ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 420 ศึกเผ่าเจ้าสมุทร (11)

ขณะนี้ ผู้อาวุโสเผ่าเกล็ดทองที่มีผมสีเทาอีกคน ก็หยิบฆ้องทองแดงออกมา หลังจากเคาะจนเกิดเสียงดัง ชายเผ่าเจ้าสมุทรรูปร่างสูงใหญ่สิบกว่าคนที่สวมแค่กางเกงขาสั้น ก็ออกมาจากห้องรับรองส่วนท้ายของเรือยักษ์ และเดินมายืนเรียงอยู่ตรงหน้า

คนเหล่านี้ต่างก็แผ่กลิ่นไอที่ดูไม่ด้อยไปกว่าระดับแก่นเสมือนทั้งหก แต่พวกเขามีใบหน้าซึมกระทือ และยังมีเส้นโลหิตสีดำปกคลุมไปทั่วร่าง แลดูน่าเกลียดน่ากลัวเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกัน พอพวกเขาปรากฏออกมา กลิ่นคาวที่ทำให้รู้สึกคลื่นไส้ ก็ถูกปกคลุมไปทั่วเรือยักษ์

ผู้อาวุโสสวมมงกุฎทองคำขมวดคิ้วเล็กน้อย และโบกมือไปทางผู้อาวุโสผมเทาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

ผู้อาวุโสเข้าใจในทันที จากนั้นฆ้องทองแดงในมือก็ถูกเคาะอย่างรุนแรงอีกครั้ง

แสงสีแดงเปล่งประกายในแววตาของคนเผ่าเจ้าสมุทรทั้งสิบกว่าคนในทันที จากนั้นพวกเขาก็ค่อยๆ พุ่งขึ้นด้านบน และมาปรากฏตัวบริเวณรอบๆ เทพอสูรทั้งสิบสองอย่างเงียบๆ และพุ่งไปทางราชาปีศาจสมุทรทันที

ต่อมา ฉากอันน่าประหลาดใจก็ได้บังเกิดขึ้น

แสงสีดำเปล่งประกายออกจากร่างของคนเผ่าเจ้าสมุทรที่มีรูปร่างขนาดใหญ่ในขณะที่เขาพุ่งเข้ามา หลังจากมีเสียง “โพล๊ะ!” ร่างของเขาก็ระเบิดออกมาเป็นหมอกพิษสีดำ

ต่อมาก็มีเสียงดังติดต่อกัน คิดไม่ถึงว่าคนเผ่าเจ้าสมุทรเหล่านี้ จะระเบิดตัวไปจนหมด ภายใต้หมอกดำที่พวยพุ่ง มันก่อตัวเป็นวงแหวนหมอก และรวมพุ่งไปรวมกันที่จุดศูนย์กลางอย่างรวดเร็ว

และดูเหมือนว่าเทพอสูรกับผู้แข็งแกร่งระดับแก่นเสมือนทั้งหก ที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดจะรู้ตัวล่วงหน้า ถึงได้ถอยออกจากการต่อสู้อย่างรวดเร็ว

พริบตาเดียว มังกรโลหิตยักษ์กับหุ่นเกราะเงินและราชาปีศาจสมุทร ก็ถูกหมอกพิษสีดำปกคลุมไว้

พอชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวเห็นสถานการณ์เช่นนี้ กลับเผยรอยยิ้มเยือกเย็นออกมา ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจมันเลยแม้แต่น้อย

ขณะที่กำลังจะกระตุ้นดาบสั้นแวววาวในมือ และสั่งให้มังกรโลหิตกับหุ่นเกราะเงิน ถือโอกาสนี้ทำการโจมตีนั้น เขาก็สูดหมอกสีดำเข้าไปส่วนหนึ่ง ทำให้สีหน้าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก

ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวหยิบแท่งไม้ขนาดเท่ากับตะเกียบออกมาอันหนึ่ง จากนั้นก็โยนออกไปอย่างรุนแรง และใช้กำปั้นทุบจนแตกกระจายกลายเป็นผงสีเงิน

ภายใต้การสะบัดแขนเสื้อ ทำให้มีม่านแสงสีฟ้าปรากฏออกมา พริบตาเดียวก็ปกคลุมร่างของตนเองไว้

พอผู้อาวุโสสวมมงกุฎทองคำที่อยู่บนเรือยักษ์เห็นเช่นนี้ กลับตบมือหัวเราะเป็นการใหญ่

“ฮ่าๆ! ที่แท้เจ้าเด็กนี่ก็ได้ไม้จันทน์ดำจิตวิญญาณมาตั้งแต่แรกแล้ว! แม้ว่าหลังจากที่ได้มันมา เจ้าจะเก็บเป็นความลับมาโดยตลอด โดยที่มีคนรู้เพียงไม่กี่คน แต่กลับคาดไม่ถึงว่าชื่อลี่คนสนิทของเจ้าจะบอกกับข้าจนหมดเปลือก หากข้าไม่วางแผนทำให้ร่างกายของตัวเองได้รับบาดเจ็บหนัก และให้ลี่คุนสวามิภักดิ์กับเจ้า ทั้งยังตั้งใจปล่อยข่าวออกไปล่ะก็ เจ้าจะถูกหลอกให้นำไม้อันนี้ติดตัวได้อย่างไร เจ้ายังเชื่อคำพูดที่ว่าใช้ร่างของเจ้าแสดงค่ายกลคำสาปสังหารในสมัยบรรพกาลอะไรนั่นอีก ช่างน่าขันเสียจริง!”

“ฝ่าบาททรงพระปรีชา! แม้ราชาปีศาจสมุทรจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ แต่ต่อหน้าฝ่าบาท จะต้องไม่มีทางหนีรอดไปได้ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าวิธีเดียวที่มีประสิทธิภาพในการต้านทานคำสาปสังหารนี้ คือการพกไม้จิตวิญญาณที่หายากไว้กับตัว แต่กลับไม่รู้ว่าหลังจากไอหอมที่ไม้อันนี้แผ่ออกมาผสมผสานกับหมอกพิษแล้ว จะทำให้พิษของมันแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ ก็ไม่สามารถต้านทานได้” ลี่คุนกล่าวด้วยสีหน้านอบน้อม

และในขณะเดียวกัน มังกรโลหิตที่เหาะวนดูดกลืนไอหมอกอยู่ ก็พากันส่งเสียงร้องและดิ้นรนอย่างน่าเวทนา เปลือกด้านนอกที่โปร่งใสเล็กน้อย ก็ถูกพิษร้ายแรงกัดกร่อนจนส่งเสียงดัง “ซี่ๆ!” ร่างของมันลดขนาดลงอย่างรวดเร็ว ครู่เดียวก็กลายเป็นของเหลวสีดำอีกครั้ง

พอหมอกสีพิษดำม้วนตัวผ่านหุ่นเกราะเงินที่เดิมทีเคลื่อนไหวช้าลงเล็กน้อย เสื้อเกราะที่ดูแข็งแกร่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ก็ค่อยๆ ถูกกัดกร่อนและละลายออกมา พริบตาเดียว การเคลื่อนไหวก็ช้าลงเป็นอย่างมาก จากนั้นพวกมันแต่ละตัวก็ร่วงลงพื้น และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก

ราชาปีศาจสมุทรที่ดูเหมือนว่าไม่มีพิษใดๆ สามารถกัดกร่อนเขาได้ ก็ถูกไอหมอกดำห่อหุ้มไว้อย่างแน่นหนา ม่านแสงสีฟ้าที่ปล่อยออกมาไม่สามารถต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย ใบหน้าหล่อเหลาดูซีดขาวราวกับกระดาษ

เพียงแค่ไม่กี่อึดใจ กลิ่นไอของเขาก็อ่อนลงกว่าก่อนหน้านั้นมาก

ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวเผยแววตาเฉียบขาดออกมา พอส่งเสียงคำราม แสงสีฟ้าก็เปล่งประกายไปสรรพางค์กาย มันผลักหมอกพิษบริเวณรอบๆ ออกไปได้เล็กน้อย

ต่อมา ร่างของเขาพร่ามัวกลายเป็นมังกรสีฟ้าที่มีขนาดใหญ่หลายสิบจั้ง และทะลวงออกจากทะเลหมอกพร้อมกับเสียงที่ดังก้องฟ้า จากนั้นก็พุ่งไปทางวังใต้สมุทรทันที

พริบตาที่ราชาปีศาจสมุทรเผยร่างแท้จริงออกมา เจ้าวิหารทั้งหกที่ถอยออกไปในก่อนหน้านั้น ก็หันตัวกลับไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กลายสายรุ้งแวววาวหกสายพุ่งหายไปในวังใต้สมุทร

“ราชาปีศาจสมุทร!

พอชิงฉินและผู้แข็งแกร่งระดับผลึกคนอื่นๆ เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ต่างก็รู้สึกร้อนรนราวกับถูกไฟลนก้น สถานการณ์การสู้รบที่มีโอกาสพลิกกลับเล็กน้อย กลับถูกทำลายภายในพริบตา

พวกเขาสบตากันทีหนึ่ง จากนั้นก็กระตุ้นพลังเวทย์ที่เหลือ และแยกย้ายกันออกไป!

มาถึงเวลานี้แล้ว พวกเขาย่อมต้องเอาชีวิตรอดแล้ว

แต่หลังจากเทพอสูรทั้งสิบสองพุ่งเข้ามา พวกเขาบ้างก็ถูกฆ่าบ้างก็ถูกจับตัวไป โดยที่ไม่มีใครหลุดรอดไปได้อย่างปลอดภัย

ต่อมา กองกำลังเผ่าเจ้าสมุทรที่อยู่ไกลๆ ก็ถูกผู้อาวุโสสวมมงกุฎทองคำสั่งให้ล้อมวังใต้สมุทรไว้อย่างหนานแน่น

ขณะนี้ ราชาราชวงศ์ชังไห่ถึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมามาก และกล่าวความดีใจ

“ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ในทะเลชังไห่จะไม่มีราชาปีศาจสมุทรอะไรอีก และมีเพียงพวกเราราชวงศ์ชังไห่เท่านั้น!”

พอน้ำเสียงดังกังวานของเขาสิ้นสุดลง ก็มีเสียงโห่ร้องดังขึ้นมา ทหารเผ่าเจ้าสมุทรที่เดิมทีมีสีหน้าน่าเกรงขาม ก็ดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด

และหลังจากผู้อาวุโสสวมมงกุฎทองคำกล่าวจบ เขาก็ยืนเอามือไขว้หลังจ้องมองวังใต้สมุทรที่ถูกล้อมรอบ และรอคอยข่าวดีอย่างเงียบๆ

ในความคิดของเขา ภายใต้สถานการณ์ที่ราชาปีศาจสมุทรโดนพิษแปลกประหลาด ย่อมไม่สามารถหลุดพ้นเงื้อมของเจ้าวิหารทั้งหกไปได้

เพียงสังหารเผ่าปีศาจระดับแก่นแท้ผู้นี้ได้ ก็นับว่าประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงแล้ว

หลังจากรอไปได้ราวๆ หนึ่งเค่อ วังใต้สมุทรที่เงียบสงบก็เกิดการเคลื่อนไหว

สายรุ้งทั้งหกที่มีกลิ่นไออันแข็งแกร่งเปล่งประกายออกจากในนั้น และพุ่งกลับมาทางเรือยักษ์ที่ผู้อาวุโสสวมมงกุฎอยู่

ผ่านไปซักพัก

บนเรือยักษ์ หญิงสาวชุดหลากสีกำลังยืนรายงานอะไรบางอย่างอยู่ตรงหน้าผู้อาวุโสสวมมงกุฎทองคำ ส่วนผู้แข็งแกร่งระดับแก่นเสมือนทั้งห้ายืนอยู่ด้านหลังของนางอย่างนอบน้อม

“อะไรนะ! เขาหนีไปแล้ว! เป็นไปได้อย่างไร!” ผู้อาวุโสสวมมงกุฎทองคำฟังแค่ไม่กี่ประโยค ก็รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก

“ฝ่าบาท! ขณะที่พวกเราติดตามร่องรอยไปนั้น ได้ค้นพบว่าราชาปีศาจสมุทรหนีลงไปใต้ดิน ทั้งยังพาหญิงสาวเผ่าเราไปด้วยคนหนึ่ง เมื่อตามกลิ่นไอเข้าไปในห้องลับบางแห่ง ก็เห็นเขาแหวกมิติผ่านค่ายกลที่จัดวางไว้ เข้าไปในมิติที่ไม่ทราบชื่อแห่งหนึ่ง และพอเขาเข้าไปแล้ว ก็ทำลายทางเข้าทันที”

“ฝ่าบาท! ตอนที่ข้าถูกจับตัวในก่อนหน้านั้น ดูเหมือนจะเคยได้ยินมาว่า ด้านล่างของวังใต้สมุทรมีสายแร่ใต้ทะเลลึกที่พบเจอได้น้อยมากอยู่แห่งหนึ่ง และสายแร่แห่งนี้ดูเหมือนจะเชื่อมกับเหวลึกไร้ก้นที่ไม่ทราบชื่อ”

พอผู้อาวุโสสวมมงกุฎทองคำฟังจบ ก็อึ้งไปทันที

……

ขณะเดียวกัน บริเวณทางเข้าถ้ำสายแร่ใต้ทะเลลึก มีศพของผู้พิทักษ์เหมืองแร่นอนอยู่เต็มพื้น บนพื้นนองไปด้วยเลือด กลิ่นเหม็นคาวอย่างรุนแรงปกคลุมไปทั่ว

ส่วนหุ่นร่างมนุษย์ยักษ์ทั้งสิบสองตัว ถูกผ่าออกเป็นสองส่วน นอนอยู่บนพื้นไม่ขยับเขยื้อน

หัวและตัวของ ‘เฉินกัง’ หัวหน้าผู้พิทักษ์ถ้ำเหมืองแร่ผู้นั้น กระจัดกระจายไปในบ่อเลือด ใบหน้าของเขายังคงบิดเบี้ยวด้วยความหวาดผวา

ห่างจากศพของเขาไปไม่ไกล เย่เทียนเหมยที่สวมชุดคลุมสีเขียวยืนอยู่ที่นั่น พอนางโบกมือ แสงกระบี่สีเงินเก้าลำที่โบกสะบัดอยู่ด้านหลังก็หยุดชะงักลงทันที จากนั้นค่อยๆ จมหายเข้าไปในร่างของนาง

พอนางคว้ามือข้างหนึ่งลงไปบนพื้น กระบี่เล็กสีทองกับเกราะหนังสีแดง ก็พุ่งออกจากตัวของเฉินกัง และค่อยๆ ตกลงบนมือของนาง

นางจ้องมองของทั้งสองอย่างอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้ว ก็เก็บมันเข้าไป

จากนั้นดวงตางดงามของนางก็เปล่งประกาย พอสะบัดข้อมือ แสงสีเงินก็เปล่งประกายกลางอากาศ

“เพล้ง!” ม่านแสงสีฟ้าครึ่งวงกลมที่แต่เดิมห่อหุ้มหลุมขนาดใหญ่บนพื้นอยู่ ก็แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ

พอนางขยับตัว ก็จมลงไปในหลุมอย่างไร้สุ้มเสียง

……

ในเหวลึกไร้ก้น

หลังจากหลานสี่พาทาสเหมืองแร่กลุ่มหนึ่งหลบหลีกฝูงอสูรโฉดขนาดใหญ่ไปได้แล้ว ก็รีบเดินทางบนพื้นสีเทาต่อ

ทันใดนั้น มีเสียงดัง “หวึ่งๆ!” บนอากาศที่สูงร้อยกว่าจั้ง จากนั้นคลื่นอากาศก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และรอยแยกมิติสีขาวก็ปรากฏออกมา

พอมีเงาร่างสีขาวเคลื่อนไหว ชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวที่อุ้มหญิงสาวอยู่ ก็โซซัดโซเซออกมา

ชายหนุ่มผู้นี้มีใบหน้าหล่อเหลา แต่ใบหน้ากลับซีดขาวเป็นอย่างมาก ดูเหมือนจะมีรอยเลือดสองสามแห่งปรากฏอยู่บนชุดคลุมสีขาว

ชายหนุ่มผู้นี้ลอยอยู่กลางอากาศ และถอนหายใจออกมายาวๆ หลังจากกวาดสายตามองดูทาสเหมืองแร่บนพื้นแล้ว ก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา แต่สีหน้าก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว และกล่าวออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน

“อ๋อ! ที่แท้ก็เป็นพวกเจ้านั่นเอง คาดไม่ถึงจริงๆ!”

หลิ่วหมิงและคนกลุ่มนี้ จ้องมองชายหนุ่มชุดคลุมสีขาวที่ปรากฏตัวกลางอากาศด้วยความตกตะลึง

ชายหนุ่มย่อมเป็นราชาปีศาจสมุทร ที่อาศัยค่ายกลใต้วังใต้สมุทรหลบหนีมายังสถานที่แห่งนี้

หลังจากที่เขากวาดสายตามองหลานสี่ที่อยู่ด้านหน้าของฝูงชนแล้ว ก็กล่าวออกมาอย่างสงบ

“เดิมทีข้าเคยคิดว่าเจ้า จะต้องทำอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเหวลึกแห่งนี้ คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะทำมันจริงๆ และยังพาเจ้าสวะพวกนี้มาด้วย! ช่างดูไม่เหมือนกับนิสัยของเจ้าในก่อนหน้านั้นเลย”

ขณะที่หลานสี่เห็นชายหนุ่มชุดคลุมสีขาว เขาก็รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก แต่พอได้ยินฝ่ายตรงข้ามกล่าวเช่นนี้ สีหน้าก็ดูไม่ได้ขึ้นมา ขณะเดียวกัน ในใจของเขาก็คิดวกวนไปมาอยู่ไม่หยุด

แม้จะไม่สามารถพูดได้ว่าแผนการของเขาสมบูรณ์แบบ แต่จากการวางแผนมาหลายปี เมื่อพิจารณาอย่างรอบด้านแล้ว มันก็ยังคงรัดกุมอยู่มาก โดยเฉพาะเวลาในการเริ่มแผนการ ซึ่งสามารถพูดได้ว่ามีโอกาสสำเร็จเก้าในสิบส่วน

แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไร ก็คิดไม่ถึงว่าจะพบกับราชาปีศาจสมุทรในสถานที่แห่งนี้

เพราะจากการคำนวณของเขา เวลานี้ควรเป็นเวลาที่เผ่าเจ้าสมุทรบุกประชิด และเป็นเวลาที่ต้องสู้รบกันอย่างดุเดือด

และด้วยพลังของทั้งสองฝ่าย ถ้าจะตัดสินหาผู้ชนะ คงไม่สามารถทำได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ

ดูท่าสงครามทางด้านบน คงเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่อาจรู้ได้!

และจิตใจของหลิ่วหมิงและคนอื่นๆ ต่างก็จมดิ่งลงไปด้านล่าง!

ทาสเหมืองแร่ที่สามารถตามหลานสี่เข้ามาในเหวลึกแห่งนี้ได้ ล้วนเป็นผู้ที่มีฝีมือโดดเด่นในบรรดาทาสเหมืองแร่ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการฝึกฝนหรือประสบการณ์ล้วนไม่ธรรมดา มิเช่นนั้นจะถูกหลานสี่เลือกได้อย่างไร

แต่เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้อย่างราชาปีศาจสมุทรผู้นี้ พวกเขาย่อมไม่อาจคาดหวังว่าจะมีโอกาสหลบหนีไปได้

ด้วยเหตุนี้ ทาสเหมืองแร่ที่เดิมทีคิดว่า เมื่อตนเองหลุดพ้นจากสายแร่ใต้ทะเลลึกไปแล้ว ก็จะมีชีวิตเป็นอิสระอีกครั้งนั้น ย่อมเผยสีหน้าสิ้นหวังออกมา

หลิ่วหมิงก็แอบร้องทุกข์อยู่ในใจไม่หยุด ไม่รู้ว่าราชาปีศาจสมุทรเป็นบ้าอะไร ถึงได้แหวกมิติมาปรากฏตัวที่นี่ได้!

นึกถึงตอนแรกที่ผู้แข็งแกร่งระดับผลึกจำนวนมาก ถูกเขาโจมตีอย่างง่ายดายบนเกาะตะพาบน้ำแล้ว เวลานี้ไม่ต้องพูดถึงเลย

แต่ว่าหญิงสาวอ้อมกอดของราชาปีศาจสมุทรเป็นใครกัน?

แม้ว่าจะไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของนางได้อย่างชัดเจน แต่ดูจากรูปร่างแล้ว จะต้องไม่ใช่เย่เทียนเหมยอย่างแน่นอน แต่เขากลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด

ขณะนั้นเอง หลานสี่พลันกล่าวออกมาด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลายลง

“สหายทุกท่านอย่าได้ลุกลน อย่าให้เขาหลอกพวกเจ้าได้ ขณะนี้ราชาปีศาจสมุทรแข็งนอกอ่อนใน เกรงว่าแม้แต่ชีวิตของตนเองก็ไม่อาจรักษาไว้ได้ จึงต้องแหวกมิติหนีมาที่นี่ หากพวกเราร่วมมือกันต่อสู้ล่ะก็ ใครแพ้ใครชนะก็ยังไม่อาจรู้ได้”

…………………………………

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset