สี่วันต่อมา ท่ามกลางกองหินสีขาวเทาที่วางระเกะระกะ หลิ่วหมิงยืนนิ่งอยู่บนก้อนหินยักษ์ค่อนข้างสูงก้อนหนึ่ง เขาหรี่ตาทั้งคู่มองดูถ้ำที่อยู่ไม่ไกล
ไอเย็นที่มองเห็นด้วยตาเปล่าแผ่ออกมาจากด้านในอยู่ไม่หยุด แม้กระทั่งบริเวณถ้ำยังเกาะตัวเป็นน้ำค้างแข็ง ทำให้รับรู้ถึงระดับความหนาวเย็นได้
ที่นี่เป็นถ้ำที่อยู่อาศัยของแมงมุมขาหิมะ แม้หลิ่วหมิงจะรู้เขตที่อยู่ของปีศาจอสูรประเภทนี้คร่าวๆ แต่ยังคงใช้เวลาไม่น้อยในการตามหา
พอหลิ่วหมิงสะบัดแขนเสื้อ ธงค่ายกลหลายอันก็ปรากฏบนมือ เมื่อยกแขนข้างหนึ่งขึ้น ธงเหล่านี้ก็จมหายไปในบริเวณปากถ้ำที่อยู่ไม่ไกล
ต่อมาเขาทำท่ามือ และปล่อยลูกเปลวไฟขนาดเท่าศีรษะไปยังถ้ำ
ไอร้อนที่ลูกเปลวไฟแผ่ออกมากวาดผ่านไอเย็นตรงปากถ้ำ ทำให้น้ำค้างแข็งละลายออกมา จากนั้นก็พุ่งเข้าไปในส่วนลึกของถ้ำ
“ตู๊ม!” เปลวไฟพวยพุ่งภายในถ้ำ
แต่ครู่ต่อมา หลังจากมีเสียงดัง “ฟู่!” ไอเย็นก็ทะลักออกมาจากส่วนลึกของถ้ำ
ผนังหินบริเวณปากถ้ำที่เพิ่งละลายไปเกาะตัวขึ้นอีกครั้ง และกลายเป็นน้ำค้างแข็งชั้นหนึ่ง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็รีบเก็บกลิ่นไอของตนเอง และหายแวบไปซ่อนตัวหลังก้อนหินยักษ์ที่อยู่ในบริเวณนั้น
“ชือๆ!” มีเสียงดังเข้ามา แมงมุมสีม่วงจำนวนห้าตัวที่มีหิมะสีขาวลอยวนเวียนอยู่บนขาพุ่งออกมาจากถ้ำ
พอหลิ่วหมิงใช้จิตกวาดดู ก็ค้นพบว่ารูปร่างหน้าตาของแมงมุมเหล่านี้ เหมือนกับแมงมุมขาหิมะที่บันทึกไว้ในคัมภีร์ไม่มีผิด!
แต่รูปร่างของมันมีขนาดใหญ่จั้งกว่าๆ และตัวที่อยู่ตรงกลางมีขนาดใหญ่กว่าอีกสี่ตัวหนึ่งเท่า กลิ่นไอก็แข็งแกร่งกว่ามาก
พอแมงมุมเหล่านี้ปรากฏตัวออกมา ก็ดูเหมือนจะไม่ค้นพบความผิดปกติใดๆ มันใช้คมเคี้ยวคู่หนึ่งที่อยู่ในปาก พลิกกองหินที่อยู่บริเวณรอบๆ
เศษหินกระเด็นขึ้นมา และพอมันสัมผัสกับไอเย็นของแมงมุมเหล่านี้ ก็ตกลงมาเป็นก้อนน้ำแข็ง พอแมงมุมวาดขาออก มันก็แตกร้าวออกมา
หลิ่วหมิงสะบัดแขนเสื้อในทันที กระบี่เล็กสีเงินปรากฏอยู่บนมือ พอทำท่ามือด้วยมือเดียว กระบี่ก็ค่อยๆ สั่นสะท้านขึ้นมา ทันใดนั้นมันก็กลายเป็นแสงสีเงินม้วนตัวไปหาแมงมุมยักษ์ตัวที่มีขนาดใหญ่สุด
แมงมุมขาหิมะตัวนี้รู้ตัวไวมาก มันหดขาทั้งแปดในพริบตา และย่อตัวลง ทำให้กระบี่เล็กสีเงินแฉลบผ่านหลังของมันไป
และในขณะเดียวกัน แมงมุมตัวนี้ก็ส่งเสียงร้องออกมา เกราะน้ำแข็งก่อตัวขึ้นบนหลังอย่างรวดเร็ว กระบี่เล็กสีเงินได้เพียงแต่ทิ้งร่องรอยลึกๆ เอาไว้เท่านั้น ไม่อาจทำลายร่างกายมันได้เลยแม้แต่น้อย
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็เผยแววตาเยือกเย็นออกมา และชี้มือข้างหนึ่งไปกลางอากาศ
กระบี่เล็กสีเงินส่งเสียงดังกังวาน มันหมุนตัวกลับมา และกลายเป็นสายรุ้งสีเงินพุ่งใส่แมงมุมอีกตัวที่อยู่ด้านข้าง
“ฟิ้ว!”
หลังจากแสงสีเงินเปล่งประกายผ่านไป แมงมุมตัวนั้นไม่ทันได้ระวัง ขาซ้ายทั้งสี่จึงถูกตัดขาด เลือดสีม่วงทะลักออกมา ทันใดนั้นมันก็ล้มลงพื้นทันที และไม่อาจกระดิกตัวได้อีก
เสียงแผดร้องดังออกจากปากแมงมุมตัวที่เหลือ และพวกมันก็อ้าปากพ่นไอเย็นออกมา
พอหลิ่วหมิงแหงนหน้าดู ก็ค้นพบว่าชั้นสีขาวบนพื้นแผ่ขยายไปอย่างรวดเร็ว และแมงมุมสามสี่ตัวตรงหน้า ก็กระโดดพุ่งเข้ามา จนเผยให้เห็นถึงขาหิมะอันแหลมคมของมัน
หลิ่วหมิงร่นถอยออกไปโดยไม่ต้องคิด
“เพล้งๆ!” แมงมุมสองตัวที่อยู่หน้าสุดถูกม่านแสงสีฟ้ากักขังไว้ ซึ่งมันก็คือธงค่ายกลสองชุดที่หลิ่วหมิงวางไว้ในก่อนหน้านั้น
ภายใต้ความตกใจ แมงมุมทั้งสองแผ่ไอเย็นออกมามากกว่าเดิม มันพยายามใช้เท้ายักษ์โจมตีม่านแสง จนเกิดเสียงแหลมดังขึ้นมา
ขณะนี้ แมงมุมอีกสองตัวที่เหลือ ก็พุ่งเข้ามาถึงด้วยท่าทีอันดุร้าย
“ไป!”
พอหลิ่วหมิงส่งเสียงคำราม ลูกเปลวไฟสีแดงก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ทันทีที่สะบัดแขนเสื้อ มันก็กลายเป็นแสงสีแดงพุ่งออกไปต้านทานการโจมตีไว้
เกิดเสียงดังโครมคราม
แมงมุมขนาดใหญ่เล็กสองตัวที่มีลักษณะคล้ายกัน ถูกเปลวไฟกดดันจนร่วงลงไป แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ เลย
ขณะนั้นเอง สายรุ้งสีเงินก็เปล่งประกายเข้ามาถึง และผ่ากลางแมงมุมตัวที่มีขนาดเล็กกว่าออกเป็นสองส่วน จากนั้นก็หมุนตัวพุ่งไปหาแมงมุมขาหิมะระดับของเหลวขั้นกลางทันที
แต่แมงมุมยักษ์กลับอ้าปากพ่นตาข่ายใยแมงมุมที่มีกลิ่นเหม็นเน่าออกมา มีแสงแปลกประหลาดที่ดูคล้ายกับเปลวไฟสีม่วงเปล่งประกายอยู่บนพื้นผิว
สายรุ้งสีเงินเพียงแค่หยุดชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็กลายเป็นกระบี่เล็กสีเงินทะลุออกจากตาข่ายใยแมงมุม แต่แสงบนตัวกลับมืดลงในพริบตา ขณะเดียวกันความเร็วก็ลดลงไปมาก
เพียงแค่แมงมุมยักษ์โบกสะบัดขาหน้า กระบี่เล็กก็ถูกดีดกระเด็นออกไปอย่างง่ายดาย และขาแหลมส่วนหลังก็โบกสะบัดจนเกิดเป็นแสงสีขาวพุ่งยิงใส่หลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงทำท่ามือด้วยมือเดียว และยกแขนปล่อยลูกเปลวไฟสีแดงใส่แสงสีขาวหนึ่งลูก
“เพล้ง!” หลังจากที่แสงสีขาวปะทะกับลูกเปลวไฟ มันก็ระเบิดออกมาในพริบตา จากนั้นก็กลายเป็นหมอกสีขาวกระจายไปในอากาศ
พอหลิ่วหมิงเห็นว่าแสงสีขาวนี้มีความคล้ายคลึงกับวิชาแท่งวารี เขาก็รู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ มือทั้งสองโบกสะบัดอย่างต่อเนื่อง ลูกเปลวไฟขนาดเท่ากำปั้นจำนวนมากพุ่งเข้าใส่แมงมุมขาหิมะ
เดิมทีแมงมุมขาหิมะตัวที่มีขนาดใหญ่สุด ได้ปล่อยแสงสีขาวกับตาข่ายพิษออกมาต้านทานลูกเปลวไฟไว้ แต่พอเห็นว่าไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย มันก็ม้วนตัวเข้าหากัน จากนั้นหมอกขาวก็พวยพุ่งรอบตัวในทันที และเกาะตัวเป็นเกราะน้ำแข็งปกป้องร่างของมันไว้ บริเวณที่ลูกเปลวไฟแฉลบผ่าน ทำให้เกราะน้ำแข็งเกิดความเสียหายเล็กน้อย แต่พอไอหมอกพวยพุ่งขึ้นมา มันก็กลับมามีสภาพสมบูรณ์ดังเดิม
แต่ขณะนั้นเองหลิ่วหมิงทำท่ามือด้วยมือข้างหนึ่ง จากนั้นลูกเปลวไฟขนาดเท่าอ่างล้างหน้าก็ปรากฏออกมา พอสะบัดแขนเสื้อ มันก็พุ่งยิงออกไป
บริเวณที่ลูกเปลวไฟยักษ์เคลื่อนตัวผ่าน ทำให้น้ำแข็งที่เกาะอยู่บนพื้นละลายกลายเป็นไอหมอกในทันที
ท่ามกลางเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น เมฆอัคคีรูปดอกเห็ดก็พุ่งขึ้นฟ้า และเปลวไฟอันคุโชนก็ห่อหุ้มแมงมุมยักษ์ไว้
แม้จะเป็นลูกเป็นไฟยักษ์เหมือนกัน แต่อานุภาพที่ปล่อยออกมาในตอนที่หลิ่วหมิงเข้าสู่ระดับของเหลวขั้นกลาง ย่อมแตกต่างจากตอนที่เป็นศิษย์จิตวิญญาณราวฟ้ากับดิน
แมงมุมยักษ์ส่งเสียงคำรามออกมา มันปล่อยแสงสีขาวขับไล่เปลวไฟอยู่ไม่หยุด แต่เกราะน้ำแข็งแวววาวบนตัวก็ค่อยๆ ถูกเปลวไฟกลืนกินจนหมดสิ้น ทันใดนั้นมันก็เผยแววตาโหดเหี้ยมออกมา และพุ่งเข้าหาหลิ่วหมิงพร้อมกับเปลวไฟที่แผดเผา ราวกับว่าจะแลกชีวิตกับหลิ่วหมิงเป็นครั้งสุดท้าย
หลิ่วหมิงมีสีหน้าอึมครึมลง เขาเพียงแค่คว้าฝ่ามือข้างหนึ่งไปกลางอากาศ ก็มีไอหมอกสีดำพวยพุ่งอยู่บนแขน จากนั้นก็ก่อตัวเป็นหนวดสัมผัสสีดำ และพุ่งยิงออกไป
แมงมุมยักษ์ไม่ทันได้ตั้งตัว จึงถูกหนวดสัมผัสสีดำรัดพันไว้อย่างแน่นหนา แม้มันจะโบกสะบัดขาฉีกหนวดสัมผัสจนขาด แต่ก็ต้องหยุดชะงักอยู่กลางอากาศครู่หนึ่ง
และขณะนั้นเอง หลิ่วหมิงก็คว้ามือข้างหนึ่งไปกลางอากาศ จากนั้นกระบี่เล็กสีเงินก็ปรากฏออกมา และกลายเป็นสายรุ้งสีเงินอันครั่นคร้ามม้วนตัวออกไป
“ฟิ้ว!”
พอสายรุ้งสีเงินหมุนวนรอบหัวแมงมุมยักษ์หนึ่งรอบ หัวของมันก็กลิ้งตกลงมาทันที ร่างไร้หัวล้มลงพื้น หลังจากกระตุกสองสามทีแล้ว ก็นอนไร้ลมหายใจอยู่ท่ามกลางกองเลือด
ส่วนแมงมุมขาหิมะอีกสองตัวที่มีขนาดเล็กลงมาหน่อย ก็ยังคงพยายามโจมตีม่านแสงอยู่ไม่หยุด
หลิ่วหมิงเพียงแค่กระตุ้นสายรุ้งสีเงินด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก มันก็สังหารแมงมุมสองตัวที่อยู่ในม่านแสงจนหมดสิ้น
เขาเก็บขาหิมะกับแก่นของแมงมุมเหล่านี้ และเก็บธงค่ายกลเข้าไป จากนั้นก็ปล่อยพลังจิตกวาดดูภายในถ้ำ หลังจากมั่นในว่าไม่มีกลิ่นไอของแมงมุมอยู่ด้านในแล้ว เขาก็กระพริบหายเข้าไปในนั้น
ถ้ำแห่งนี้อยู่ใต้กองหินขนาดใหญ่หลายก้อน ค่อนข้างเร้นลับมาก ด้านในกว้างหลายสิบจั้ง พอเขาเหยียบเท้าเข้าไป ไอเย็นที่ผสมปนเปกันกลิ่นเหม็นคาวก็ม้วนตัวเข้ามา
หลิ่วหมิงตรวจค้นด้านในถ้ำอย่างละเอียดไปหนึ่งรอบ สุดท้ายก็พบเจอไข่สีขาวแวววาวหกใบที่มีขนาดเท่าไข่ไก่ วางอยู่ใต้ก้อนหินยักษ์สีเทาก้อนหนึ่ง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ย่อมรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านี่เป็นไข่ของแมงมุมขาหิมะเหล่านั้น
เขาพลิกฝ่ามือหยิบถุงหนังสำหรับใส่ไข่โดยเฉพาะออกมา จากนั้นก็ค่อยๆ นำไข่ใส่เข้าไปอย่างระมัดระวัง และเก็บมันเข้าไปในแขนเสื้อ
หลังจากนี้ เขาก็ค้นหาส่วนอื่นๆ ของถ้ำไปอีกรอบ แต่น่าเสียดายที่ไม่พบไข่ใบอื่นๆ อีก แต่ไข่หกใบก็เป็นการเก็บเกี่ยวที่ไม่เลวแล้ว
หลิ่วหมิงทานโอสถไปหลายเม็ด และนั่งปรับชีพจรอย่างง่ายๆ ไปหนึ่งรอบ จากนั้นก็ไปหาแมงมุมขาหิมะที่อื่นต่อ
ครึ่งเดือนต่อมา ชายหนุ่มชุดดำผู้หนึ่งเดินออกมาจากเขาตะวันมืด และพุ่งตรงไปยังตลาดที่อยู่ตรงขอบเทือกเขา
คนผู้นี้ก็คือหลิ่วหมิงนั่นเอง และถุงหนังบนเอวของเขาใบหนึ่ง ก็มีไข่สีขาวอยู่สิบกว่าใบ
หลังจากที่เขาหาโรงเตี๊ยมพักผ่อนอยู่ครู่หนึ่งแล้ว ก็มาซื้อยันต์กับโอสถที่ตลาดตะวันมืด
เทือกเขาตะวันมืดแห่งนี้อันตรายเป็นอย่างมาก ส่วนลึกของเทือกเขามีไอหมอกพิษปกคลุมอยู่หนาแน่น ทั้งยังมีปีศาจอสูรระดับของเหลวเป็นจำนวนมาก ไม่ใช่ว่าจะสามารถหลบหลีกได้โดยง่าย ด้วยเหตุนี้จึงสูญเสียยันต์ และโอสถที่ใช้ในการฟื้นฟูพลังไปไม่น้อย
ไข่หนึ่งใบแลกแต้มคุณูปการได้หนึ่งร้อยแต้ม สิบกว่าใบก็แลกได้แค่หนึ่งพันกว่าแต้มเท่านั้น และการไปฝึกฝนที่ถ้ำห้าธาตุจะต้องใช้แต้มคุณูปการวันละสองร้อยแต้ม ไข่ที่มีอยู่ในขณะนี้ เพียงพอให้เขาฝึกฝนได้แค่อาทิตย์เดียว ซึ่งมันยังคงขาดอีกมาก
เขาพักผ่อนอยู่ที่ตลาดตะวันมืดสองวัน จากนั้นก็เข้าไปในเขาอีกครั้ง
……
ส่วนลึกของเทือกเขาตะวันมืด หลิ่วหมิงกำลังวางธงค่ายกลอยู่ตรงหน้าถ้ำที่ถูกน้ำแข็งปิดผนึกอยู่
ช่วงเวลาครึ่งเดือนนี้ เขาไปมาแล้วหลายยอดเขา แต่หารังของแมงมุมขาหิมะพบเพียงแค่แห่งเดียวเท่านั้น หลังจากสังหารมันแล้ว ก็ไม่เจอไข่แมงมุมขาหิมะในถ้ำอื่นๆ อีกเลย
เพื่อหลีกเลี่ยงปีศาจอสูรระดับของเหลวตัวอื่นๆ เขาจึงซ่อนกลิ่นไอไว้ และเดินทางอย่างระมัดระวัง จึงต้องใช้เวลาเป็นจำนวนมาก
และสถานที่แห่งนี้ ก็เป็นรังแมงมุมแห่งที่สองที่เขาพบเจอในการเข้าเขามาในครั้งนี้
หลังจากวางธงค่ายกลเสร็จแล้ว เขาก็ถอยห่างออกไปหลายสิบจั้ง และปล่อยลูกเปลวไฟยักษ์ใส่ปากถ้ำหนึ่งลูก จากนั้นก็บดบังกลิ่นไอตนเองไว้ และซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินยักษ์
หลังจากมีเสียงดังขึ้น กลับไม่มีไอเย็นปรากฏออกมาอย่างที่เขาคาดการณ์ไว้ แต่กลับเป็นไอหมอกสีดำราวกับหมึกพวยพุ่งออกมาสองกลุ่ม
จากนั้นก็มีเสียงคำรามดังออกมา อสรพิษยักษ์ที่มีลวดลายสีดำปกคลุมเต็มตัวพุ่งออกมาท่ามกลางไอหมอกอันพวยพุ่ง ดวงตาขนาดใหญ่ทั้งสี่เปล่งแสงสีแดงระยิบระยับ ดูเหมือนว่ามันจะรู้สึกโมโหอย่างถึงขีดสุด
“แย่แล้ว!”
พริบตานั้น หลิ่วหมิงก็รู้ว่าตนเองพบเจอกับปัญหาใหญ่แล้ว
…………………………………