ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 520 หล่อหลอมประสบการณ์ในแดนมายา

พอหลิ่วหมิงเห็นปีศาจหลานสี่ปรากฏตัวออกมา เขาก็พุ่งถอยไปด้านหลังอย่างไม่ลังเล ขณะเดียวกัน พอทำท่ามือด้วยมือเดียว ไอดำก็พวยพุ่งออกมาจากร่าง

เสียงมังกรร้องพยัคฆ์คำรามดังขึ้นมา!

มังกรหมอกดำพุ่งออกจากร่าง หลังจากหมุนวนหนึ่งรอบแล้ว ก็แยกออกเป็นสองตัว และพอกลุ่มไอดำบนศีรษะหมุนตัวติ้วๆ มันก็กลายเป็นพยัคฆ์หมอกดำขนาดใหญ่

ขณะเดียวกัน พอหลิ่วหมิงสะบัดแขนเสื้อข้างหนึ่ง ทรายทองคำร่วงก็ม้วนตัวออกไป และกลายเป็นหมอกทรายปกป้องตัวเขาไว้อย่างรวดเร็ว

ปีศาจหลานสี่น่ากลัวแค่ไหนในใจหลิ่วหมิงย่อมรู้อย่างชัดเจน เกรงว่าอาจจะเสียชีวิตได้หากไม่ระมัดระวังเพียงเล็กน้อย

ครู่ต่อมา มีคลื่นสั่นสะเทือนด้านหลังของเขา กรงเล็บปีศาจสีดำขนาดจั้งกว่าๆ ยื่นออกจากอากาศด้านหลังอย่างน่าประหลาดใจ และคว้ามายังจุดสำคัญของเขา

พอหลิ่วหมิงกระตุ้นเคล็ดวิชา หมอกทรายรอบตัวก็มีแสงสีทองหมุนวนอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ทันใดนั้น มันก็กลายเป็นกำปั้นยักษ์สีทองที่มีขนาดสองสามจั้ง และพุ่งออกไปรับกรงเล็บปีศาจสีดำ

และในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่สามารถหันหลังกลับมาได้ เท้าข้างหนึ่งถีบตัวกลางอากาศอย่างรุนแรง ร่างของเขาหยุดถอยในทันที และพุ่งออกไปด้านหน้า

“ตู้ม!”

พอกำปั้นสีทองด้านหลังปะทะกับกรงเล็บปีศาจสีดำ มันก็สลายตัวท่ามกลางเสียงระเบิด และกลายเป็นทรายทองคำปกคลุมเต็มฟ้าอีกครั้ง

และกรงเล็บปีศาจสีดำก็มีไอดำพวยพุ่งอยู่รอบด้าน จากนั้นร่างของหลานสี่ก็ปรากฏออกมา

ตอนนี้หลิ่วหมิงอยู่ห่างออกไปสิบกว่าจั้ง พอกระตุ้นท่ามือ ทรายสีทองที่ปกคลุมต็มฟ้าก็หมุนตัวติ้วๆ และม้วนตัวเข้าหาหลานสี่โดยตรง

และร่างของหลานสี่ก็สลายตัวท่ามกลางเสียงที่ดังอู้อี้ ที่แท้มันก็เป็นแค่เงาร่างปลอมเท่านั้น

ครู่ต่อมา ห่างจากหน้าหลิ่วหมิงไปหลายจั้ง พอมีเสียงดัง “ฟู่!” เงาร่างสีดำก็ปรากฏออกมา ซึ่งก็คือร่างเดิมของหลานสี่นั่นเอง

พอเขาปรากฏตัว แขนทั้งสองก็พร่ามัว กรงเล็บแหลมคมสีดำคู่หนึ่งที่มีขนาดจั้งกว่าๆ พุ่งออกจากหมอกดำในฉับพลัน และคว้ามาทางหลิ่วหมิงราวกับสายฟ้าแลบ

ภายใต้ความตกใจ หลิ่วหมิงไม่ทันได้เรียกทรายทองคำร่วงให้กลับมาป้องกันตัว พอสะบัดแขนเสื้อ มือทั้งสองต่างก็กำมุกพลังวารีไว้ข้างละเม็ด เกล็ดสีแดงโผล่ขึ้นบนแขนทั้งสองเป็นชั้นๆ และเมื่อเขาส่งเสียงคำรามออกมา มังกรหมอกดำกับพยัคฆ์หมอกดำก็กระโจนเข้าหาหลานสี่พร้อมกัน

“ฟุ่บ!” “ฟุ่บ!”

ฉากบนอากาศตรงหน้าหลิ่วหมิง กรงเล็บสีดำข้างหนึ่งของหลานสี่จับคอมังกรไว้แน่น ส่วนอีกข้างก็คว้าพยัคฆ์หมอกไว้เช่นกัน

มังกรหมอกดำกับพยัคฆ์หมอกดำประคองตัวได้เพียงครู่เดียว ก็ถูกกรงเล็บปีศาจขยี้จนสลายไป และกลายเป็นหมอกดำกระจายไปทั่วทิศ

ขณะเดียวกัน ร่างของปีศาจหลานสี่ก็เคลื่อนไหวในฉับพลัน พริบตาเดียว ก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าหลิ่วหมิง

หลิ่วหมิงได้เตรียมการไว้ในใจอยู่ก่อนแล้ว ดวงตาเผยแววเฉียบขาดออกมา กำปั้นทั้งสองชกไปทางหลานสี่ทันที

“ฟู่!”

หลานสี่เผยสีหน้าโหดเหี้ยมออกมา จากนั้นร่างของเขาก็บิดเบี้ยวหายไปทันที

หลิ่วหมิงร้องทุกข์อยู่ในใจ สุดท้ายยังไม่ทันได้หมุนตัวกลับไป ก็รู้สึกว่าอากาศบริเวณรอบๆ หนาแน่นขึ้นมาราวกับเหล็กบริสุทธิ์

จากนั้นก็มีเงาร่างมาปรากฏตรงหน้าเขา พริบตาเดียว หลานสี่ก็มาอยู่ห่างจากเขาเพียงลัดมือเดียว และพอมีภาพพร่ามัวตรงหน้า ความรู้สึกเจ็บบนไหล่ทั้งสองก็ประดังเข้ามาอย่างรุนแรง

แขนทั้งสองของเขาถูกหลานสี่ฉีกขาดจนโลหิตกระเด็นออกไป

หลิ่วหมิงรู้สึกหนักอึ้งในใจ ขณะที่ยังไม่ทันได้ตอบสนองใดๆ ก็รู้สึกเย็นที่คอจนต้องทะยานขึ้นฟ้าในทันที และฉากบริเวณรอบๆ ก็หมุนวนอย่างรวดเร็ว

ครู่ต่อมา ดวงตาทั้งคู่ของเขาก็จมดิ่งเข้าไปในความมืด

พอมีเสียงดัง “หวึ่ง!” ในสมองของหลิ่วหมิง เขาก็ลืมตาทั้งคู่ในทันที และค้นพบว่าตนเองกลับมาอยู่ในห้องว่างเปล่าลึกลับสีเทาแล้ว

ขณะนี้สีหน้าของเขาซีดขาวมาก มือข้างหนึ่งกดอยู่บนศิลาหุนเทียนตรงหน้า แต่ความอ่อนแอถูกส่งออกมาจากสมองอยู่ไม่หยุด ประจักษ์ชัดว่าการเปิดดวงตามายาปีศาจ ทำให้เขาสูญหายพลังจิตไปไม่น้อย

เขาหดแขนกลับมา และเดินไปนั่งขัดสมาธิตรงมุมหนึ่งโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เขาใช้พรสวรรค์หนึ่งจิตสองพลัง ด้านหนึ่งฟื้นฟูพลังจิต อีกด้านก็นึกถึงฉากที่ต่อสู้กับปีศาจหลานสี่

เทียบกับดวงตามายาปีศาจที่หลัวโหวเปิดให้เขาต่อสู้กับปีศาจหลานสี่ในครั้งก่อน จนเขาเกือบจะถูกฆ่าตายในพริบตาแล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่ครั้งนี้ทะลวงระดับของเหลวขั้นปลาย จนพลังเวทและพลังกายเพิ่มขึ้นมาไม่น้อยแล้ว อย่างน้อยก็ทำให้เขายืนหยัดได้นานขึ้นสองสามอึดใจ

แน่นอน! หลิ่วหมิงย่อมไม่พอใจเพียงแค่นี้ ในสมองของเขาปรากฏภาพการต่อสู้อยู่ตลอดเวลา และเขาก็พิจารณาทุกรายละเอียดและความสะเพร่าในนั้นอย่างละเอียด

เพราะการต่อสู้กับผู้แข็งแกร่ง เพียงแค่มีข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อย อย่างเบาก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัส อย่างหนักก็อาจจะเสียชีวิตในการต่อสู้ทันที

หลังจากเขานั่งสมาธิอยู่เช่นนี้ จนไปผ่านไปสองวัน ก็รู้สึกว่าพลังจิตฟื้นขึ้นมามาก

ตอนนี้เขาวางแผนอย่างละเอียดอีกครั้ง นอกจากนี้ยังมีแผนใหม่สำหรับวิธีการต่อสู้

หลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองเสร็จ ก็ถอนหายใจออกมายาวๆ จากนั้นก็เดินไปยังศิลาหุนเทียนอีกครั้ง

……

หนึ่งเดือนผ่านไป

บนพื้นราบเรียบแห่งหนึ่ง เงาร่างสีเขียวกำลังกระโดดไปมาบนเสาหินสีขาวเทาขนาดสูงใหญ่อย่างรวดเร็ว

ห่างจากด้านหลังของเขาไปสิบกว่าจั้ง เงาร่างสีดำก็ตามติดมาอย่างรวดเร็ว

ดูเหมือนเงาร่างสีดำจะไม่สนใจเสาหินตรงหน้า ระหว่างที่สะบัดแขน เสาหินจำนวนมากก็ถูกโจมตีจนแตกกระจาย

ชั่วเวลานั้น มีเสียงดังโครมครามดังขึ้นในป่าหินอย่างต่อเนื่อง เศษหินทรายกระเด็นไปทั่วทิศ

การแลกมือสิบกว่าครั้งในก่อนหน้า สามารถพูดได้ว่าหลิ่วหมิงได้ใช้วิธีการจนหมดสิ้นแล้ว

ทั้งสองก็คือหลิ่วหมิงกับหลานสี่นั่นเอง

แต่ทว่าไม่ว่าจะเป็นวิชาขี่กระบี่ ทรายทองคำร่วง หรือว่าเคล็ดวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬ ก็ไม่อาจทำร้ายหลานสี่ได้เลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่งมุกพลังวารีกับเกล็ดสีแดงรวมพลังกันโจมตี ก็เพียงแค่พอที่จะต้านทานการโจมตีของกรงเล็บปีศาจได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ด้วยเหตุนี้ ครั้งนี้เขาจึงตัดสินใจเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ ลองดูว่าสามารถหลบหนีได้นานแค่ไหน

เพราะในระหว่างการต่อสู้ หากสู้ไม่ชนะก็ต้องหนี ซึ่งเป็นวิธีการที่สามารถรักษาชีวิตไว้ได้

ลำพังแค่ความเร็ว แม้หลิ่วหมิงจะรู้ว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลานสี่ แต่อาศัยพื้นที่ซับซ้อนของป่าหิน ทำการเคลื่อนไหวหลบหลีกอย่างรวดเร็ว จึงรักษาระยะห่างระหว่างเขากับหลานสี่ได้หลายสิบจั้ง

แต่หลังจากออกจากป่าหินแล้ว ก็ขาดสิ่งที่ใช้บดบังสายตา ทำให้ระยะห่างของทั้งสองค่อยๆ ลดน้อยลง

ในขณะที่ทั้งสองอยู่ห่างกันไม่เกินสิบกว่าจั้งนั้น หลิ่วหมิงที่อยู่ตรงหน้าก็หยุดลงอย่างกระทันหัน และหันตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน กระบี่เล็กสีแดงก็พุ่งออกจากแขนเสื้อ

เกิดเสียงดังก้องฟ้าในทันที กระบี่เล็กสีแดงส่งเสียงดังกังวานออกมา จากนั้นก็ขยายใหญ่ตามลม จนกลายเป็นรุ้งกระบี่สีแดงที่มีขนาดสองสามจั้ง และพุ่งเข้าหาหลานสี่พร้อมกับฝุ่นทรายที่ม้วนตัวขึ้นมา

ปีศาจหลานสี่เพียงแค่บิดตัวเล็กน้อย สายรุ้งสีแดงก็แฉลบผ่านข้างตัวไป ซึ่งทำลายได้แค่ไอปีศาจบนตัวเขาเล็กน้อยเท่านั้น แต่พริบตาเดียว ไอปีศาจก็กลับมาผสานกันดังเดิม

ครู่ต่อมา ร่างของหลานสี่ก็ปรากฏอยู่ห่างออกไปสองสามจั้ง

ขณะนี้ หลิ่วหมิงจะกระตุ้นกระบี่จิตวิญญาณให้กลับมาก็ไม่ทันแล้ว

เขาครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว มือทั้งสองประกบเข้าด้วยกัน และกัดลิ้นพ่นโลหิตบริสุทธิ์ออกมาจำนวนมาก มันกลายเป็นหมอกโลหิตปกคลุมมุกกลมๆ สีดำไว้ในพริบตา

แสงโลหิตเปล่งประกายบนผิวมุกกลมๆ  ค่ายกลยี่สิบกว่าหลังปรากฏออกมาอย่างพร่ามัว

ไอดำทะลักออกจากแขนทั้งสองของหลิ่วหมิงอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็โยนมุกพลังวารีไปด้านหลังอย่างรุนแรง

พอมีเสียงระเบิดดังขึ้น มุกกลมๆ ก็กลายเป็นแสงสีดำพร่ามัว และพุ่งออกไปด้านหลัง

หลานสี่เห็นเช่นนี้ก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมา และคว้าไปยังแสงสีดำที่กลายร่างมาจากมุกพลังวารี

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ แววตาก็ดูเฉียบขาดขึ้นมา และเปลี่ยนท่ามือในทันที

มุกพลังวารีสั่นสะเทือนเบาๆ กลุ่มแสงที่สร้างขึ้นมาก็ระเบิดตัวกลางอากาศ ก่อให้เกิดไอน้ำสีดำอันพวยพุ่ง และม้วนตัวหลานสี่ที่ไม่ทันได้ป้องกันเข้าไปในนั้น

หลังจากมีเสียงแผดร้องภายในไอน้ำสีดำ ปีศาจหลานสี่ก็พุ่งออกมา ตอนนี้เขามีบาดแผลเต็มตัว ขณะเดียวกัน ฝ่ามือที่ยื่นออกมาในก่อนหน้านั้น ก็มีโลหิตไหลอยู่ตลอดเวลา

แต่ครู่ต่อมา ไอปีศาจสีดำก็พุ่งออกจากบาดแผลบนตัวเขา ชั่วเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ มันก็สมานกันดังเดิม

แต่การกระทำนี้เห็นได้ชัดว่าปีศาจหลานสี่ถูกกระตุ้นจนโมโหถึงขีดสุด

ดวงตาสีดำทั้งคู่ของเขาเป็นประกาย และคำรามเสียงออกมา จากนั้นก็พุ่งไปด้านหน้าติดต่อกัน และกระพริบหายไปทันที

หลิ่วหมิงรู้สึกว่ามีพายุบ้าระห่ำม้วนตัวเหนือศีรษะ จากนั้นกรงเล็บปีศาจสีดำก็คว้าลงมาท่ามกลางเสียงที่ดังกึกก้อง

สีหน้าหลิ่วหมิงเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก เขารีบทำท่ามืออย่างรีบเร่ง จากนั้นโล่เล็กสีดำก็พุ่งออกจากร่างของเขา และหมุนติ้วๆ กลายเป็นโล่กระดูกขนาดใหญ่

หัวกะโหลกทั้งเก้าปรากฏขึ้นบนโล่พร้อมกัน หลังจากส่งเสียงแปลกประหลาดออกมา มันก็พุ่งใส่กรงเล็บยักษ์กลางอากาศ

ขณะนี้ หลิ่วหมิงพุ่งถอยไปด้านหลังอีกครั้ง

“เพล้ง!”

เงาหัวกะโหลกจำนวนมากเปล่งประกายและดับลงในพริบตา หลิ่วหมิงรู้สึกเย็นบริเวณหน้าอก กรงเล็บปีศาจสีดำอีกข้างพุ่งทะลุเข้ามาจากด้านหลัง

ในใจเขารู้สึกหนักอึ้งทันที พอหันหน้ากลับไปดู ก็ค้นพบว่าปีศาจหลานสี่มาปรากฏตัวอยู่ข้างหลัง และภายใต้การจ้องมองด้วยสายตาอันโหดเหี้ยมของฝ่ายตรงข้าม เขาก็สูญเสียการรับรู้ในเวลาต่อมา

……

แปดเดือนต่อมา ยังคงอยู่ในป่าหินแห่งนี้

อากาศที่อยู่สูงขึ้นไปจากเนินเขาเล็กๆ ลูกหนึ่งสิบกว่าจั้ง ลูกกลมๆ สีทองขนาดสองสามจั้งกำลังหมุนตัวกลางอากาศอย่างรวดเร็ว

ขณะนั้นเอง มีเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดดังออกมา ไอหมอกสีดำพุ่งทะลักออกจากลูกกลมๆ สีทองเป็นจำนวนมาก

ทันใดนั้น ลูกกลมๆ สีทองก็ระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ และกลายเป็นทรายทองคำปกคลุมเต็มฟ้า

มังกรหมอกดำกับพยัคฆ์หมอกดำปรากฏออกมา แต่พริบตาเดียวก็สลายไป

หลังจากไอหมอกดำสลายไปแล้ว ก็มีเงาร่างคนสองคนร่วงลงมา ซึ่งก็คือหลิ่วหมิงกับหลานสี่นั่นเอง

ขณะนี้หลิ่วหมิงมีสีหน้าซีดขาวไร้ซึ่งโลหิต และมีรูขนาดฉื่อกว่าๆ บริเวณหน้าอก มีไอปีศาจสีดำลอยวนอยู่บริเวณรูบาดแผล

เขาฝืนความเจ็บปวดลืมตาข้างหนึ่งมองหลานสี่ที่มีสภาพไม่สมบูรณ์ และไร้ซึ่งความรู้สึกอยู่กลางอากาศ จากนั้นมุมปากของเขาก็ค่อยๆ ยกขึ้นมาเล็กน้อย

ครู่ต่อมา เขาก็มาปรากฏตัวในห้องว่างเปล่าลึกลับด้วยสีหน้าซีดขาว

เป็นครั้งแรกที่หลิ่วหมิงสังหารปีศาจหลานสี่ได้หลังจากต่อสู้มาเจ็ดสิบกว่าครั้ง แม้จะเป็นการตายตกไปพร้อมกัน ซึ่งไม่เหมาะกับการใช้ในสถานการณ์จริง แต่เทียบกับก่อนหน้านั้นแล้ว ย่อมถือว่าก้าวหน้าขึ้นมาเป็นอย่างมาก

เพราะพลังของหลานสี่หลังจากกลายร่างเป็นปีศาจแล้ว ต่อให้เป็นผู้ฝึกฝนระดับผลึกขั้นกลางถึงขั้นปลายโดยทั่วไป ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถทำให้เขาตายไปพร้อมกันเหมือนกับหลิ่วหมิงได้

แน่นอน! นี่ก็หมายความว่าพลังที่แท้จริงของเขาแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกฝนระดับผลึกขั้นกลางถึงปลายโดยทั่วไปมากนัก ที่เขาสามารถทำได้ขนาดนี้ เพราะว่าผ่านการต่อสู้มาหลากหลายครั้ง

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เทียบกับความสามารถในการต่อสู้ที่แท้จริงของเขาก่อนที่จะเข้าสู่การฝึกฝนในแดนมายาแล้ว ยังคงแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

ผู้ฝึกฝนระดับผลึกขั้นกลางถึงขั้นปลายไม่อาจพูดได้ แต่หากเผชิญกับคู่ต่อสู้ระดับผลึกขั้นต้นโดยทั่วไป คงจะมีความมั่นใจเจ็ดถึงแปดในการสังหารฝ่ายตรงข้ามได้

หลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองอยู่เช่นนี้ จากนั้นก็เดินไปยังมุมหนึ่งของห้องว่างเปล่า และนั่งหลับตาเข้าสมาธิต่อ

………………………………

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset