อีกด้านหนึ่ง เซียนเซิ่งจีก็ต่อสู้มาจนถึงช่วงเวลาสำคัญ
ชื่อลี่ต่อสู้กับเซียนเซิ่งจีได้ไม่นาน ก็ค้นพบว่ากู่ฉินหยกขาวที่เซียนเซิ่งจีถือนั้น เป็นอาวุธจิตวิญญาณชุดเดียวกับอาวุธจิตวิญญาณของทั้งสี่คนที่อยู่ด้านหลังของนาง ซึ่งพบเจอได้น้อยมาก
อย่างที่รู้ว่าอาวุธจิตวิญญาณที่สร้างเป็นชุดนั้น วัสดุที่ใช้ไม่เพียงแต่จะพบเจอได้น้อยมาก แม้แต่ชั้นจำกัดบนอาวุธจิตวิญญาณแต่ละชิ้นก็ต้องเหมือนกัน และแต่ละชั้นจำกัดต้องตอบสนองกันด้วย เช่นนี้แล้วเวลากระตุ้นถึงจะแสดงอานุภาพอันน่าหวาดกลัว ที่อาวุธจิตวิญญาณธรรมดาไม่อาจทำได้
นี่ไม่เพียงแต่ส่งผลให้เงื่อนไขของการหลอมอาวุธสูงขึ้น ผู้ฝึกฝนโดยทั่วไปไม่มีกำลังทรัพย์และวัตถุในการทำเช่นนี้ได้
ด้วยเหตุนี้ อาวุธจิตวิญญาณชุดนี้ จึงไม่ได้สร้างโดยผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธทั่วไป
นี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่อาวุธจิตวิญญาณครบชุด พบเจอในโลกภายนอกน้อยมาก แม้จะปรากฏออกมาเป็นครั้งคราว แต่ก็พบเจอได้บ่อยกว่าอาวุธคู่ประเภทดาบบินและกระบิน
จำนวนชิ้นของอาวุธจิตวิญญาณครบชุด ยิ่งมีมากก็ยิ่งดี และพลังจิตของผู้ฝึกฝนก็ต้องสูงขึ้นตามไปด้วย แต่กลับสามารถยกระดับอานุภาพได้อย่างรวดเร็ว
เซียนเซิ่งจีเป็นผู้ฝึกฝนระดับของเหลว นางนำอาวุธจิตวิญญาณครบชุดออกมาได้ นับว่าเหนือความคาดหมายมากแล้ว แต่ชุดอาวุธจิตวิญญาณทั้งห้าชิ้นที่มีพลังน่าตกใจ เหนือความคาดหมายกว่ามาก
แต่ทว่าสำหรับผู้ฝึกฝนระดับของเหลวแล้ว สามารถกระตุ้นอาวุธจิตวิญญาณได้พร้อมกันสองชิ้น มันไม่ใช่เรื่องง่าย อาวุธจิตวิญญาณห้าชิ้นยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย
แต่เซียนเซิ่งจีกลับมีความคิดประหลาดจัดวางค่ายกลเช่นนี้ขึ้น เพื่อให้ผู้ฝึกฝนระดับเดียวกันสี่คน กระตุ้นอาวุธจิตวิญญาณคนละหนึ่งชิ้น
ภายใต้พลังเสริมจากค่ายกล นางใช้อาวุธจิตวิญญาณรวมพลังเวทย์ของแต่ละคนเข้าด้วยกัน เพื่อยกระดับการฝึกฝนนางจนถึงระดับผลึกขั้นต้น
“ดูท่าข้าจะดูเบาผู้น้อยระดับของเหลวอย่างเจ้าไปหน่อย” ชื่อลี่ทำท่ามือด้วยมือเดียว และพูดพึมพำออกมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ทันใดนั้นนางก็สะบัดแขนเสื้อออกไป
ลูกแสงสีแดงแปดลูกปรากฏตรงหน้า จากนั้นก็พุ่งยิงไปยังผู้ฝึกฝนระดับของเหลวของเผ่าเจ้าสมุทรทั้งสี่คน
เพียงแค่สังหารทั้งสี่ได้ เซียนเซิ่งจีก็ไม่มีที่ยืมพลังแล้ว
เซียนเซิ่งจีเห็นสถาณการณ์เช่นนี้ ก็เปลี่ยนท่ามืออย่างงรวดเร็ว กู่ฉินหยกขาวตรงหน้าเปล่งแสงออกมา ไหมสีขาวจางๆ พุ่งยิงออกไปทั่วทิศ และก่อตัวเป็นม่านกึ่งโปร่งแสงลอยอยู่เหนือศีรษะของพวกเขาทั้งห้า
มองดูไกลๆ จะเห็นว่าตำแหน่งที่พวกเขาทั้งห้ายืนอยู่ล้วนถูกแสงสีขาวแผ่คลุมอยู่ ราวกับว่าถูกชามยักษ์ครอบไว้
“เพล้งๆ!” แสงสีแดงแปดลำโจมตีลงบนม่านแสงอย่างรุนแรง
ม่านแสงเพียงแค่สั่นสะเทือนเล็กน้อย และสามารถต้านทานไว้ได้
พอชื่อลี่เห็นฉากนี้ ก็หน้าเปลี่ยนสีโดยไม่รู้ตัว นางสะบัดข้อมือ จากนั้นติ่งทรงสี่เหลี่ยมที่มีอักขระสีแดงประทับอยู่ ก็ปรากฏในมือของนาง
นางโยนติ่งสี่เหลี่ยมออกไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง นิ้วทั้งสิบดีดออกไปติดต่อกัน เคล็ดวิชาสิบกว่าสายพุ่งยิงเข้าไปในติ่งสี่เหลี่ยม
“ฟู่!”
ติ่งสี่เหลี่ยมสั่นไหวอย่างรุนแรง จากนั้นขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว ไม่กี่อึดใจก็สูงขึ้นยี่สิบถึงสามสิบจั้ง อักขระที่สลักอยู่เปล่งแสงสีแดงออกมา และมีกลิ่นคาวเลือดโชยออกมาจากในนั้น จนปกคลุมอากาศกว่าครึ่งหนึ่งไว้
ชื่อลี่แตะเท้าลงพื้น และกระโดดขึ้นมาพร้อมกับชี้ไปทางติ่งรูปสี่เหลี่ยม
“เพล้ง!” ติ่งสี่เหลี่ยมพุ่งขึ้นฟ้า หลังจากหมุนวนไปหนึ่งรอบ ก็พุ่งยิงมาทางเซียนเซิ่งจีและเผ่าเจ้าสมุทร
กล่าวได้ว่าติ่งสี่เหลี่ยมนี้มีพลังน่าตกใจมาก พื้นที่บริเวณที่มันเคลื่อนตัวผ่านมีเสียงดังออกมา และอากาศตรงด้านล่างของมันก็บิดเบี้ยวและพร่ามัว
เซียนเซิ่งจีย่อมรับรู้ได้ถึงพลังทำลายล้างของติ่งสี่เหลี่ยมนี้ สีหน้านางเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก นางอ้าปากพ่นขนวิหคที่เปล่งแสงหลากสีออกมา และทำท่ามือกระตุ้นก่อนชี้นิ้วไปที่ขนวิหค
ขนวิหคสั่นไหวอยู่กลางอากาศ และกวาดไปทางเซียนเซิ่งจี
แสงเจ็ดสีม้วนตัวขึ้นไปปะทะกับติ่งสี่เหลี่ยมอย่างรุนแรง
บังเกิดเสียงดังลั่นไปทั่วฟ้าและปฐพี ขนวิหคพุ่งใส่ม่านแสงที่อยู่ด้านล่าง
หลังจากแสงสีแดงเปล่งประกายออกมา ติ่งสี่เหลี่ยมก็พุ่งขึ้นสูงหลายจั้ง
ขณะนั้นเอง ผู้ฝึกฝนเผ่าเจ้าสมุทรทั้งสี่ ก็เริ่มเดินวนรอบตัวนางด้วยจังหวะก้าวที่พร้อมกัน
หลังจากเงาร่างทั้งสี่พร่ามัวขึ้นมา ฝีเท้าก็ชะงักลงทันที และเปลี่ยนเป็นค่ายกลอีกรูปแบบหนึ่ง
เซียนเซิ่งจีเริ่มดีดนิ้วทั้งสิบติดต่อกันอย่างรวดเร็ว เสียงเพลงบางครั้งก็แผ่วโผยบางครั้งก็กระชั้นชิดสลับกันไปมา ราวกับสายน้ำตกที่ไหลอย่างรวดเร็ว เผ่าเจ้าสมุทรทั้งสี่ก็เปลี่ยนท่ามือไปมา อักขระหลากสีพุ่งออกจากมือ และค่อยๆ จมลงไปในอาวุธจิตวิญญาณที่อยู่ด้านหน้า
หากมองดูอย่างละเอียด ก็จะเห็นว่าบนร่างของพวกเขาต่างก็มีเส้นแวววาวเล็กๆ เชื่อมต่อกับเซียนเซิ่งจีหนึ่งเส้น
และพลังเวทย์ก็ไหลผ่านเส้นทั้งสี่ไปยังร่างของนาง
เดิมทีเป็นเพราะการปะทะกับชื่อลี่หลายครั้ง ทำให้สูญเสียพลังเวทย์ไปมาก แต่พริบตาเดียวก็เพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว นางหลับตาทั้งคู่ลงในขณะที่ชื่อลี่กำลังรู้สึกประหลาดใจอยู่ นิ้วมือทั้งสิบดีดกู่ฉินอย่างรวดเร็ว
ขนวิหคเจ็ดสีเปล่งประกายตามจังหวะของเสียงบรรเลง
สำหรับผู้แข็งแกร่งระดับผลึกอย่างชื่อลี่แล้ว สถาณการณ์เช่นนี้ยั่วยุให้เกิดการปะทะกันอย่างไม่ต้องสงสัย
สีหน้าของนางเคร่งขรึมลง แสงสีแดงเปล่งประกายออกมา จากนั้น ร่างของนางก็ไปปรากฏอยู่บนติ่งสี่เหลี่ยมอย่างน่าประหลาดใจ
ชื่อลี่เพียงแค่แตะเท้าข้างหนึ่งเบาๆ ติ่งสี่เหลี่ยมก็ส่งเสียงดัง “ตู๊ม!” ทันใดนั้นก็ร่วงลงไป พื้นที่ที่มันเคลื่อนตัวผ่านมีอักขระสีแดงพวยพุ่งเป็นจำนวนมาก พลังของมันน่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง
ขณะนั้นเอง เซียนเซิ่งจีก็ลืมตาทั้งคู่ขึ้นมา ภายในดวงตาอันงดงาม มีเงาร่างขนวิหคเจ็ดสีปรากฏออกมา
ทันใดนั้น แสงหลากสีบนขนวิหคที่ลอยอยู่กลางอากาศก็สว่างขึ้นมา หลังจากหมุนวนเหนือศีรษะของเซียนเซิ่งจีหนึ่งรอบแล้ว ก็พุ่งไปยังติ่งสี่เหลี่ยมที่กำลังร่วงลงมา
ขนวิหคเคลื่อนไหวอย่างอ่อนช้อย เหมือนกับว่าบริเวณที่มันเคลื่อนตัวผ่าน จะมีสายรุ้งเจ็ดสีพุ่งขึ้นฟ้า
“ฟู่!” ขนวิหคปะทะกับติ่งสี่เหลี่ยม มันไม่ได้ส่งเสียงดังแสบแก้วหูอย่างที่คิดไว้ เพียงแค่มีเสียงอู้อี้เบาๆ เท่านั้น
ที่น่าแปลกใจก็คือ พอแสงทรงกลดเจ็ดสี ปรากฏบนขนวิหคที่ดูนุ่มละเอียด มันก็ค้ำยันติ่งสี่เหลี่ยมที่กำลังร่วงลงมาไว้ได้อย่างรวดเร็ว
ลำแสงหลากสีตรงด้านล่างของติ่งสี่เหลี่ยมทอสลับกันไปมาชั่วขณะหนึ่ง
พอมีเสียงแสบแก้วหูดังออกมา อากาศบริเวณนั้นก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง คลื่นสั่นสะเทือนไร้รูปแผ่ขยายออกไป
พอชื่อลี่เห็นฉากนี้ ก็แสดงสีหน้าเหลือเชื่อออกมา นางกระโดดขึ้นมาเบาๆ พอร่างของนางพร่ามัว นางก็กลับหัวลง มือทั้งสองตบลงบนติ่งสี่เหลี่ยมหลายครั้ง “ฟู่ๆ!”
ทุกฝ่ามือที่ฟาดลงไป จะทำให้มีคลื่นอากาศสีแดงม้วนตัวออกจากบนติ่ง
พอฟาดฝ่ามือลงบนติ่งสี่เหลี่ยมหลายครั้ง ติ่งสี่เหลี่ยมที่ดูเงียบๆ ก็ค่อยๆ กดลงด้านล่าง ท่ามกลางแสงสีแดงที่สว่างออกมา
ขนวิหคเจ็ดสีบิดเบี้ยวขึ้นมาทันที ลำแสงของมันก็ค่อยๆ เปล่งประกายอย่างบ้าคลั่ง
สีหน้าเซียนเซิ่งจีค่อยๆ เปลี่ยนไป เงาขนวิหคปรากฏขึ้นในดวงตาอีกครั้ง ภายใต้การดีดกู่ฉินของนิ้วมือทั้งสิบ ทำให้มีลำแสงสีขาวพุ่งยิงออกไปติดต่อกัน และจมหายไปกลางอากาศ
หลังจากที่ขนวิหคเจ็ดสีพร่าวมัว ขนหยกอันที่สองก็ปรากฏออกมา
หนึ่งในนั้นค้ำยันอยู่ใต้ติ่งสี่เหลี่ยม อีกอันก็พุ่งยิงไปบนติ่ง
“ฟู่!” ขนวิหคเจ็ดสีพุ่งทะลุร่างของชื่อลี่!
แต่ทว่าเซียนเซิ่งจียังไม่ทันได้ยิ้มออกมา รูม่านตาของนางก็ค่อยๆ หดลง
ไม่รู้ว่าชื่อลี่ปรากฏตัวอยู่ห่างออกไปสิบกว่าจั้งตั้งแต่เมื่อไหร่ ร่างของชื่อลี่ที่ถูกขนวิหคแทงทะลุ เป็นแค่เงาร่างเท่านั้น
ชื่อลี่โบกมือข้างหนึ่ง หลังจากติ่งสี่เหลี่ยมหมุนวนติ้วๆ แล้ว มันก็พุ่งขึ้นฟ้าอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าภายใต้แรงกดของชื่อลี่ ติ่งสี่เหลี่ยมก็หล่นลงด้านล่างอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
เซียนเซิ่งจีเห็นเช่นนี้ ก็ดีดนิ้วทั้งสิบลงบนกู่ฉินอย่างบ้าคลั่ง ขนวิหคเจ็ดสีเหนือศีรษะพร่ามัวกลายเป็นสามอัน พอลำแสงสีขาวสามลำพุ่งออกจากกู่ฉิน ก็จมลงไปในขนวิหคทั้งสามภายในพริบตา ทำให้แสงเจ็ดสีสว่างขึ้นมามาก
“ฟู่!” “ฟู่!” “ฟู่!”
ขนวิหคทั้งสามขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็มีขนาดยาวสิบกว่าจั้ง มันเปล่งแสงแวววาวออกมา และประสานกันกลางอากาศ
“ฟู่!”
พริบตาที่ขนวิหคประสานกัน มันก็ปะทะกับติ่งสี่เหลี่ยมพอดี ภายใต้การม้วนและหดตัว ติ่งสี่เหลี่ยมก็ถูกห่อหุ้มไว้ในนั้น
เซียนเซิ่งจีพลิกฝ่ามือด้วยความดีใจ กระบี่ยาวแวววาวที่มีขนาดเล็กเท่าฝ่ามือ ถูกนางโยนขึ้นไป หลังจากปล่อยวิชาใส่กระบี่ยาว มันก็ขยายตัวอย่างรวดเร็ว จนมีขนาดยาวสิบกว่าจั้ง
“ไป!”
ภายใต้การตะคอกเสียงของเซียนเซิ่งจี กระบี่ยักษ์พุ่งไปอยู่เหนือติ่งสี่เหลี่ยมอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็สั่นสะท้าน และฟันลงมาอย่างรุนแรง
ขณะที่กระบี่ยักษ์ฟันลงมา อากาศบริเวณนั้นก็มืดสลัวลงทันที เสียงแหลมคมราวกับคมมีดกรีดกระดาษดังออกมาอยู่ไม่หยุด
ขณะที่กระบี่ยักษ์กำลังจะฟันลงบนติ่งสี่เหลี่ยม ม่านแสงสีแดงบางๆ ก็ปรากฏออกมาหนึ่งชั้น อักขระแต่ละตัวหมุนเวียนอยู่บนนั้น ประจักษ์ชัดว่า มันเป็นชั้นจำกัดป้องกันที่มีอยู่ในติ่งตั้งแต่แรกแล้ว
แต่ขณะที่ชั้นจำกัดนี้เผชิญหน้ากับกระบี่ยักษ์ มันกลับดูบอบบางเป็นอย่างมาก พอถูกฟันเข้าไปหนึ่งที มันก็แตกกระจายออกมากลายเป็นจุดแสง และสลายไปในอากาศ
“เต๊ง!”
กระบี่ยักษ์ฟันลงบนติ่งสี่เหลี่ยมอย่างรุนแรง!
ขณะนั้นเอง หญิงกระโปรงแดงที่เพิ่งตั้งหลักได้ ก็เผยรอยยิ้มดุร้ายออกมา นิ้วทั้งสิบดีดไปที่กระบี่ยักษ์ ทันใดนั้น ลำแสงสีแดงพุ่งยิงออกไปราวกับสายฝนกระหน่ำ
หลังจากกระบี่ยักษ์ถูกลำแสงสีแดงโจมตี คลื่นความร้อนก็พวยพุ่งบนพื้นผิวของมัน ลำแสงมืดลงในทันที เกิดปรากฏการณ์ละลายขึ้นมา
เซียนเซิ่งจีเห็นเช่นนี้ ก็สูดหายใจด้วยความรู้สึกที่เย็นสะท้าน
……
ขณะที่บรรดาเผ่าเจ้าสมุทรกำลังต่อสู้กับชิงฉิน ชื่อลี่ และคนอื่นๆ นั้น กลับมีเงาร่างสีดำห้าเงาดักซุ่มอยู่ในสิ่งก่อหอที่สร้างตามภูเขา บรรยากาศดูเงียบสงบมาก
สถานที่แห่งนั้นก็คือ ที่พักของหลิ่วหมิงในหุบเขาเหล็กอัคคีนั่นเอง
……………………………………