ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 539 งานประมูลใหญ่

“ฮึ! เจ้าไม่ได้มีชื่อว่ารู้เรื่องทุกอย่างในตลาดฉางหยางหรอกหรือ ชายฉกรรจ์หน้าดำผู้นั้นออกจากตลาดไปแล้วหรือไม่นั้น เจ้าก็ไม่สามารถสืบได้หรือ?” บัณฑิตหนุ่มทำเสียงฮึดฮัดแล้วกล่าวท่าทีไม่พอใจเป็นอย่างมาก

ประจักษ์ชัดว่าศิษย์สำนักเฮ่าหรานผู้นี้ ยังคงไม่ลืมเรื่องไข่หนอนกลายพันธ์ุนั้น

“รับทราบ! ขอคุณชายให้เวลาข้าน้อยอีกหน่อย ข้าน้อยจักต้องหาที่มาของคนผู้นี้ได้อย่างแน่นอน” ชายร่างผอมกล่าวด้วยความรู้สึกที่เย็นสะท้าน

“ดีมาก! หากสืบที่มาของคนผู้นี้ไม่ได้ เจ้าก็อย่าได้มาปรากฏตัวต่อหน้าข้าอีก” บัณฑิตหนุ่มระงับโทสะไว้ และตบตั่งวางน้ำชาทีหนึ่ง จากนั้นก็เดินขึ้นไปบนชั้นสอง

……

ขณะเดียวกัน ภายในห้องลับของร้านค้าที่ดูธรรมดาในบริเวณนั้น หญิงชุดม่วงที่ดูโดดเด่น กำลังชื่นชมตะพาบน้ำสีทองขนาดเท่าฝ่ามือในมือ และด้านหลังของนางก็มีผู้อาวุโสชุดดำที่มีสีหน้าอ่อนโยนยืนอยู่

“ท่านผู้เฒ่าเฉียว สำหรับคลื่นปราณจิตวิญญาณเมื่อครู่ ท่านมองเห็นอะไรหรือไม่?” หญิงสาวชุดม่วงหันมามองผู้อาวุโสทีหนึ่ง และกล่าวออกมาอย่างราบเรียบ

“เรียนคุณหนู จากการคาดเดาของคนแก่อย่างข้า คงจะมีคนหลอมอาวุธจิตวิญญาณหรือโอสถที่หาได้ยากออกมา ข้าเป็นผู้เชี่ยวชาญการปรุงโอสถคนหนึ่ง แต่ก่อนที่โชคดีปรุงโอสถพสุธาที่มีลายโอสถห้าเส้นออกมาได้นั้น ก็เคยเกิดปรากฏการณ์ที่ใกล้เคียงกัน ในขณะที่หลอมอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดที่มีชั้นกำจัดค่อนข้างสูง ก็มีเหตุการณ์เกิดขึ้นคล้ายๆ กัน แม้คนผู้นี้จะใช้ชั้นจำกัดปิดกั้นคลื่นสั่นสะเทือนส่วนมากไว้ได้ แต่ในเมื่อมาจากร้านหลอมอาวุธของนิกายยอดบริสุทธิ์ คิดว่าคงเป็นอย่างหลังแล้ว” ผู้อาวุโสชุดดำโค้งตัวเล็กน้อย และค่อยๆ อธิบายออกมา

“ท่านผู้เฒ่าเฉียว ขอท่านส่งคนไปตรวจสอบดูหน่อยว่า ช่วงนี้ทางนิกายยอดบริสุทธิ์ส่งผู้เชี่ยวชาญการหลอมอาวุธท่านใดมาประจำการที่นี่หรือไม่” หญิงชุดม่วงคิดไตร่ตรองเล็กน้อย และสั่งออกไป

“รับทราบ! ข้าจะส่งคนไปจัดการเดี๋ยวนี้” ผู้อาวุโสชุดดำคารวะทีหนึ่งแล้วก็เดินออกจากห้องลับไป

……

เวลาที่เหลือ นอกจากหลิ่วหมิงจะมาร้านค้าของมนุษย์เผ่าค้างคาวหนึ่งครั้ง เพื่อนำโอสถธรรมดาสามสิบเม็ดกับโอสถพสุธาสี่เม็ดที่มีลายโอสถสี่เส้นไปแลกกับหินจิตวิญญาณกว่าสามล้านก้อนแล้ว เขาก็ใช้เวลาส่วนมากประจำการอยู่ในหอร้อยหลอม

แม้เถ้าแก่เผ่าค้างคาวผู้นั้น จะรู้สึกแปลกใจที่หลิ่วหมิงปรุงโอสถพสุธาออกมาได้เร็วเช่นนี้ แต่ก็คิดว่าคงเป็นเพราะผลผลึกเขียวพันปีเหล่านั้น

แม้จะรู้สึกประหลาดใจมาก และก็ไม่ถึงกับรู้สึกตะลึงพรึงเพริดจนเกินไป

ขณะนี้ ถุงบนเอวของเขามีหินจิตวิญญาณห้าล้านกว่าก้อนแล้ว และมีโอสถผลึกเย็นระดับพสุธาที่มีลายโอสถสี่เส้นห้าเม็ด ห้าเส้นสองเม็ด และหกเส้นหนึ่งเม็ด

ครึ่งเดือนผ่านไป งานประมูลใหญ่ก็เริ่มขึ้นในที่สุด

บริเวณทะเสลาบที่อยู่ใจกลางตลาด ชายวัยกลางคนที่สวมชุดดำค่อยๆ ก้าวออกมาจากตรอกเล็กๆ แห่งหนึ่ง หลังจากจัดแขนเสื้อแล้ว ก็เดินไปยังหอใหญ่ที่ใช้ในงานประมูล เขาก็คือหลิ่วหมิงที่ปลอมตัวมานั่นเอง

ครึ่งเดือนก่อน ในสถานะฑูตของนิกายยอดบริสุทธิ์ เขาย่อมได้รับจดหมายเชิญจากหอการค้าเชียนเหมิง แต่เขาไม่คิดจะใช้ของสิ่งนี้ แต่กลับตัดสินใจปลอมตัวเป็นผู้ฝึกฝนอิสระเข้าร่วมงานประมูลใหญ่

ในวันก่อนการประมูล มีกลุ่มผู้ฝึกฝนกลุ่มละสองสามคนจากทั่วทิศมาร่วมตัวกันที่นี่ ขณะนี้กำลังทะลักเข้าไปในประตูใหญ่

หลิ่วหมิงสำรวจดูเล็กน้อยแล้ว ก็จ่ายหินจิตวิญญาณจำนวนหนึ่งเป็นค่าธรรมเนียม จากนั้นก็เข้าไปในห้องโถงท่ามกลางสายตาของผู้พิทักษ์อย่างไม่สะทกสะท้าน

หลังจากเดินผ่านโถงทางเดินกว้างขวางที่มีผู้คนพลุกพล่านแล้ว ก็จะเป็นห้องโถงในที่จัดงานประมูล ซึ่งแบ่งออกเป็นสองชั้น ผู้ฝึกฝนอิสระที่ไม่มีจดหมายเชิญเข้าได้แค่ห้องโถงตรงชั้นหนึ่ง ส่วนชั้นสองจัดเตรียมไว้สำหรับแขกพิเศษที่ได้รับจดหมายเชิญ

หลิ่วหมิงเลือกนั่งรอคอยอย่างเงียบๆ ในมุมที่ค่อนข้างเปล่าเปลี่ยวตรงชั้นหนึ่ง ขณะเดียวกันก็เริ่มสังเกตดูทุกอย่างที่อยู่ในห้องประมูล

สิ่งที่อยู่รอบๆ เวทีสี่เหลี่ยมใจกลางห้อง คือขั้นบันไดเป็นรูปพัด แต่ละขั้นบันไดมีที่นั่งจัดวางอยู่เต็มไปหมด

หลิ่วหมิงนับดูคร่าวๆ ก็พบว่าห้องประมูลในชั้นหนึ่งบรรจุคนได้เกือบพันคน และราวๆ ก่อนงานประมูลเริ่มหนึ่งชั่วยาม ก็ดูเหมือนจะมีที่นั่งเหลืออยู่น้อยมาก

งานประมูลใหญ่ในตลาดฉางหยาง ใหญ่กว่างานประมูลที่หลิ่วหมิงเข้าร่วมในเขตทะเลชังไห่มาก

ที่นั่งด้านล่างนี้ล้วนเป็นที่นั่งธรรมดา บนชั้นสองยังมีที่นั่งพิเศษที่กั้นเป็นห้องๆ เห็นได้ชัดว่าจัดให้ผู้แข็งแกร่งที่มีสถานะและตำแหน่ง

ตั้งแต่หลิ่วหมิงเดินเข้ามา ก็ใช้พลังจิตอันแข็งแกร่งตรวจสอบดู และค้นพบว่ามีคนเดินเข้าไปในห้องที่นั่งพิเศษไม่น้อย คนเหล่านี้ต่างก็มีกลิ่นไอที่ไม่อาจคาดเดาได้ มีจำนวนไม่น้อยที่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับผลึกขึ้นไป ต่อให้มีผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้อยู่ในนั้นหนึ่งถึงสองคน ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

และพอคนเหล่านี้เข้าไปในห้องที่นั่งพิเศษแล้ว ก็ไม่อาจสอดแนมได้เลยแม้แต่น้อย

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม ทางเข้าลานประมูลก็มีคนเข้ามาน้อยลง

“ปัง!” หลังจากประตูทางเข้าค่อยๆ ปิดลง ก็มีลำแสงสีทองเปล่งประกายบนเวทีที่อยู่ตรงกลาง มีสิ่งของคล้ายๆ กับแท่นสูงค่อยๆ ผุดขึ้นมา

และในขณะเดียวเสียงจ้อกแจกจอแจในห้องประมูลก็หยุดลง สายตาของทุกคนจ้องมองลำแสงสีทองที่อยู่ตรงกลาง

แสงสีทองค่อยๆ สลายไป จะเห็นว่ามีคนสวมชุดขาวปรากฏตัวบนเวทีสามคน

คนกลางเป็นท่านผู้เฒ่าที่มีหนวดเคราและผมเป็นสีขาว ภายใต้การจ้องมองของคนจำนวนมากเหล่านี้ เขายังคงมีสีหน้าเกียจคร้าน ส่วนชายวัยกลางคนสองคนที่อยู่ข้างเขา คนหนึ่งมีใบหน้าขาวสะอาด อีกคนกลับมีผิวดำ ท่ามกลางการจ้องมองของคนจำนวนมาก พวกเขาก็ไม่รู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างใด

หนังตาหลิ่วหมิงกระตุกอยู่ครู่หนึ่ง กลิ่นไอบนตัวของชายวัยกลางคนทั้งสองหนาแน่นมาก ประจักษ์ชัดว่าเป็นยอดฝีมือระดับผลึก และมองเห็นอย่างชัดเจนว่าผู้อาวุโสผมขาวนั่งอยู่ที่นั่น แต่พอใช้จิตกวาดดู ก็ดูเหมือนว่าร่างของเขาไม่ได้อยู่ที่นั่น ราวกับว่าจะหายไปได้ตลอดเวลา

ที่แท้ผู้อาวุโสผู้นี้ก็เป็นผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้

ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าขาวสะอาดกวาดสายมองลงด้านล่างเวที และกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม น้ำเสียงดังก้องกังวานมาก

“ยินดีต้อนรับสหายทุกท่านที่มาร่วมงานประมูลของหอการค้าเชียนเหมิงเรา ข้าเป็นผู้ดำเนินรายการประมูลในครั้งนี้ กฎการประมูลเป็นเหมือนกับปีที่ผ่านมา หลังจากเสนอราคาประมูลต่ำสุดออกมาแล้ว ทุกท่านก็ใช้หินจิตวิญญาณประมูล หากหินจิตวิญญาณบนตัวมีไม่เพียงพอ ก็สามารถใช้สมบัติอื่นๆ ขายให้กับพวกเราเพื่อแลกหินจิตวิญญาณได้ แน่นอน! หากทุกท่านไม่พอใจกับราคาที่พวกเราตั้งไว้ ทางเราก็สามารถทำการประมูลสดให้ท่านได้ รับรองว่าจะไม่ให้ท่านรู้สึกเสียเปรียบแต่อย่างใด”

คำพูดที่ออกจากปากของชายหน้าขาวล้วนมีเหตุมีผล ผู้ฝึกฝนอิสระที่อยู่ด้านล่างย่อมไม่มีข้อคัดค้านแต่อย่างใด

และผู้อาวุโสผมขาวกับชายผิวดำทางด้านขวา ก็เดินไปนั่งบนเก้าอี้สองตัวที่อยู่ด้านหลังเวที

“เอาล่ะ! ในเมื่อทุกท่านไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ งานประมูลในครั้งนี้ก็จะเริ่มต้น ณ บัดนี้” ชายหน้าขาวกวาดสายตามองไปรอบๆ และประกาศออกมา

พอน้ำเสียงสิ้นสุดลง หญิงรับใช้ชุดขาวก็ค่อยๆ เดินออกมาจากหลังเวที มือทั้งสองประคองถาดหยกสีขาวใบหนึ่ง มีผ้าดิ้นสีแดงผืนหนึ่งคลุมอยู่บนนั้น นางค่อยๆ เดินเข้ามาอย่างไม่รีบร้อนท่ามกลางการจ้องมองของฝูงชน

ชายหน้าขาวยื่นมือไปเปิดผ้าสีแดงออกมา เผยให้เห็นดาบรูปร่างแปลกๆ ที่มีขนาดยาวครึ่งฉื่อ

“ของประมูลชิ้นแรกเป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอด ดาบชิงยิน มีชั้นจำกัดแฝงอยู่ยี่สิบแปดชั้น ในขณะทำการโจมตียังมีเสียงมายาออกมาอย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้คู่ต่อสู้จมดิ่งเข้าไปในมายาโดยไม่รู้ตัว และถูกพลังเวทลดลงไปมาก ราคาประมูลเริ่มต้นที่แปดแสนหินจิตวิญญาณ เสนอราคาได้ครั้งละไม่ต่ำกว่าสามหมื่น!” ชายหน้าขาวประกาศเสียงดังออกมา

พอน้ำเสียงสิ้นสุดลง ก็มีเสียงกระซิบกระซาบกันในห้องประมูล

แม้ว่าอาวุธประเภทดาบจะแข็งแกร่งไม่เท่าประเภทกระบี่ แต่กลับมีความร้ายกาจเพิ่มขึ้นมา และมีพลังการโจมตีเป็นรองแค่กระบี่เท่านั้น หากดาบชิงยินเล่มนี้ถูกใช้โดยผู้เชี่ยวชาญการโจมตีระยะใกล้ เสียงมายากับเงาดาบของมันที่ลึกลับซับซ้อน จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่อาจป้องกันได้

ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น แม้แต่หลิ่วหมิงเองยังรู้สึกใจเต้นเลย

“แปดแสนหินจิตวิญญาณ!” มีคนเสนอราคาในทันที

“แปดแสนสามหมื่น!”

“แปดแสนเจ็ดหมื่น!”

“เก้าแสน!”

……

หลิ่วหมิงมองดูฝูงชนที่เสนอราคากันอย่างต่อเนื่อง ไม่นานราคาก็สูงถึงหนึ่งล้านกว่า เขาจึงส่ายหน้าแล้วหลับตาลง

สำหรับเขาแล้ว แม้จะอยากได้อาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดเพิ่มขึ้นอีกชิ้น แต่ในเมื่อราคาสูงถึงหนึ่งล้านกว่าขึ้นไป เขาย่อมไม่นำมาพิจารณา

เพราะเป้าหมายในวันนี้คือผงวิญญาณบริสุทธิ์ แม้บนตัวเขาจะมีหินจิตวิญญาณจำนวนมาก แต่ก่อนที่จะได้ของชิ้นนี้มา เขาย่อมไม่ใช้หินจิตวิญญาณมากเกินไป

หลังจากผ่านการประมูลอย่างดุเดือด ดาบชิงยินเล่มนี้ก็ถูกชายชุดดำคนหนึ่งประมูลไปในราคาหนึ่งล้านสองแสนหินจิตวิญญาณ

หลิ่วหมิงมองดูที่ห้องนั่งพิเศษทั้งสองด้าน ผู้ที่เสนอราคาในเมื่อครู่ล้วนเป็นผู้ฝึกฝนอิสระที่อยู่ด้านล่าง ดูเหมือนว่าแขกระดับสูงจะไม่สนใจดาบชิงยินเลยแม้แต่น้อย พวกเขายังคงเงียบมาโดยตลอด

“ของประมูลชิ้นต่อไปคือ ‘พัดดับวิญญาณ’ เป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดเช่นกัน พัดนี้สร้างขึ้นมาจากโลหิตปีศาจหยิน และผสมปนเปกับไอของปีศาจลิงทโมน มีชั้นจำกัดแฝงอยู่สามสิบชั้น ราคาประมูลเริ่มต้นที่แปดแสนหินจิตวิญญาณ เสนอราคาได้ครั้งละไม่ต่ำกว่าสามหมื่น” คนที่อยู่ข้างล่างเวทีส่งถาดสีขาวขึ้นมาอีกใบ ครั้งนี้มีพัดวางอยู่บนถาด โครงพัดเป็นสีขาวสะอาด หน้าพัดกลับเป็นสีดำ มีหัวกระโหลกสีม่วงปักอยู่บนนั้น

หลิ่วหมิงนิ่งเงียบอยู่พักหนึ่ง อาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดออกมาอีกแล้ว แต่ครั้งนี้กลับเป็นสมบัติสายปีศาจ

“แปดแสนหินจิตวิญญาณ!” พอชายหน้าขาวกล่าวจบก็มีคนเสนอราคาทันที

“แปดแสนห้าหมื่น!” ผู้ที่เสนอราคาเป็นนักพรตชุดสีฟ้าผู้หนึ่ง ในมือถือไม้เท้ากระดูกสีขาวอยู่ แค่มองก็รู้ว่าเป็นผู้ฝึกฝนชั่วร้าย

“แปดแสนแปดหมื่น!” มีคนเพิ่มราคาขึ้นมาอีกครั้ง

“เก้าแสน!“ ชายชุดฟ้าทำเสียงฮึดฮัด ดูเหมือนว่าจะเอาของชิ้นนี้มาให้ได้

“เก้าแสนสามหมื่น!”

“หนึ่งล้าน!” ดูเหมือนว่าชายชุดฟ้าจะอดทนไม่ไหวเล็กน้อย จึงเสนอราคาพุ่งไปที่หนึ่งล้าน

อาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดโดยทั่วไป ต่างก็มีราคาอยู่ที่แปดแสนถึงหนึ่งล้านหินจิตวิญญาณเท่านั้น นอกจากจะเป็นสมบัติที่มีผลลัพธ์พิเศษจำนวนหนึ่ง อย่างผลลัพธ์ของดาบชิงยินที่หลอกหล่อให้คนฟังได้ แต่พัดดับวิญญาณนี้ไม่มีพลังพิเศษเช่นนั้น

“หนึ่งล้านหนึ่งแสน!” น้ำเสียงในครั้งนี้กลับดังมาจากห้องที่นั่งพิเศษที่อยู่ทั้งสองด้าน ซึ่งอยู่ๆ ก็เพิ่มขึ้นมาหนึ่งแสนหินจิตวิญญาณ

คนในห้องประมูลได้ยินเช่นนี้ ก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย และพากันมองขึ้นไป

น่าเสียดานที่บนที่นั่งพิเศษวางชั้นจำกัดไว้ ไม่ว่าจะเป็นสายตาหรือพลังจิตก็ไม่อาจมองทะลุเข้าไปได้

…………………………………

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset