มาถึงวันนี้ ในที่สุดหลิ่วหมิงก็ปรับแต่งชั้นจำกัดสุดท้ายของโล่เก้ากะโหลกจนสำเร็จ ทำให้เขามีต้นแบบอาวุธเวทแท้จริงที่มีสามสิบหกชั้นจำกัด
ส่วนขนปีศาจยักษ์ที่เป็นวัสดุสำคัญที่สุด ก็ถูกบดเป็นผงละลายลงไปน้ำโลหิตที่ใช้ปรับแต่งในก่อนหน้านั้นแล้ว
มิเช่นนั้นชั้นจำกัดที่สามสิบหกของโล่นี้อาจจะพังทลายในระหว่างการปรับแต่งก็ได้ ซึ่งไม่อาจสำเร็จได้โดยเด็ดขาด
วันนี้เขามีโล่นี้แล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับผู้แข่งแกร่งระดับผลึกก็ยังคงไม่สามารถรับมือได้ แต่ว่าก็สามารถป้องกันได้โดยไม่เป็นกังวลแล้ว
ส่วนการเผชิญหน้ากับเงามายาที่ลอกเลียนแบบมาจากผู้ฝึกฝนระดับเดียวกันอย่างจินเลี่ยหยาง คิดว่าเขาคงมีโอกาสหลุดรอดมาได้โดยใช้อาวุธนี้
ต่อมา หลิ่วหมิงนำพัดดับวิญญาณของชายหนุ่มชุดเขียวกับค้อนเล็กสีดำของชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่ออกจากแหวนย่อส่วน
ตอนที่ต่อสู้กับชายหนุ่มชุดสีทองในวังมายา นอกจากหลิ่วหมิงจะระเบิดอาวุธจิตวิญญาณระดับต่ำจำนวนไม่น้อยเพื่อรับมือกับศัตรูแล้ว แม้แต่กระบี่บินสีแดงเองก็ระเบิดไปด้วย แต่เขากลับตัดใจไม่ได้ที่จะนำอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดทั้งสองออกมา
หลิ่งหมิงลองกระตุ้นพัดดับวิญญาณอยู่ครู่หนึ่ง ก็ค้นพบว่าพัดนี้ไม่ค่อยเหมาะกับพลังของเขาจริงๆ หลังจากส่ายศีรษะเล็กน้อยแล้ว ก็เก็บมันเข้าไป
ต่อมาเขาก็หยิบค้อนเล็กสีดำขึ้นมาชื่นชมอยู่ครู่หนึ่ง แต่ทว่าพลังที่ค้อนเล็กแสดงออกมากลับทำให้เขารู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก
เขาเพียงแค่จับค้อนเล็กไว้ และคิดที่จะปล่อยพลังเวทเข้าไปในนั้นเล็กน้อย เพื่อลองดูอานุภาพของมัน
แต่พอเขาใส่พลังเวทเข้าไป ค้อนเล็กสีดำกลับเปล่งแสงและสั่นสะท้านเบาๆ ขณะเดียวกันแรงดึงดูดมหาศาลก็ออกมาจากในนั้น ทำให้พลังเวทภายในร่างของหลิ่วหมิงเดือดพล่านอยู่ชั่วขณะหนึ่ง และทะลักเข้าใส่ค้อนเล็กในมือโดยไม่รู้ตัว
ภายใต้ความตกใจ พอหลิ่วหมิงกระตุ้นเคล็ดวิชาระงับพลังเวทไว้ได้แล้ว ก็โยนค้อนเล็กสีเขียวลงพื้นไปทันที
“เต๊ง!”
รอยร้าวลึกฉื่อกว่าๆ ปรากฏบนพื้นห้องภายใต้การเปล่งประกายของแสงสีดำ
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
แม้ว่าอาวุธจิตวิญญาณนี้จะมีอานุภาพมาก แต่เวลาใช้ก็สิ้นเปลืองพลังเวทไม่น้อย ทำให้ผู้ที่มีพลังเวทมากกว่าผู้ฝึกฝนระดับเดียวกันอย่างเขารู้สึกรับไม่ไหว มันคงจะเหมาะสมกับผู้ฝึกฝนระดับผลึกจริงๆ
ดังนั้นหลังจากเขาคิดใคร่ครวญไปหนึ่งรอบแล้ว ก็ตัดสินใจขายอาวุธจิตวิญญาณชิ้นนี้ก่อน คิดว่าคงขายได้ราคาไม่เลว
หลังจากเขาวางแผนไว้ในใจแล้ว ก็เก็บค้อนเล็กสีดำเข้าไปด้วยเช่นกัน
เวลาต่อมา เขานำมุกหุ่นเกราะทองคำสี่เม็ดนั้นออกมาอีกครั้ง หลังจากโยนขึ้นไปบนอากาศเบาๆ ก็ปล่อยพลังเวทออกไปสี่สาย
มุกสีทองอร่ามกลายเป็นหุ่นนักรบเกราะสีทองสี่ตัวที่สูงจั้งกว่าๆ และร่วงลงบนพื้น
เนื่องจากเวลากระชั้นชิด การเข้าวังมายานภาหยกในก่อนหน้านั้น เขาไม่ได้ฝึกใช้หุ่นทั้งสี่ให้ชินมือ จึงไม่ได้นำออกมารับมือกับศัตรู และหากเขาสามารถใช้ผู้ช่วยทั้งสี่ที่มีพลังเกือบเทียบเท่ากับระดับผลึกขั้นต้นนี้ได้อย่างชำนาญล่ะก็ บางทีการเดินทางในวังมายาในก่อนหน้านั้นอาจจะสบายขึ้นมามาก หรืออาจจะได้รับมุกนภาหยกมากกว่านี้
และการประลองใหญ่ของศิษย์สายนอกในนิกายยอดบริสุทธิ์ ก็จะเริ่มขึ้นในอีกไม่นานแล้ว
แม้เขาจะรู้ตัวว่าโอกาสที่จะทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ถูกใจ และรับเข้าเป็นศิษย์สายในนั้นมีไม่มาก แต่ก็ไม่คิดที่จะละทิ้งโดยง่าย
อย่างอื่นไม่ต้องพูดถึง ลำพังแค่รางวัลตอบแทนของสิบอันดับแรกก็มากมายแล้ว โดยเฉพาะอันดับหนึ่ง ว่ากันว่าสามารถเลือกฝึกฝนวิชาที่ศิษย์สายในฝึกฝนได้หนึ่งวิชา สิ่งนี้แม้แต่เขาก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมา
หลิ่วหมิงคิดไตร่ตรองอยู่เช่นนี้ พอโบกมือก็มีอักขระพุ่งออกไปสี่สาย และค่อยๆ จมหายไประหว่างคิ้วของหุ่นทั้งสี่
แสงสีทองเปล่งประกายรอบตัวหุ่นทั้งสี่ในทันที
……
ครึ่งเดือนต่อมา ภายในห้องหลอมอาวุธ หลิ่วหมิงกำลังลอยอยู่กลางอากาศ นิ้วทั้งสิบเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
และด้านล่างของเขาก็มีเสียงดัง “โครมคราม!” หุ่นนักรบชุดเกราะทั้งสี่ที่เปล่งแสงสีทองกำลังถูกหลิ่วหมิงกระตุ้นให้ยืนอยู่ตรงมุมทั้งสี่ และย้ายตำแหน่งไปมาอยู่ไม่หยุด กลิ่นไอมหาศาลทั้งสี่สายดูเหมือนจะเข้าถึงระดับผลึกแล้ว
หุ่นเกราะทองคำทั้งสี่หยุดชะงักลง และภายใต้การหมุนวนของแสงสีทองรอบด้าน มันก็หยุดนิ่งไม่ขยับเขยื้อน
“แปลกจริง แม้ว่าจะควบคุมหุ่นทั้งสี่ได้ดั่งใจแล้ว แต่ทำไมข้าถึงรู้สึกเหมือนมีบางอย่างไม่ถูกต้องนะ” หลิ่วหมิงหยุดทำท่ามือ แต่กลับพูดพึมพำด้วยสีหน้าฉงน จากนั้นเขาก็จมดิ่งเข้าสู่ความเงียบ
……
หนึ่งเดือนต่อมา มีเสียงมังกรคำรามและเสียงนานาชนิดดังขึ้น จากนั้นก็มีเสียงดัง “ตู้ม!” ถ้ำทั้งหลังสั่นสะเทือนเบาๆ และเสียงหัวเราะของหลิ่วหมิงก็ดังออกมา
“ฮ่าๆ! ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ นี่ถึงจะเป็นความลับแท้จริงของหุ่นทั้งสี่ตัวนี้ หากมีคนรู้ว่าหุ่นทั้งสี่ยังมีไม้เด็ดเช่นนี้ล่ะก็ เกรงว่าแม้มูลค่าของมันจะเพิ่มขึ้นอีกเท่า ก็ยังมีคนแย่งจนหัวชนกันอย่างแน่นอน
และภายในห้องลับ หุ่นทั้งสี่ยืนอยู่ตรงมุมทั้งสี่ไม่ขยับเขยื้อน แต่กลับมีคลื่นพลังจิตวิญญาณอันน่าตกใจแผ่กระจายอยู่กลางอากาศ
หลิ่วหมิงเพียงแค่ดีดนิ้วออกไปด้วยความดีใจ พลังเวทสี่สายก็กระพริบตาหายไปในร่างของหุ่นทั้งสี่
หลังจากมีเสียง “กรอบแกร่บ!” ดังอยู่ครู่หนึ่ง หุ่นเหล่านี้ก็กลายเป็นมุกกลมๆ สี่เม็ดอีกครั้ง และถูกเขาเก็บเข้าไป
เวลาต่อมา หลิ่วหมิงก็ทานโอสถผลึกเย็นแล้วตั้งใจเก็บตัวฝึกฝนอยู่ในห้องลับ เพื่อเตรียมตัวขั้นสุดท้ายสำหรับการประลองใหญ่ที่จะมาถึง
นอกจากฝึกพลังแล้ว เขายังเข้าไปในศิลาหุนเทียนอย่างต่อเนื่อง และใช้พลังจิตของหนอนพลังจิตกระตุ้นดวงตามายาปีศาจ เพื่อเข้าไปฝึกฝนในแดนมายา
วันนี้ หลิ่วหมิงคิดที่จะเปลี่ยนคู่ต่อสู้ในแดนมายาเป็นครั้งแรก โดยเปลี่ยนจากหลานสี่มาเป็นราชาปีศาจสมุทรที่อยู่ระดับแก่นแท้
แต่ทว่าพอเข้าไปในแดนมายา เขาก็ต้องขมวดคิ้วขึ้นมา พริบตาเดียวก็รู้สึกถึงความผิดปกติของร่างกาย
เขายังไม่ทันแสดงวิชาออกมา เปลวไฟสีดำก็ลุกขึ้นมาทันที และเผาไหม้อย่างรุนแรง ขณะเดียวกันก็มีเสียงแตกร้าวของข้อต่อกระดูกดัง “เปรี๊ยะๆ!” ติดต่อกัน ร่างของเขาขยายใหญ่กว่าเดิมหนึ่งเท่าตัว มีลวดลายจิตวิญญาณสีม่วงปรากฏบนผิวหนังในพริบตา
หลิ่วหมิงยื่นแขนทั้งสองออกมาดูอย่างละเอียด
เป็นเหมือนกับที่คาดเดาไว้ก่อนหน้า ตอนนี้เขากลายเป็นร่างแปลงปีศาจจริงๆ ด้วย!
ตอนที่อยู่ตรงแท่นบูชาปีศาจยักษ์ในเหวลึกนั้น หลิ่วหมิงเคยเห็นร่างแปลงปีศาจของตนเองในตอนที่ได้สติอยู่ และฉากที่สังหารร่างแปลงปีศาจหลานสี่กับพลังกดดันของราชาปีศาจสมุทรนั้น เขายังจำติดตามาจนถึงทุกวันนี้ราวกับเป็นภาพที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
ตอนนี้เขาสามารถควบคุมร่างกายนี้ได้อย่างอิสระ จึงรู้สึกคาดหวังขึ้นมาลางๆ อย่างอดไม่ได้
ขณะนั้นเอง สถานที่อยู่ห่างจากเขาไปหลายจั้ง ชายหนุ่มชุดขาวใบหน้างดงามผู้หนึ่ง กำลังจ้องมองหลิ่วหมิงด้วยแววตาที่เยือกเย็น เขาก็คือราชาปีศาจสมุทรนั่นเอง!
ครู่ต่อมา ราชาปีศาจสมุทรก็โบกสะบัดดาบสั้นแวววาวในมือ จนแสงเย็นสะท้านสีฟ้าม้วนตัวออกไปเป็นชั้นๆ
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็กระทืบเท้าทั้งคู่ลงพื้นโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง ร่างของเขาถอยออกไปด้านหลัง พริบตาเดียวก็ไปปรากฏอยู่ห่างออกไปสามสิบกว่าจั้ง
แต่ทว่าหลิ่วหมิงยังปรับตัวเข้ากับร่างแปลงปีศาจไม่ได้ หลังจากโซเซไปทีหนึ่งแล้ว ถึงพอที่จะทรงตัวไว้ได้
ขณะนั้นเอง พอราชาปีศาจสมุทรดีดนิ้วออกไปเบาๆ ดาบสั้นแวววาวก็หมุนวนกลางอากาศหนึ่งรอบ ทันใดนั้นก็มีจุดแสงสีฟ้าปรากฏออกมา
พอมีเสียงดังก้องกังวาน จุดแสงสีฟ้าก็รวมตัวกันกลางอากาศอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นหอกยาวสีฟ้า
แววตาหลิ่วหมิงเยือกเย็นขึ้นมา พอสะบัดแขนเสื้อ มือทั้งสองก็กำมุกพลังวารีทั้งสองไว้แน่น และพุ่งไปทางราชาปีศาจสมุทร
จากการคาดเดาของเขา ความน่ากลัวของกายเนื้อหลังแปลงร่างเป็นปีศาจ ไม่เพียงแต่เคลื่อนไหวขึ้นไม่น้อย อานุภาพก็เพิ่มขึ้นเป็นทวี การรับมือกับราชาปีศาจสมุทรคงไม่ใช่เรื่องลำบากอะไร
ราชาปีศาจสมุทรที่เผชิญหน้ากับหลิ่วหมิงโบกแขนข้างหนึ่งด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก จากนั้นหอกยาวสีฟ้าก็ขยายใหญ่ขึ้นมาทันที หลังจากสั่นท้านกลางอากาศเบาๆ แล้ว ก็พุ่งเข้าหาหลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็คำรามออกมา ลวดลายจิตวิญญาณเปล่งประกายบนแขนที่มีหมอกดำลอยวนอยู่ พริบตาเดียวก็ขยายใหญ่หลายเท่า และพุ่งออกไปรับหอกยาวที่โจมตีเข้ามา เขาตัดสินใจลองรับการโจมตีนี้ดู
“เต๊ง!”
ไอดำพวยพุ่งอยู่ชั่วขณะหนึ่งจากนั้นก็สลายไป แต่พอแขนทั้งสองที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดกำลังจับหอกยาวสีฟ้าไว้มั่นนั้น ไอเย็นสะท้านกลางอากาศก็ประสานกันไปมากับไอปีศาจ และกลายเป็นแสงสีฟ้าดำ
ครู่ต่อมา หลิ่วหมิงรู้สึกเย็นที่มือ ไอเย็นสะท้านแผ่ออกมา เกล็ดสีแดงค่อยๆ กลายเป็นน้ำแข็ง มือทั้งสองค่อยๆ แข็งทื่อขึ้นมา
ภายใต้ความตกใจ เขาก็รับรู้ได้ว่าตนเองประเมินผู้มีพลังระดับแก่นแท้อย่างราชาปีศาจสมุทรต่ำไปหน่อย
หลังจากครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว เขาก็คำรามเสียงออกมา ลวดลายจิตวิญญาณสีม่วงบนแขนทั้งสองเปล่งประกายสองสามที พลังมหาศาลบางอย่างพุ่งทะลักออกมา มือทั้งสองที่จับหอกน้ำแข็งสีฟ้าอยู่กับบีบแน่นกว่าเดิม
“เพล้ง!”
หอกน้ำแข็งสีฟ้าแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ และกลายเป็นจุดแสงแวววาว
และภายใต้พลังสะท้อนกลับของการระเบิดตัวของหอกน้ำแข็งสีฟ้า ทำให้มีบาดแผลจำนวนมากปรากฏบนแขนทั้งสอง และมีโลหิตไหลออกจากบาดแผล
แต่ทว่าครู่ต่อมา เขารับรู้ได้ถึงไอเย็นที่แผ่ออกจากมือ พอมองลงไป กลับพบว่ามันคือไอปีศาจสีดำที่มุดเข้าไปในมืออยู่ไม่หยุด และบาดแผลก็สมานเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว
ขณะนั้นเอง ราชาปีศาจสมุทรที่อยู่ตรงหน้าไม่ไกลพลันชี้นิ้วไปกลางอากาศ ดาบสั้นแวววาวตรงหน้าสั่นสะท้านสองสามที จากนั้นก็ระเบิดออกมาภายในพริบตา และกระแสไอเย็นก็พุ่งขึ้นมา
“แย่แล้ว!”
หลิ่วหมิงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ไปปรากฏอยู่ห่างออกไปสิบกว่าจั้ง แต่บริเวณแขนและขาทั้งสี่กลับมีน้ำแข็งเกาะอยู่
ขณะนั้นเอง ร่างของราชาปีศาจสมุทรก็พร่ามัวมาปรากฏตัวอยู่เหนือศีรษะของเขา ขณะเดียวกันแรงกดดันมหาศาลก็โจมตีเข้ามา เงาฝ่ามือยักษ์สีฟ้าร่วงลงมา
หลิ่วหมิงขมวดคิ้วในทันที เขากระตุ้นไอปีศาจทั่วร่างให้โจมตีใส่ฝ่ามือนี้ ไอดำพวยพุ่งรวมตัวกันในนั้น และกลายเป็นฝ่ามือปีศาจขยาดจั้งกว่าๆ ก่อนพุ่งขึ้นฟ้า
เรื่องที่เขาคาดคิดไม่ถึงได้บังเกิดขึ้นแล้ว!
พอฝ่ามือยักษ์ที่กลายร่างมาจากไอปีศาจปะทะกับฝ่ามือยักษ์สีฟ้า มันก็กลายเป็นไอดำและสลายไปกลางอากาศ
ครู่ต่อมา หลิ่วหมิงรู้สึกว่าอากาศรอบตัวแน่นขึ้นมา พลันมีเสียงดังหวึ่งข้างหู ภาพตรงหน้าพร่ามัว และตัวเขาก็มาปรากฏตัวในห้องว่างเปล่าลึกลับสีเทาสลัวๆ อีกครั้ง
………………………………