ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 244 บ่อจิตวิญญาณ

ตอนที่ 244 บ่อจิตวิญญาณ

หลิ่วหมิงเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา หูของเขาพลันได้ยินเสียงราบเรียบของผู้ชายดังขึ้น

“เจ้าเป็นศิษย์สาขาใด มีป้ายเข้าบ่อจิตวิญญาณหรือไม่? ถ้าไม่มีล่ะก็ มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย!”

หลิ่วหมิงรู้สึกเย็นสะท้านในใจ แต่ก็รีบโค้งตัวกล่าวทันที

“ข้าหลิ่วหมิง ศิษย์สาขาเก้าทารก คารวะผู้อาวุโส ศิษย์กะจะมาอยู่ที่บ่อจิตวิญญาณเดือนหนึ่ง ส่วนป้ายสำหรับเปิดบ่อจิตวิญญาณศิษย์ได้พกติดตัวมาแล้ว”

เมื่อเขากล่าวจบก็รีบควักป้ายสีเงินจางๆ ออกมาทันที

“อ๋อ! ในเมื่อมีป้ายก็สามารถอยู่ได้ แต่ข้าต้องตรวจสอบเสียก่อนว่าเป็นของจริงหรือไม่ ถึงสามารถพาเข้าไปบ่อจิตวิญญาณได้” ชายผู้นี้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายลง

จากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดัง “ต๊อกแต๊ก!” มาจากบันได ชายสวมชุดคลุมบัณฑิตสีขาวเดินลงมาจากชั้นสองอย่างไม่รีบร้อน

โครงหน้าค่อนข้างยาว ดูอัปลักษณ์เล็กน้อย แต่ดวงตาทั้งคู่เปล่งประกายสดใส ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกเหมือนล่องลอยออกจากฝุ่น

“ในเมื่อเป็นศิษย์สาขาเก้าทารก อาจารย์ของเจ้าแซ่จงหรือว่าแซ่จู?” ชายผู้นี้เดินเข้าหาหลิ่วหมิงสองสามก้าว หลังจากสังเกตดูสองสามทีแล้ว พลันกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม

“อาจารย์ข้าแซ่จง!” หลิ่วหมิงรู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง แต่หลังจากลังเลเล็กน้อยแล้ว ก็พูดความจริงออกไป

“ที่แท้ก็เป็นศิษย์ของศิษย์น้องจง! เฮ่อๆ! ได้ยินมาว่าหลายปีก่อนนางได้รับศิษย์คนหนึ่งที่ชื่อว่าไป๋ชงเทียน ต่อมาไม่นานก็รายงานกับนิกายว่าเปลี่ยนชื่อแล้ว คงไม่ใช่เจ้าหรอกนะ!” ชายชุดคลุมสีขาวหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวออกมา จากนั้นก็โบกมือไปทางหลิ่วหมิง ทันใดนั้นป้ายในมือหลิ่วหมิงก็ค่อยๆ สั่นไหว “ฟู่!” ป้ายลอยไปตกอยู่ในมือของเขาอย่างมั่นคง

“ผู้อาวุโสรู้จักอาจารย์ของข้าหรือ? ก่อนหน้านั้นข้าไม่ได้ใช้ชื่อนี้จริงๆ” หลิ่วหมิงรู้สึกตกตะลึง แต่ก็กล่าวออกมาโดยไม่ชักช้า

“ที่แท้ก็เป็นเจ้าจริงๆ ไม่ผิด! ข้าเคยได้ยินศิษย์น้องจงพูดว่า การทดสอบในแดนลึกลับเมื่อหลายปีก่อน เจ้าได้ทำความดีความชอบไว้มาก ไม่แปลกที่เจ้าจะมีป้ายอันนี้” ชายชุดคลุมสีขาวกล่าวด้วยความสนใจ

“ผู้อาวุโสกล่าวชมเกินไปแล้ว ข้าน้อยเพียงแค่โชคดีเท่านั้น ว่าแต่ไม่ทราบว่าท่านมีนามว่าอย่างไร?” เมื่อหลิ่วหมิงเห็นว่าชายผู้นี้รู้จักนักพรตแซ่จง เขาจึงถามออกไป

“ดูท่าอาจารย์เจ้าคงไม่เคยพูดเรื่องข้ากับเจ้าล่ะสิ! แต่ก็ไม่เป็นไร เชื่อว่าอีกไม่นานข้ากับอาจารย์เจ้าก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ศิษย์ของศิษย์น้องจงก็จะเป็นศิษย์ข้าด้วยเช่นกัน ข้าแซ่ถง เจ้าสามารถเรียกข้าว่าอาจารย์ลุงถง” ชายชุดคลุมสีขาวมองป้ายในมือสองสามทีแล้วก็โยนคืนกลับไป ขณะเดียวกันก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ที่แท้ท่านก็คืออาจารย์ลุงถง!” แม้หลิ่วหมิงจะรู้สึกอึ้งที่ได้ยินเช่นนี้ แต่ก็ได้แต่ตอบรับกลับไป

“ดีมากศิษย์หลานหลิ่ว ในเมื่อเป็นคนกันเอง ข้าย่อมหาตำแหน่งที่ใกล้กับบ่อจิตวิญญาณให้เจ้า” ชายแซ่ถงหัวเราะและกล่าวออกมา จากนั้นทำท่ามือด้วยมือข้างหนึ่งอย่างรวดเร็ว และปล่อยพลังเวทย์ใส่ค่ายกลตรงหน้า

ค่ายกลสีขาวส่งเสียงดังหวึ่งๆ ขึ้นมาในทันที แสงสีขาวจางๆ พุ่งขึ้นมา

“ขอบคุณอาจารย์ลุง!” หลิ่วหมิงได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกดีใจมาก

ก่อนมา เขาได้ตั้งใจสืบเรื่องราวเกี่ยวกับบ่อจิตวิญญาณมารอบหนึ่งแล้ว

บ่อจิตวิญญาณที่รู้จัก แท้จริงแล้วเป็นสถานที่ที่มีปราณฟ้าดินหนาแน่นที่นิกายปีศาจค้นพบในตอนแรก จากนั้นถึงวางชั้นจำกัดพิเศษไว้ ทำให้ปราณฟ้าดินเข้าได้อย่างเดียว และไม่สามารถออกไปได้ ด้วยเหตุนี้พลังปราณถึงได้บริสุทธิ์จนถึงระดับที่คาดไม่ถึง

ใจกลางชั้นจำกัดเป็นสถานที่มีพลังปราณหนาแน่นมากที่สุด ผลลัพธ์การฝึกฝนก็ดีกว่าบริเวณขอบรอบนอก

เขาเดินตามชายชุดคลุมสีขาวเข้าไปกลางค่ายกล และถูกส่งไปยังส่วนลึกของหุบเขาแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยบุปผาและหญ้าที่ดูแปลกประหลาด ขณะเดียวกันไอหมอกสีขาวก็ล่องลอยอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ

หลิ่วหมิงสูดหายใจเข้าเพียงเล็กน้อย ก็รับรู้ได้ถึงพลังปราณอันบริสุทธิ์ที่เข้าไปในปอด ทำให้เขารู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก

ตอนนี้เขาถึงรู้ว่า หมอกสีขาวเกิดจากปราณฟ้าดินอันหนาแน่นก่อตัวขึ้นมา ช่างสมกับชื่อ ‘บ่อจิตวิญญาณ’ จริงๆ

เขากวาดสายตามองไปรอบด้าน เห็นบ้านหินแต่ละหลังตั้งอยู่ค่อนข้างห่างกันท่ามกลางไอหมอก เท่าที่สายตามองเห็นมีประมาณห้าหกหลัง

ชายชุดคลุมสีขาวพาหลิ่วหมิงก้าวยาวๆ ไปด้านหน้า จนเมื่อเดินไปได้ราวๆ ชั่วเวลาหนึ่งมื้อข้าว ก็มาถึงบ้านหินสีดำที่ถูกไอหมอกสีขาวล้อมรอบ

ผนังบ้านหินนี้มีอักขระสีเงินสลักอยู่ บนประตูมีรอยเว้าลึกไม่กี่ชุ่น

“ศิษย์หลานหลิ่ว ที่นี่เกือบจะนับว่าเป็นสถานที่สำหรับฝึกฝนรองลงมาจากจุดศูนย์กลางของบ่อจิตวิญญาณ เจ้าฝึกฝนอยู่ที่นี่เถอะ หนึ่งเดือนให้หลังข้าจะพาเจ้าออกไป นอกจากนี้ ที่นี่ยังถูกวางชั้นจำกัดมหัศจรรย์ไว้ มีแค่ป้ายในมือเจ้าเท่านั้นที่สามารถเปิดได้” ชายชุดคลุมสีขาวชี้ไปยังบ้านหินตรงหน้าแล้วกล่าวกับหลิ่วหมิงด้วยรอยยิ้ม

หลิ่วหมิงกล่าวขอบคุณด้วยความดีใจ จากนั้นก็วางป้ายสีเงินลงบนรอยเว้า

ทันใดนั้นมีเสียงดังหวึ่งๆ มาจากประตูหิน ขณะเดียวกันแสงสีเงินก็เปล่งประกายออกมา และประตูก็ค่อยๆ เปิดออก

หลิ่วหมิงโค้งคารวะชายชุดคลุมสีขาว และระงับความตื่นเต้นก่อนเดินเข้าไปในประตูหิน

พริบตาที่ร่างเขาหายเข้าไปข้างใน บานประตูหินก็ปิดโดยไร้สุ้มเสียง บ้านหินทั้งหลังมีอักขระสีเงินเปล่งประกายอยู่ไม่หยุด ชั้นจำกัดสั่นไหวและหายไปในพริบตา

ชายชุดคลุมสีขาวเห็นเช่นนี้ก็ยิ้มออกมาก่อนที่จะจากไป

ขณะเดียวกัน หลิ่วหมิงก็มองเห็นทุกอย่างที่อยู่ข้างในอย่างชัดเจน

นอกจากจะมีเบาะกลมๆ สีเหลืองอ่อน และเตียงไม้สีขาวแล้ว ก็ไม่มีสิ่งของอื่นใดอีก

หลิ่วหมิงค่อยข้างพอใจกับทุกสิ่งที่เตรียมไว้

เขาตรวจสอบผนังทั้งสี่ด้านของห้องหินกับอักขระสีเงินที่เปล่งประกาย จนเมื่อมั่นใจว่ามันคือชั้นจำกัดปิดกั้นธรรมดา เขาก็รู้สึกวางใจขึ้นมา จากนั้นก็นั่งขัดสมาธิลงบนเบาะ

หลิ่วหมิงสะบัดแขนเสื้อ ขวดเล็กๆ สามขวดปรากฏขึ้นบนพื้น

เมื่อมองไปยังสิ่งของตรงหน้า สีหน้าเขาก็ดูโหวงเหวงขึ้นมา

สิ่งที่อยู่ในขวดเล็กๆ ย่อมเป็นไอปีศาจบริสุทธิ์พลังน้ำเงินอันดับเจ็ดที่เขาได้มาจากเทือกเขาหมื่นทมิฬ

ถ้าเขาได้มาเพียงขวดเดียวล่ะก็ อาจต้องลังเลเล็กน้อย แต่ตอนนี้มีสามขวดอยู่ในมือเขาย่อมรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก นอกเสียจากว่ามันมีคุณสมบัติต่ำจนไม่สามารถก้าวเข้าสู่ระดับอาจารย์จิตวิญญาณได้ มิเช่นนั้นจึงคุ้มค่าที่จะลอง

ตามการคาดเดาของหลิ่วหมิง แม้เขามีสามชีพจรจิตวิญญาณ แต่พลังเวทย์ภายในร่างตอนนี้บริสุทธ์เป็นอย่างมาก บวกกับได้ซื้อโอสถที่มีประโยชน์ต่อการทะลวงคอขวดกับบ่อจิตวิญญาณที่อาศัยอยู่ในตอนนี้ และยังมีไอปีศาจบริสุทธิ์อยู่ในมือสามขวด สิ่งนี้ทำให้เขามีโอกกาสทะลวงสำเร็จอย่างน้อยหกถึงเจ็ดส่วนขึ้นไป

และโอกาสสำเร็จที่สูงเช่นนี้ ต่อให้ไม่มีความมั่นใจในการทะลวงอาจารย์จิตวิญญาณได้สำเร็จเท่ากับชีพจรจิตวิญญาณพสุธา แต่มันคงไม่แตกต่างกันมากนัก

สำคัญก็คือ ไอปีศาจบริสุทธิ์พลังน้ำเงินอันดับเจ็ดนี้ เข้ากับการฝึกฝนของเขาเป็นอย่างมาก แม้ว่ามันไม่อาจเทียบได้กับไอปีศาจบริสุทธิ์พลังดาราสวรรค์ในตำนาน แต่มันก็เป็นหนึ่งในไอปีศาจบริสุทธิ์ที่มีชื่อเสียง

ถ้าเขากลั่นมันเข้าไปในพลังต้นกำเนิด ปราณแกร่งที่ควบแน่นออกมาไม่เพียงแต่จะมีพลังป้องกันอันโดนเด่นเท่านั้น แต่ยังมีอานุภาพทางด้านหยิน มันสามารถเพิ่มพลังให้กับวิชาที่สังกัดธาตุเดียวกันได้ไม่น้อย

ยกตัวอย่างเช่น ขั้นสูงสุดของวิชาแท่งวารีที่เขาฝึกฝนคือขั้นสมบูรณ์แบบ แต่ถ้ามีปราณแกร่งที่กลั่นมาจากไอปีศาจบริสุทธิ์พลังน้ำเงินอันดับเจ็ดมาเสริมล่ะก็ อานุภาพของมันก็จะสูงขึ้นอีกขั้น และถ้าเปลี่ยนเป็นพลังปีศาจที่เป็นธาตุหยินเหมือนกันล่ะก็ เดิมทีก็เกือบจะไม่สามารถแสดงเคล็ดวิชาออกมาได้ แต่หลังจากมีปราณแกร่งที่กลั่นมาจากไอปีศาจบริสุทธิ์พลังน้ำเงินอันดับเจ็ดคอยช่วย ก็สามารถแสดงออกมาได้โดยง่าย

ด้วยเหตุนี้ สำหรับหลิ่วหมิงที่จะฝึกฝน ‘วิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬ’ เป็นวิชาหลักในภายหลัง ดูจากบริบทในบางแง่มุมแล้ว ไอปีศาจบริสุทธิ์ชนิดนี้ เหมาะสมกว่า ‘ไอปีศาจบริสุทธิ์พลังดาราสวรรค์’ หลายส่วน

นี่ถึงเป็นสาเหตุที่เขาตอบรับเงื่อนไขของผู้อาวุโสตระกูลไป๋ในทันที หลังจากได้ยินเขาพูดไอปีศาจบริสุทธิ์ชนิดนี้

หลิ่วหมิงคิดเช่นนี้อยู่ในใจ เขามองสิ่งของตรงหน้าด้วยแววตาเร่าร้อน แต่หลังจากสงบจิตสงบใจแล้ว ก็เริ่มหลับตาเข้าฌาน

เขาไม่เหมือนกับเกาชง ที่ตอนแรกเป็นเพราะพลังเวทย์ไม่มั่นคง จึงจำเป็นต้องเก็บตัวปีกว่าๆ ถึงจะสามารถทะลวงเข้าสู่อาจารย์จิตวิญญาณได้

ตอนนี้พลังเวทย์ภายในของหลิ่วหมิงบริสุทธิ์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เพียงแค่เตรียมตัวอีกเล็กน้อย ก็สามารถกลั่นไอปีศาจเข้าร่าง และควบแน่นพลังต้นกำเนิดตรงจุดตันเถียนจากไอให้เป็นของเหลว จากนั้นก็จะมีปราณแกร่งของตัวเอง และสำเร็จเป็นอาจารย์จิตวิญญาณได้

หลิ่วหมิงคิดเช่นนี้อยู่ในใจ จิตของเขาค่อยๆ สงบเงียบขึ้นมา และสุดท้ายก็เข้าสู่ในระดับที่ลืมสถานะของตนเอง

หนึ่งวันหนึ่งคืนผ่านไป เมื่อเขาลืมตาทั้งคู่ขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาก็สดใสเป็นอย่างมาก ไม่มีแววตาซับซ้อนใดๆ อีก

เขาหยิบโอสถเสริมออกมาทานจำนวนหนึ่ง จากนั้นก็ทำท่ามือด้วยมือทั้งสองเพื่อกระตุ้นพลังต้นกำเนิด

พริบตานั้น ไอสีดำก็พวยพุ่งออกจากร่างกาย หลังจากที่หมุนติ้วๆ แล้ว ก็กลายเป็นหมอกกลมๆ สีดำขนาดใหญ่ ปกคลุมร่างของเขาไว้ในนั้น

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไอสีดำพุ่งออกจากร่างหลิ่วหมิงอยู่ไม่หยุด ทำให้หมอกกลมๆ ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานก็ปกคลุมไปทั่วห้องหิน

ขณะนั้นเองหลิ่วหมิงก็เริ่มร่ายคาถาขึ้นมา

“เพล้ง!” ขวดที่บรรจุไอปีศาจบริสุทธิ์พลังน้ำเงินอันดับเจ็ดใบหนึ่งระเบิดตัวออกมาออกมา จุดแสงสีน้ำเงินจางๆ เปล่งประกายแวววาวออกมา และค่อยๆ จมหายเข้าไปในไอหมอกสีดำ

จากนั้นไอหมอกสีดำก็พวยพุ่งขึ้นมาทันที มีเสียงดังโครมครามมาจากร่างหลิ่วหมิงที่อยู่ข้างใน ตอนแรกเสียงมันก็ไม่ค่อยดังมาก แต่อึดใจเดียวก็ดังขึ้นมาราวกับเสียงฟ้าผ่า

หลิ่วหมิงอยู่ในหมอกกลมๆ ขนาดใหญ่ ดวงตาทั้งคู่ของเขาเปล่งประกายออกมา สิบนิ้วเคลื่อนไหวไม่หยุด เคล็ดวิชาจำนวนมากถูกดีดออกจากระหว่างนิ้ว และค่อยๆ จมเข้าไปในหมอกดำอย่างไร้ร่องรอย

ผลึกแสงสีน้ำเงินที่ดูคล้ายกับกรวดทรายจำนวนมากรวมตัวกันภายในท้องของเขา และค่อยๆ หมุวนอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังมีแสงสีน้ำเงินลอยออกมาอยู่ไม่หยุด จากนั้นค่อยๆ จมหายไปในจุดตันเถียน

พลังแปลกประหลาดส่งผลให้ไอหมอกสีขาวที่อยู่นอกบ้านหิน ค่อยๆ ลอยเข้ามา

ไม่นาน ก็กลายเป็นทะเลหมอกสีขาวจางๆ ล้อมรอบบ้านหินไว้

……………………………………….

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset