ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 669 คลื่นใต้น้ำ

“สิบสองล้านหินจิตวิญญาณ!” ในที่สุดลี่หวงก็เสนอราคาออกมา และกวาดสายตามองดูหลิ่วหมิงทีหนึ่ง

“สิบสามล้าน!”

น้ำเสียงราบเรียบกดทับราคาของชายหนุ่มชุดฟ้าไว้

คนผู้นี้ไม่ใช้หลิ่วหมิง แต่เป็นผู้อาวุโสชุดดำแถวหน้าที่ไม่เคยริปากมาก่อน

ลี่หวงมีสีหน้าเยือกเย็น และกำลังจะระเบิดอารมณ์ออกมา

“นายน้อย คนผู้นั้นเป็นผู้ฝึกฝนสายปีศาจระดับแก่นแท้ที่มีชื่อเสียงในแดนใต้ ผู้เฒ่าจินจู ซึ่งเป็นคนระดับเดียวกับนายท่าน อย่าได้ล่วงเกินจะดีกว่า” ชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งที่อยู่ด้านหลังชายหนุ่มชุดฟ้า ก้าวมาด้านหน้าหนึ่งก้าว และก้มลงพูดเบาๆ

ลี่หวงได้ยินก็เผยสีหน้าลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ทำเสียงฮึดฮัดก่อนนั่งลงไป

“สิบห้าล้านหินจิตวิญญาณ!”

ขณะนั้นเอง หลิ่วหมิงก็เริ่มเสนอราคาแล้ว พอเอ่ยปากก็เพิ่มราคาถึงสองล้านหินจิตวิญญาณ

ผู้อาวุโสชุดดำมีจมูกเหยี่ยวที่เห็นได้ชัดว่าไม่สอดรับกับใบหน้า ขณะนี้กำลังขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากสีหน้าเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่ครู่หนึ่งแล้ว กลับไม่เสนอราคาต่อ

แม้ว่าของเหลวห้าแสงคุณภาพสุดยอดจะล้ำค่าเป็นอย่างมาก แต่ว่ามีแค่ขวดเดียวเท่านั้น ราคาสิบห้าล้านหินจิตวิญญาณมันแพงไปหน่อย

ลี่หวงชายหนุ่มชุดฟ้าเห็นเช่นนี้ก็ตาเป็นประกาย และไม่ได้เสนอราคาต่อ

ชายหน้าเหลี่ยมถามติดต่อกันสองครั้ง พอเห็นว่าไม่มีคนเสนอราคาต่อ ก็ประกาศชื่อผู้ที่เจ้าของของเหลวห้าแสงคุณภาพสุดยอดขวดนี้อย่างรวดเร็ว

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็ลุกขึ้นยืนทันที

“คุณชาย งานประมูลยังไม่ถึงช่วงท้าย ยังมีสิ่งของที่น่าจับตามองอยู่หลายชิ้น คุณชายไม่ลอง…” ลี่ว์อวิ๋นลังเลเล็กน้อยแล้วถามออกมา

“ไม่ต้องแล้ว เป้าหมายของข้าในครั้งนี้คือของเหลวห้าแสงเท่านั้น ไม่ได้สนใจของล้ำค่าอื่นๆ ” หลิ่วหมิงกล่าวอย่างราบเรียบ

ลี่ว์อวิ๋นเห็นเช่นนี้ก็ไม่พูดอะไรอีก หลังจากพยักหน้าแล้ว ก็พาหลิ่วหมิงเดินไปห้องที่อยู่ด้านข้างห้องประมูล

ขณะเดียวกัน คนจำนวนไม่น้อยก็แอบสังเกตดูหลิ่วหมิงอย่างเงียบๆ และชายหนุ่มชุดฟ้าก็เผยสีหน้าเยือกเย็นออกมา เขาค่อยๆ ยกมือข้างหนึ่งแสดงท่าทีให้คนที่อยู่ด้านหลัง

ชายฉกรรจ์ที่อยู่ด้านหลังผู้นั้นรับรู้โดยปริยาย และเดินออกจากห้องประมูลไปอย่างรวดเร็ว

ห้องข้างห้องประมูล มีคนนำของเหลวห้าแสงคุณภาพสูงยี่สิบขวดกับคุณภาพสุดยอดหนึ่งขวดที่หลิ่วหมิงประมูลมาได้มาวางรออยู่ก่อนแล้ว

หลังจากสนทนากันเล็กน้อย หลิ่วหมิงก็จ่ายไปสามสิบสามล้านหินจิตวิญญาณ และของเหลวห้าแสงเหล่านี้ก็เป็นของเขา

หลังจากตรวจสอบเล็กน้อยแล้ว ก็นำของเหลวห้าแสงเหล่านี้ใส่เข้าไปในแหวนย่อส่วน และเดินออกไปด้านนอกภายใต้การนำทางของลี่ว์อวิ๋น

หลังออกจากสถานที่ประมูล หลิ่วหมิงไม่ได้กลับไปยังที่พัก แต่กลับเดินไปนอกตลาด

ตอนออกจากสถานที่ประมูลมาแล้ว เขารับรู้ได้ว่ามีคลื่นพลังจิตสั่นสะเทือนอยู่ลางๆ และตามติดเขาอยู่ห่างๆ

หลังจากทะลวงระดับผลึกแล้ว พลังจิตของหลิ่วหมิงก็ขยายใหญ่ขึ้นด้วย พริบตาเดียว เขาก็ปล่อยคลื่นพลังจิตไร้รูปออกไป และปกคลุมพื้นที่ในระยะหลายร้อยจั้งไว้

“ที่แท้ก็เป็นเขา…”

หลิ่งหมิงยิ้มมุมปากเล็กน้อย แววตาเฉียบขาดเปล่งประกายออกมา และก้าวเท้าเร็วขึ้นกว่าเดิม ไม่นานก็ออกไปจากตลาด

บริเวณทางเข้าตลาด มีคนผู้หนึ่งเดินออกมาจากเงาของหอขนาดเล็กๆ อย่างรวดเร็ว เขาก็คือชายฉกรรจ์ที่เป็นผู้ติดตามของลี่หวงผู้นั้น

คนผู้นี้หันหน้าไปมองสถานที่ประมูลทีหนึ่ง หลังจากเผยสีหน้าลังเลเล็กน้อยแล้ว ก็กระทืบเท้าเดินตามไป

ครึ่งชั่วยามต่อมา ลี่หวงก็พาลูกน้องสองสามคนตามมาถึงป่าดงดิบแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากตลาดไปร้อยกว่าลี้

จะเห็นว่ามีศพไร้ศีรษะของชายฉกรรจ์นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นว่างเปล่าใจกลางป่า และศีรษะของเขาก็กลิ้งไปอยู่อีกด้าน ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด ดวงตาทั้งคู่เบิกโพลง สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

ผู้ติดตามหลายคนเห็นเช่นนี้ ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที แค่ก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว

พวกพ้องเดียวกันถูกฆ่า แต่ใบหน้าของพวกเขากลับไม่มีอาการเสียใจเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่ยืนรอคำสั่งของลี่หวงอย่างเงียบๆ

แต่ทว่าผ่านไปซักพักแล้ว ลี่หวงก็ยังคงไม่พูดอะไรออกมา

“นายน้อย…” ชายร่างผอมสูงผู้หนึ่งเดินออกมาอย่างอดไม่ได้

“พวกเจ้าคนหนึ่งนำศพของเฮยอู่กลับไปบอกเรื่องนี้กับท่านพ่อ ควรจะพูดอย่างไรนั้น คงไม่ต้องให้ข้าสอนหรอกนะ?” เรื่องหลังจากนี้ก็ให้ท่านเป็นคนตัดสินใจแล้ว” ลี่หวงมองดูศพไร้ศีรษะของชายฉกรรจ์อย่างเงียบๆ และสั่งออกมา

ชายร่างผอมสูงได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกตะลึงเล็กน้อย เดิมทีเขาคิดว่านายน้อยที่โหดร้ายผู้นี้จะโมโหจนตามหาฆาตกรโดยไม่สนใจทุกสิ่ง เขาจึงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอยู่ครู่หนึ่ง

“ไม่ต้องแสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมา แม้ว่าข้าจะเป็นคนบุ่มบ่าม แต่ก็ไม่ใช่คนโง่ บริเวณรอบๆ นี้ไม่มีร่องรอยของการต่อสู้อย่างดุเดือดเลย ประจักษ์ชัดว่าเฮยอู่ถูกคนผู้นั้นสังหารในทีเดียว พลังของเฮยอู่เข้าถึงระดับผลึกขั้นกลางแล้ว เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพวกเจ้า แม้แต่ข้าก็ใช่ว่าจะฆ่าเขาได้ ควรมอบเรื่องนี้ให้ท่านพ่อจัดการจะดีกว่า” ลี่หวงกล่าวอย่างราบเรียบ จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อหมุนตัวเดินไปยังทิศทางที่จากมา

ผู้ติดตามที่เหลือมองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เก็บศพของชายฉกรรจ์อย่างรีบร้อน และตามกลับไปอย่างรวดเร็ว

……

ภายในบ้านเล็กๆ หลังหนึ่งในตลาดเหมียวจง

หลังจากหลิ่งหมิงสังหารชายฉกรรจ์ผู้นั้นแล้ว ก็เดินเล่นอยู่บริเวณนั้นรอบหนึ่ง จากนั้นก็เปลี่ยนรูปโฉมก่อนเดินกลับเข้าไปในตลาด

พอกลับถึงที่พักก็เดินตรงไปที่ห้องลับทันที หลังจากเปิดชั้นจำกัดทั้งหมดแล้ว ก็นั่งขัดสมาธิลงไป และนำของเหลวห้าแสงออกมาจากแหวนย่อส่วน

หลิ่วหมิงมองดูขวดเล็กๆ ที่วางเต็มตรงหน้าแล้วเผยรอยยิ้มออกมาด้วยความดีใจ แม้ว่าเขาจะเสียหินจิตวิญญาณไปไม่น้อย แต่ก็คุ้มค่ากับสิ่งที่ได้มา

เช่นนี้แล้ว ช่วงเวลาสองสามปีหลังจากนี้เขาก็ไม่ต้องกลัดกลุ้มเรื่องของเหลวห้าแสงอีก

หลังจากหลิ่วหมิงพักผ่อนไปหนึ่งคืนแล้ว เช้าวันที่สองก็แปลงโฉมออกไปด้านนอกอีกครั้ง หลังจากซื้อวัตถุดิบอื่นๆ มาแล้ว ก็กลับไปปรุงโอสถในห้องลับทันที

เวลาเที่ยงคืนในสามเดือนต่อมา ทั่วทั้งตลาดถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด ลานใจกลางตลาดที่เคยคึกคัก ก็เงียบสงบอย่างเห็นได้ชัด

ภายในห้องลับ หลิ่วหมิงกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหน้าเตาหลอมลิ่วเสิน ด้านหนึ่งทำท่ามือปล่อยพลังเวทใส่เตาหลอม อีกด้านก็จ้องมองเตาหลอมอย่างไม่วางตา และคำนวณเวลาที่โอสถจะปรุงสำเร็จอย่างเงียบๆ

เปลวไฟร้อนแรงห่อหุ้มอยู่ด้านล่างของเตาหลอม ลวดลายจิตวิญญาณบนพื้นผิวกำลังเปล่งประกายระยิบระยับ ไอสีขาวน้ำนมพวยพุ่งออกจากเตาหลอมตลอดเวลา

โอสถแฝงจิตวิญญาณที่เขาปรุงในครั้งนี้ ใช้ของเหลวห้าแสงคุณภาพสุดยอดในการปรุง

ขณะที่เวลาค่อยๆ ผ่านไป ไอสีขาวที่พุ่งออกมาก็ค่อยๆ เบาบางลง ขณะเดียวกัน กลิ่นหอมเย็นจางๆ ก็เริ่มโชยออกมา

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็เพิ่มพลังเวทเข้าไปด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ทันใดนั้น ปราณจิตวิญญาณในห้องลับก็พากันไปรวมตัวในเตาหลอมลิ่วเสิน และกลายเป็นไอหมอกหมุนวนอยู่เหนือเตาหลอม

ครู่ต่อมา ฝาเตาหลอมส่งเสียงดัง “หวึ่ง!” และค่อยๆ ลอยขึ้นมา

เปลวไฟตรงก้นเตาหลอมดับลง หลังจากมีเสียงดังขึ้นเบาๆ แสงสีขาวน้ำนมก็เปล่งประกายออกจากเตาหลอม และพุ่งขึ้นไปด้านบน

เกิดปรากฏการณ์แปลกประหลาดในการปรุงโอสถอย่างไม่คาดคิด!

และชั้นจำกัดที่วางอยู่ภายในห้อง ป้องกันได้แค่ไม่ให้แสงสีขาวพุ่งทะลุหลังคาออกไปด้านนอกเท่านั้น แต่คลื่นพลังเวทที่สั่นสะเทือนผิดปกตินี้ ยังคงถูกส่งออกไปภายนอกอย่างชัดเจน

สีหน้าหลิ่วหมิงค่อยๆ เปลี่ยนไป เขายกแขนเสื้อโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง จากนั้นไอดำส่วนหนึ่งก็ห่อหุ้มเตาหลอมเอาไว้ และเก็บมันเข้าไป

จากนั้นก็พลิกฝ่ามือหยิบยันต์สีเหลืองออกมาผืนหนึ่ง พอออกแรงขยี้ แสงสีเหลืองลำหนึ่งก็ปกคลุมร่างของเขาไว้ และมุดลงไปใต้ดิน

และขณะนั้นเอง ภายในห้องบนชั้นสามของร้านโอสถที่ดูหรูหราแห่งหนึ่ง

ลี่หวงกำลังนั่งอยู่ในนั้นด้วยสีหน้าอึมครึม และกำลังฟังรายงานของชายร่างผอมสูงอยู่

ทันใดนั้นก็ดูเหมือนจะรับรู้ได้ว่ามีคลื่นสั่นสะเทือนแปลกประหลาด จึงขมวดคิ้วแล้วมองออกไปด้านนอก แสงสีทองเปล่งประกายอยู่ในดวงตา

“นายน้อย เมื่อครู่คือ……” ดูเหมือนว่าชายร่างผอมสูงจะรับรู้ถึงความผิดปกติได้เช่นกัน จึงถามออกมาด้วยความแปลกใจ

“เป็นเสียงสะท้อนของปราณจิตวิญญาณพสุธา คิดไม่ถึงว่าในตลาดจะมีปรมาจารย์หลอมอาวุธหรือการปรุงโอสถด้วย ช่างเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายยิ่งนัก” ลี่หวงละสายตากลับมาและกล่าวอย่างเนิบนาบ

“ตามที่ข้าทราบมา ในตลาดเหมียวจงนี้ไม่มีปรมาจารย์หลอมอาวุธหรือปรุงโอสถประจำอยู่ หรือว่าจะเป็นผู้ที่มาจากภายนอก?” ชายร่างผอมสูงกล่าวด้วยน้ำเสียงสีที่เปลี่ยนไป

“มีโอกาสเป็นไปได้ เฮ่อๆ! ตลาดเหมียวจงในช่วงนี้มีคลื่นใต้น้ำเคลื่อนไหวอยู่จริงๆ เฮยอู่เพิ่งจะถูกสังหารไป พริบตาเดียวก็มีปรมาจารย์โผล่ขึ้นมาคนหนึ่ง” ลี่หวงยิ้มออกมาอย่างน่าสะพรึง และค่อยๆ กล่าวออกมาทีละคำทีละคำ

“หรือนายน้อยสงสัยว่าทั้งสองเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกันหรือ?” ชายร่างผอมสูงแสดงสีหน้าเข้าใจออกมา และถามออกไปอีกครั้ง

“เจ้ามีสมองไว้ทำไม? เอาแต่ถามข้าไปหมดทุกเรื่อง! ยังไม่รีบส่งคนไปตรวจสอบเรื่องนี้อีก นอกจากนี้ อย่าลืมรายงานสถานการณ์ของสถานที่แห่งนี้ให้ท่านพ่อรู้ด้วย” ลี่หวงจ้องมองชายร่างผอมสูงด้วยแววตาเยือกเย็น และตำหนิด้วยความไม่พอใจ

ชายร่างผอมสูงรีบพยักหน้าตอบรับในทันที จากนั้นก็รีบออกไปอย่างรวดเร็ว

……

ขณะที่หลิ่วหมิงดำดินหนีไปถึงราวๆ เวลาครึ่งถ้วยชานั้น ด้านนอกเรือนหลังเล็กในโรงเตี๊ยมที่เขาเช่าไว้ ก็มีเงาร่างจำนวนไม่น้อยปรากฏอยู่รำไร ในนั้นมีกลิ่นไอแข็งแกร่งอยู่หลายคน

และผู้ฝึกฝนคนอื่นๆ ที่อยู่ในห้องพักก็รับรู้ได้ถึงคลื่นแปลกประหลาดในก่อนหน้านี้ จึงพากันเดินออกมาดูเรือนหลังเล็กที่หลิ่วหมิงอยู่ในเมื่อครู่

บรรยากาศเคร่งขรึมปกคลุมไปทั่วพื้นที่บริเวณนี้

ห่างจากโรงเตี๊ยมไปไม่ไกล เงาสีดำเงาหนึ่งพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว และร่วงลงบนหลังคาอย่างไร้สุ้มเสียง

ภายใต้แสงจันทร์ เผยให้เห็นเค้าโครงของเงาร่างคนหลังค่อมที่มีจมูกเหยี่ยว

เขาก็คือผู้เฒ่าจินจู ผู้ฝึกฝนปีศาจระดับแก่นแท้ที่ปรากฏตัวในงานประมูลนั่นเอง

ขณะนี้เขากำลังจ้อมองไปทางโรงเตี๊ยมด้วยแววตาที่เป็นประกาย

“ปรากฏการณ์เมื่อครู่ คงจะเกิดจากการปรุงโอสถ น่าแปลกเสียจริง! พื้นที่เล็กๆ อย่างตลาดเหมียวจงกลับมีปรมาจารย์ปรุงโอสถด้วย หรือว่า…” ผู้เฒ่าจินจูเผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา

ขณะเดียวกัน ในมุมเปล่าเปลี่ยวแห่งหนึ่งในตลาดเหมียวจง

สถานที่แห่งนี้นอกจากจะมีโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งที่มีไฟตะเกียงติดอยู่แล้ว ร้านค้าอื่นๆ ต่างก็ปิดประตูไปนานแล้ว

เงาร่างของหลิ่วหมิงค่อยๆ เดินออกจากมุมมืด และเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยมด้วยสีหน้าปกติ

ที่นี่คือที่พักอีกแห่งที่เขาเตรียมไว้ในก่อนหน้า เพื่อป้องกันการเกิดเหตุที่ไม่คาดคิด

………………………………

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset