ครึ่งชั่วยามต่อมา
นอกม่านแสงสีฟ้าที่อยู่ห่างจากโลกใต้สมุทรร้อยกว่าจั้ง และอยู่ภายใต้การควบคุมของราชาปีศาจสมุทร สถานที่แห่งนี้เป็นผืนทะเลสีครามที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุด
ในระหว่างคลื่นทะเลแต่ละลูก จะเห็นทหารเผ่าปีศาจจำนวนหนึ่งขี่ฉลามยักษ์สีดำลาดตระเวนไปมา
ทหารเหล่านี้สวมชุดหนังสีดำ สะพายดาบสั้นอยู่บนหลัง ในมือถือขวานสองคม
ขณะนี้ ในบรรดาทหารกลุ่มเล็กๆ บางกลุ่มที่อยู่บนผิวทะเล มีทหารเผ่าปีศาจที่ค่อนข้างหนุ่มสองคน กำลังลาดตระเวนไปมาตามเส้นทางที่กำหนด โดยมีชายฉกรรจ์ที่มีลวดลายสีดำบนใบหน้าเป็นหัวหน้า ขณะเดียวกันก็พูดคุยเกี่ยวกับฉากอันน่าตกใจที่พบเห็นในก่อนหน้า
“ครั้งนี้ราชาสมุทรเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา ช่างมีอานุภาพน่าตกใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ข้าเป็นทหารมาหลายปีก็เพิ่งเห็นเป็นครั้งแรก” ชายหนุ่มเผ่าปีศาจที่มีผิวสีฟ้ากล่าวด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“นั่นน่ะสิ! ราชาสมุทรยังคงเป็นผู้แข็งแกร่งระดับผลึกเพียงหนึ่งเดียวในเขตทะเลชังไห่ นับว่าเป็นราชาในมหาสมุทรที่แท้จริง ร่างของพระองค์เป็นมังกรผลึกสีคราม ว่ากันว่ายังสืบทอดสายเลือดส่วนหนึ่งของมังกรที่แท้จริงในสมัยบรรพกาลด้วย ไม่รู้ว่าสายรุ้งสีเงินแวววาวที่ปรากฏออกมาในก่อนหน้านั้นเป็นผู้ใดกัน ทำไมถึงทำให้พระองค์กริ้วถึงเพียงนี้” ทหารเผ่าปีศาจอีกคนกล่าวออกมาด้วยแววตาเคารพและเลื่อมใส
“ฮึ! พวกเจ้าจะรู้อะไร ก็เห็นๆ อยู่ว่าสายรุ้งแวววาวในก่อนหน้านั้นคือวิชาขี่กระบี่บินหลบหลีกขั้นสูง ตามที่ข้าทราบมา ใต้ทะเลลึกของพวกเราไม่มีผู้แข็งแกร่งระดับนี้ นางคงเป็นผู้ฝึกกระบี่ระดับผลึกเผ่ามนุษย์ที่เข้ามาที่นี่เมื่อครึ่งปีก่อน” ชายฉกรรจ์ที่เป็นหัวหน้าทำเสียงฮึดฮัดแล้วกล่าวออกมา
“อะไรนะ! นางไม่ใช่คู่รักฝึกฝนที่ราชาสมุทรได้เลือกไว้หรอกหรือ! ทำไมถึงหนีออกไปนอกพระราชวังล่ะ และทำให้ราชาสมุทรต้องไปตามด้วยพระองค์เอง?” ชายหนุ่มเผ่าปีศาจในก่อนหน้านั้นทำเสียงจุ๊ๆ! ด้วยความตกใจ
“มันแปลกจริงๆ……”
“ใคร?”
ขณะที่ชายหนุ่มเผ่าปีศาจอีกคนกำลังจะกล่าวอะไรออกมา สีหน้าชายฉกรรจ์เผ่าปีศาจก็ดูอึมครึมขึ้นมาทันที ง่ามยักษ์ในมือถูกสะบัดออกไปไกลๆ ขณะเดียวกันก็คำรามเสียงต่ำออกมา
ทหารเผ่าปีศาจสองคนยิ่งรู้สึกตกใจเข้าไปใหญ่ พวกเขารีบแหงนหน้ามองน้ำทะเลที่อยู่ไกลออกไป
น้ำทะเลที่อยู่ไกลออกไปราวๆ ร้อยจั้ง ไม่รู้ว่ามีจุดสีแดงปรากฏออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ พริบตาเดียวมันก็พุ่งยิงมาทางด้านนี้อย่างรวดเร็ว
“ผู้บัญชาการหลัว แย่……แย่แล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!” จุดแสงสีแดงเข้ามายังไม่ทันถึง แต่กลับมีเสียงตื่นตระหนกตกใจดังเข้ามาถึงก่อน
“อ้าว! ที่แท้ก็เป็นพี่เหยียนนั่นเอง เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเจ้าถึงได้ลนลานถึงเพียงนี้? ไม่ใช่ว่าเจ้าไปลาดตระเวนอยู่รอบนอกหรอกหรือ?” พอชายฉกรรจ์เผ่าปีศาจเห็นใบหน้าของคนที่มาอย่างชัดเจน เขาก็เก็บง่ามด้วยความประหลาดใจ
“แย่แล้ว! ห่างออกไปสองร้อยลี้มีกองทหารของเผ่าเจ้าสมุทรอยู่ พวกมันกำลังมุ่งมาทางนี้ อีกไม่นานก็จะมาถึงแล้ว!” พริบตาเดียวแสงสีแดงก็มาถึงตรงหน้า พอลำแสงดับลง ชายหนุ่มเผ่าปีศาจผมสีเขียวที่มีรูปร่างผอมแห้ง ก็พูดออกมาอย่างตื่นตระหนก
“อะไรนะ! มีเรื่องเช่นนี้ด้วย! ตอนนี้ราชาสมุทรเพิ่งออกจากวังไปพอดี ว่าแต่เผ่าเจ้าสมุทรมากันกี่คนกันแน่?” พอชายฉกรรจ์เผ่าปีศาจได้ยิน ก็กล่าวด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก
“เรื่องนี้ไม่อาจแยกแยะได้อย่างชัดเจน พูดได้แค่ว่ามีจำนวนมาก แม้แต่เผ่าเกล็ดทองที่เป็นเชื้อพระวงศ์ชังไห่ก็ปรากฏอยู่ในนั้นด้วย แม้แต่ชนเผ่าเจ้าสมุทรทั้งสิบก็มี” ชายหนุ่มผมเขียวรายงานอย่างลนลาน
“เผ่าเกล็ดทองกับชนเผ่าทั้งสิบต่างก็ปรากฏตัวแล้ว! ข้าจะรีบส่งสัญญาณเตือน ส่วนเจ้าก็เรียกพี่น้องคนอื่นๆ ให้เข้าไปในชั้นจำกัดใต้ทะเล ในเมื่อครั้งนี้เผ่าเจ้าสมุทรบุกมาถึงรัง มันคงไม่ใช่เรื่องที่พวกเราจะสามารถต้านทานได้” ชายฉกรรจ์เผ่าปีศาจสูดหายใจด้วยรู้สึกเย็นสะท้าน จากนั้นก็ออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด เขาหยิบหอยสังข์ขนาดเล็กออกมา และทำท่ามือปล่อยแสงสีขาวเข้าไปในหอยสังข์
ครู่ต่อมา ก็มีเสียงร้องแหลมดังมาจากหอยสังข์ จากนั้นก็จมดิ่งไปลงไปใต้ทะเลที่ลึกหลายพันจั้ง
ขณะเดียวกัน ทหารเผ่าปีศาจที่กระจายอยู่ในรัศมีร้อยกว่าลี้ ก็ค่อยๆ ขี่ฉลามมารวมตัวกัน จากนั้นก็พากันลงไปในโลกใต้สมุทรอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน โลกใต้สมุทรก็เกิดความวุ่นวายขึ้นมา ทหารเผ่าปีศาจแต่ละกองหลั่งไหลออกมาจากสิ่งก่อสร้างต่างๆ พริบตาเดียว ด้านบนของโลกใต้สมุทรที่เงียบสงบ ก็เต็มไปด้วยทหารเผ่าปีศาจจำนวนมาก แต่ละคนต่างก็มีท่าทีเตรียมพร้อม พอมองดูไกลๆ จะรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่ตึงเครียดเป็นอย่างมาก
ค่ายกลโผล่ออกมาตามมุมต่างๆ ของโลกใต้สมุทร ทำให้อากาศบริเวณนั้นเกิดการผันผวนขึ้นมา ภายใต้แสงสว่างที่เปล่งประกาย มีชั้นจำกัดสีต่างๆ โผล่ออกมานอกม่านแสงสีฟ้า มันส่องสะท้อนจนโลกใต้สมุทรกลายเป็นสีต่างๆ
ผ่านไปสักพัก แสงหลากสีที่มีกลิ่นไออันแข็งแกร่ง ก็กระพริบเข้าไปในห้องโถงที่ใช้ปรึกษางานต่างๆ ของพระราชวังใต้สมุทร
พวกเขาก็คือทหารหาญระดับผลึกของราชาปีศาจสมุทร หลังจากได้รับการแจ้งเตือนแล้ว ก็มารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว
และแน่นอนว่าทหารหาญเหล่านี้ เป็นกองกำลังในบังคับบัญชาเพียงส่วนหนึ่งของราชาปีศาจสมุทรเท่านั้น
ขณะนี้ผู้แข็งแกร่งของเผ่าปีศาจส่วนมาก ต่างก็ตั้งมั่นอยู่ตามฐานที่มั่นต่างๆ หรือไม่ก็ไปทำภารกิจอยู่ที่อื่น จึงไม่สามารถกลับมาได้ทัน
ข้างในห้องโถงมีแสงไฟส่องสว่าง!
ชิงฉินที่สวมชุดชุดคลุมสีดำมีสีหน้าอึมครึมมาก เขากำลังฟังชายฉกรรจ์เผ่าปีศาจรายงานเรื่องราวเกี่ยวกับกองกำลังของเผ่าเจ้าสมุทรโดยไม่กล่าวอะไรออกมา ด้านหลังของเขายังมีผู้แข็งแกร่งเจ็ดคนที่มีกลิ่นไอพอๆ กันยืนอยู่
“มีอย่างที่ไหนกัน! ตำแหน่งของวังใต้สมุทรถูกอำพรางมาโดยตลอด ทำไมถึงถูกเปิดเผยได้!” พอชายเผ่าปีศาจที่มีรูปร่างค่อนข้างเตี้ยได้ยินรายงานของชายฉกรรจ์ เขาก็รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที
“เรื่องนี้ไม่ต้องพูดแล้ว จะต้องมีคนนอกเผ่าเปิดเผยตำแหน่งแน่นอน อย่างที่ข้าคิดไว้แต่แรก นอกจากเผ่าปีศาจแล้ว คนใต้บัญชาการของราชาสมุทรไม่จำเป็นต้องใช้คนต่างเผ่าเลย มิเช่นนั้นคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น” มีเสียงแหลมดังของผู้อาวุโสผมขาวท่านหนึ่งดังออกมา
“เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาบ่นว่าคนอื่นด้วยความไม่พอใจ ตอนนี้ราชาสมุทรไม่อยู่ มีเพียงพวกเราไม่กี่คนที่พอจะควบคุมสถานการณ์ในครั้งนี้ได้! ภาระอันเร่งด่วนก็คือรีบส่งข่าวไปยังฐานที่มั่นอื่นๆ ให้มาช่วยสนับสนุน พวกเราแค่ยืนหยัดเล็กน้อย กองกำลังสนับสนุนก็จะมาถึงแล้ว แน่นอนว่าทางด้านราชาสมุทรก็ต้องติดต่อให้ได้โดยเร็วที่สุด”
ผู้แข็งแกร่งเผ่าปีศาจแต่ละคนต่างก็พากันพยักหน้าตอบรับ จากนั้นก็มีคนหยิบแผ่นค่ายกลสีขาวออกมาสองสามอันเพื่อทำการติดต่อ
แต่ทว่าฉากอันน่าประหลาดใจได้บังเกิดขึ้นแล้ว!
พอแผ่นค่ายกลทั้งหมดเริ่มส่งเสียงดังหวึ่งๆ แสงของมันก็ดับไปและไม่มีปฏิกิริยาใดๆ อีก
“แย่แล้ว มีคนปิดกั้นชั้นจำกัดบริเวณนี้หมดแล้ว การส่งข่าวระยะไกลทั้งหมดถูกรบกวน ไม่สามารถส่งข่าวออกไปได้อย่างราบรื่น” หนึ่งในผู้แข็งแกร่งระดับผลึกที่เชี่ยวชาญด้านค่ายกลหลุดปากพูดออกมา
ด้วยเหตุนี้ สีหน้าของผู้แข็งแกร่งระดับผลึกเหล่านี้จึงเปลี่ยนไปทันที
“ดูท่าเผ่าเจ้าสมุทรคงวางแผนการโจมตีในครั้งนี้มานานแล้ว และยังมีคนระดับสูงทรยศราชาสมุทร มิเช่นนั้นคงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น” ขณะนี้ฉิงชินเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว
“ชิงฉิน ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดี หากราชาสมุทรไม่สามารถกลับมาได้ และกองกำลังสนับสนุนจากฐานที่มั่นอื่นมาช่วยเหลือไม่ทัน อาศัยพวกเราแค่ไม่กี่คน คงไม่สามารถต้านทานกองกำลังของเผ่าเจ้าสมุทรได้อย่างแน่นอน” ชายฉกรรจ์เผ่าปีศาจที่มีขนสีดำบนใบหน้ากล่าวด้วยท่าทีลังเล
ชิงฉินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก แต่หลังจากคิดไตร่ตรองเล็กน้อยแล้ว ก็กัดฟันในทันที แขนของเขาพร่ามัวไปดึงขนวิหคสีเขียวหยกที่ยาวหลานชุ่นออกมาเส้นหนึ่ง
“ทุกท่านอย่าได้ร้อนใจไป ขนวิหคนี้คือสิ่งที่ข้าใช้โลหิตบริสุทธิ์หล่อหลอมมาหลายร้อยปี บนตัวข้ามีทั้งหมดแค่สามเส้นเท่านั้น เพียงแค่ใช้มันกับวิชาเฉพาะของข้า ก็คงจะสามารถสื่อสารกับราชาสมุทรได้ในระยะเวลาสั้นๆ แต่ขั้นตอนการแสดงต้องใช้เวลาเล็กน้อย เพียงแค่ราชาสมุทรกลับมาทัน พวกเราก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว” ชิงฉินค่อยๆ กวาดสายตามองผู้คนตรงหน้า และอธิบายออกมา
พอคำพูดนี้ออกจากปาก ผู้แข็งแกร่งเผ่าปีศาจก็แสดงสีหน้าดีใจออกมา จากนั้นทุกคนก็ชกอก และบอกให้เขาแสดงวิชาอย่างสบายใจ พวกเขาจะยื้อเวลาให้เอง
หลังจากปรึกษาหารือกันอีกเล็กน้อย คนอื่นๆ ก็แยกย้ายกันไป จากนั้นก็กลายเป็นลำแสงพุ่งยิงออกไปจากวังใต้สมุทร
ชิงฉิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หมุนตัวก้าวไปยังส่วนลึกของพระราชวัง
ในระหว่างทาง เขาหยิบป้ายหยกออกมาอันหนึ่ง พอทำท่ามือด้วยมือเดียว อักขระเล็กๆ แถวหนึ่งก็จมหายเข้าไปในนั้น แต่ผ่านไปซักพัก ก็ยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เกิดขึ้น
“แปลกจริง ชื่อลี่ไม่มีภารกิจที่ต้องออกไปข้างนอก ก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้มารวมตัวกันที่ห้องโถง ตอนนี้ก็ยังไม่ตอบรับกลับมาอีก” ชิงฉินมองดูแผ่นค่ายกลในมือแล้วพูดพึมพำด้วยความรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ต่อมาก็เก็บป้ายหยกเข้าไปโดยไม่คิดอะไรอีก
เขาผลักประตูเข้าไปในห้องรับรองแห่งหนึ่ง และหยุดอยู่หน้ารูปวาดทิวทัศน์ที่แขวนอยู่บนผนัง
ชิงฉินชี้มือข้างหนึ่งออกไปกลางอากาศสองสามที หลังจากแสงสีเขียวกระพริบหายเข้าไปในนั้น รูปวาดทิวทัศน์ก็แยกตัวออกมา เผยให้เห็นห้องลับมืดมิดหลังหนึ่ง
ห้องลับมีขนาดแค่สามสี่จั้ง นอกจากค่ายกลขนาดเล็กที่ประทับอยู่ตรงกลางแล้ว ก็ไม่มีสิ่งของใดๆ อีก
ชิงฉินเดินไปตรงหน้าค่ายกลด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก พอสะบัดแขนเสื้อ ก็มีผลึกหินสีเขียวขนาดเท่าลูกกำปั้นพุ่งยิงไปรอบๆ ค่ายกล และหล่นลงบนรอยเว้า ขณะเดียวกันก็ปล่อยวิชาออกไป
แสงสีเขียวเปล่งประกาย และส่งเสียงต่ำๆ ออกมาเป็นระลอกๆ จากนั้นแสงแปลกประหลาดสีเขียวก็แผ่กระจายออกจากใจกลางค่ายกล อักขระจำนวนมากเปล่งประกายระยิบระยับ
ร่างของชิงฉินเคลื่อนไหวแค่ทีเดียว ก็มายืนอยู่บนค่ายกลส่งตัวแล้ว ขณะเดียวกันก็กางนิ้วทั้งห้าออกมา ขนวิหคสีเขียวหยกปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ
“ฟู่!” ขนวิหคพุ่งขึ้นฟ้า หลังจากหมุนติ้วๆ แล้วมันก็ลอยอยู่กลางอากาศ
ชิงฉินสะบัดแขนเสื้อขึ้นบนอากาศด้วยตาที่เป็นประกาย หลังจากแสงสีเขียวม้วนตัวผ่านไป ขนวิหคก็กลายเป็นกลุ่มแสงสีเขียวที่มีขนาดชุ่นกว่าๆ
เขาร่ายคาถาออกมา ขณะเดียวกันนิ้วทั้งสิบก็ดีดพลังใส่กลุ่มแสงสีเขียวอยู่ไม่หยุด
กลุ่มแสงสีเขียวหดและขยายตัวอยู่สองสามที จากนั้นก็ส่งเสียงดังกังวานออกมา พริบตาเดียว ก็กลายเป็นวิหคน้อยสีเขียวหยกตัวหนึ่ง มันก็กระพือปีกบินขึ้นด้านบน หลังจากพร่ามัวอีกครั้ง มันก็หายไปในอากาศ
…………………………………