ผู้คนในลานประมูลมีจำนวนน้อยเช่นนี้ หลิ่วหมิงกลับไม่ได้รู้สึกแปลกใจเลย
แค่เงื่อนไขสองข้อที่ต้องเป็นผู้ฝึกฝนระดับของเหลวขั้นปลายขึ้นไป และต้องมีร้านค้าในหุบเขารับรองสถานะ ก็คัดจำนวนผู้ที่อยากเข้าร่วมการประมูลออกไปเป็นจำนวนมากแล้ว
เกรงว่าผู้คนในงานประมูล ส่วนมากจะเป็นพวกเดียวกัน หรือสังกัดกลุ่มอิทธิพลเดียวกัน ผู้ที่อยากประมูลอาวุธจิตวิญญาณที่แท้จริง คงมีไม่ถึงร้อยคน
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เวลาอยู่ภายในถ้ำหลิ่วหมิงไม่อาจมองระดับการฝึกฝนของคนจำนวนสิบกว่าคนออกได้ และลำพังแค่ผู้ที่แผ่กลิ่นไอออกมาก็ทำให้เขารู้สึกไม่ปลอดภัย ก็มีมากกว่าเจ็ดแปดคน
“ดูท่าสถานที่แห่งนี้ คงเป็นสถานที่เสือซุ่มมังกรซ่อนตัว เรามาคนเดียวจะต้องระวังตัวให้มาก!”
หลิ่วหมิงยิ้มอย่างขมขื่นแล้วกล่าวออกมา
“ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าร่วมงานประมูลใหญ่ของเหยียนเจวี๋ย ข้าจะไม่พูดกฎกติกาให้มาก เชื่อว่าทุกท่านคงทราบกันดีอยู่แล้ว ผู้ที่ให้ราคาสูงสุดได้อาวุธจิตวิญญาณไป หากหินจิตวิญญาณไม่พอ ก็สามารถใช้วัสดุล้ำค่าอื่นมาแทนได้”
เขาก็คือเหยียนเจวี๋ยที่ทำหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการประมูลด้วยตนเอง!
ด้านหลังแท่นหินมีเก้าอี้ไม้สีดำวางอยู่สามตัว แต่ละตัวมีคนชุดดำสวมหน้ากากสีดำที่เป็นรูปรอยยิ้มนั่งอยู่โดยไม่ขยับเขยื้อน แต่กลิ่นไอบนตัวลึกล้ำจนไม่อาจคาดเดาได้
นี่คงเป็นผู้แข็งแกร่งระดับผลึกที่วังเพลิงดำส่งมาดูแลงานนี้
พอเหยียนเจวี๋ยกล่าวเสร็จ ก็หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง และกวาดสายตามองดูผู้คนที่อยู่ด้านล่างแล้วถึงกล่าวต่อ
“ในเมื่อทุกท่านไม่มีข้อคัดค้านใดๆ ก็เริ่มกันเถอะ!”
พอเขาพลิกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นมา กล่องหยกรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าก็ปรากฏขึ้นบนมือ เมื่อเปิดฝาออกก็เผยให้เห็นกระบี่บินที่ยาวหลายฉื่อนอนนิ่งๆ อยู่ในนั้น
“สิ่งของประมูลชิ้นแรกเป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสูง กระบี่บินผลึกโลหิตมีผลในการดูดโลหิต ทำลายพลังชีวิตได้อย่างน่าอัศจรรย์ และแฝงไปด้วยยี่สิบหกชั้นจำกัด ราคาเริ่มประมูลสองแสนหินจิตวิญญาณ เสนอราคาได้ครั้งละไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นหินจิตวิญญาณ” เหยียนเจวี๋ยกล่าวอย่างไม่สะทกสะท้าน
พอคำพูดนี้เปล่งออกไป ก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้นมา
อย่างที่รู้ว่ากระบี่เป็นอาวุธจิตวิญญาณประเภทโจมตี ซึ่งมีเงื่อนไขของวัสดุที่โหดร้ายที่สุด และการฝึกกระบี่มีความโดดเด่นกว่าผู้ฝึกฝนคนอื่นๆ ที่อยู่ในระดับเดียวกัน และกระบี่ที่มียี่สิบหกชั้นจำกัด เป็นอาวุธจิตวิญญาณที่เข้าใกล้อาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดเป็นอย่างมาก
แม้ว่าสองแสนหินจิตวิญญาณจะเป็นราคาที่ไม่น้อย แต่สำหรับกระบี่บินระดับนี้แล้ว มันคุ้มค่ากับราคาที่จะซื้อ
พอเห็นว่าของประมูลชิ้นแรกไม่ใช่โซ่ตรวนสะกดวิญญาณ หลิ่วหมิงก็รู้สึกหมดหวังเล็กน้อย เขาจึงหลับตาพักผ่อนทันที
“สองแสน!”
“สองแสนสองหมื่น!”
“สองแสนห้า!”
…….
พอกระบี่บินเล่มนี้ปรากฏออกมา ราคาก็พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
หลังจากผ่านการประมูลกันอย่างดุเดือด กระบี่เล่มนี้ก็ถูกหญิงสาวหมวกคลุมประมูลไปด้วยราคาที่สูงถึงสามแสนหนึ่งหมื่นหินจิตวิญญาณ
ไม่ผิดไปจากที่หลิ่วหมิงคาดการณ์ไว้ จากนั้นของประมูลอีกสองชิ้น ก็ยังไม่ใช่โซ่ตรวนสะกดวิญญาณ แต่เป็นเตาหลอมสีฟ้าเล็กๆ กับเกราะหนังสีเขียวมรกต ซึ่งเป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสูงที่มียี่สิบหกกับยี่สิบเจ็ดชั้นจำกัด ทั้งสองแยกกันประมูลได้ราคาสามแสนห้าหมื่นกับราคาสี่แสนหินจิตวิญญาณ
ที่เป็นเช่นนี้ ย่อมเป็นเพราะว่าสิ่งของทั้งสองชิ้น ชิ้นหนึ่งสามารถโอบล้อมศัตรูได้หลายรูปแบบ ตัดกำลังของศัตรูให้อ่อนลง และมีผลลัพธ์พิเศษในด้านอื่นๆ เป็นต้น อีกชิ้นหนึ่งเป็นอาวุธจิตวิญญาณประเภทป้องกัน ทั้งยังมีชั้นจำกัดมากกว่ากระบี่บินหนึ่งชั้น
สิ่งนี้ทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย อย่างที่รู้ว่าอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดโดยทั่วไป ก็มีราคาแค่หนึ่งแสนกว่าหินจิตวิญญาณเท่านั้น
การประมูลอาวุธจิตวิญญาณระดับสูงเหล่านี้อย่างดุเดือด ทั้งยังประมูลออกไปด้วยราคาที่สูงเช่นนี้ ดูท่าชื่อเสียงผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธของเหยียนเจวี๋ย คงไม่ใช่เรื่องเท็จแต่ประการใด
“ของประมูลชิ้นที่สี่เป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับกลาง ‘โซ่ตรวนสะกดวิญญาณ’ แฝงไปด้วยสิบแปดชั้นจำกัด”
ในขณะนี้เอง เหยียนเจวี๋ยหยิบกล่องไม้รูปสี่เหลี่ยมออกมาใบหนึ่ง
พอเขาตบลงไปบนนั้น ฝาของมันก็เปิดออกมา เผยให้เห็นโซ่เล็กสีเงินที่มีอักขระจารึกอยู่เป็นชั้นๆ ดูเหมือนจะมีขนาดไม่กี่ชุ่น แต่งดงามและละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก ทั้งยังแผ่กลิ่นไอเย็นสะท้านที่บอกไม่ถูกออกมา
“แม้โซ่ตรวนสะกดวิญญาณจะเป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับกลางที่ข้าใช้แร่เงินพันปี ไม้โลหิตระดับสูง และเวลาสี่สิบเก้าวันถึงสร้างมันขึ้นมาได้ ในนี้มีสิบแปดชั้นจำกัด ห่างจากอาวุธจิตวิญญาณระดับกลางแค่ชั้นจำกัดเดียวเท่านั้น อาจจะมีสหายจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกแปลกใจว่า ทำไมข้าถึงนำอาวุธจิตวิญญาณชิ้นนี้มาประมูลหลังอาวุธจิตวิญญาณระดับสูงทั้งสาม เหตุผลมีเพียงข้อเดียวก็คือ มูลค่าของชิ้นนี้สูงกว่าอาวุธจิตวิญญาณระดับสูงทั้งสามในก่อนหน้านั้น” เหยียนเจวี๋ยประคองโซ่เงินเล็กๆ ในมือแล้วค่อยๆ กล่าวออกมา
พอคำพูดนี้ออกมาจากปาก ย่อมก่อให้เกิดความฮือฮาขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีใครเอ่ยปากถามไปชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนต่างรู้ดีว่าอีกประเดี๋ยวผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธจิตวิญญาณผู้นี้ จะอธิบายเหตุผลออกมาเอง
“ตอนที่ข้าหลอมอาวุธจิตวิญญาณชิ้นนี้ เดิมทีกะแค่หลอมเป็นอาวุธจิตวิญญาณธรรมดาที่ต้านทานเคล็ดวิชาที่ใช้พลังจิตเท่านั้น ใครจะรู้ว่าในระหว่างการหลอมจะเกิดเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงเช่นนี้ แม้ระดับของอาวุธจิตวิญญาณชิ้นนี้ จะต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก ในด้านการต้านทานเคล็ดวิชาที่ใช้พลังจิต ก็พอที่จะทำให้คนพอใจในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่กลับมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นมาอีกสองอย่าง อย่างแรกคือสามารถต้านการชิงร่างจากวิญญาณร้ายได้ อย่างที่สอง สามารถเพิ่มทวีพลังจิตในระดับที่แน่นอนได้ อย่างแรกไม่เท่าไหร่ คิดว่าคนที่จำเป็นต้องใช้มันมีแค่ไม่กี่คน แต่อย่างที่สอง หากตกอยู่ในมือสหายที่มีพลังจิตแข็งแกร่ง จะบังเกิดผลมหัศจรรย์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือ โซ่ตรวนสะกดวิญญาณชิ้นนี้ แม้แต่ข้าก็ไม่อาจหลอมชิ้นที่สองออกมาได้อีก ดังนั้นถึงนำมาประมูลหลังอาวุธจิตวิญญาณระดับสูงทั้งสาม” พอเหยียนเจวี๋ยกล่าวมาถึงจุดนี้ ก็ตั้งใจหยุดไปครู่หนึ่งเพื่อดูปฏิกิริยาของผู้คนที่อยู่ในนั้น
ที่แท้ ในขณะที่เขาพูดว่าเพิ่มทวีพลังจิตได้นั้น ก็มีเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นมา
คนจำนวนไม่น้อยที่ตาเป็นประกาย ขณะเดียวกันใบหน้าที่ดูไม่สนใจได้หายไปจนหมดสิ้น
อย่างที่รู้ว่า เดิมทีอาวุธจิตวิญญาณที่สามารถต้านทานเคล็ดวิชาพลังจิตได้ ก็มีไม่มาก และอาวุธจิตวิญญาณที่ช่วยเพิ่มทวีพลังจิตได้ ก็ยิ่งได้ยินชื่อน้อยไปใหญ่ แต่ในตอนนี้โซ่ตรวนสะกดวิญญาณกลับมีความสามารถทั้งสองอย่าง ช่างน่าตกตะลึงยิ่งนัก แม้ว่ามันจะเป็นแค่อาวุธจิตวิญญาณระดับกลางก็ตาม
เหยียนเจวี๋ยเห็นเช่นนี้ ก็แสดงสีหน้าพอใจออกมา และกล่าวต่อ
“ส่วนผลลัพธ์ของการเพิ่มทวีพลังจิตของอาวุธจิตวิญญาณชิ้นนี้จะเป็นอย่างไรนั้น ข้าจะไม่อธิบายแล้ว ได้แต่บอกว่าจะต้องไม่ทำให้ทุกท่านผิดหวังอย่างแน่นอน เอาล่ะ! อาวุธจิตวิญญาณชิ้นนี้เริ่มประมูลที่ราคาสามแสนหินจิตวิญญาณ เสนอราคาได้ครั้งละไม่ต่ำกว่าสองหมื่น ตอนนี้เริ่มประมูลได้”
“สี่แสนหินจิตวิญญาณ”
เหยียนเจวี๋ยเพิ่งกล่าวจบ ก็มีคนเอ่ยปากออกมาทันที ทำให้ราคาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งแสนหินจิตวิญญาณ
และการเสนอราคาสูงเช่นนี้ นอกจากจะทำให้คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกตกตะลึงแล้ว ยังทำให้บางคนถึงกับต้องกลืนราคาที่กำลังจะเสนอลงไป
ผ่านไปซักพัก ถึงมีคนทำเสียงฮึดฮัดแล้วเสนอราคาออกมาตรงๆ “ห้าแสนห้าหมื่น!”
พอราคาสูงเช่นนี้ถูกเสนอออกไป ผู้คนในถ้ำก็เงียบไปทันที ไม่มีคนเสนอราคาไปชั่วขณะหนึ่ง
เพราะงานประมูลภายนอก อาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดหนึ่งชิ้น มีราคาหนึ่งล้านกว่าๆ เท่านั้น และอาวุธจิตวิญญาณระดับกลาง ต่อให้จะมีประสิทธิภาพอันน่าตื่นตะลึง ก็ยังราคาไม่ถึงขนาดนี้
ขณะเดียวกัน หญิงเผ่าเจ้าสมุทรที่มีแสงทรงกลดสีฟ้าห่อหุ้มร่างไว้ และเสนอราคาเป็นคนแรกก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“ช่างเถอะป้าอวี๋ หากช่วงชิงต่อไปอีกล่ะก็ มูลค่าของอาวุธจิตวิญญาณชิ้นนี้จะพุ่งสูงขึ้นไปอีก ไม่แน่อาจจะส่งผลกระทบต่อภารกิจของเราในครั้งนี้ก็ได้” หญิงสาวที่ใส่ผ้าคลุมปิดหน้าพูดเกลี้ยกล่อมเบาๆ
“เอาเถอะ! ครั้งนี้ให้เอาเรื่องสำคัญไว้ก่อน แม้ว่าผู้ที่เสนอราคาเมื่อครู่จะปกปิดตัวตนไว้ แต่ข้าจำกลิ่นไอของพวกเขาได้แล้ว รอจัดการเรื่องให้เรียบร้อยก่อน ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสได้ของชิ้นนี้มา” หญิงเผ่าเจ้าสมุทรจ้องมองคนสวมหมวกคลุมสีเหลืองทั้งสามคนที่อยู่ไกลๆ และส่งเสียงมาอย่างเยือกเย็น
ครั้งนี้หญิงสาวที่ใส่ผ้าคลุมปิดหน้ากลับพยักหน้าโดยไม่กล่าวอะไรออกมา
ส่วนลี่คุนที่อยู่ด้านข้างก็มีสีหน้าไร้ความรู้สึก ไม่ได้แสดงความเห็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่ขณะนั้นเอง ก็มีเสียงเสนอราคาอย่างราบเรียบดังขึ้นมา ทำให้คนอื่นๆ จ้องมองด้วยความตกตะลึง
“ห้าแสนห้าหมื่นหินจิตวิญญาณ”
ผู้เสนอราคาย่อมเป็นหลิ่วหมิงที่เดิมทีนั่งหลับตาพักผ่อนอยู่
ตอนนี้เขาลืมตาทั้งสองขึ้น น้ำเสียงแหบเล็กน้อย แตกต่างจากน้ำเสียงที่ดังกังวานของเขา
พอคนสวมหมวกคลุมสีเหลืองทั้งสามได้ยินราคาที่หลิ่วหมิงเสนอขึ้นมา ย่อมรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก ทั้งสามสบตากันทีหนึ่ง จากนั้นคนรูปร่างสูงใหญ่ที่อยู่ตรงกลาง ก็เสนอราคาออกมาด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น “หกแสน!”
“หกแสนห้าหมื่นหินจิตวิญญาณ!”
หลิ่วหมิงเสนอราคาเพิ่มมาอีกห้าหมื่นอย่างไม่ลังเล
ราคาสูงเช่นนี้ แม้ว่าทั้งสามก็พอมีฐานะอยู่บ้าง แต่ก็ต้องมองหน้ากันอย่างอดไม่ได้
“ดี! ดีมาก! ดูท่าสหายผู้นี้จะต้องเอาโซ่ตรวนสะกดวิญญาณชิ้นนี้ไปให้ได้ เอาเถอะ! ถ้าอย่างนั้นก็ยกให้สหายก็แล้วกัน หวังว่าท่านคงจะเก็บดูแลรักษาของชิ้นนี้ให้ดี” คนสวมหมวกคลุมสีเหลืองที่อยู่ตรงกลางพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นสองสามประโยค ในที่สุดก็ยอมถอนตัวจากการประมูล
แต่คำพูดของเขาแฝงการข่มขู่เอาไว้อย่างไม่ต้องสงสัย
หลิ่วหมิงไม่ได้ใส่ใจต่อสิ่งนี้
และราคาที่สูงเช่นนี้ ทำให้เหยียนเจวี๋ยที่อยู่บนแท่นหินยิ้มหน้าบานออกมา และประกาศผลการประมูลในทันที
หลิ่วหมิงเพียงแค่รอให้การประมูลทั้งหมดสิ้นสุดลง จากนั้นนำหินจิตวิญญาณกับวัสดุไปหาเหยียนเจวี๋ย ก็จะได้อาวุธจิตวิญญาณชิ้นนี้มาไว้ในมือแล้ว
“คาดว่าสหายทุกท่านคงรอคอยเวลานี้มานานแล้ว ลำดับถัดไปเป็นรายการรั้งท้ายของการประมูล และก็เป็นความภาคภูมิใจของข้าในหลายปีมานี้ ข้าทุ่มกำลังมาหลายปีในการหลอมอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดชิ้นนี้ ‘โล่คลื่นทะเล’ แฝงด้วยสามสิบเอ็ดชั้นจำกัด”
พอคำพูดนี้หลุดออกไป บรรยากาศภายในถ้ำก็ตกอยู่ในความเงียบสงบ
สายตาของผู้คนทั้งหมดจ้องมองเหยียนเจวี๋ยที่อยู่บนแท่นสูงด้วยสีหน้าตกใจ
เหยียนเจวี๋ยเห็นเช่นนี้ ก็ไม่รีบหยิบของประมูลออกมา แต่กลับกวาดสายตามองผู้คนที่อยู่ด้านล่าง และยิ้มแปลกๆ ออกมา
ครู่ต่อมา เขาถึงคว้ามือข้างหนึ่งไปทางอากาศ จากนั้นตลับหยกสีเขียวก็ปรากฏขึ้นในมือ
เหยียนเจวี๋ยโยนตลับหยกไปด้านหน้า พอเขาสะบัดแขนข้างหนึ่งออกไป ฝาของมันก็เปิดออกอย่างไร้สุ้มเสียง เขาหยิบแผ่นกลมๆ แบนๆ ออกมาอย่างระมัดระวังและยื่นให้ทุกคนดู
โล่เล็กที่เปล่งแสงสีทองจ้าปรากฏต่อสายตาผู้เข้าร่วมการประมูล
……………………………………