ในขณะเดียวกัน ณ ห้องรับรองแห่งหนึ่งในป้อมตระกูลสวี่ หัวหน้าตระกูลสวี่กับผู้อาวุโสหลายท่านกำลังรวมตัวกันอยู่ที่นี่ และกำลังหารืออะไรกันอยู่
“พี่ใหญ่ ท่านฑูตหลิ่วผู้นี้พาสวี่เย่ล่วงหน้าไปก่อน คงไม่เกิดเรื่องไม่คาดคิดขึ้นหรอกนะ! อย่างที่รู้ว่าปีศาจสองตัวนั้นร้ายกาจมาก หากคนผู้นี้เป็นอะไรไป นิกายยอดบริสุทธิ์สอบสวนลงมา…..” สวี่ไคหยางพูดกับผู้อาวุโสผอมแห้งด้วยความกังวลใจ
“อันนี้……คงไม่หรอกมั้ง! ในเมื่อคนผู้นี้ถือดีเช่นนี้ คิดว่าคงจะมีฝีมืออยู่บ้าง ยิ่งไปกว่านั้น สวี่เย่ก็เป็นคนที่ระมัดระวังมาก พลังป้องกันของโล่เบญจดาราก็ค่อนข้างไม่ธรรมดา ต่อให้จะสู้กับปีศาจไม่ได้ ก็คงกลับมาได้อย่างปลอดภัย” ผู้อาวุโสร่างผอมแห้งลูบหนวดไปมา และค่อยๆ กล่าวออกมา
อาจเป็นเพราะคำปลอบใจของคนผู้นี้ได้ผล ผู้อาวุโสที่อยู่ที่นั่นต่างก็มีสีหน้าผ่อนคลายลง ประจักษ์ชัดว่าก่อนหน้านั้นก็วิตกกังวลเช่นกัน
ผู้อาวุโสผอมแห้งยิ้มในใจอย่างขมขื่น ไหนเลยเขาจะไม่กังวลในเรื่องนี้
ก่อนหน้านั้นเขาเคยใช้จิตกวาดดู และค้นพบว่าหลิ่วหมิงผู้นั้น ก็เป็นแค่ผู้ฝึกฝนระดับของเหลวขั้นกลางเหมือนกับเขาเท่านั้น
แต่ในเมื่อหลิ่วหมิงยืนกรานเช่นนี้ เขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้ หากทำให้คนผู้นี้โมโหล่ะก็ คงไม่ดีเป็นแน่แท้
“ไคหยาง สั่งการลงไป เปิดชั้นจำกัดทั้งหมดของป้อมตระกูลสวี่ นอกจากนี้ให้ปล่อยอินทรีตาแดงทั้งหมดไประวังการเคลื่อนไหวในเขตขุดแร่ หากมีเหตุที่ไม่คาดคิด พวกเราก็ไม่อาจไม่สนใจสหายหลิ่วได้ จะต้องรีบไปช่วยทันที” ผู้อาวุโสผอมแห้งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวกับหัวหน้าตระกูลสวี่
“เช่นนี้ก็มีความมั่นใจขึ้นแล้ว” สวี่ไคหยางตอบรับด้วยความยินดียิ่ง และรีบสั่งการลงไปทันที
……
ขณะที่คนตระกูลสวี่เป็นกังวลอยู่นั้น หลิ่วหมิงทั้งสองก็มาถึงสายแร่ตระกูลสวี่ที่อยู่ทางด้านตะวันออกของเขาชังหมาน
สายแร่แห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขาแห่งหนึ่ง ภูเขารอบๆ ล้วนมีร่องรอยของการขุดเจาะ บริเวณที่มองผ่าน ล้วนเป็นต้นไม้ที่ถูกทำลายกับเศษหินที่กองอยู่เต็มพื้น
ทั้งสองเดินอยู่ในหุบเขาราวๆ ชั่วเวลาหนึ่งมื้อข้าว ก็มาถึงหน้าถ้ำเหมืองแร่ที่มีขนาดหลายจั้ง
ท่อนไม้กลมๆ ขนาดใหญ่จำนวนหนึ่งค้ำยันอยู่หน้าปากถ้ำอย่างลวกๆ พอมองเข้าไปด้านใน จะเห็นว่ามันมืดสลัวๆ เหมือนกับว่าจะลึกลงไปด้านล่าง
“สหายหลิ่ว ปีศาจสองตัวนั่นซ่อนอยู่ในส่วนลึกของถ้ำเหมืองแร่แห่งนี้” สวี่เย่ที่แต่งตัวเหมือนบัณฑิตจ้องมองข้างในทีหนึ่ง และกระตุกหางตาขึ้นมา
หลิ่วหมิงได้ยินก็พยักหน้า และสาวเท้าเข้าไปด้านใน
“ปีศาจสองตัวนั้นลึกลับซับซ้อนเป็นอย่างมาก สหายจะต้องระวังตัวด้วย” บัณฑิตวัยกลางคนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดเตือนออกไป
“ไม่เป็นไร! ข้ารู้ว่าจะต้องทำอย่างไร” หลิ่วหมิงหันมามองคนผู้นี้ทีหนึ่ง หลังจากยิ้มให้เล็กน้อยแล้ว ก็เดินเข้าไปทันที
ชายวัยกลางคนกัดฟัน และจับโล่เล็กๆ ไว้แน่น จากนั้นก็ตามเข้าไปทันที
ทางเดินในถ้ำคดเคี้ยวและขรุขระมาก มันลาดเอียงลงไปยังด้านล่าง
มีหินเรืองแสงเลี่ยมฝังอยู่ระหว่างทางเป็นระยะๆ ดังนั้นที่นี่จึงไม่ค่อยไม่มืดสลัวมาก แต่ทั้งสองล้วนเป็นผู้ฝึกฝนระดับของเหลว ต่อให้จะอยู่ท่ามกลางความมืดสลัว ก็ปล่อยจิตออกไปคลำหาเส้นทางได้
ทั้งสองเดินไปได้ราวๆ ชั่วเวลาหนึ่งเค่อ ก็มาถึงพื้นดินที่ลึกลงไปหลายสิบจั้ง
“ภายใต้ถ้ำเหมืองแร่แห่งนี้ มีปราณหยินอยู่ไม่น้อย คงจะขุดหินธาตุหยินกันใช่หรือไม่?” ขณะที่เดินไปด้วย หลิ่วหมิงก็ปล่อยจิตกวาดดูรอบด้าน และรับรู้ได้ว่าอากาศในสถานที่แห่งนี้ มีปราณหยินแฝงอยู่บางส่วน จึงกล่าวออกมาอย่างราบเรียบ
“สหายหลิ่วหลักแหลมมาก ไม่นานมานี้ได้ค้นพบสายแร่หินดำในส่วนลึกของถ้ำเหมืองแร่ ก่อนเกิดเรื่องนี้ขึ้นก็กำลังทำการขุดอยู่” เห็นได้ชัดว่าบัณฑิตวัยกลางคนรู้สึกตื่นเต้นมาก เขาใช้จิตสำรวจดูรอบด้านไม่หยุด
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ไม่แปลกที่ปีศาจสองตัวนั่นจะครอบครองสายแร่ส่วนลึก” หลิ่วหมิงยิ้มเล็กน้อย และมองเข้าไปในความมืดเบื้องหน้า จากนั้นก็ใช้มือตบผนังหินด้านหนึ่งเบาๆ
หลังจากทั้งสองเดินไปอีกซักพัก ตรงจุดสิ้นสุดทางเดินข้างหน้าก็กลายเป็นทางสามแยก
ภายใต้การนำทางของบัณฑิตวัยกลางคน ทั้งสองก็เดินไปทางขวา หลังจากวนไปหนึ่งรอบ เพดานถ้ำที่สูงหลายจั้งก็ค่อยๆ ลดลงเหลือจั้งกว่าๆ ปราณหยินรอบด้านก็หนาแน่นขึ้นมามาก
“ที่นี่เป็นอาณาเขตที่ปีศาจสองตัวนั้นเคลื่อนไหวแล้ว” บัณฑิตวัยกลางคนพูดเตือนไปหนึ่งประโยค ขณะเดียวก็หยิบยันต์สีเขียวหยกออกมาผืนหนึ่ง
แต่เขายังพูดไม่ทันจบหลิ่วหมิงที่อยู่ด้านข้างก็ขยับตัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นไหล่ของชายวัยกลางคนก็ตึงขึ้นมาในฉับพลัน เท้าทั้งสองลอยขึ้นจากพื้น และพุ่งออกไปด้านหลังหลายจั้ง
ขณะเดียวกัน พายุเย็นสะท้านก็พัดระใบหน้าไป!
มือปีศาจสีดำที่ปรากฏออกมาอย่างเงียบๆ ดูเหมือนจะแฉลบผ่านร่างพวกเขาไป
“ฟู่!”
มือปีศาจลากเส้นสีดำกลางอากาศห้าเส้น และผนังถ้ำบริเวณนี้ก็ราวกับเป็นก้อนเต้าหู้ ซึ่งถูกข่วนเป็นรอยกรงเล็บลึกๆ ห้ารอย
“ขอบคุณพี่หลิ่ว”
บัณฑิตวัยกลางคนเพิ่งจะได้สติขึ้นมา เขากล่าวขอบคุณติดต่อกัน แต่ใบหน้าของเขากลับซีดขาว และแผ่นหลังก็เต็มไปด้วยเหงื่อเย็น
หากหลิ่วหมิงไม่ลากเขาออกไป ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ทันได้ระวังตัวเช่นนี้ เขาคงถูกโจมตีจนเสียชีวิตไปแล้ว
หลิ่วหมิงทำราวกับไม่ได้ยิน และจ้องมองด้านหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ทางเดินตรงหน้า ไม่รู้ว่ามีไอหมอกดำหนาแน่นปรากฏออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ภายในหมอกดำมีร่างพร่ามัวขนาดใหญ่ ดวงตาสีแดงทั้งคู่ดูโดดเด่นเป็นพิเศษ และกำลังจ้องมองหลิ่วหมิงทั้งสองอยู่
พอบัณฑิตวัยกลางคนเห็นเงาปีศาจในหมอกดำ ก็ร้องออกมาด้วยความตกใจ เขารีบขยี้ยันต์ในมือจนแตกกระจาย ม่านแสงสีเขียวรูปไข่ไก่โผล่ออกมาจากตัว ขณะเดียวกัน เขาก็ร่ายคาถาจนทำให้โล่เล็กในมือขยายใหญ่ขึ้นมาหลายเท่า และลอยขึ้นมาบังอยู่ตรงหน้า
หลิ่วหมิงยกมือข้างหนึ่งโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง คมวายุสีเขียวขนาดฉื่อกว่าๆ จำนวนมากพุ่งยิงออกไป ขณะเดียวกัน มืออีกข้างก็สะบัดแขนเสื้อ และกระบี่เล็กสีแดงก็ลอยออกมา
เงาร่างปีศาจสั่นไหวเล็กน้อย หมอกดำตรงหน้าพวยพุ่งอยู่ครู่หนึ่ง พริบตาเดียวก็เกาะตัวเป็นกำแพงหมอกสีดำ
คมวายุจมหายไปในนั้นราวกับดินเหนียวจมลงในทะเล โดยไม่มีสุ้มเสียงใดๆ เลยแม้แต่น้อย
กำแพงหมอกดำส่งเสียงดัง “ตู้ม!” และระเบิดตัวออกมา จากนั้นก็กลายเป็นหมอกดำม้วนตัวเข้าหาหลิ่วหมิงทั้งสอง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็สะบัดข้อมือทันที กระบี่เล็กสีแดงสั่นไหวเบาๆ ปลายกระบี่เปล่งแสงกระบี่สีแดงเจิดจ้าออกมา
“ไป!”
พอเขาส่งเสียงคำรามออกมา แสงกระบี่ลำหนึ่งที่ยาวสามสี่จั้งก็พุ่งออกจากกระบี่เล็ก และทะลุหมอกดำไปราวกับสายรุ้งที่พาดผ่านดวงอาทิตย์
“ฟิ้ว!”
แสงกระบี่ทะลุหมอกดำโดยไม่หยุดชะงัก และฟันใส่เงาปีศาจที่อยู่ด้านหลัง
ดูเหมือนว่าดวงตาแดงก่ำของเงาปีศาจจะเผยความหวาดกลัวออกมา มันพ่นหมอกดำเข้มข้นออกมาสองสามที จึงพอที่จะต้านทานแสงกระบี่สีแดงได้ชั่วคราว ส่วนตัวมันเองก็กลายเป็นพายุสีดำพุ่งออกไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
แสงกระบี่ประสานไปมากับหมอกดำ ในที่สุดก็ดับสลายไปพร้อมกัน
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้ไล่ตามไป
เงาปีศาจเพิ่งจะหนีออกไปได้สิบกว่าจั้ง ผนังถ้ำด้านหนึ่งก็พลันระเบิดออกมา ขณะเดียวกัน ไหมสีเขียวจำนวนมากก็พุ่งยิงออกมา และกลายเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ปกคลุมไปยังเงาร่างปีศาจ
เงาปีศาจไม่ทันได้ระวัง และถ้ำเหมืองแร่ก็คับแคบจนไม่อาจหลบหลีกได้ จึงได้แต่ส่งเสียงร้องแหลมกระตุ้นหมอกดำรอบตัวให้ปกคลุมตนเองไว้ เพื่อต้านทานการโจมตี
“ฟู่!”
ตาข่ายสีเขียวกระพริบผ่านไป มันปกคลุมเงาปีศาจและไอดำรอบตัวมันไว้
มีเสียงหัวเราะแปลกประหลาดดังมาจากผนังถ้ำ พอแสงสีดำเปล่งประกายออกมา อะไรบางอย่างที่มีลักษณะคล้ายศีรษะกลมๆ ก็พุ่งออกมา
มันคือหัวบินนั่นเอง!
หลังจากหลิ่วหมิงเข้ามาในถ้ำเหมืองแร่แล้ว ที่เขาดูเหมือนจะตบผนังถ้ำอย่างไม่ใส่ใจนั้น ที่แท้ก็ได้แอบปล่อยหัวบินกับแมงป่องกระดูกออกมา และแฝงตัวมาตลอดทาง
และมีผู้ช่วยระดับของเหลวขั้นปลายสองตัว เขาถึงไม่กลัวปีศาจสองตัวนี้
พอได้ยินเสียงร้องของหัวบิน หลิ่วหมิงก็ค่อยๆ ยิ้มออกมา ขณะที่กำลังจะกระโดดเข้าไปหานั้น เขาก็ต้องขมวดคิ้วในฉับพลัน จากนั้นก็พร่ามัวหายไปจากที่เดิม
และในขณะเดียวกัน หมอกดำอีกกลุ่มก็ปรากฏตรงด้านหลังอย่างกะทันหัน และพุ่งทะลุภาพเงาร่างของเขาไป
“สหายหลิ่วระวัง นี่คือปีศาจอีกตัว!”
เหตุการณ์ในก่อนหน้านั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้บัณฑิตวัยกลางคนเพิ่งจะได้สติขึ้นมา พอเห็นหลิ่วหมิงหลบการโจมตีของเงาปีศาจอีกตัวได้ เขาก็หลุดปากตะโกนออกมาอย่างอดไม่ได้ และพอเขาโบกมือ แท่งแหลมๆ สีเงินก็โผล่ออกมา
แต่ผู้อาวุโสตระกูลสวี่ผู้นี้ยังไม่ทันได้ปล่อยอาวุธจิตวิญญาณออกไป หลิ่วหมิงก็ดูเหมือนจะสะบัดข้อมืออย่างไม่ใส่ใจ เงากระบี่ปรากฏออกมาอย่างแน่นขนัด และม้วนตัวออกไปราวกับเป็นเขาลูกเล็กๆ
เกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น!
แสงสีแดงจำนวนมากยิงทะลุหมอกดำ และแหวกมันออกมา เผยให้เห็นรูปร่างของปีศาจที่อยู่ด้านใน
มันมีใบหน้าสีดำ คมเขี้ยวยื่นออกมานอกปาก ดวงตาทั้งคู่ดุจดังกระดิ่งทองแดง บนตัวมีเส้นขนหนาๆ ปกคลุมไปทั่ว นิ้วมือนิ้วเท้าโค้งงอราวกับจมูกเหยี่ยว
“ที่แท้ก็เป็นปีศาจหน้าดำ” หลิ่วหมิงกวาดสายตาดู และพูดพึมพำออกมา
บนตัวปีศาจตัวนี้เต็มไปด้วยบาดแผล ประจักษ์ชัดว่ามันได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีเมื่อครู่ไม่น้อย แต่กลับไม่มีเลือดไหลออกมาสักหยด มีเพียงแค่หมอกดำลอยออกมาเท่านั้น
ปีศาจหน้าดำเบิกตาโพลงจ้องมองหลิ่วหมิง สีหน้าของมันดูหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ทันใดนั้น มันก็หมุนตัวเพื่อจะหนีไปยังส่วนลึกของถ้ำ
แต่ขณะนั้นเอง พลันมีแสงสีม่วงเปล่งประกายบนพื้นที่มันยืน ก้ามยักษ์คู่หนึ่งพุ่งทะลุดินขึ้นมา และหนีบขาทั้งสองของปีศาจอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ
ปีศาจหน้าดำตกใจจนหน้าถอดสี หลังจากส่งเสียงคำรามออกมาแล้ว ขาทั้งสองก็พยายามดิ้นรน และกรงเล็บอัปลักษณ์อันแหลมคมก็คว้าไปยังก้ามยักษ์อย่างบ้าคลั่ง
แต่หลังจากมีเสียงดัง “เพล้ง!” “เพล้ง!” อยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก้ามยักษ์สีเงินก็ไม่มีการเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย แม้กระทั่งบนพื้นผิวของมันก็ไม่มีร่องรอยใดๆ ทิ้งไว้เลย
ครู่ต่อมา มีไอหมอกสีม่วงเข้มลอยออกจากก้ามยักษ์ พอมันสัมผัสกับเท้าทั้งสอง ผิวหนังและเลือดเนื้อของปีศาจหน้าดำก็เน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว
ปีศาจหน้าดำส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนา หมอกดำบนร่างพวยพุ่ง กรงเล็บทั้งคู่ขยายใหญ่หนึ่งเท่ากว่าๆ และโจมตีก้ามยักษ์อย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ยังคงทำอะไรก้ามยักษ์ไม่ได้เลย
ขณะนั้น มีเสียงดัง “ฟิ้ว!”
เงาแวววาวยิงเข้ามาจากด้านหลังปีศาจหน้าดำอย่างรวดเร็ว มันพร่ามัวแค่ทีเดียว ก็แทงทะลุหัวของมัน
…………………………………