ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 517 โอสถผลึกเย็นกับโอสถจินหยวน

ภายห้องรับรองแขกของร้าน

หลิ่วหมิงหยิบยันต์เก็บของออกจากเอว และปล่อยพลังเข้าไป จากนั้นยันต์เก็บของก็เปล่งประกาย และพ่นแสงสีขาวออกมา หลังจากม้วนตัวลงพื้นอย่างรวดเร็วแล้ว บนพื้นก็เต็มไปด้วยวัสดุของตัวไหมน้ำแข็ง

“นี่คือ?”

กู่เจี้ยเทียนหยิบหนังของตัวไหมน้ำแข็งขึ้นมา หลังจากจ้องมองอย่างละเอียด ก็พลันนึกขึ้นมาได้

“ตัวไหมน้ำแข็งกระดูกหยิน! นี่คือวัสดุทั้งตัวของตัวไหมน้ำแข็งกระดูกหยิน!” กู่เจี้ยเทียนเงยหน้ากล่าวด้วยความประหลาดใจ

“ที่แท้ไหมน้ำแข็งตัวนั้น ก็มีชื่อเรียกเช่นนี้เองหรอกหรือ? ข้าเองก็ไม่ค่อยแน่ใจมากนัก แต่ว่าทั้งหมดนี้เป็นวัสดุบนตัวปีศาจตัวไหมน้ำแข็งตัวหนึ่งจริงๆ” หลิ่วหมิงมองคนผู้นี้ทีหนึ่ง และกล่าวด้วยสีหน้าสงบ

“สหายหลิ่วมีพลังแข็งแกร่งยิ่งนัก ดูจากพลังจิตวิญญาณที่แฝงอยู่ในวัสดุเหล่านี้ มันคงเป็นตัวไหมน้ำแข็งกระดูกหยินระดับของเหลวขั้นปลายสินะ ปีศาจหนอนชนิดนี้เล่ห์เลี่ยมแพรวพราว ไม่สามารถเห็นรูปร่างที่แท้จริงของมันได้โดยง่าย แต่ท่านกลับสังหารมันได้…….” กู่เจี้ยเทียนทำเสียงจุ๊ๆ! จากนั้นก็ก้มมองวัสดุเหล่านี้อย่างละเอียด

“ข้าคนเดียวจะทำได้อย่างไรกัน เพียงแค่รวมพลังกับสหายสองสามคนสังหารมันเท่านั้น” หลิ่วหมิงหัวเราะและกล่าวออกมา

กู่เจี้ยเทียนขานรับ “อืม!” โดยที่สายตาไม่ละจากวัสดุบนพื้นเลยแม้แต่น้อย หลังจากพลิกดูอยู่พักใหญ่ๆ ถึงเงยหน้าขึ้นมา

“วัสดุเหล่านี้สดใหม่มาก พลังจิตวิญญาณก็ยังไม่ได้สูญเสียไป หากขายให้ร้านเล็กๆ ของข้า ข้าจะเสนอราคานี้” กู่เจี้ยเทียนชูนิ้วแสดงราคา

“ห้าหมื่นหินจิตวิญญาณ……” หลิ่วหมิงเลิกคิ้ว และพูดพึมพำออกมา

“ในเมื่อพี่หลิ่วเป็นลูกค้าเก่าแก่ของเรา ข้าจะไม่บอกราคาเท็จอย่างแน่นอน ตัวไหมน้ำแข็งตัวนี้อยู่ระดับของเหลวขั้นปลายไม่มีผิด แต่ของที่มีมูลค่าที่สุดอย่างแก่นบริสุทธิ์ของปีศาจหนอนตัวนี้ไม่มีอยู่แล้ว ราคานี้จึงนับว่ายุติธรรมมากแล้ว เชื่อว่าพี่หลิ่วไปร้านอื่นก็คงได้ราคามากสุดเท่านี้” กู่เจี้ยเทียนยิ้มซื่อๆ แล้วกล่าวออกมา

เส้นไหมกับแก่นผลึกของตัวไหมน้ำแข็งตัวนี้ หลิ่งหมิงยังได้ใช้ประโยชน์จากมัน เขาย่อมไม่ขายมันออกไปอย่างแน่นอน มิใช่นั้นคงแลกหินจิตวิญญาณมาได้ไม่น้อย

“เอาเถอะ!” เขาลังเลเล็กน้อยแล้วก็พยักหน้าตอบรับ

กู่เจี้ยเทียนเห็นเช่นนี้ก็หัวเราะออกมา และหยิบยันต์เก็บของออกมาผืนหนึ่ง หลังจากกวาดไปบนพื้น แสงสีขาวก็กระพริบผ่านไป หลังจากวัสดุเหล่านี้ถูกเก็บเข้าไปในยันต์เก็บของแล้ว เขาก็โบกแขนเสื้อหยิบหินจิตวิญญาณระดับสูงยื่นให้หลิ่วหมิง

“สหายหลิ่วมาตลาดในครั้งนี้ คงไม่ได้มาขายวัสดุเหล่านี้เพียงอย่างเดียว หากมีอย่างอื่นที่ต้องการ ข้าก็นับว่าคุ้นเคยกับที่นี่มาก บางทีอาจจะแนะนำให้สหายได้” พอการค้าของพวกเขาสิ้นสุดอย่างรวดเร็วเช่นนี้ กู่เจี้ยเทียนก็กล่าวออกมาด้วยความดีใจ

หลิ่วหมิงได้ยินก็ใจเต้นขึ้นมา

เขามาตลาดในวันนี้ นอกจากจะขายวัสดุตัวไหมน้ำแข็งแล้ว ที่สำคัญที่สุดก็คืออยากหาตำราโอสถที่เหมาะสมมาสองอย่าง เพื่อที่จะได้ไปฝึกฝนปรุงโอสถในห้องว่างเปล่าลึกลับ

ชั่วเวลาหนึ่งถ้วยชาผ่านไป หลิ่งหมิงก็เดินออกจากร้านด้วยสีหน้าเบิกบานใจ และเดินตรงไปยังถนนทางด้านเหนือ

สำหรับหลิ่วหมิงในตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือโอสถที่สามารถเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนและฟื้นฟูพลังได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ของเขา ตำราโอสถที่เพิ่มระดับการฝึกฝนพลังเวท จะต้องสามารถรวบรวมวัสดุที่จำเป็นได้ไม่ยาก อีกอย่างผลลัพธ์ของโอสถชนิดนี้ต้องแข็งแกร่งพอ และตอบสนองความต้องการของการฝึกฝนในระดับผลึกขั้นปลายได้

และโอสถที่ฟื้นฟูพลังเวท ผลลัพธ์จะต้องดีพอ สามารถฟื้นพลังเวทในได้ระยะเวลาสั้นๆ ส่วนวัตถุดิบที่ใช้ในการปรุงไม่ต้องคำนึงมากนัก เพราะโอสถชนิดนี้จะใช้แค่ในตอนต่อสู้เท่านั้น จำนวนที่ต้องการจึงไม่ค่อยมาก

หอนานัปการก็มีตำราโอสถขายหลากหลายชนิด และที่เหมาะสำหรับใช้ในแต่ละเขตแดนก็ล้วนมีหมด

หลายวันก่อนเขาก็เคยไปดูมาแล้ว แต่ต้องใช้แต้มคุณูปการจำนวนมหาศาล เขาจึงละความคิดที่จะซื้อจากที่นั่นไปเลย

ด้วยเหตุนี้ หลิ่วหมิงก็ได้แต่หาตำราโอสถที่เหมาะสมจากในตลาดแล้ว

และแม้กู่เจี้ยเทียนผู้นี้จะดูเป็นหนอนหนังสือไปหน่อย แต่ค่อนข้างคุ้นเคยกับตลาดเป็นอย่างดี พอรู้ความต้องการของหลิ่วหมิง เขาก็บอกชื่อร้านค้าหลายแห่ง และทำสีหน้าลึกลับในขณะที่พูดออกมา “ไปแล้วจะรู้เอง”

ครึ่งชั่วยามผ่านไป หลิ่วหมิงก็เดินออกจากร้านตรงถนนทางทิศเหนือที่มีชื่อว่า ‘เรือนจวี้หยวน’ ด้วยสีหน้าจนปัญญา

เรือนจวี้หยวนนี้ เป็นร้านที่ห้าที่เขาเข้าไปแล้ว

ร้านเหล่านี้มีตำราโอสถจำนวนไม่น้อย แต่ส่วนมากล้วนเป็นโอสถถอนพิษ รักษาอาการบาดเจ็บ และใช้ในขณะทะลวงคอขวด แม้จะมีตำราหลายชุดที่สอดคล้องกับที่ต้องกัน แต่วัตถุดิบกลับหาได้ยากเป็นอย่างยิ่ง สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย

“ตำราโอสถที่เหมาะสมกับตนเองช่างหาได้ยากจริงๆ ช่างเถอะ! มีเวลาหงุดหงิด ไม่สู้ไปหาร้านอื่นดีกว่า……” หลิ่วหมิงพูดพึมพำออกมาไม่กี่ประโยค จากนั้นก็หมุนตัวเดินเข้าไปร้านโอสถที่อยู่ข้างๆ

หนึ่งเค่อต่อมา เขาก็เดินออกมาด้วยสีหน้าผิดหวัง

“ร้านต่อไป……”

……

ด้านในห้องโถงของร้านที่มีชื่อว่า ‘เรือนไผ่หยก’ หลิ่วหมิงกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าผู้อาวุโสผมขาวคนหนึ่ง

“ตำราโอสถที่สหายต้องการ อย่าหาว่าข้าชมตนเองเลย ข้าศึกษาโอสถมาทั้งชีวิต ตำราโอสถที่ข้ารวบรวมมาก็มีอย่างน้อยหนึ่งร้อยแปดสิบอย่างแล้ว” ผู้อาวุโสผมขาวส่ายหน้า และกล่าวออกมา

“ตำราโอสถเพิ่มพลังเวท จะต้องตรงกับความต้องการของผู้ฝึกฝนระดับของเหลวขั้นปลาย” หลิ่วหมิงกล่าวอย่างราบเรียบ

“ได้ สหายรอสักครู่” ผู้อาวุโสกดยันต์เก็บของบนเอวอยู่ครู่หนึ่ง พอแสงสีขาวเปล่งประกาย ก็มีแผ่นหยกสีขาวปรากฏอยู่ในมือ

หลิ่วหมิงยื่นมือรับแผ่นหยกสีขาวมาแปะไว้บนหน้าผาก และหลับตาอย่างเงียบๆ

ผ่านไปซักพักใหญ่ๆ เขาก็ค่อยๆ นำแผ่นหยกออก และส่ายหน้าอย่างผิดหวัง

“ไม่มีหรือ? ไม่ต้องกังวลไป สหายลองดูอันนี้” ผู้อาวุโสยื่นแผ่นหยกอีกชิ้นให้

ผ่านไปครู่หนึ่ง หลิ่วหมิงก็ส่ายหน้าด้วยความผิดหวังอีกครั้ง

ไม่นาน ก็มีแผ่นหยกวางอยู่บนโต๊ะเจ็ดแปดชิ้น

หลิ่วหมิงมองดูผู้อาวุโสผมขาวที่หยิบแผ่นหยกสีแดงออกมาอีกชิ้น จนเขาอดรู้สึกเลื่อมใสไม่ได้

แม้ผู้อาวุโสจะพูดจาโอ้อวดเล็กน้อย แต่ตำราโอสถที่เขารวบรวมมามีมากจริงๆ ผลลัพธ์ของโอสถก็ไม่เลว เพียงแต่ยังห่างจากโอสถที่หลิ่วหมิงต้องการไปหน่อย

“ตำราโอสถข้างในแผ่นหยกนี้ ล้วนเป็นตำราโอสถระดับสูงจำนวนหนึ่งที่ข้ารวบรวมมาอย่างยากลำบาก บ้างก็เป็นตำราคุณภาพสูงในสมัยโบราณ” สีหน้ายิ้มแย้มในของผู้อาวุโสในก่อนหน้านั้นหายไป และเขาก็ยื่นแผ่นหยกให้หลิ่วหมิงด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

หลิ่วหมิงรู้สึกอึ้งเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้า และนำแผ่นหยกมาวางไว้บนหน้าผาก

เขาปล่อยจิตรับรู้ไปตรวจดูเนื้อหาด้านในอย่างละเอียด

หลังจากดูตำราในส่วนแรกแล้ว ล้วนเป็นสุดยอดตำราโอสถจำนวนหนึ่ง เพียงแต่วัตถุดิบส่วนมากล้วนเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน คิดว่ากว่าจะค้นหามาได้หนึ่งชุดคงไม่ใช่เรื่องง่าย อย่าพูดว่าจะเตรียมไว้หลายๆ ชุดเลย

หลิ่วหมิงถอนหายใจเบาๆ และสำรวจดูไปเรื่อยๆ ไม่รู้ผ่านไปนานเท่านั้น คิ้วของเขาก็ค่อยๆ ขยับ ดวงตาเปล่งประกายความดีใจออกมา

หลังจากผ่านไปอีกซักพัก เขาก็นำแผ่นหยกคืนให้ผู้อาวุโส

“เอา ‘โอสถผลึกเย็น’ กับ ‘โอสถจินหยวน’ ก็แล้วกัน” หลิ่วหมิงกล่าวอย่างไม่ลังเล

นับว่าเวลาไม่เคยติดค้างผู้มีความตั้งใจ หลังจากเขาหามาครึ่งวัน ในที่สุดก็หาตำราโอสถที่เหมาะสมกับความต้องการของเขาได้

“ตำราโอสถเหล่านี้เป็นโอสถที่ไม่นิยมกัน การปรุงก็ไม่ง่าย” ผู้อาวุโสมองดูหลิ่วหมิงด้วยความแปลกใจ และพูดเตือนขึ้นมา

“ขอบคุณผู้อาวุโสที่เตือน ข้าจะเอาตำราโอสถสองอย่างนี้” หลิ่วหมิงยืนยันอย่างหนักแน่น

โอสถผลึกเย็นนี้เป็นโอสถเพิ่มพลังเวทธาตุหยิน วัตถุดิบหลักที่ใช้ในการปรุงคือพืชจิตวิญญาณที่มีชื่อว่าผลผลึกเขียว และต้องมีอายุสองร้อยปีขึ้นไปถึงจะเข้าโอสถได้

ในนิกายยอดบริสุทธิ์มีพืชจิตวิญญาณอย่างผลผลึกเขียวนี้เป็นจำนวนมาก แต่ไม่มีการนำมันมาปรุงโอสถผลึกเย็น ส่วนมากใช้ทำอย่างอื่นมากกว่า

ไม่ใช่ว่าผลลัพธ์ของโอสถผลึกเย็นไม่ดี ในตรงกันข้ามโอสถชนิดนี้เหมาะสำหรับผู้ฝึกฝนระดับของเหลวขั้นปลายมาก ที่ไม่มีคนปรุงโอสถชนิดนี้เป็นเพราะว่า อัตราการปรุงสำเร็จต่ำมาก ต่อให้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถในนิกายยอดบริสุทธิ์ ก็ปรุงโอสถถึงสิบเตาถึงจะสำเร็จหนึ่งครั้ง

ส่วนผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถคนอื่นๆ ย่อมมีอัตราความสำเร็จต่ำอย่างน่าสงสาร

และแม้ว่าผลผลึกเขียวจะหาซื้อได้ในนิกาย แต่ราคาของมันในช่วงสองร้อยปีมานี้ยังคงน่าตกใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าใครก็ไม่มีหินจิตวิญญาณและกำลังทรัพย์มากพอ ที่จะซื้อพืชจิตวิญญาณจำนวนมากที่ปลูกมาเป็นร้อยปี เพื่อฝึกปรุงโอสถผลึกเย็น

ด้วยเหตุนี้ ตำราโอสถชนิดนี้ย่อมเป็นเหมือนซี่โครงไก่ที่ไม่มีรสชาติน่ากินอะไร

ส่วน ‘โอสถจินหยวน’ คือการนำแก่นบริสุทธิ์ของอสูรจินหยวนระดับของเหลวมาเป็นวัตถุดิบหลักในการปรุงโอสถฟื้นฟูพลังเวท

โอสถชนิดนี้ก็มีอัตราการปรุงสำเร็จค่อนข้างต่ำ ผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถโดยทั่วไป ก็ไม่เปิดเตาปรุงโอสถชนิดนี้โดยง่าย

หลังจากต่อรองราคากันแล้ว เนื่องจากตำราโอสถผลึกเย็นไม่ค่อยเป็นที่นิยม จึงได้มาในราคาไม่กี่พันหินจิตวิญญาณเท่านั้น

ส่วนโอสถจินหยวน แม้จะมีอัตราการปรุงสำเร็จต่ำ แต่เนื่องจากมีผลลัพธ์ไม่เลว ยังคงมีผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถจำนวนมากศึกษาอยู่ ด้วยเหตุนี้ราคาของมันจึงไม่ใช่ถูกๆ

“ตกลง! ห้าหมื่นห้าพันหินจิตวิญญาณ” ในที่สุดผู้อาวุโสก็หรี่ตากล่าวออกมา

หลิ่วหมิงพยักหน้า และหยิบหินจิตวิญญาณระดับสูงกับระดับกลางยื่นให้ผู้อาวุโสอย่างละห้าก้อน และลงนามในสัญญาเวทว่าห้ามแพร่งพรายให้กับผู้อื่น

ขณะนี้ผู้อาวุโสก็ไม่พูดอะไรมาก เขาหยิบแผ่นหยกเปล่าๆ ออกมา และเริ่มลอกเนื้อหาเข้าไป เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งถ้วยชา เขาก็โยนแผ่นหยกให้หลิ่วหมิง

หลิ่วหมิงยื่นมือไปรับแผ่นหยก และปล่อยจิตกวาดดูด้านในเล็กน้อย หลังจากมั่นใจว่าไม่มีข้อผิดพลาดแล้ว ก็กล่าวลากับผู้อาวุโส

หลังจากซื้อตำราโอสถมาได้แล้ว ความรู้สึกหนักอึ้งในใจหลิ่วหมิงก็หายไป ทันใดนั้น เขาก็เดินวนในตลาดอีกครึ่งวัน ในที่สุดก็รวบรวมวัตถุดิบสำหรับปรุงโอสถผลึกเย็นกับโอสถจินหยวนมาได้สองสามชุด

เพื่อวัตถุดิบเหล่านี้แล้ว เขาใช้หินจิตวิญญาณบนตัวจนเกือบหมดเกลี้ยง

หลังจากทำทุกอย่างนี้เสร็จ หลิ่วหมิงก็ไม่อยู่ในตลาดนานอีก เขารีบออกไปก่อนฟ้าจะมืด และกลับไปเก็บตัวในถ้ำของตนเองอย่างรวดเร็ว แต่ละวันก็เอาแต่นั่งสมาธิฝึกปราณ และรอคอยการมาปรากฏตัวของฟองอากาศลึกลับอย่างเงียบๆ

จนเวลาผ่านไปหนึ่งเดือน

วันนี้ เมื่อเม็ดทรายเม็ดสุดท้ายในรูปนาฬิกาทรายบนศิลาหุนเทียนในทะเลจิตรับรู้ของหลิ่วหมิงร่วงลงไป ทะเลจิตวิญญาณของเขาก็ค่อยๆ สั่นสะท้าน จุดแสงแวววาวเปล่งประกายออกมา ฟองอากาศโปร่งใสขนาดเท่าเม็ดถั่วปรากฏออกมาอย่างไร้สุ้มเสียง

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็นำจิตส่วนหนึ่งไปแตะมันเบาๆ

“เพล้ง!”

ฟองอากาศระเบิดออกมาทันที แรงดึงดูดที่บอกไม่ถูกทะลักออกมา

พลังเวทในร่างพวยพุ่งขึ้นมาในพริบตา และทะลักไปยังทะเลจิตวิญญาณอย่างบ้าคลั่ง ระลอกคลื่นขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ลางๆ บริเวณจุดตันเถียน

“ในที่สุดก็เริ่มแล้ว” หลิ่วหมิงถอนหายใจเบาๆ และพูดพึมพำออกมา

…………………………………

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset