หลิ่วหมิง ประมุขนิกายปีศาจ หลินไฉอวี่และอาจารย์จิตวิญญาณคนอื่นๆ อยู่รวมกันตรงใจกลางเรือกระดูกขนาดใหญ่
จากการปรึกษาหารือเมื่อหลายวันก่อน นอกจากจะมีอาจารย์จิตวิญญาณดูแลนิกายสาขาละคนแล้ว คนอื่นๆ ล้วนต้องไปเป็นกำลังเสริมที่ชายแดนทั้งหมด
ส่วนสาขาเก้าทารก เนื่องจากหลิ่วหมิงจำเป็นต้องควบคุมปีศาจมนุษย์หมื่นกระดูกตนนั้น กุยหรูฉวนจึงต้องอยู่ดูแลสาขา
นอกจากนี้ ประมุขนิกายปีศาจยังนำศิษย์หลายร้อยคนออกเดินทางไปพร้อมกันด้วย
ศิษย์เหล่านี้ส่วนมากเป็นศิษย์จิตวิญญาณระดับกลาง ส่วนน้อยที่เป็นศิษย์จิตวิญญาณระดับปลาย ถ้าระดับการฝึกฝนต่ำกว่านี้ล่ะก็ คงมีแต่ไปตายเท่านั้น
อีกอย่าง ครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงแต่นิกายปีศาจ แต่นิกายจันทราสวรรค์ และนิกายอื่นๆ ก็ส่งคนที่สามารถช่วยได้ไปด้วย
เพราะผู้ฝึกฝนระดับสูงของแต่ละนิกายต่างก็รู้ดีว่า ต่อให้แต่ละนิกายจะแอบต่อสู้กันเองอย่างลับๆ ในแคว้นต้าเสวียน แต่พอเผชิญหน้ากับเผ่าเจ้าสมุทรเช่นนี้ ต่างก็ต้องร่วมมือร่วมใจกัน มิเช่นนั้นนิกายทั้งหมดอาจถูกเผ่าเจ้าสมุทรบดขยี้ได้ และแคว้นต้าเสวียนก็อาจตกอยู่ในเงื้อมมือของเผ่าเจ้าสมุทร
การรวมตัวเมื่อไม่นานมานี้ ประมุขนิกายปีศาจยังได้เปิดเผยเรื่องลับลึกบางอย่างให้กับหลิ่วหมิงและอาจารย์จิตวิญญาณคนอื่นๆ ดูเหมือนว่านิกายของแคว้นต่างๆ ในแผ่นดินอวิ๋นชวนก็ไม่อาจนิ่งดูดายต่อการรุกรานของเผ่าเจ้าสมุทรได้ และจะส่งกองกำลังสนับสนุนมาช่วยเผด็จศึกกับเผ่าเจ้าสมุทรอีกแรง
ข่าวดีเช่นนี้ ทำให้หลิ่วหมิงและคนอื่นๆ มีความมั่นใจมากขึ้น
แน่นอนว่ามีเรื่องไม่ดีด้วยเช่นกัน ซึ่งก็คือในระหว่างที่เผ่าเจ้าสมุทรกำลังโจมตีแคว้นต่างๆ นั้น นิกายในแคว้นสองแคว้นถูกเผ่าเจ้าสมุทรโจมตีจนพ่ายแพ้ ตอนนี้ทั้งสองแคว้นต่างก็ถูกปกครองโดยคนของเผ่าเจ้าสมุทร และดูเหมือนว่าอีกไม่นานดินแดนที่อยู่ในสังกัดก็จะถูกครอบครองด้วย
ถ้าเช่นนี้ล่ะก็ กองกำลังของเผ่าเจ้าสมุทรเหล่านั้น จะพุ่งมาที่แคว้นค้าเสวียนกับแคว้นอีกแคว้นที่พยายามยืนหยัดอย่างยากลำบากทันที พอถึงตอนนั้นกองกำลังเผ่าเจ้าสมุทรที่นิกายปีศาจและนิกายอื่นๆ ต้องเผชิญ คงต้องแข็งแกร่งมากกว่าเดิม
นี่เป็นเหตุที่ผู้ฝึกฝนระดับผลึกออกคำสั่งให้แต่ละนิกายส่งกำลังสนับสนุน และอดทนรอคอยไม่ไหวที่จะเผด็จศึกกับเผ่าเจ้าสมุทร
พวกเขาวางแผนโจมตีเผ่าเจ้าสมุทรให้ยับเยิน ก่อนที่กองกำลังสนับสนุนของเผ่าเจ้าสมุทรจะมาถึง เช่นนี้แล้วถึงจะสามารถเอาชนะได้
หลิ่วหมิงและคนอื่นๆ โดยสารเรือเหาะมุ่งหน้าไปยังชายแดนอย่างรวดเร็ว
ศิษย์ทั่วไปต่างก็นั่งขัดสมาธิฝึกฝนเพิ่มพลังให้ตัวเองก่อนไปถึงสนามรบ
หลิ่วหมิงเป็นถึงอาจารย์จิตวิญญาณ จึงนั่งเข้าฌานอยู่ในห้องส่วนตัวที่ถูกจัดไว้ให้
เวลาค่อยๆ ผ่านไป เรือเหาะก็เหาะออกไปจากพื้นที่ควบคุมของนิกายปีศาจ และมุ่งไปข้างหน้าอยู่ไม่หยุด
แต่วันนี้ หลิ่วหมิงกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้อง ทันใดนั้นถุงหนังบนเอวก็สั่นไหว และมีเสียงแมงป่องกระดูกขาวดังออกจากในนั้น
ภายใต้ความตกตะลึง หลิ่วหมิงรีบทำท่ามือในทันที และใช้พลังจิตสื่อสารกับจิตรับรู้ของแมงป่องกระดูกขาว
ขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ก่อนหน้านั้นมันเพิ่งหลับลึกไป ทำไมถึงฟื้นขึ้นมาเร็วเช่นนี้ล่ะ
ผ่านไปไม่นาน สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปในฉับพลัน จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วก้าวยาวๆ ออกไปนอกห้อง
ไม่นานก็เดินมาถึงท้ายเรือของเรือเหาะกระดูก เขาหยิบแผ่นค่ายกลออกมา และใช้นิ้ววนอยู่บนนั้นสองสามที จากนั้นก็กระโดดลงจากเรือเหาะไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
ฉากนี้ทำให้ศิษย์นิกายปีศาจที่ฝึกฝนอยู่บริเวณนั้นต่างก็ตกใจเป็นอย่างมาก หนึ่งในนั้นรีบไปรายงานประมุขนิกายปีศาจทันที
แต่พอประมุขนิกายปีศาจได้ยินเรื่องนี้ ก็เพียงแค่โบกมือว่ารับรู้แล้ว และไม่ได้สั่งอะไรออกไป
ศิษย์ที่มารายงานรู้สึกจับต้นชนปลายไม่ถูก จึงได้แต่ถอยออกไปด้วยความงุนงง
ขณะนี้ ประมุขนิกายปีศาจล้วงเข้าไปในแขนเสื้อ และหยิบแผ่นค่ายกลกลมๆ แวววาวออกมา แสงจางๆ เปล่งประกายอยู่บนนั้น มันคือข้อความสั้นๆ ที่หลิ่วหมิงส่งมาให้เขา
“เหตุผลอะไรกัน อะไรคือ ‘เผชิญกับเรื่องด่วนกะทันหัน จำต้องอยู่คนเดียวหลายวัน อีกไม่นานก็จะกลับมาเอง’”
ประมุขนิกายปีศาจพูดกับตนเองไปสองสามประโยค แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ และเขาก็ไม่ได้ห่วงหลิ่วหมิงแต่อย่างใด
เพราะหลิ่วหมิงเป็นอาจารย์จิตวิญญาณ ทั้งยังรู้จักพื้นที่ในแคว้นต้าเสวียน จึงไม่ต้องกังวลว่าจะต้องเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งของเผ่าเจ้าสมุทรเข้า ส่วนเหตุผลที่หลิ่วหมิงปลีกตัวไปนั้น ประมุขนิกายปีศาจไม่ได้คิดเลยแม้แต่น้อย
นอกเสียจากว่าต่อไปหลิ่วหมิงไม่คิดที่จะอยู่ในแผ่นดินอวิ๋นชวนอีก มิเช่นนั้นถ้าหนีไปตอนที่มีศึกกับต่างเผ่า เขาคงไม่มีที่ยืนในแผ่นดินของเผ่ามนุษย์อีกต่อไป
ตอนนี้หลิ่วหมิงลอยอยู่ในเทือกเขาที่สูงชะโงกเงื้อม หลังจากกวาดสายตาดูรอบด้านแล้ว ก็ตบถุงหนังบนเอวทันที
“ฟู่!” ไอดำกลุ่มหนึ่งม้วนตัวออกมา แมงป่องกระดูกขาวปรากฏตัวบนพื้น
หลังจากหลิ่วหมิงสังเกตดูแมงป่องกระดูกขาวตรงหน้าแล้ว ก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย
รอยแตกบนผิวของมันหายไปจนหมดสิ้น และถูกแทนที่ด้วยเกล็ดสีแดงดำเป็นจำนวนมาก มันเปล่งประกายแสงธาตุโลหะแวววาว ขณะเดียวกันหัวของมันมีปุ่มนูนสีดำแปลกประหลาดเพิ่มขึ้นมา
ภายใต้ความประหลาดใจ หลิ่วหมิงยังไม่ทันได้ทำอะไร แมงป่องกระดูกขาวก็คลานมาตรงหน้าเขา และใช้ก้ามยักษ์ทั้งสองถูขากางเกงเขาอยู่ไม่หยุด จิตรับรู้ของมันส่งแรงปรารถนาที่รุนแรงมากกว่าเดิม
สิ่งนี้ทำให้หลิ่วหมิงยิ้มอย่างขมขื่นและหยิบเปลือกมังกรแดงออกมาอีกครั้ง พอแสงเย็นสะท้านเปล่งประกายออกมา เขาก็ใช้กระบี่สั้นเลาะเกล็ดสองแผ่นโยนไปให้แมงป่องกระดูกขาว
แต่เรื่องที่คาดไม่ถึงได้บังเกิดขึ้นแล้ว
ครั้งนี้แมงป่องกระดูกขาวไม่ได้สนใจเกล็ดเลย แต่กลับจ้องมองเปลืองของมังกรแดง และใช้ก้ามยักษ์ถูเสียดสีขากางเกงเขาอยู่ไม่หยุด
หลิ่วหมิงอึ้งไปสักพัก หลังจากจ้องมองเปลือกมังกรแดงกับท่าทีแปลกๆ ของแมงป่องกระดูกขาวแล้ว ก็ต้องลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
ผ่านไปสักครู่ เขาก็ส่งพลังเวทย์เข้าไปในกระบี่สั้น
มีเสียงดังกังวานออกมา กระบี่จันทราหยกเปล่งลำแสงจ้าแสบตา ขณะเดียวกันค่ายกลอักขระสิบกว่าชั้นก็ปรากฏขึ้น และม้วนตัวกลับเข้าไปในกระบี่สั้น
ตอนนี้หลิ่วหมิงถึงสะบัดข้อมือ และแทงกระบี่สั้นไปยังเปลือกมังกรแดง
ครั้งนี้เขากลับไม่ได้แตะต้องเกล็ดที่อยู่บนนั้น แต่กลับตัดเอาหนังที่ค่อยข้างอ่อนนุ่มบริเวณท้องของเปลือกมังกรแดง
เมื่อเขาโยนหนังชิ้นนี้ลงพื้น ก้ามทั้งคู่ของแมงป่องกระดูกขาวก็รีบหนีบใส่ปาก และกลืนลงไปทันที จากนั้นก็ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความพึงพอใจ
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็แบะปาก แต่ก็ทำได้แค่กระตุ้นกระบี่สั้นในมือ กรีดเอาหนังตรงท้องโยนให้แมงป่องกระดูกขาว
ที่เขาเอาแต่กรีดเอาหนังตรงท้อง ก็เพราะว่าจุดนี้เป็นจุดที่เปราะบางที่สุดของมังกรแดง มิเช่นนั้นถ้าไปกรีดตรงจุดอื่นที่หนากว่าล่ะก็ เกรงว่าคงต้องใช้พลังทั้งหมดกระตุ้นกระบี่จันทราหยก จึงจะสามารถกรีดเอามันออกมาได้
เมื่อหลิ่วหมิงกรีดเอาหนังอ่อนนุ่มตรงท้องให้แมงป่องกระดูกขาวกินจนหมด มันก็ไม่แสดงท่าทีปรารถนาออกมาอีก แต่กลับส่ายหางตะขอและมุดลงพื้นทันที
“ฟู่!” มันมุดหายเข้าไปใต้พื้นอย่างไร้ร่องรอย
หลิ่วหมิงแสดงสีหน้าแปลกใจออกมา แต่หลังจากลังเลเล็กน้อย ก็ส่งพลังจิตอันแข็งแกร่งไปยังด้านล่าง และตามติดตำแหน่งของแมงป่องกระดูกขาวได้ภายในพริบตา
ทันใดนั้น พอเขาขมวดคิ้ว เมฆสีเทาตรงเท้าก็ลอยตัวขึ้น และพาเขาเหาะไปยังทิศทางบางแห่ง
ใต้พื้นดินลึกร้อยกว่าจั้ง แมงป่องกระดูกขาวกำลังดำดินไปยังทิศทางบางแห่งอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างกำลังดึงดูดมันอยู่
คนหนึ่งเหาะอยู่ด้านบน อีกตัวดำดินอยู่ด้านล่าง พริบตาเดียวก็ไปได้ไกลหลายสิบลี้
ในที่สุดเขาก็พาหลิ่วหมิงมาถึงสถานที่เปลี่ยวลับตาคนแห่งหนึ่ง ในสถานการณ์ปกติ ไม่อาจมีคนหาบึงแห่งนี้พบได้
แมงป่องกระดูกขาวหยุดนิ่งอยู่ใต้ดินครู่หนึ่ง
หลิ่วหมิงมองดูบึงที่แผ่กลิ่นไอเปื่อยยุ่ยออกมา หลังจากลังเลเล็กน้อยก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้น ยันต์ผืนหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ จากนั้นเขาก็แปะมันลงบนตัว
หลังจากมีเสียงดังออกมา ยันต์ก็แตกกระกระจายออกไป อักขระสีเหลืองจำนวนมากจมหายเข้าไปในร่าง จากนั้นม่านแสงสีเหลืองก็ปรากฏออกมา
หลิ่วหมิงบิดตัวจมหายเข้าไปในดินเลนและค่อยๆ มุดลงด้านล่าง
ไม่นานหลิ่วหมิงก็หาแมงป่องกระดูกขาวเจอท่ามกลางเศษหินที่มีไอดำพวยพุ่ง
ตอนนี้มันกำลังอ้าปากดูดไอดำบริเวณนั้น และทุกครั้งที่มันกลืนกินเข้าไป ร่างของมันก็ขยายใหญ่ขึ้นส่วนหนึ่ง
“ปราณหยาง เป็นปราณหยางที่มีความบริสุทธิ์สูงมาก! ดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงธรรมดา หรือว่า……” หลิ่วหมิงมองร่างแมงป่องที่ขยายใหญ่หลายเท่าอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเขาก็นึกอะไรบางอย่างได้
จากนั้นเพื่อความชัดเจนในครั้งนี้ เขาก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นทันที ขวดหยกสูงหลายชุ่นปรากฎออกมา หลังจากมองดูแมงป่องกระดูกขาวที่กำลังสูดปราณหยินทีหนึ่งแล้ว ก็เปิดจุกออกมาทันที จากนั้นก็กระตุ้นพลังเวทย์เล็กน้อย ไหมสีดำแวววาวเส้นหนึ่งค่อยๆ พุ่งออกมา
แมงป่องกระดูกขาวที่กำลังสูดหายใจอยู่หยุดการกระทำในทันที จากนั้นมันก็จ้องมองไหมสีดำแวววาวที่ออกจากขวดอย่างไม่กระพริบตา
หลิ่วหมิงอาศัยโอกาสนี้ทำท่ามือด้วยมือเดียว จากนั้นก็เชื่อมต่อกับจิตของแมงป่องกระดูกขาว
สิ่งที่แมงป่องกระดูกขาวสื่ออกมาคือ มันชอบสิ่งที่อยู่ในขวดเล็กๆ ใบนี้เป็นพิเศษ และก็รู้สึกหวาดกลัวมาก มันถึงได้หยุดนิ่งไปเช่นนี้
แต่หลิ่วหมิงกลับชัดเจนในสิ่งที่ตนเองคิดแล้ว ภายใต้ความดีใจ เขาออกแรงนิ้วทั้งห้าที่จับขวดอยู่ทันที พลังมหาศาลบางอย่างพุ่งออกมา
“เพล้ง!”
ขวดใบเล็กๆ ถูกบีบจนแตกกระจาย ไหมสีดำแวววาวพุ่งออกมาร้อยกว่าเส้น
……………………………………….