ขณะนั้นเอง มังกรสีฟ้าแผดเสียงร้องออกมา และมุดลงไปท่ามกลางเปลวเพลิงสีเงินอันคุโชน จากนั้นก็พร่ามัวกลับมาเป็นร่างมนุษย์อีกครั้ง ชุดสีขาวฉีกขาดและเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบโลหิต บาดแผลบนตัวเห็นได้อย่างชัดเจน ดูเหมือนเขาจะจนมุมเป็นอย่างมาก
หลังจากราชาปีศาจสมุทรแปลงร่างเสร็จแล้ว ก็โบกมือข้างหนึ่งทันที ทันใดนั้นเปลวเพลิงสีเงินก็ม้วนตัวขึ้นมา และกลายเป็นหอกเปลวเพลิงสีเงินพุ่งเข้าหาหลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ทำท่ามือด้วยมือเดียว เงากรงเล็บยักษ์สีดำข้างหนึ่งพุ่งออกจากม่านวารี
“ตู้ม!”
เงากรงเล็บปะทะกับหอกเปลวเพลิงสีเงินที่พุ่งเข้ามา จากนั้นก็ระเบิดตัวออกมา
ราชาปีศาจสมุทรเห็นเช่นนี้ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แขนทั้งสองถูกยกขึ้นอย่างรวดเร็ว เปลวเพลิงสีเงินม้วนตัวพวยพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง หอกเปลวเพลิงจำนวนมากก่อตัวขึ้นกลางอากาศ และพุ่งเข้าหาหลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็มีแววตาเยือกเย็นขึ้นมา ภายใต้การเปล่งประกายของลวดลายจิตวิญญาณสีม่วงบนตัว เขาก็พุ่งเข้าราชาปีศาจสมุทรท่ามกลางการปกคลุมของม่านวารีสีดำฟ้า
ระหว่างที่ทำการโจมตีนั้น ร่างของเขาก็เคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็ว และแหวกผ่านหอกเปลวเพลิงสีเงินจำนวนมากไปได้ ส่วนหอกเปลวเพลิงส่วนมากที่หลบไม่พ้นนั้น เขาก็กระตุ้นม่านแสงสีดำฟ้าให้ทำการสลายมัน
หลิ่วหมิงเคลื่อนไหวไม่กี่ทีก็มาปรากฏตัวตรงหน้าเปลวเพลิงสีเงินอันคุโชน หลังจากคำรามออกมาด้วยความโมโห ม่านวารีสีดำฟ้าก็ขยายใหญ่จนทำให้เปลวไฟสีเงินตรงหน้าหลบออกไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็กระโดดเข้าไปต่อสู้กับราชาปีศาจสมุทรที่อยู่ด้านใน
เนื่องจากเปลวเพลิงผู่ถัวมีผลในการควบคุมไอปีศาจ พอไอปีศาจรอบตัวหลิ่วหมิงสัมผัสกับมันเพียงเล็กน้อย ก็จะเกิดเสียงดัง “ฟรี้ๆ!” และกลายเป็นควันสีดำ ดีที่ว่ามีม่านวารีที่กลายร่างมาจากมุกพลังวารีคอยคุ้มกันไว้ ทำให้การเปลี่ยนแปลงนี้ลดช้าลงไปไม่น้อย
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หลิ่วหมิงยังคงรู้สึกปวดแสบปวดร้อนไปทั่วร่างกาย ราชาปีศาจสมุทรที่อยู่ตรงหน้าก็โจมตีเข้ามาอย่าสุดชีวิต
ดูจากประสบการณ์การต่อสู้ในก่อนหน้านั้น หลิ่วหมิงรู้ว่าราชาปีศาจสมุทรใกล้จะหมดสิ้นหนทางแล้ว มีความเป็นไปได้ว่าอีกไม่นาน ฝ่ายตรงข้ามก็จะหนีเข้าไปในจุดตัดมิติแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงต้องเผด็จศึกให้ไวที่สุด
ขณะนี้เขากลายเป็นเงาตามติดราชาปีศาจสมุทรโดยไม่สนใจความเจ็บปวดจากแผลไฟไหม้อีกต่อไป หลังจากกระตุ้นไอปีศาจรอบตัวให้กลายเป็นกรงเล็บปีศาจแล้ว ก็โจมตีใส่อย่างรุนแรง
ราชาปีศาจสมุทรในขณะนี้ เห็นได้ชัดว่าเริ่มรับมือไม่ไหวแล้ว ด้านหนึ่งกระตุ้นเปลวเพลิงสีเงินรอบตัวให้หลอมละลายกรงเล็บปีศาจ ขณะเดียวกันก็พยายามบิดตัวเพื่อหลบเลี่ยงจุดสำคัญ และโบกสะบัดดาบแวววาวในมือเพิ่มการต้านทาน
ผ่านไปไม่กี่อึดใจ เงากรงเล็บสีดำฟ้าก็กระพริบเข้าไปบริเวณเอวของราชาปีศาจสมุทร “ฟู่!”
ดวงตาทั้งคู่ของหลิ่วหมิงเป็นประกาย แสงสีม่วงเปล่งออกมาจากแขน ไอปีศาจสีดำบนแขนกลายเป็นแสงสีดำ และทะลักเข้าไปในบาดแผลอย่างบ้าคลั่ง
ราชาปีศาจสมุทรคำรามเสียงแหลมและเศร้ากำสรดออกมา ภายใต้การเปล่งประกายของแสงสีฟ้ารอบตัว เขาก็กลายเป็นมังกรสีฟ้าอีกครั้ง กรงเล็บมังกรข้างหนึ่งจับแขนหลิ่วหมิงที่เจาะเข้าไปในร่างไว้แน่น หางมังกรก็กลายเป็นเงาสีฟ้าฟาดลงพื้นอย่างรุนแรง
ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ทันได้ระวัง หลิ่วหมิงไม่อาจหลุดพ้นไปได้ชั่วขณะหนึ่ง ทำได้แค่กระตุ้นไอปีศาจให้มารวมตัวกันบนแขนอย่างสุดชีวิต และใช้เกล็ดสีแดงเป็นชั้นๆ คอยต้านทานไว้
“ตู้ม!”
ภายใต้การปะทะกันระหว่างหางมังกรกับแขน ทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกเจ็บปวดที่แขนอย่างรุนแรง ครู่ต่อมาก็ถูกพลังมหาศาลบางอย่างฟาดใส่จนกระเด็นออกไปสิบกว่าจั้ง และกระแทกใส่เสาหินที่สูงสิบกว่าจั้ง
ขณะนั้นเอง มังกรสีฟ้าก็จ้องมองจุดตัดมิติกลางอากาศที่เปล่งแสงแวววาว และพ่นอักขระสีทองออกมา
อักขระสีทองอ่อนหมุนติ้วๆ กลางอากาศ และกลายเป็นสายฟ้าสีเงินขนาดเท่าปากถ้วยก่อนพุ่งออกไป
เกิดเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น!
สายฟ้าสีเงินแลบลงบนจุดตัดมิติ แสงสีเงินเปล่งประกายบนม่านแสงสีขาว และถูกฉีกขาดจนเป็นรูขนาดจั้งกว่าๆ
ทันใดนั้นร่างของมังกรสีฟ้าก็พร่ามัวพุ่งออกจากเปลวเปลวสีเงิน และพุ่งไปบนอากาศ
“คิดจะหนีหรือ!”
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ทำเสียงฮึดฮัดและกระตุ้นพลังเวททันที ลวดลายจิตวิญญาณสีม่วงบนพื้นผิวเปล่งประกายอย่างบ้าคลั่ง ไม่นานร่างของเขาก็พร่ามัวมาปรากฏอยู่ตรงหน้าจุดตัดมิติ
เขาส่งเสียงคำรามและนำพลังเวทกับไอปีศาจทั้งหมดมารวมตัวบนแขนอีกข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ และตบอออกไป
“ฟู่!”
พริบตาที่ฝ่ามือยักษ์สีดำสลัวๆ ตบออกไป มันก็โจมตีลงบนร่างของมังกรทันที
แม้ว่ามังกรสีฟ้าจะพยายามหลบหลีกอยู่กลางอากาศอย่างสุดชีวิต แต่ดูเหมือนว่าเงาฝ่ามือยักษ์จะเข้ามาถึงภายในพริบตา และเจาะทะลุบริเวณหน้าท้องของเขาไป
มังกรส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าเวทนา มันร่วงลงจากพร้อมโลหิตที่สาดกระเซ็น และตกลงพื้นอย่างรุนแรง
หลิ่วหมิงยังคงรู้สึกไม่วางใจ ทันใดนั้นม่านวารีรอบตัวก็กลับมาเป็นมุกพลังวารีหนึ่งเม็ด พอโยนออกไป มันก็กลายเป็นเขาลูกเล็กๆ ที่สูงสิบกว่าจั้งกดทับร่างของราชาปีศาจสมุทรไว้ ทำให้เขาบิดตัวไปมาอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อีก
เมื่อหลิ่วหมิงไม่รับรู้ถึงกลิ่นไอของราชาปีศาจสมุทรแล้ว เขาก็ถอนใจยาวออกมา และค่อยๆ ร่อนลงจากฟ้า
ครู่ต่อมา พลันมีเสียงดังหวึ่งข้างหูของเขา จากนั้นภาพตรงหน้าก็เริ่มพร่ามัวขึ้นมา
……
ตั้งแต่ตอนที่หลิ่วหมิงเข้าแดนมายา และคุ้นเคยกับร่างแปลงปีศาจ จนกระทั่งสามารถสังหารราชาปีศาจสมุทรได้เป็นครั้งแรกในตอนท้ายนั้น เขาใช้เวลาสามเดือนกว่า
เวลาในสองเดือนต่อมา หลิ่วหมิงยังคงทานโอสถฝึกฝนทุกวัน และใช้วิธีการต่างๆ ต่อสู้กับราชาปีศาจสมุทรหลากหลายครั้ง
แม้เขาจะไม่อาจรับรองได้ว่าสามารถสังหารราชาปีศาจสมุทรได้ทุกครั้ง แต่สถานการณ์ที่ตรงตามความคาดหมายก็คือ หลิ่วหมิงที่มีพลังของร่างแปลงปีศาจ สามารถโจมตีฝ่ายตรงข้ามให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างง่ายดาย
และในระหว่างเวลานี้ เขาทานโอสถผลึกเย็นระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ยกระดับพลังเวทได้อย่างรวดเร็วจนน่าประหลาดใจ ซึ่งรวดเร็วกว่าก่อนหน้านั้นมาก
วันนี้ขณะที่หลิ่วหมิงกำลังนั่งเข้าฌานอยู่นั้น ก็มีน้ำเสียงใสๆ ดังออกจากตัวของเขา
หลิ่วหมิงมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา เขาคว้ามือไปที่เอวแล้วหยิบแผ่นค่ายกลสีขาวออกมา มีอักขระสีเงินเล็กๆ ลอยขึ้นมาแถวหนึ่ง
หลังจากหลิ่วหมิงกวาดสายตามองไป ก็ต้องหรี่ตาทั้งคู่ลงแล้วพูดพึมพำออกมา
“ครึ่งเดือนให้หลังหรือ? ในที่สุดงานประลองใหญ่ของศิษย์สายนอกก็ใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว”
เขาเก็บแผ่นค่ายกลเข้าไป จากนั้นก็ไม่ได้ทานโอสถผลึกเย็นต่ออีก แต่กลับนั่งเข้าฌานอย่างใจจดใจจ่อ เพื่อทำให้พลังเวทมั่นคง และปรับสภาพร่างกายและจิตใจของตนเองให้อยู่ในระดับที่สมบูรณ์ที่สุด
หลายวันก่อนหน้าวันประลองใหญ่ หลิ่วหมิงออกจากถ้ำที่พักไปอีกครั้ง เขาขี่เมฆไปยังตลาดในนิกายยอดบริสุทธิ์
ภายในตลาด หลิ่วหมิงใช้เวลาครึ่งวันเดินเข้าไปซื้อยันต์จำนวนมากจากร้านค้าและแผงลอยจำนวนหนึ่ง
ส่วนมากเป็นยันต์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ส่วนโอสถฟื้นฟูพลังเวทที่อาจจำเป็นต้องใช้ในระหว่างการประลองนั้น ในมือเขามีโอสถจินหยวนคุณภาพต่างๆ อยู่หลายสิบเม็ด ดังนั้นย่อมไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องนี้แล้ว
จากนั้นหลิ่วหมิงก็ไปหาร้านหลอมอาวุธสองแห่ง และขายพัดดับวิญญาณกับค้อนเล็กสีดำที่เป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับสุดยอดให้กับร้านค้าทั้งสอง
คิดไม่ถึงว่าพอเถ้าแก่ร้านทั้งสองแห่งเห็นอาวุธจิตวิญญาณทั้งสอง ก็เสนอราคาออกมาทันที โดยที่พัดดับวิญญาณถูกเสนอราคาหนึ่งล้านห้าแสนหินจิตวิญญาณ ค้อนเล็กสีดำถูกเสนอราคาสองล้านหินจิตวิญญาณ
ภายใต้ความดีใจ หลิ่วหมิงจึงขายมันให้กับร้านค้าทั้งสองทันที
นอกจากนี้ เนื่องจากเขาสูญเสียกระบี่บินสีแดงในตอนเข้าวังมายานภาหยก จึงได้ซื้อกระบี่บินจิตวิญญาณระดับสูงจากร้านหลอมอาวุธแห่งหนึ่งในราคาสี่แสนเก้าหมื่นหินจิตวิญญาณ ซึ่งมียี่สิบหกชั้นจำกัด
ไม่ใช่ว่าหลิ่วหมิงไม่อยากจะซื้อกระบี่บินระดับสุดยอด แต่ว่ามันเป็นสิ่งที่พบเจอได้ยากมาก
อีกอย่างเส้นทางการฝึกฝนกระบี่ของเขาในตอนนี้ก็มาถึงจุดสำคัญแล้ว หากใช้กระบี่บินระดับสุดยอดล่ะก็ มีโอกาสที่จะหลอมรวมกับจิตวิญญาณตัวอ่อนกระบี่ ทำให้ส่งผลไม่ดีต่อการใส่กระบี่บินพลังจิตวิญญาณในภายหลัง สิ่งนี้ทำให้เขายอมที่จะใช้แค่กระบี่บินระดับสูง
เมื่อหลิ่วหมิงกลับถึงถ้ำที่พักด้วยความพอใจ ก็เดินเข้าไปในห้องหลอมอาวุธโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง และใช้โลหิตบริสุทธิ์สังเวยกระบี่บินเล่มใหม่อีกครั้ง
หลายวันต่อมา แสงสีเทาลำหนึ่งกระพริบผ่านภายในถ้ำที่พักของหลิ่วหมิง
ภายใต้การเปล่งประกายของแสงกระบี่ เผยให้ชายหนุ่มชุดเขียวผู้หนึ่งที่กำลังถือกระบี่อยู่ ซึ่งก็คือหลิ่วหมิงนั่นเอง
และที่ถืออยู่ในมือของเขาก็คือกระบี่บินสีเทาที่เพิ่งที่ซื้อมาใหม่เล่มนั้น
พอหลิ่วหมิงชี้ไปยังด้านหนึ่งของผนังหิน กระบี่เล็กสีเทาก็กลายเป็นแสงสีเทากระพริบผ่านไปพร้อมกับเสียงทุ้มต่ำที่ทรงพลัง
ครู่ต่อมา ผนังหินก็ถูกแสงสีเทาฟันจนกลายเป็นรอยกระบี่ที่ลึกหลายฉื่อ
“ฟัน!”
ขณะนี้หลิ่วหมิงเปลี่ยนท่ามือชี้ไปยังก้อนหินยักษ์ที่อยู่ในห้องลับ
กระบี่เล็กสีเทาหมุนวนกลางอากาศหนึ่งรอบอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นเงากระบี่ยักษ์สีเทาร่วงลงมา
“เพล้ง!” ก้อนหินยักษ์ที่สูงหลายจั้งส่งเสียงระเบิดดังออกมา มุมหนึ่งของมันถูกแสงสีเทาฟันออกมา บริเวณที่ถูกฟันนั้นราบเรียบเป็นอย่างมาก
ขณะที่หลิ่วหมิงกำลังชื่นชมกระบี่เล็กสีเทาในมือด้วยสีหน้าพอใจนั้น ก็มีน้ำเสียงคุ้นเคยดังเข้ามาจากนอกถ้ำ
“ศิษย์น้องหลิ่วอยู่ในถ้ำหรือไม่? ข้าคนแซ่เยี่ยนมาเยี่ยมเยียนแล้ว”
หลิ่วหมิงได้ยินก็ทำท่ามือด้วยมือข้างหนึ่ง หลังจากกระบี่เล็กสีเทาหมุนติ้วๆ และหยุดนิ่งกลางอากาศแล้ว แสงสีเทาก็กระพริบจมหายเข้าไปในแขนเสื้อ
“พี่เยี่ยนโปรดรอสักครู่ ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
เขาส่งเสียงออกไปอย่างราบเรียบ จากนั้นก็ปัดเสื้อผ้าก่อนเดินออกไปห้องลับ พอเดินมาถึงหน้าประตู ก็ยกมือปล่อยพลังสีเขียวออกไป
ประตูหินยักษ์ส่งเสียงดังหวึ่ง และค่อยๆ เปิดออกมาเอง เผยให้เห็นเงาร่างของคนสองคน ซึ่งก็คือเยี่ยนหมิงกับเสวี่ยอวิ๋นนั่นเอง
“พี่เยี่ยน ศิษย์น้องเสวี่ยอวิ๋น ไม่เจอกันนานเลย” หลิ่วหมิงกุมมือคารวะเล็กน้อย จากนั้นก็ให้ทั้งสองเข้ามาด้านใน
“ที่จริงพวกข้าทั้งสองตั้งใจจะมาเยี่ยมเยียนตั้งนานแล้ว อยากมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์การฝึกฝน น่าเสียดายที่พี่หลิ่วกักตัวฝึกฝนมาโดยตลอด หลายวันนี้ถึงมีคนบอกว่าเห็นท่านปรากฏตัวในตลาด พวกข้าถึงได้มาเยี่ยมเยียนถึงที่” เยี่ยนหมิงก็ประสานมือโค้งคารวะด้วยรอยยิ้ม ขณะที่เดินไปด้วยเขาก็สอบถามเรื่องราวเกี่ยวกับการสังหารปีศาจหยินหยางกับเรื่องที่เข้าไปในวังมายานภาหยกไปด้วย
หลิ่วหมิงเองก็ไม่ได้ปิดบังอะไร นอกจากจะบอกเรื่องการชิงอาวุธจิตวิญญาณกับรางวัลที่ได้รับในวังมายานภาหยกอย่างคลุมเครือแล้ว เรื่องอื่นๆ เขาก็บอกทั้งสองอย่างละเอียด
ทั้งสองเองก็ฟังจนรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย เสวี่ยอวิ๋นดูมีสีหน้าชื่นชมเป็นอย่างมาก
ไม่นานทั้งสองก็ถูกหลิ่วหมิงพามาถึงในห้องโถง และนั่งลง
………………………………