ราชาโลหิตเห็นเช่นนี้ ก็เผยแววตาประหลาดใจออกมา เขายกแขนทั้งสองข้างไปด้านหน้าทันที ทะเลโลหิตตรงหน้าพวยอย่างรุนแรง ฝ่ามือโลหิตจำนวนมากปรากฏออกมา และพุ่งเข้าหาเงาร่างทั้งสองของหลิ่วหมิงอย่างบ้าคลั่ง
แต่ว่าเงาร่างทั้งสองที่หลิ่วหมิงสร้างขึ้นมากลับเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับปีศาจ จนหลบฝ่ามือโลหิตส่วนใหญ่ไปได้ ต่อมาเงาร่างหนึ่งในนั้นก็ระเบิดตัวกลายเป็นหมอกดำม้วนตัวไปด้านหน้า และโอบล้อมฝ่ามือยักษ์ที่เหลือไว้ในนั้น
และเงาร่างอีกเงากลับถือโอกาสนี้ มาปรากฏตัวตรงหน้าราชาโลหิตที่ซ่อนตัวอยู่ จากนั้นเงาร่างที่แท้จริงของหลิ่วหมิงก็ปรากฏออกมา พอเขายกแขนขึ้น ปราณกระบี่รูปเกลียวขนาดเท่าปากถ้วยก็พุ่งออกจากปลายนิ้ว และพุ่งไปยังหน้าอกของราชาโลหิตที่อยู่ตรงหน้า
ปราณกระบี่ยังไม่ทันเข้ามาถึง พายุหมุนก็แหวกทะเลโลหิตตรงหน้าออกเป็นสองส่วน เผยให้เห็นร่างของราชาโลหิตที่อยู่ในนั้น แต่ทว่าเขากลับเผยรอยยิ้มอันเยือกเย็นออกมา และไม่รู้สึกลนลานเลยแม้แต่น้อย
ครู่ต่อมาได้เกิดฉากอันน่าประหลาดใจขึ้น!
มีเสียงดัง “ฟิ้ว!” เบาๆ
ปราณกระบี่รูปเกลียวจมหายไปบนหน้าอกของราชาโลหิตอย่างไร้ร่องรอย ราวกับว่าถูกดูดเข้าไปในนั้น
พอหลิ่วหมิงเห็นฉากเช่นนี้ ก็ทำท่ามือเคล็ดวิชากระบี่ด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“ตู๊ม!”
ระลอกคลื่นปราณโลหิตพุ่งออกจากหน้าอกของราชาโลหิต ทำให้ราชาโลหิตระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ และแตกสลายไป
“แย่แล้ว!” พอหลิ่วหมิงเห็นฉากตรงหน้า ก็รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยในทันที
ขณะนั้นเอง เขารู้สึกว่ามีพายุพุ่งมาจากด้านหลังอย่างรุนแรง ภายใต้ความตกใจ และรู้ตัวว่าไม่อาจหลบหลีกได้ทัน จึงได้แต่กระตุ้นพลังเวทไปด้านหลังเท่านั้น
ทันใดนั้น ไอดำก็พวยพุ่งออกมา ผิวหนังตรงหลังมีเกล็ดสีแดงปรากฏออกมาทับซ้อนกันหลายชั้น
ครู่ต่อมา มีเสียงระเบิด “ตู๊ม!” “ตู๊ม!” “ตู๊ม!” ดังอยู่ข้างหูของเขาหลายครั้ง พลังมหาศาลพุ่งเข้ามาจากด้านหลัง ปราณโลหิตพวยพุ่งอย่างรุนแรง และร่างของเขาก็ไม่มั่นคงจนต้องพุ่งไปด้านหน้า
ท่ามกลางทะเลโลหิตที่อยู่ห่างจากด้านหลังของเขาไปไม่ไกล มีร่างของราชาโลหิตปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง เขาค่อยๆ ลดมือข้างหนึ่งลง แต่ดูเหมือนว่ากลิ่นไอจะอ่อนกว่าก่อนหน้านั้นเล็กน้อย และจ้องมองหลังของหลิ่วหมิงที่ดูมืดมนกว่าเดิม
สิ่งที่หลิ่วหมิงไม่รู้ก็คือ วิชาชั่วร้ายที่ราชาโลหิตฝึกฝนนั้น โดยปกติต้องอาศัยการดูดโลหิตบริสุทธิ์ของคนอื่นๆ มาหล่อเลี้ยงร่างของตนเอง ทะเลโลหิตที่สร้างขึ้นมา ก็มีโลหิตบริสุทธิ์ของผู้ฝึกฝนจำนวนมากแฝงอยู่ ขณะเดียวกันก็เชื่อมต่อกับจิตของเขาด้วย สามารถเคลื่อนย้ายตัวท่ามกลางทะเลโลหิตได้ภายในพริบตา
แต่ทว่าหากทำเช่นนี้ จะทำให้เขาสูญเสียพลังจิตไม่น้อย
แน่นอนว่าหลิ่วหมิงก็ไม่ใช่ผู้ที่สามารถรับมือได้ง่าย พอเห็นว่าตนเองจะพุ่งเข้าใส่ทะเลโลหิตตรงหน้า แต่ถูกขังไว้อีกครั้ง เขาก็อ้าปากพ่นโล่เล็กสีดำออกมา และยกมือข้างหนึ่งปล่อยพลังเข้าไป
โล่เล็กสีดำย่อมเป็นโล่เก้ากะโหลกที่เป็นต้นแบบอาวุธเวท ขณะที่ปล่อยพลังเข้าไปนั้น มันก็ค่อยๆ ขยายตัวตามแรงลมจนมีขนาดหลายจั้ง หัวกะโหลกบนพื้นผิวดูราวกับมีชีวิต ภายใต้การเปล่งประกายของแสงสีดำ มันก็ยื่นหัวออกมาดูดกลืนทะเลโลหิตตรงหน้า
และหลิ่วหมิงก็อาศัยพลังที่พุ่งไปด้านหน้า เอาเท้าทั้งคู่เหยียบโล่กะโหลกไว้ และอาศัยโอกาสตอนที่ทะเลโลหิตเบาบางลงพุ่งออกจากทะเลโลหิตอย่างรวดเร็ว “ฟิ้ว!”
พอไอดำม้วนตัว หลิ่วหมิงก็หันกลับไปและหยุดลงทันที เขาทานโอสถจินหยวนไปหนึ่งเม็ด ขณะเดียวกันก็หันกลับมาอีกครั้ง แต่จะเห็นว่าเกล็ดสีดำตรงหลังเขา มีรอยฝ่ามือโลหิตปรากฏอย่างชัดเจน
ขณะนั้น มีเสียงหัวเราะอย่างเยือกเย็นดังมาจากทะเลโลหิต ต่อมาทะเลโลหิตไร้ขอบเขตก็กลายเป็นหมอกโลหิตพวยพุ่งเข้าไปในร่างของราชาโลหิตอีกครั้ง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ยกแขนเสื้อขึ้นมา มุกสีเหลืองสลัวๆ สี่เม็ดถูกโปรยลงพื้น แสงสีเหลืองเปล่งประกายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กลายเป็นหุ่นนักรบชุดเกราะที่เปล่งแสงสีทองสี่ตัว
หากราชาโลหิตยังคงกระตุ้นทะเลไร้ขอบเขตอยู่ ต่อให้ใช้หุ่นทั้งสี่ก็คงได้ผลไม่มากนัก แต่ทว่าในตอนนี้ราชาโลหิตกลับเก็บทะเลโลหิตเข้าไปแล้ว หลิ่วหมิงเดาว่าเขาคงไม่ได้รู้สึกว่าไม่มีโอกาสชนะ แต่คงเป็นเพราะว่าการกระตุ้นเคล็ดวิชาทะเลโลหิต ทำให้สูญเสียพลังเวทค่อนข้างมาก
หลังจากราชาโลหิตเห็นหุ่นนักรบทั้งสี่ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา แต่กลับไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เพียงแค่จ้องมองหลิ่วหมิงอย่างเยือกเย็นเท่านั้น
หลิ่วหมิงดวงตาเป็นประกาย เขายื่นนิ้วออกไปอย่างไม่ลังเล ขณะเดียวกันก็ร่ายคาถาออกมา
นิ้วของเขาค่อยๆ สั่นสะท้าน แสงสีทองกลุ่มหนึ่งปรากฏออกมาตรงปลายนิ้ว พอชี้ออกไป อักขระสีทองสี่ตัวก็จมหายไปในระหว่างคิ้วของหุ่นนักรบทั้งสี่อย่างรวดเร็ว
ครู่ต่อมา มีแสงสีทองเปล่งประกายบนตัวหุ่นนักรบทั้งสี่ ทันใดนั้น แรงกดดันจิตวิญญาณบางอย่างก็แผ่ออกมา แสงสีทองสี่ลำพุ่งขึ้นฟ้า ในที่สุดหุ่นทั้งสี่ก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
“ฟิ้วๆ!” เงาร่างสีทองสูงใหญ่พร่ามัวพุ่งขึ้นฟ้า และร่วงลงรอบตัวราชาโลหิต
ราชาโลหิตเห็นเช่นนี้ ก็ยังคงมีท่าทีเช่นเดิม แสงสีเลือดเปล่งประกายในดวงตาอยู่ไม่หยุด พอพลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง แสงสีเลือดก็เปล่งประกายบนมือ และควบแน่นออกมาเป็นมนุษย์โลหิตเล็กๆ ที่มีขนาดครึ่งฉื่อ ดูจากภายนอกแล้ว มันมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับราชาโลหิตไม่มีผิด
มนุษย์โลหิตจิ๋วมีแสงสีเลือดเปล่งประกายบนพื้นผิว กลิ่นไอของราชาโลหิตที่อ่อนลงเล็กน้อย ก็ฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกัน ปราณโลหิตบนตัวก็พวยพุ่งขึ้นมา
ดวงตาหลิ่วหมิงดูเฉียบขาดมาก ขณะเดียวกัน ก็เรียกใช้พลังจิตที่หนอนพลังจิตสร้างขึ้น มือทั้งสองทำท่ามืออย่างรวดเร็ว พลังจิตสี่สายพุ่งออกจากระหว่างคิ้ว และจมลงบนหน้าผากของหุ่นสีทองทั้งสี่
ดวงตาของหุ่นทั้งสี่เป็นประกาย ลำแสงสีทองสี่ลำพุ่งออกจากร่าง มีมังกรเขียว พยัคฆ์ขาว หงส์แดง เต่าดำ ที่เป็นสัตว์เทพประจำทิศทั้งสี่ปรากฏอยู่รำไร
“ก็แค่ค่ายกลจตุรทิศเท่านั้น จะทำอะไรข้าได้!” ขณะที่พูด ราชาโลหิตกลับเก็บมนุษย์โลหิตจิ๋วในมือด้วยแววตาเคร่มขรึม ปราณโลหิตบนตัวพวยพุ่งออกมาอีกครั้ง และคิดที่จะห่อหุ้มร่างของหุ่นทั้งสี่ไว้
“เกาะตัว!”
ขณะนั้นเอง หลิ่วหมิงก็เผยแววตาเฉียบขาดออกมา พอส่งเสียงตะโกนออกมาแล้ว ก็ทำท่ามือแปลกประหลาดทันที
หากยอมให้ราชาโลหิตกระตุ้นทะเลโลหิตอีกครั้ง จะเป็นศึกยาวนานที่ไม่อาจรู้แพ้ชนะได้ แต่สถานการณ์ตรงหน้านี้ เขายังต้องดูดซับไอปีศาจแท้ต่อให้เร็วที่สุด ด้วยเหตุนี้หลังจากลังเลเล็กน้อยแล้ว เขาก็เตรียมแสดงท่าไม้ตายทันที
ครู่ต่อมา หุ่นสี่ทิศกลางอากาศก็เคลื่อนไหวอบ่างบ้าคลั่งราวกับมีชีวิต แสงบนตัวหุ่นสีทองทั้งสี่เปล่งประกายอยู่ไม่หยุด
“ตู้มต้าม!”
แสงสีทองเปล่งประกายบนตัวหุ่นทั้งสี่ จากนั้นก็ระเบิดออกมาในฉับพลัน!
ท่ามกลางทะเลโลหิต กลิ่นไอที่สามารถทำลายฟ้าทลายดินได้ ก็พุ่งออกจากกลุ่มแสงสีทองทั้งสี่ที่อยู่ด้านล่าง เงาร่างสี่ทิศกลางอากาศเกาะตัวขึ้นมาราวกับมีชีวิต หลังจากหมุนวนไปหนึ่งรอบ ก็ขับไล่ทะเลโลหิตที่พวยพุ่งเข้ามารอบด้านได้ จากนั้นก็พุ่งตรงเข้าหาราชาโลหิตพร้อมกับกลิ่นไอทำลายล้างอันน่าหวาดกลัว
นี่ถึงเป็นชั้นจำกัดแท้จริงที่แฝงอยู่ในหุ่นสี่ทิศ หลังจากหุ่นระดับของเหลวขั้นปลายทั้งสี่จัดวางเป็นค่ายกลสี่ทิศแล้ว พลังของมันก็เข้าถึงระดับผลึกขั้นต้น แต่หากกระตุ้นให้ระเบิดตัว สามารถทำให้พลังของหุ่นสี่ทิศยกระดับถึงแก่นแท้ และโจมตีด้วยพลังทั้งหมดได้!
ราชาโลหิตเปลี่ยนเคล็ดวิชาด้วยความตกใจ ทะเลโลหิตรอบด้านม้วนตัวกลับมา และกลายเป็นเกราะป้องกันโลหิตหนาๆ หนึ่งชั้น
เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวอีกครั้ง!
เงาร่างสี่ทิศปะทะใส่ม่านโลหิตในทิศทางที่แตกต่างกัน ทันใดนั้นมันก็ระเบิดตัวเป็นกลุ่มแสงสีทอง แสงสีทองที่พวยพุ่งออกมาห่อหุ้มที่สิ่งที่อยู่ภายในม่านโลหิตไว้ จากนั้นอากาศก็บิดเบี้ยว และเกิดเสียงดังหวึ่งๆ
พอมีเสียงแตกร้าวดังขึ้น พื้นในห้องโถงก็มีรอยร้าวขนาดใหญ่ปรากฏออกมาสิบกว่าเส้น
แต่เมื่อแสงสีทองดับลง ก็เผยให้เห็นรังไหมสีแดงที่สูงสองจั้งกว่าๆ พริบตาเดียว มันก็แตกกระจายเป็นผุยผง
ราชาโลหิตปรากฏตัวออกมาด้วยสีหน้าซีดขาว แต่มีคราบโลหิตสีดำปรากฏอยู่ใต้จมูกอย่างรำไร ขณะเดียวกันก็ดูหน้าเขียวปัดเป็นอย่างมาก
ประจักชัดว่าการโจมตีเมื่อครู่ แม้จะแสดงเคล็ดวิชาบางอย่างต้านทานการระเบิดตัวโจมตีของหุ่นสี่ทิศแล้ว แต่ตัวเขาเองก็ได้รับความเสียหายไม่น้อย
ขณะนั้นเอง หลิ่วหมิงกลับแผดเสียงยาวออกมา พอสะบัดแขนเสื้อ กระบี่เล็กสีเขียวก็พุ่งขึ้นฟ้า และกลายเป็นแสงกระบี่อันครั่นคร้าม
หลิ่วหมิงกระโดดเข้าไปในม่านแสงสีทองทันที หลังจากหมุนวนหนึ่งรอบแล้ว ก็กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวที่ยาวสิบกว่าจั้ง และกระพริบไปอยู่ตรงหน้าราชาโลหิต
ราชาโลหิตคำรามด้วยความโมโห เปลวเพลิงโลหิตปรากฏบนตัว หลังจากพวยพุ่งรวมตัวกันแล้ว ก็กลายเป็นชุดเกราะประณีตงดงามชุดหนึ่ง ในมือทั้งสองต่างก็ถือดาบวงพระจันทร์หนึ่งเล่ม ภายใต้การสั่นสะท้านเบาๆ จันทราโลหิตก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ครู่ต่อมาก็ปะทะกับสายรุ้งสีเขียวอันน่าหวาดกลัว
เกิดเสียงดังกังวานแสบแก้วหู สายรุ้งสีเขียวพุ่งไปพุ่งมาในจันทราโลหิต สุดท้ายก็หมุนวนหนึ่งรอบก่อนพุ่งยิงกลับไป
พอแสงกระบี่ดับลง ร่างของหลิ่วหมิงก็ปรากฏออกมาอีกครั้ง แต่สีหน้าซีดขาวอย่างหาที่เปรียบมิได้
การกระตุ้นวิชากระบี่ร่างเป็นหนึ่งติดต่อกันหลายครั้ง แม้ว่าเขาจะมีพลังเวทบริสุธิ์เป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่สามารถยืนหยัดได้นาน
ราชาโลหิตเห็นเช่นนี้ ก็เผยสีหน้าดุร้ายออกมา และก้าวยาวๆ ไปหาหลิ่วหมิง
“สมกับเป็นผู้ที่มีรายชื่ออันดับหนึ่งในบัญชีความเป็นความตาย ไม่มีวิธีอื่นแล้ว คงได้แต่ใช้วิธีนี้เท่านั้น” หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา และถอนหายใจพูดพึมพำกับตัวเอง
ราชาโลหิตได้ยินก็รู้สึกอึ้งทันที ขณะที่ยังไม่รู้ว่าหลิ่วหมิงหมายความว่าอย่างไรนั้น หลิ่วหมิงที่อยู่ตรงหน้าก็ทำท่ามือด้วยมือเดียว ส่วนมืออีกข้างก็เอานิ้วชี้แตะระหว่างคิ้วของตัวเอง
“ฟิ้ว!” ดูเหมือนว่าจะมีอะไรบางอย่างพุ่งออกจากร่างหลิ่วหมิง
ราชาโลหิตเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ แต่ตรงหน้ากลับว่างเปล่า ไม่มีสิ่งของใดๆ เลย
แม้เขาจะรู้สึกประหลาดใจมาก แต่ยังคงหัวเราะอย่างเยือกเย็น ขณะที่กำลังจะกล่าวอะไรบางอย่างออกมานั้น พลันรู้สึกเย็นตรงหน้าอก และหัวใจของเขาก็ถูกอะไรแหลมคมบางอย่างเจาะทะลุไป
ราชาโลหิตส่งเสียงดังลั่น มือข้างหนึ่งกดบาดแผลตรงหน้าอกไว้อย่างรวดเร็ว และโซซัดโซเถถอยออกไป
ในระหว่างนิ้วทั้งห้า มีโลหิตบริสุทธิ์ทะลักออกมาอย่างบ้าคลั่ง
ราชาโลหิตมีสีหน้าเหลือเชื่อเป็นอย่างมาก
หลังจากหลิ่วหมิงทำการโจมตีแล้ว ใบหน้าของเขาก็ไม่เหลือเลือดฝาดใดๆ อีก เขานำโอสถจินหยวนออกมาทานหนึ่งเม็ด ดูเหมือนว่าจะใช้พลังเวทที่เหลือในร่างจนหมดสิ้นแล้ว
การโจมตีราชาโลหิตในเมื่อครู่ คือตัวอ่อนกระบี่เขาพระสุเมรุไร้รูปที่หลิ่วหมิงบ่มเพาะมาหลายปี
แม้ว่าการใช้ตัวอ่อนกระบี่เขาพระสุเมรุในตอนนี้ จะทำให้อานุภาพที่บ่มเพาะมาถูกใช้จนหมดสิ้น ทั้งยังต้องใช้เวลาหลายปีถึงฟื้นคืนอานุภาพเดิมได้ แต่สถานการณ์ตรงหน้า หลิ่วหมิงจำเป็นต้องใช้ท่าไม้ตายนี้
………………………………