แต่เมื่ออสูรยักษ์ประหลาดปรากฏตัวออกมา มันก็พุ่งเข้าหาลี่คุน และอากาศที่มันพุ่งผ่าน ก็ก่อตัวเป็นระลอกคลื่นสีดำ
ลี่คุนเห็นเช่นนี้รูม่านตาก็ค่อยๆ หดลง กระบองโปร่งแสงสีดำในมือถูกโยนขึ้นมา จากนั้นก็ทำท่ามือด้วยมือเดียว และเริ่มร่ายราคา
กระบองโปร่งแสงสีดำขยายตัวตามแรงลมจนมีขนาดยาวห้าสิบกว่าจั้ง ขณะเดียวกัน แสงสีเงินอันเจิดจ้าก็เปล่งประกายออกมาและพุ่งขึ้นด้านบน พริบตาเดียวก็ปกคลุมพื้นที่บริเวณนั้นไว้
“ไป!”
ภายใต้เสียงตะคอกอันดัง ลี่คุนชี้มือขวาออกไป กระบองกลายเป็นเงาสูงค้ำฟ้าในทันที และทุบใส่อสูรยักษ์หน้าตาอัปลักษณ์อย่างรุนแรง
อสูรประหลาดหัวมัจฉาร่างวิหคคำรามเสียงออกมา พอมันแหงนหน้าขึ้น ก็อ้าปากพ่นลูกแสงสีดำขนาดใหญ่ปะทะใส่กระบองยักษ์อย่างโหดเหี้ยม
บังเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว “ตู๊ม!”
ท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงสีดำกับเงากระบอง คลื่นสั่นสะเทือนอันน่ากลัวพุ่งออกจากจุดที่ปะทะกัน ก่อให้เกิดเสียงแหลมดังม้วนตัวไปทั่วทิศ
ท่ามกลางคลื่นที่สั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ม่านแสงที่ปกป้องคนเผ่าเจ้าสมุทร สั่นไหวอย่างรุนแรง พริบตาเดียวแสงสีฟ้าก็มืดสลัวลง
ฮูหยินหลานเห็นเช่นนี้ ก็กัดฟันพ่นโลหิตบริสุทธิ์ใส่เปลือกหอยที่เป็นอาวุธจิตวิญญาณ จากนั้นก็ทำท่ามืออีกรอบ ม่านแสงจึงมั่นคงขึ้นมา
ลูกแสงกลางอากาศกับเงากระบองสีเงินสกัดกั้นกันไว้ ระลอกคลื่นที่แผ่กระจายออกมาไม่หยุด ก็ถูกปลดปล่อยมาจากอสูรยักษ์และเงากระบอง ทั้งสองปะทะกันอย่างดุเดือด อานุภาพดูน่ากลัวมาก
และขณะนั้นเอง ชิงฉินกับลี่คุนต่างก็ทำท่ามือเพื่อเติมพลังเวทย์ให้กับอสูรยักษ์และลำแสงกระบอง ทั้งสองต่างก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้แก่กัน
แต่ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว ดูเหมือนว่าอสูรยักษ์สีดำจะเหนือกว่าลำแสงกระบองชั้นหนึ่ง มีอำนาจยับยั้งฝ่ายตรงข้ามได้
ฉากนี้ทำให้สีหน้าของฮูหยินหลานเปลี่ยนไปมา
หากลี่คุนพ่ายแพ้เพียงเล็กน้อย พวกเขาไม่เพียงแต่จะรักษาโล่คลื่นทะเลไว้ไม่ได้ แต่ทุกคนอาจจะเสียชีวิตในเงื้อมมือของชิงฉิน
ขณะนั้นเอง ลำแสงสีแดงลำหนึ่งพุ่งมาจากโพรงไม้ที่อยู่ด้านหลังลี่คุน ลำแสงนี้พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว หลังจากกระพริบไม่กี่ที ก็มาถึงด้านหลังของลี่คุน
พอมีเสียงดังออกมา ลำแสงก็แยกออกเป็นแปดลำ และพุ่งยิงไปยังจุดสำคัญของลี่คุน
ฮูหยินหลานและคนอื่นๆ เห็นเช่นนี้กลับไม่แสดงท่าทีใดๆ ออกมาในชั่วขณะหนึ่ง
แม้ลี่คุนจะสังเกตเห็น แต่ติดอยู่ที่ถูกชิงฉินก่อกวนอยู่ จึงไม่อาจปลีกตัวได้ ทำได้แต่สะบัดแขนเสื้อ จากนั้นแสงสีเงินก็ม้วนตัวออกไป และก่อตัวเป็นม่านสีเงินบางๆ
แต่เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ม่านแสงสีเงินจางๆ ที่ใช้ป้องกันแสงสีแดงอันแปลกประหลาดนี้ เปราะบางยิ่งนัก
“เพล้งๆ!” บังเกิดรอยร้าวออกมาโดยฉับพลัน
ลี่คุนโยนกระบองในมือออกไป โลหิตพุ่งออกจากร่าง และซวนเซถอยออกไป
ขณะนั้นเอง อสูรประหลาดหัวมัจฉาร่างวิหค พลันกระพือปีกทั้งสองขึ้น ร่างขนาดใหญ่หายวับไปอย่างรวดเร็ว
ครู่ต่อมา มีเสียงดัง “เพล้ง!” อสูรยักษ์กลายเป็นเงาสีดำโจมตีร่างลี่คุนจนกระเด็นไปในพงหญ้าที่อยู่ไกลสามสิบกว่าจั้ง
ภายใต้เสียงร้องอย่างเวทนา ลี่คุนกระอักเลือดออกมา กลิ่นไอก็ลดลงจนถึงระดับต่ำสุด
ขณะนี้ ฮูหยินหลานที่อยู่ด้านข้าง และบรรดาเผ่าเจ้าสมุทร ถึงเห็นลำแสงสีแดงที่พุ่งเข้ามาได้อย่างชัดเจน พอมีเงาร่างคนเคลื่อนไหวในโพรงไม้ หญิงกระโปรงแดงก็ปรากฏออกมาโดยไร้สุ้มเสียง นางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ด้วยความพอใจ
นางคือ ‘ชื่อลี่’ คนของราชาปีศาจสมุทรที่ออกเดินทางมากับชิงฉิน
เพียงแต่ไม่รู้ว่านางใช้วิธีการอะไร ถึงรอดพ้นสายตาของลี่คุนและเผ่าเจ้าสมุทรไปได้ นางซ่อนตัวอยู่ที่นี่ แต่กลับไม่มีใครค้นพบเลย ด้วยเหตุนี้จึงทำการโจมตีได้สำเร็จ
“ผู้อาวุโสลี่!”
ฮูหยินหลานตะโกนออกมา นางกระโดดสองสามทีก็มาถึงตัวลี่คุน และประคองเขาขึ้นมา
ขณะนี้ ลี่คุนมีสีหน้าซีดขาวจนถึงขีดสุด ท่าทีอ่อนแรง ราวกับว่าแก่ลงไปสิบกว่าปี
“ฮ่าๆ! ลี่คุน มอบโล่คลื่นทะเลให้ข้าซะดีๆ ข้าจะส่งพวกเจ้าไปแบบสบายๆ” พอเห็นว่าชื่อลี่โจมตีสำเร็จ และลี่คุนได้รับบาดเจ็บสาหัส ชิงฉินย่อมดีใจเป็นอย่างมาก ร่างอสูรยักษ์ค่อยๆ พร่ามัวจนกลับคืนร่างเดิม และหัวเราะออกมาทันที จากนั้นก็ค่อยๆ เดินไปทางลี่คุนและป้าอวี๋
หญิงกระโปรงแดงหัวเราะออกมา จากนั้นก็เข้าไปประชิดหญิงเผ่าเจ้าสมุทร
พอเห็นเช่นนี้ ป้าอวี๋ก็รู้สึกตกใจมาก แต่ก็รีบกัดฟันในทันที และหยิบยันต์สีทองออกมาผืนหนึ่ง
“ไป!”
ภายใต้เสียงตะคอก ตามด้วยโลหิตบริสุทธิ์ที่พ่นออกมาเป็นจำนวนมาก ยันต์สีทองถูกหญิงผู้นี้ขยี้จนระเบิด ทันใดนั้น อักขระสีทองก็หมุนวนอยู่ข้างกายชิงฉินกับชื่อลี่ พริบตาเดียวก็ก่อตัวเป็นค่ายกลอักขระเปล่งประกายสีทอง
พอค่ายกลนี้ปรากฏออกมา ชิงฉินกับชื่อลี่ก็ถูกโอบล้อมอยู่ในนั้น
“พวกเรา…ไป!”
แม้ว่าชิงฉินกับชื่อลี่จะถูกล้อมไว้ แต่ลี่คุนรู้ดีว่า นี่เป็นเป็นแค่แผนชั่วคราวเท่านั้น ไม่นานทั้งสองก็จะทำลายค่ายกลนี้ได้ ด้วยเหตุนี้ลี่คุนจึงพยายามทำท่ามือขึ้นมา
“ฟู่!” ฟู่!” แสงสีเงินบนตัวลี่คุนเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง สุดท้ายก็กลายเป็นกลุ่มแสงสีเงินก่อนพุ่งยิงออก มันม้วนตัวแค่ทีเดียว ก็ปกคลุมเผ่าเจ้าสมุทรคนอื่นไว้ๆ
พอลี่คุนทำท่ามืออีกครั้ง กลุ่มแสงสีเงินก็พุ่งขึ้นฟ้า และพุ่งไปทางหุบเขาเหล็กอัคคี
……
ในขณะที่ลี่คุนและคนอื่นๆ หนีกลับไปหุบเขาเหล็กอัคคีได้ไม่นาน ก็มีเสียงดังขึ้นมา “เพล้ง!”
ขณะนี้ ค่ายกลแสงสีทองสลายตัวเป็นจุดแสงสีทองในทันที จากนั้นร่างของชิงฉินกับชื่อลี่ ก็ออกมาจากม่านแสงสีทอง
“ฮึ! พวกเราตามไป! ตอนนี้ลี่คุนได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขาจะต้องหดหัวอยู่ในหุบเขาเหล็กอัคคี” ชิงฉินกล่าว แสงสีดำบนตัวเขาเปล่งประกายออกมา จากนั้นก็กลายเป็นสายรุ้งสีดำหายวับไปจากที่เดิม
ชื่อลี่ทำท่ามือด้วยมือเดียว และกลายเป็นแสงหลบหลีกสีแดง ตามติดชิงฉินไป
ไม่นาน ชิงฉินกับชื่อลี่ก็มาปรากฏตัวท่ามกลางหุบขา ในมือของชิงฉินประคองแผ่นเข็มทิศอยู่ เขาเดินไปตามทางที่เข็มทิศชี้อย่างรวดเร็ว
ชั่วเวลาหนึ่งเค่อผ่านไป พวกเขาก็หยุดฝีเท้าตรงหน้าบ้านที่ดูไม่เตะตาหลังหนึ่ง
“ลี่คุน! คอยดูสิว่าเจ้าจะหลบพ้นเงื้อมมือของข้าได้อย่างไร” ชิงฉินหัวเราะออกมา ขณะที่กำลังจะพังประตูเข้าไปนั้น กลับมีเงาดำสามเงาพร่ามัวมาปรากฏตัวตรงหน้าชิงฉิน และขวางทางเขาไว้
แต่ละคนต่างก็สวมหน้ากากที่มีใบหน้าเยือกเย็น พวกเขาก็คือผู้แข็งแกร่งระดับผลึกของวังเพลิงดำที่ปรากฏตัวในงานประมูลนั่นเอง!
“สหายชิงฉิน ผู้ที่มาถึงหุบเขาเหล็กอัคคี ล้วนเป็นแขกคนสำคัญของวังเพลิงดำเรา หวังว่าสหายจะเห็นแก่หน้าของวังเพลิงดำ อย่าได้ลงมือในหุบเขา” หนึ่งในผู้แข็งแกร่งของวังเพลิงดำค่อยๆ คารวะแล้วกล่าวออกมา
“ข้าย่อมเห็นแก่หน้าของวังเพลิงดำอย่างแน่นอน เพียงแต่หากข้าทำภารกิจไม่สำเร็จ กลับไปก็ไม่รู้จะอธิบายกับราชาปีศาจสมุทรอย่างไรดี”
ชิงฉินกล่าวออกมา เขาจงใจเน้นคำว่า ‘ราชาปีศาจสมุทร’
เพราะราชาปีศาจสมุทร นับว่าเป็นผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ คิดว่าวังเพลิงดำก็คงจะหวาดกลัวอยู่บ้าง
พอได้ยินคำว่า ‘ราชาปีศาจสมุทร’ ผู้แข็งแกร่งระดับผลึกของวังเพลิงดำก็เงียบขึ้นมาทันที จากนั้นก็สบตากันอยู่ครู่หนึ่งแล้วถึงกล่าวกับชิงฉิน
“เอาอย่างนี้เถอะ! พวกเราต่างก็ถอยคนละก้าว พวกเราวังเพลิงดำปกป้องพวกเขาเดือนหนึ่ง หลังพ้นหนึ่งเดือนไปแล้ว เป็นตายอย่างไรก็แล้วแต่โชคชะตา ไม่ว่าสถานการณ์ของพวกเขากับพวกเจ้าจะเป็นอย่างไร วังเพลิงดำเราก็จะไม่ก้าวก่าย เช่นนี้สหายคงพอใจแล้วสินะ” ผู้แข็งแกร่งระดับผลึกของวังเพลิงดำผู้หนึ่งกล่าวออกมา
ชิงฉินได้ยินก็อึ้งเล็กน้อย แต่หลังจากมองดูผู้แข็งแกร่งทั้งสามแล้ว ก็ค่อยๆ กล่าวด้วยตาที่เป็นประกาย “ได้! เห็นแก่หน้าของวังเพลิงดำ ถ้าอย่างนั้นก็ทำตามที่สหายบอกเถิด”
แม้หญิงกระโปรงแดงจะคิ้วขมวดเมื่อได้ยินเช่นนี้ แต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา
ในขณะนั้น ชิงฉินก็ไม่อยากอยู่ที่นี่นาน พอหันตัวกลับไป ก็หายตัวไปในมุมถนนที่อยู่ไม่ไกล
……
ห้องข้างห้องโถงใหญ่บางแห่งในหุบเขาเหล็กอัคคี ลี่คุนนอนหมดสติอยู่บนเตียง สีหน้าเขาดูแห้งเหี่ยวมาก ส่วนฮูหยินหลานก็เป็นเพราะกระตุ้นค่ายกลอักขระแสงสีทองจนพลังจิตแบกรับไม่ไหว จึงหมดสติไปเช่นเดียวกัน
“คุณหนูเจียหลาน ตอนนี้ฮูหยินหลานกับผู้อาวุโสลี่ต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส หากคนของราชาปีศาจสมุทรตามมาสังหารอีกล่ะก็ พวกเราควรจะทำอย่างไรดี?” ชายเผ่าเจ้าสมุทรจ้องมองลี่คุณกับฮูหยินหลานแล้วกล่าวด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปมา
“ตอนนี้ไม่ต้องกังวล ในระยะเวลาสั้นๆ นี้ ชิงฉินคงหาสถานที่แห่งนี้ไม่พบ อีกอย่าง หุบเขาเหล็กอัคคีก็เป็นอาณาเขตของวังเพลิงดำ ต่อให้พวกเขาจะมาถึงที่นี่ ก็ไม่ถึงกับกำเริบเสิบสานจนเกินไป คิดว่าช่วงนี้พวกเราจะยังปลอดภัยอยู่ สิ่งเดียวที่สามารถทำได้ในตอนนี้ก็คือ เรียกกำลังสนับสนุนมาให้เร็วที่สุด”
เจียหลานค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้นมา ในใจก็รู้สึกเป็นกังวลมาก แต่ยังแสดงสีหน้าสงบออกมา
พอกล่าวจบนางก็พลิกฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้น แผ่นค่ายกลสีฟ้าปรากฏขึ้นในมือ พอนางทำท่ามือและร่ายคาถา อักขระเล็กๆ แถวหนึ่งก็หายวับไปในแผ่นค่ายกล
พอเห็นหญิงสาวมีท่าทีสงบ สามารถจัดการเรื่องต่างๆ ได้ดี คนเผ่าเจ้าสมุทรที่เหลือก็รู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง แต่พอคิดถึงสถานการณ์ในอนาคต ก็รู้สึกปวดหัวอย่างช่วยไม่ได้
……………………………………