเปราะบาง สวมชุดคลุมสีเหลือง มีกระบี่ยาวสีเงินสะพายอยู่ที่เอว ใบหน้าซีดขาว แต่โครงหน้าสง่างามเป็นอย่างมาก ระหว่างคิ้วเขาดูคล้ายกับชายร่างอ้วนสี่ถึงห้าส่วน
กลุ่มไอดำหมุนวนได้เพียงอึดใจเดียว ก็จมหายไปในร่างของชายหนุ่ม
พอหลิ่วหมิงเห็นเหตุการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้ กลับสูดหายใจด้วยความรู้สึกเย็นสะท้าน
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะมีปฏิกิริยาตอบรับใดๆ ชายร่างอ้วนที่ยืนอยู่ด้านข้าง พลันกระโดดเฉียดไหล่เขาไปอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย และพุ่งไปทางด้านหลุมใหญ่ ขณะเดียวกันก็ตะโกนออกไปด้วย
“ท่านรัชทายาท ข้าเป็นทายาทของท่าน และเป็นคนเปิดผนึกเอง ตั้งใจมาเพื่อปล่อยท่านออกไป”
รูปร่างเขาดูอวบอ้วน แต่กลับเคลื่อนไหวรวดเร็วเป็นอย่างมาก ตอนนี้วิ่งไปอยู่ห่างจากหลุมปีศาจไม่เกินสองสามจั้ง
หลิ่วหมิงเห็นนี้ก็มีสีหน้าหนักอึ้งขึ้นมา
หัวบินที่อยู่ด้านข้างก็หัวเราะประหลาดๆ และสะบัดหัวอย่างรวดเร็ว
เส้นผมยาวที่ยังรัดชายร่างอ้วนไว้แน่น ก็ตึงขึ้นมาทันที
“ฟู่!” ชายร่างอ้วนถูกผมยาวบีบรัดหัวใจจนแตกสลาย หลังจากที่เขาร้องออกมาอย่างเวทนา ก็อ้าปากพ่นโลหิตออกมา
แต่เขาเพียงแค่โซเซไม่กี่ที หลังจากนั้นก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ และกระโดดตัวราวกับบิน
สถานการณ์เช่นนี้ ทำให้หลิ่วหมิงปากอ้าตาค้างอย่างช่วยไม่ได้
“ฮ่าๆ เจ้าเด็กน้อย พวกเจ้าคงคิดไม่ถึงล่ะสิ! ว่าข้ามีหัวใจสองดวง ความลึกลับของวิชาผสานร่างปีศาจมีมากกว่าที่เจ้าคิด ที่เจ้าทำลายไปเป็นแค่หัวใจของอสูรตนหนึ่งเท่านั้น อีกอย่างมันได้เปลี่ยนตำแหน่งกับหัวใจข้าไปนานแล้ว และจุดหมายสำคัญของการมาในครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะสมบัติของราชวงศ์ก่อน แต่มาเพื่อปล่อยตัวรัชทายาทของราชวงศ์ก่อนที่อยู่ที่นี่มาพันปีแล้ว” ชายร่างอ้วนเคลื่อนไหวอีกที ก็กระโดดมาถึงด้านหน้าของเก้าอี้สีทอง จากนั้นก็หันมากล่าวกับหลิ่วหมิงอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง
หลิ่วหมิงฟังมาถึงจุดนี้ สีหน้าก็ดูไม่ได้เล็กน้อยแล้ว
แต่ขณะนั้นเอง ชายร่างอ้วนพลันร้องออกมาอย่างน่าเวทนา ฝ่ามือข้างหนึ่งที่ดูผอมเปราะบางเจาะทะลุหน้าอกด้านหนึ่งของเขา นิ้วทั้งกำลังบีบหัวใจที่เต้นเบาๆ
“ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ท่านบรรพบุรุษ ท่าน……” ชายร่างอ้วนไม่กล้าเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า แต่พอพยายามหันศีรษะกลับไป ก็พบว่านอกจากชายหนุ่มรูปร่างเปราะบางแล้ว ก็ไม่มีคนอื่นๆ อีก
ผู้ที่เจาะหัวใจเขาก็คือชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนเก้าอี้
“เจ้ารู้หรือไม่ เจ้าทำผิดไปสองเรื่อง” ชายหนุ่มเหยียดปาก เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มแปลกประหลาด
“ท่าน……” ชายร่างอ้วนเบิกตาทั้งสองขึ้น เขารู้สึกว่าเรี่ยวแรงค่อยๆ หมดไป หลังจากพูดออกไปได้คำเดียวก็ไม่สามารถพูดอะไรต่อได้อีก
ชายหนุ่มรูปร่างเปราะบางกล่าวอย่างไม่รีบร้อน
“ข้อแรก เจ้าไม่ควรเข้าใกล้ข้าขนาดนี้ เจ้ารู้ไหมว่า ร่างกายนี้ไม่ได้สัมผัสกับเลือดมากี่ปีแล้ว เข้าใกล้ข้าในสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้เป็นลูกของข้าเอง ข้าก็จะค่อยๆ กินทีละคำจนหมด ข้อสอง ข้าไม่ใช่บรรพบุรุษของเจ้า รัชทายาทราชวงศ์ก่อนที่เป็นเจ้าของร่างนี้ ได้เป็นฆ่าตัวตายเพราะความเหงาไปเมื่อพันกว่าปีแล้ว ข้าเป็นแค่เจ้าของคนใหม่ที่เพิ่งมาเกิดในร่างนี้ทีหลัง แน่นอนว่ามันยังผสมผสานความทรงจำของรัชทายาทผู้นั้นอยู่เล็กน้อย เห็นแก่ความลำบากที่เจ้ามาเปิดผนึกให้ ข้าจึงเจ้าตายเร็วหน่อย ส่วนเลือดเนื้อของเจ้า ข้าย่อมค่อยๆ ลิ้มรสมันถึงจะอร่อย”
พริบตาที่ชายหนุ่มพูดประโยคสุดท้ายจบ ก็บีบนิ้วทั้งห้าเข้าหากันจนหัวใจดวงนั้นแหลกละเอียด จากนั้นเขาก็ดึงร่างของชายร่างอ้วนมาไว้บนเข่า พร้อมกับก้มลงกัดคอของเขาเพื่อดูดโลหิตอย่างบ้าคลั่ง
พอหลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปมาอยู่หลายรอบ จากนั้นก็เหาะพุ่งไปยังทิศทางที่เข้ามา
“เพล้ง!”
พอเขาเข้าใกล้บริเวณทางเข้า กลับมีม่านแสงสีดำปรากฏขึ้นตรงหน้าในฉับพลัน ทำให้เขาที่ไม่ทันได้ป้องกันตัวกระเด็นกลับมา
“เจ้าไม่ต้องเสียเวลาหรอก นอกเสียจากว่าข้าจะไปจากที่นี่ก่อน มิเช่นนั้นสถานที่แห่งนี้จะปิดผนึกเอง แน่นอนว่าด้วยระดับพลังของเจ้า ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาทำลายชั้นจำกัดนี้มากเท่าไหร่ แต่ข้าก็ต้องให้เวลาเจ้าด้วย” ในที่สุดชายหนุ่มรูปร่างผอมบางก็ละปากที่เต็มไปด้วยโลหิตออกจากศพ เผยให้เห็นเขี้ยวยักษ์ตรงมุมปากที่กำลังพูดออกมาอย่างสบายๆ
“เจ้าเป็นผีดิบไอปีศาจ?” ใบหน้าของหลิ่วหมิงมืดครึ้มเป็นอย่างมาก แต่หลังจากมองไปยังหลุมขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถคาดเดาความลึกได้ เขาก็ค่อยๆ กล่าวออกมา
ขณะเดียวกัน กระบี่สั้นสีเขียวก็ถูกนำมาตั้งขวางไว้ตรงหน้า หลังจากมีเสียง “เต๊งตั๊ง!” ดังออกมาจากมืออีกข้าง โซ่สีเงินเส้นหนึ่งก็พุ่งออกไปในอากาศ และค่อยๆ หมุนวนอยู่รอบตัวเขา
ส่วนหัวบินกับแมงป่องกระดูกขาว เส้นผมยาวของหัวบินเหยียดตรงขึ้นมาในทันที แมงป่องกระดูกขาวเอี้ยวตัวมองลงไปด้วยตาที่เป็นประกาย หางตะขอตรงหลังเริ่มแกว่งไปมาอยู่ไม่หยุด
“ผีดิบไอปีศาจ! ใช่ ร่างกายนี้ก็ควรจะนับว่าใช่ ในสมัยก่อนข้าถูกศัตรูตัวฉกาจทำลายร่างไป แม้กระทั่งเศษวิญญาณก็ถูกปิดผนึกไปกับหลุมปีศาจแห่งนี้ เดิมทีคิดว่าคงไม่มีวันได้ออกไป แต่นึกไม่ถึงว่าจะมีคนมาเปิดผนึกหลุมปีศาจนี้อีกครั้ง ทั้งยังมอบร่างที่ฝึกฝนจนเป็นผีดิบไอปีศาจให้ข้าแต่โดยดี ดูท่าสวรรค์คงไม่ทอดทิ้งข้า!” ชายหนุ่มร่างเปราะบางเปล่งเสียงหัวเราะออกมา
……………………………………….