ชั้นบนสุดของหอที่ตั้งอยู่ตรงปากทางเข้าหุบเขา ชายแซ่ถงนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง เขากำลังจ้องมองกระจกทองเหลืองใบใหญ่ที่แขวนอยู่บนผนัง
ขอบรอบด้านของกระจกทองเหลืองถูกห่อหุ้มด้วยทองแดง พื้นผิวของมันเผยภาพที่ชัดเจนของหมอกสีขาว
มันเป็นภาพบรรยากาศนอกบ้านที่หลิ่วหมิงอยู่
“ไม่คิดว่าจะทำให้เกิดอานุภาพขนาดนี้ ดูท่าศิษย์หลานหลิ่วผู้นี้คงคิดที่จะควบแน่นปราณแกร่งแล้ว ไม่รู้ว่าเขาให้ไอปีศาจบริสุทธิ์ชนิดไหน ถึงได้มีความมั่นใจในความสำเร็จมากถึงเพียงนี้” ชายชุดคลุมสีขาวจ้องมองภาพในกระจกทองเหลืองแล้วพึมพำเบาๆ ด้วยท่าทีที่สนใจเป็นอย่างมาก
เวลาต่อมา ทะเลหมอกก็ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้น จนผ่านไปได้ครึ่งเดือน ทะเลหมอกเหนือบ้านหินก็มีขนาดใหญ่หลายหมู่ จนปกคลุมพื้นที่เกือบครึ่งหนึ่งของบ่อจิตวิญญาณ
เช้าวันนี้ ทะเลหมอกสีขาวได้พวยพุ่งขึ้นมา และเริ่มรวมตัวกันบริเวณบ้านหิน
พอถึงตอนเที่ยง กลุ่มหมอกรูปทรงกรวยก็บังเกิดขึ้นเหนือบ้านหิน และหมุนวนอย่างบ้าคลั่งก่อนพุ่งลงไปในบ้านหิน
ชายชุดคลุมสีขาวที่มองดูทั้งหมดนี้ผ่านกระจก มีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว และไม่ยอมกระพริบตาเลยสักครั้ง
พอหมอกหนาแน่นสีขาวพุ่งเข้าไปในบ้านหินสองในสามส่วน ก็พลันมีเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น
บ้านหินทั้งหลังสั่นไหว หมอกขาวที่เหลือกระจายตัวออก ขณะเดียวกันเส้นสีขาวจำนวนมากก็พุ่งออกจากบ้านหิน และกระจายออกไปรอบด้านก่อนที่จะค่อยๆ ระเบิดออกมา จากนั้นก็กลายเป็นกลุ่มหมอกขาวตลบอบอวลไปทั่ว
“ที่แท้ก็ล้มเหลว! ไม่สามารถควบแน่นพลังต้นกำเนิดให้กลายเป็นของเหลวได้ การควบแน่นไอปีศาจให้กลายเป็นไอนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ด้วยคุณสมบัติของข้าในตอนนั้น ต้องลองเป็นครั้งที่สองถึงประสบความสำเร็จ” ชายชุดคลุมสีขาวเห็นเช่นนี้ ก็กล่าวกับตนเองด้วยเสียงที่ค่อนข้างดัง แต่ก็ไม่ได้แสดงความรู้สึกแปลกใจอะไรมากนัก
ศิษย์นิกายปีศาจนั้นมีมากมาย หลายปีมานี้ ผู้ที่ฝึกฝนจนถึงระดับศิษย์จิตวิญญาณขั้นสมบูรณ์แบบก็มีไม่น้อย แต่ผู้ที่เข้าสู่ระดับอาจารย์จิตวิญญาณได้นั้น มีอยู่น้อยมาก ด้วยเหตุนี้พอเขาเห็นการควบแน่นของหลิ่วหมิงล้มเหลว จึงดูเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเขา
ในขณะที่ชายชุดคลุมสีขาวเริ่มพิจารณาว่าหลิ่วหมิงจะออกจากบ้านหินก่อนกำหนดหรือไม่นั้น ฉากที่เขาคาดไม่ถึงพลันปรากฏขึ้นในกระจก
หมอกสีขาวที่ถูกพ่นออกจากบ้านหิน หมุนรวมตัวกันติ้วๆ และค่อยๆ ลอยไปยังบ้านหิน
ไม่นาน ทะเลหมออกก็รวมตัวกันอีกครั้งและเริ่มหมุนวนขึ้นมา
“ควบแน่นสองครั้ง มิน่าศิษย์หลานไป๋ถึงได้เปิดบ่อจิตวิญญาณด้วยความมั่นใจเช่นนี้ ที่แท้ก็เตรียมไอปีศาจบริสุทธิ์ชนิดเดียวกันไว้สองชุดแล้ว เกรงว่าเขาคงเสียหินจิตวิญญาณไปไม่ใช่น้อย”
พอชายชุดคลุมสีขาวเห็นฉากเช่นนี้ ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
การเตรียมไอปีศาจบริสุทธิ์สองชุดในหนึ่งครั้ง เพื่อเพิ่มโอกาสการทะลวงให้สูงขึ้นนั้น แม้ว่าจะเป็นวิธีที่มีคนใช้ไม่น้อยในการก้าวเข้าสู่ระดับอาจารย์จิตวิญญาณ แต่คนจำนวนมากก็ยังรู้สึกหวาดผวาอยู่ และมีพลังไม่พอ
แต่สิ่งนี้กลับทำให้ ‘อาจารย์ลุงถง’ อยากรอคอยดูหลิ่วหมิงขึ้นมา
ดังนั้นฉากในตอนเช้าก็เริ่มขึ้นอีกรอบ เพียงแต่ทะเลหมอกที่รวมตัวในครั้งนี้ มีขนาดใหญ่กว่าก่อนหน้านั้นมาก
หนึ่งชั่วยามผ่านไป เมื่อทะเลหมอกที่เหลือระเบิดตัวออกมาอีกครั้ง เส้นสีขาวจำนวนมากก็พุ่งยิงออกไปรอบทิศทาง สิ่งนี้ทำให้ชายชุดคลุมสีขาวรู้สึกเสียดายขึ้นมา
ครั้งนี้ ทะเลหมอกทั้งผืนจมลงไปในบ้านหินเกือบทั้งหมด เหลือไว้เพียงหนึ่งในสิบเท่านั้นที่สลายตัวไป
ด้วยเหตุนี้ ในสายตาของชายชุดขาว ศิษย์หลานหลิ่วผู้นี้ห่างจากความสำเร็จในการควบแน่นเพียงนิดเดียวเท่านั้น เขาย่อมรู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก
แต่ครู่ต่อมา มีเสียงดังหวึ่งๆ บริเวณบ้านหิน ไอหมอกสีขาวที่กระจายออกไปเริ่มพวยพุ่งรวมตัวกันอีกครั้ง ตอนนี้ชายชุดคลุมสีขาวรู้สึกอึ้งขึ้นมาจริงๆ แล้ว
“ควบแน่นสามครั้ง! เป็นไปไม่ได้ เขามีไอปีศาจบริสุทธิ์อยู่ในมือสามชุด! ดูท่าไม่ว่าจะเป็นพลังจิตหรือว่าความแข็งแกร่งของร่างกาย ต่างก็ยังสามารถยืนหยัดต่อไปได้!” อาจารย์ลุงถงผู้นี้เรียกสติกลับมา เขามีสีหน้าเปลี่ยนไปมาเล็กน้อย
แต่พอผ่านไปสองสามชั่วยาม เมื่อทะเลหมอกขนาดใหญ่กว่าครั้งก่อนพวยพุ่งเข้าไปในบ้านหินทั้งหมด โดยไม่มีเหลืออยู่ด้านนอกเลยนั้น พลันมีเสียงแผดยาวของหลิ่วหมิงดังออกจากบ้านหิน ดูเหมือนว่าชั้นจำกัดในหุบเขาก็ไม่อาจต้านทานเสียงนี้ได้
ขณะเดียวกัน ผู้คนกว่าครึ่งหนึ่งในนิกายปีศาจ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่กำลังเดินทางอยู่ หรือศิษย์ที่กำลังเก็บตัวฝึกฝนอยู่ ต่างก็ได้ยินเสียงแผดร้องของหลิ่วหมิงพร้อมกัน และมองไปยังที่มาของเสียงด้วยความตกใจ
ไม่นาน ลำแสงขนาดใหญ่ก็พุ่งขึ้นจากยอดเขาทั้งสอง มันสูงสามสี่พันจั้ง พื้นผิวภายนอกเป็นแสงสีน้ำเงินสว่างไสว มีผลึกแสงแวววาวอยู่ด้านใน ราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า
“ปราณแกร่งโผล่ออกมาแล้ว”
“ควบแน่นปราณแกร่ง”
“มีคนสำเร็จเป็นอาจารย์จิตวิญญาณแล้ว”
ศิษย์นิกายปีศาจจำนวนไม่น้อยที่ได้เห็นฉากนี้ ต่างก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ
พอผู้ฝึกฝนระดับสูงในนิกายปีศาจจำนวนหนึ่งเห็นปรากฏการณ์เช่นนี้ ก็แสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา และต่างพากันออกจากที่พักของตนเองเพื่อมุ่งหน้ามายังหุบเขา
ผ่านไปไม่นาน เมฆขาวก้อนหนึ่งได้ร่อนลงมา หญิงสาวใบหน้างดงามปรากฏตัวหน้าประตูใหญ่ นางแหงนมองลำแสงสีน้ำเงินที่เปล่งประกายอยู่เหนือยอดเขา ด้วยใบหน้าประหลาดใจที่ปิดไม่มิด
นางคือหลินไฉอวี่แห่งสาขาระบำปีศาจนั่นเอง
ยังไม่ทันที่หญิผู้นี้จะเดินเข้าไปในห้อง ก็พลันมีเสียดังสะเทือนเลือนสั่น และมีคนสองคนขี่เมฆขาวร่อนลงมาบริเวณนั้น
พวกเขาเป็นนักพรตวัยกลางคนกับชายที่มีลักษณะคล้ายบัณฑิต คนหนึ่งคือนักพรตแซ่จางจากสาขายันต์มหาเวทย์ และฉู่ฉีผู้นำสาขาหยินทนทรมาณ
ทั้งสองจ้องมองลำแสงที่อยู่ไกลๆ แล้วก็ต้องแสดงสีหน้าแปลกใจออกมา
“ศิษย์น้องหลิน เจ้ามารวดเร็วเช่นนี้ หรือว่าคนที่ทะลวงอาจารย์จิตวิญญาณคือศิษย์นิกายเจ้า?” ฉู่ฉีถามหลินไฉอวี่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ถ้าใช่จริงๆ ก็คงจะดี ที่ข้ามาเร็วเพราะว่าก่อนหน้านั้นมาทำธุระอยู่แถวนี้ จึงย่อมมาถึงเป็นคนแรก ข้ากลับสงสัยว่าคนที่อยู่ข้างในใช่ศิษย์ของพวกท่านหรือไม่” หลินไฉอวี่ทำเสียงฮึดฮัดแล้วกล่าวออกมา
“ศิษย์สาขาหยินทนทรมานที่เพิ่งเข้าสู่ขั้นสมบูรณ์แบบมีไม่กี่คน ส่วนมากก็เคยลองทะลวงอาจารย์จิตวิญญาณมากแล้ว ส่วนที่เหลือสองคนยังเก็บตัวสะสมอยู่ ดังนั้นคนที่อยู่ข้างในไม่ใช่ศิษย์สาขาหยินทนทรมาณอย่างแน่นอน” ฉู่ฉีได้ยินก็ส่ายหน้าติดต่อกัน
“ถ้าไม่ใช่ศิษย์ในสาขาของพวกเจ้าทั้งสอง สาขายันต์มหาเวทย์ของเรายิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ ช่วงนี้สาขาข้าไม่มีศิษย์ขั้นสมบูรณ์แบบปรากฏขึ้นเลย” นักพรตจางถอนหายใจก่อนกล่าวออกมา
ขณะที่ทั้งสามต่างก็มองหน้ากันนั้น อาจารย์จิตวิญญาณคนอื่นๆ ก็ขี่เมฆตามไล่กันมา พวกเขาต่างก็ไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ คือศิษย์ผู้ใดที่สามารถควบแน่นปราณแกร่งได้สำเร็จ
หนึ่งในนั้นมีกุยหรูฉวนด้วย
แต่ผู้นำสาขาเก้าทารกผู้นี้ มีสีหน้าประหลาดใจและฉงนสนเท่ห์เป็นอย่างมาก
เขาย่อมรู้ว่าหลิ่วหมิงอยู่ในบ่อจิตวิญญาณ แต่ผู้ที่ทะลวงอาจารย์จิตวิญญาณสำเร็จจะใช่หลิ่วหมิงหรือไม่นั้น เขากลับไม่มีความเชื่อมั่นเลยแม้แต่น้อย
เพราะว่าในสายตาของเขา คุณสมบัติสามชีพจรจิตวิญญาณอย่างหลิ่วหมิง แทบจะตัดสินได้ว่ามีโอกาสเข้าสู่ระดับอาจารย์จิตวิญญาณเป็นศูนย์
แม้ว่ากุยหรูฉวนจะเงียบและไม่ปริปากออกมา แต่สีหน้าแปลกประหลาดของเขา ก็ถูกฉู่ฉีที่เป็นผู้นำสาขาหยินทนทรมาณจับได้อย่างรวดเร็ว และพลันเอ่ยปากถามตรงๆ
“ศิษย์พี่กุย ข้าเห็นท่านยังไม่พูดอะไรออกมาเลย ท่านรู้หรือไม่ว่าศิษย์ที่ทะลวงเขตแดนอาจารย์จิตวิญญาณในบ่อจิตวิญญาณนั้นคือใคร?”
“เรื่องนี้……” กุยหรูฉวนขมวดคิ้ว ขณะที่ไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปอย่างไรนั้น ก็มีเสียงดังขึ้น และผู้อาวุโสสวมชุดผ้าป่านก็ขี่เมฆเข้ามา
เขาคือประมุขนิกายปีศาจนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้ ฉู่ฉี กุยหรูฉวน และคนอื่นๆ ต่างก็พากันไปคารวะโดยไม่สนใจเรื่องที่กำลังสนทนาอยู่
“เฮ่อๆ! สวรรค์ช่างเมตตานิกายปีศาจของเราจริงๆ ภายในระยะเวลาสั้นๆ แค่สามปีก็มีเกาชงกับหยางเฉียนสำเร็จเป็นอาจารย์จิตวิญญาณก่อน ตอนนี้มีเพิ่มขึ้นมาอีกคน ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่งนัก ใช่สิ! ศิษย์น้องทั้งหลายรู้หรือไม่ว่า เป็นศิษย์คนใดที่ทะลวงคอขวดสำเร็จ” พอประมุขนิกายปีศาจร่อนลงมาถึง ก็กล่าวด้วยความดีใจ
สำหรับเขาแล้ว มีอาจารย์จิตวิญญาณเพิ่มขึ้นมาอีกคนในช่วงทำศึกสำคัญกับเผ่าเจ้าสมุทรเช่นนี้ มันสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับนิกายได้ส่วนหนึ่ง
“ศิษย์พี่ท่านประมุข พวกเราทั้งหลายต่างก็ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นศิษย์สาขาใด” หลินไฉอวี่ยิ้มเจื่อนๆ แล้วกล่าวออกมา
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เข้าไปถามศิษย์น้องถงตรงๆ เถอะ ในมือเขามีกระจกส่องฟ้าที่เป็นอาวุธจิตวิญญาณ มันสามารถมองดูความเคลื่อนไหวทั้งหมดในบ่อจิตวิญญาณได้” ประมุขนิกายปีศาจขมวดคิ้วกล่าว
กุยหรูฉวนและคนอื่นๆ กล่าวตอบรับแล้วก็เดินเข้าไปในหอทันที
“ที่แท้ก็เป็นศิษย์พี่ท่านประมุขกับศิษย์พี่ทั้งหลาย ศิษย์น้องเสียมารยาทแล้ว” พอคนทั้งกลุ่มเข้าไปในห้องโถง ชายชุดคลุมสีขาวก็เดินลงมาด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่เหมือนกับยิ้ม
“ศิษย์น้องถง เจ้ามาได้พอดีเลย เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้ที่เพิ่งควบแน่นปราณแกร่งได้สำเร็จคือศิษย์สาขาใด? ดูจากปราณแกร่งของเขาที่ปรากฏออกมา มันดูไม่ธรรมดาเลย คงไม่ใช่ศิษย์ทั่วไปหรอกนะ” พอประมุขนิกายปีศาจเห็นชายชุดคลุมสีขาว ก็ถามเสียงต่ำออกไป
“ดูท่าศิษย์พี่ท่านประมุขและคนอื่นๆ จะมาที่นี่เพื่อสอบถามเรื่องนี้ ผู้ที่เพิ่งควบแน่นปราณแกร่งได้สำเร็จคือศิษย์สาขาเก้าทารก ที่มีนามว่าหลิ่วหมิง” ชายชุดคลุมสีขาวยิ้มแล้วกล่าวออกมาโดยไม่ต้องคิด
“เป็นศิษย์หลานหลิ่วจริงๆ หรือ” พอกุยหรูฉวนได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกดีใจมาก สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความสับสน และดูเหมือนยังไม่อยากจะเชื่อในเรื่องนี้
“อะไรนะ! เป็นศิษย์สาขาศิษย์พี่กุยที่ชื่อว่า ‘หลิ่วหมิง’ ทำไมถึงรู้สึกคุ้นหูเช่นนี้ หรือว่าจะเป็นศิษย์ที่ศิษย์น้องจงได้ยื่นขอฟื้นคืนสถานะเดิมเมื่อไม่นานมานี้?” ตอนแรกฉู่ฉีรู้สึกตกตะลึง แต่ก็เข้าใจได้ในทันที และยังคงมีสีหน้าประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“ที่พวกเจ้าพูดคือ ‘ไป๋ชงเทียน’ คนนั้นใช่ไหม?” ประมุขนิกายศาจฟั่นเคราตนเองด้วยความรู้สึกตกใจเช่นกัน
เพราะเรื่องของเกาชง เขาจึงย่อมสนใจเรื่องของหลิ่วหมิงมาโดยตลอด
อาจารย์จิตวิญญาณคนอื่นๆ ได้ยินเช่นนี้ ต่างก็มีสีหน้าที่แตกต่างกันออกไป
“ศิษย์พี่ท่านประมุขกล่าวได้ไม่มีผิด! เป็นศิษย์หลานหลิ่วผู้นี้จริงๆ แต่ตอนนี้เขาเพิ่งจะทะลวงคอขวดได้สำเร็จ ยังต้องใช้เวลากว่าครึ่งปีเพื่อทำให้เขตแดนนี้มั่นคง ตามประเพณีของนิกายเรา ผู้ที่ทะลวงระดับของเหลวได้ ต่างก็มีสิทธิ์ใช้บ่อจิตวิญญาณเป็นเวลาหนึ่งปีโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ เกรงว่าในระยะเวลาสั้นนี้ๆ เขาคงยังไม่ออกมา” ชายชุดคลุมสีขาวกระพริบตาแล้วกล่าวออกมา
……………………………………….