ชายหนุ่มชุดม่วงสองคนมีใบหน้าเหมือนกันไม่มีผิด รูปร่างล้วนผอมแห้งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ คนหนึ่งใบหน้าเต็มไปด้วยลวดลายสีม่วงแปลกประหลาด อีกคนก็มีลวดลายจิตวิญญาณสีแดงอยู่บนหน้า ลูกตาดำเป็นสีเขียวแวววาว ดวงตาทั้งสี่ที่ดูราวกับดวงตาของอสรพิษเปล่งประกายอย่างเยือกเย็น
“พวกเจ้าฆ่าเขา…ถ้าอย่างนั้นก็ไปตายซะเถอะ!” ชายหนุ่มชุดม่วงทั้งสองกวาดสายตามองดูศพที่มีสภาพไม่สมบูรณ์บนพื้นแล้วกล่าวออกมาพร้อมกัน น้ำเย็นเยือกเย็นอย่างถึงขีดสุด ราวกับว่าเป็นคนคนเดียวกัน
พอน้ำเสียงสิ้นสุดลง ไอสีม่วงบนหน้าชายหนุ่มชุดม่วงทั้งสองก็หนาแน่นขึ้นมา คนหนึ่งในนั้นอ้าปากพ่นพายุหมุนสีม่วง ส่วนอีกคนก็พ่นเมฆอัคคีขนาดใหญ่ พอทั้งสองผสานเข้าด้วยกันก็กลายเป็นเสาเพลิงขนาดใหญ่พุ่งขึ้นฟ้า และพวยพุ่งเข้าหาฝ่ายตรงข้าม
ผู้ฝึกฝนสายปีศาจทั้งสองหมุนตัวพุ่งถอยออกไปด้วยความตกใจ ดาบปีศาจในมือฟันแสงดาบสีดำสิบแปดเจ็ดสิบแปดลำออกไปภายในพริบตา
ชายหนุ่มชุดม่วงทั้งสองยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน และไม่คิดจะหลบหลีกเลยแม้แต่น้อย
ครู่ต่อมา แสงดาบสีดำสิบเจ็ดสิบแปดลำก็พากันฟันลงบนเสาเพลิงวายุ
หลังจากเกิดเสียงดังเปรี๊ยะๆ อยู่ครู่หนึ่ง เสาเพลิงวายุยังคงม้วนตัวออกไป แต่แสงดาบสีดำฟันก็ถูกสั่นสะเทือนจนค่อยๆ แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ
“เป็นผู้ฝึกฝนปีศาจระดับแก่นแท้ขั้นกลาง!” ผู้ฝึกฝนสายปีศาจทั้งสองเห็นเช่นนี้ ต่างก็หลุดปากออกมา หลังจากสบตากันทีหนึ่งแล้ว ก็หันหน้าพุ่งหนีออกไปไกลๆ ทันที
ขณะนั้นเอง ชายหนุ่มชุดม่วงทั้งสองก็ร่ายคาถาออกมาพร้อมกัน แขนทั้งที่ยกขึ้นมาทันที และตบออกไปกลางอากาศติดต่อกันสามที
จะเห็นว่าเสาเพลิงวายุสีแดงม่วงกลางอากาศขยายใหญ่สิบเท่าในฉับพลัน หลังจากม้วนตัวไปหนึ่งที ก็ห่อหุ้มผู้ฝึกฝนสายปีศาจทั้งสองไว้ในนั้น
ท่ามกลางเสาวายุ คมวายุสีม่วงที่แหลมยาวจำนวนมากและลูกเปลวไฟสีแดงพากันพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง พริบตาเดียวก็ทำลายอาวุธจิตวิญญาณคุ้มกันกับเสื้อเกราะบนตัวผู้ฝึกฝนสายปีศาจทั้งสองจนแตกกระจาย ส่วนทั้งสองก็ถูกขังตายอยู่ในเสาวายุ โดยไม่อาจกระดิกตัวได้เลยแม้แต่น้อย ทำได้แค่พยายามกระตุ้นปราณแกร่งฝืนต้านทานไว้เท่านั้น
ครู่ต่อมา เงาสีม่วงก็เปล่งประกายด้านหลังผู้ฝึกฝนสายปีศาจทั้งสอง ชายหนุ่มชุดม่วงทั้งสองปรากฏออกมาทางซ้ายขวา ขณะเดียวกันก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมา นิ้วทั้งสิบแหลมคมอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ และเล็บสีดำก็ยาวออกมาหลายชุ่น
ในระหว่างที่เงาดำเคลื่อนไหว ชายหนุ่มชุดม่วงทั้งสองก็ใช้แขนเจาะทะลุหน้าอกของผู้ฝึกฝนสายปีศาจทั้งสองไป และควักหัวใจออกมาขยี้จนแตกละเอียด
ตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งสองต่างก็ทำท่าทางเหมือนกัน และการกระทำก็เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าแลบ
ท่ามกลางเสาวายุ เสียงร้องอย่างน่าเวทนาของผู้ฝึกฝนสายปีศาจทั้งสอง ถูกพัดจนสั่นคลอน โลหิตที่พุ่งออกจากบริเวณหน้าอกก็ ถูกเงาวายุม้วนหายไปจนหมดสิ้น
ชายหนุ่มชุดม่วงทั้งสองเห็นเช่นนี้ ก็ยกแขนเสื้อขึ้นมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เสาวายุค่อยๆ หยุดลง และสลายไปอย่างรวดเร็ว ผู้ฝึกฝนสายปีศาจทั้งสองร่วงลงจากท้องฟ้าในพริบตา
ขณะนั้นเอง ชายหนุ่มชุดม่วงทั้งสองก็ชี้ไปกลางอากาศอีกครั้ง เปลวไฟแปลกประหลาดม้วนตัวออกไป พริบตาเดียว คนทั้งสองที่ยังมีชีวิตก็ถูกเผาจนกลายเป็นขี้เถ้า ทิ้งไว้เพียงวิญญาณที่สั่นสะท้านอยู่กลางอากาศสองดวง
ชายหนุ่มชุดม่วงทั้งสองเห็นเช่นนี้ ก็ทำท่ามือด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก ขณะเดียวกันก็อ้าปากพ่นแสงสีม่วงออกมา และม้วนเอาวิญญาณทั้งสองดวงเข้าไปในปาก
ขณะนั้นเอง ทั้งสองถึงยิ้มให้กันทีหนึ่งแล้วเผยสีหน้าพอใจออกมา หลังจากร่างของพวกเขาพร่ามัว ก็รวมกันเป็นหนึ่งท่ามกลางแสงสีม่วง
ชายหนุ่มชุดม่วงที่รวมร่างเป็นหนึ่งมีลักษณะเหมือนเดิมไม่มีผิด เพียงแต่ใบหน้าข้างหนึ่งถูกปกคลุมไปลวดลายจิตวิญญาณสีม่วง อีกด้านหนึ่งกลับถูกปกคลุมด้วยลวดลายจิตวิญญาณสีแดง
จากนั้นแสงสีม่วงก็เปล่งประกายบนตัว และกลายเป็นแถบสีม่วงพุ่งออกไปไกลๆ
……
ขณะเดียวกัน ภายในถ้ำใต้ดินที่อยู่ห่างจากสถานที่ที่พวกหลิ่วหมิงอยู่หลายหมื่นลี้
“ฟู่!” พลันมีเสียงดังขึ้นเบาๆ
ไอปีศาจสีดำปะทุขึ้นจากปากหลุมเหนือพื้นโดยตรง ตามมาด้วยผู้ฝึกฝนปีศาจชุดดำที่เห็นได้ชัดว่าเป็นศิษย์ที่เข้ามาทดสอบของปีศาจเหล็ก เขากระโดดออกจากในนั้นด้วยสีหน้าหวาดกลัว และกลายเป็นแสงหลบหลีกสีดำพุ่งออกไป
แต่เพิ่งจะพุ่งออกไปได้ไม่กี่จั้ง แสงสีดำก็พุ่งออกจากหลุมตามไปอย่างรวดเร็ว และเจาะทะลุหลังของเขาไป
เนื่องจากความเฉื่อยของศิษย์ชุดดำบวกกับแรงช่วยผลักดันของแสงสีดำ ภายใต้ความเร็วที่เพิ่มขึ้นของแสงสีดำ ทำให้มันชนใส่หินผนังก้อนหนึ่งที่อยู่ตรงหน้า
“โครมคราม!” เกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น!
ก้อนหินกระเด็นไปทั่วทิศราวกับสายฝน
ผู้ฝึกฝนปีศาจชุดดำที่มีหัวใหญ่แปลกประหลาดนี้ ถูกดาบยาวที่มีลักษณะเหมือนกับเขาโคตรึงไว้กับผนังที่ถูกทำลายไปครึ่งหนึ่ง โลหิตจำนวนมากเปื้อนลงบนผนังจนกลายเป็นสีแดง
“ฟู่!” เงาร่างขนาดมหึมาร่อนลงด้านข้างศิษย์ชุดดำ
ที่แท้ก็เป็นชายฉกรรจ์หัวล้านรูปร่างสูงใหญ่ผู้หนึ่ง ผิวเป็นสีดำ มีเงาสีดำโค้งงออยู่บนศีรษะหนึ่งคู่
เขาสวมชุดสีดำทั้งตัว ซึ่งก็เป็นผู้เข้าร่วมทดสอบของปีศาจเหล็กเช่นกัน แต่กลิ่นไอบ้าระห่ำอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ พอปรากฏตัว อากาศบริเวณนั้นก็สั่นสะท้าน
ชายฉกรรจ์หัวล้านยื่นมือสีดำข้างหนึ่งออกมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง และคว้าคอผู้ฝึกฝนปีศาจชุดดำที่หมดสติไว้ หลังจากหัวเราะอย่างโหดเหี้ยมแล้ว นิ้วทั้งห้าก็บีบแน่นขึ้นมา
“แคล่ก!” คอของผู้ฝึกฝนปีศาจชุดดำหักงอลงไปอย่างแปลกประหลาด
ชายฉกรรจ์หัวล้านดึงป้ายอาญาสิทธิ์สีเทาออกจากเอวแล้วเก็บเข้าไป จากนั้นไอปีศาจสีดำก็ปรากฏบนใบหน้าอย่างหนาแน่น ศีรษะกลายเป็นหัวโคสีดำขนาดใหญ่ และอ้าปากกลืนศีรษะผู้ฝึกฝนปีศาจไป
พอไอปีศาจสีดำเปล่งประกายบนศีรษะขนาดใหญ่ของชายฉกรรจ์ มันก็กลับคืนเป็นศีรษะมนุษย์อีกครั้ง และยื่นมือไปดึงดาบยาวรูปเขาโคที่ตรึงอยู่บนผนัง หลังจากสะบัดเอาเลือดที่ติดอยู่บนนั้นออกแล้ว ก็เสียบลงบนเอวอย่างไม่ใส่ใจ
หลังจากทำทุกอย่างนี้เสร็จ เขาก็พลิกฝ่ามือหยิบแผ่นค่ายกลขึ้นมา ขณะที่เขาร่ายคาถา ม่านแสงที่มีรูปร่างคล้ายจานกลมๆ ก็ปรากฏบนแผ่นค่ายกลทันที
ท่ามกลางม่านแสง นอกจากจุดแสงทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ที่กะพริบระยิบระยับแล้ว ก็ไม่มีปรากฏการณ์อื่นอีก
ชายฉกรรจ์หัวล้านค่อยๆ กวาดสายตามองบนนั้น ทันใดนั้น เขาก็เผยรอยยิ้มโหดเหี้ยมออกมา แสงสีดำเปล่งประกายบนตัว และกลายเป็นแสงหลบหลีกพุ่งขึ้นฟ้า จากนั้นก็หมุนวนหนึ่งรอบก่อนพุ่งไปทางทิศตัววันออกเฉียงใต้ พริบตาเดียวก็หายไปตรงขอบฟ้า
……
ภายในถ้ำแห่งหนึ่ง หลิ่วหมิงทั้งสามยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่ ขณะนั้นขุยมู่กำลังถือแผ่นค่ายกลขนาดเล็กในมือ และหลับตารับรู้อยู่
หลิ่วหมิงกับหวงอิ๋งแยกกันนั่งคนละฝั่ง และพากันสอดส่องสายตาไปนอกถ้ำอยู่ตลอดเวลา
นับดูแล้วตั้งแต่ทั้งสามวางค่ายกลมาจนถึงตอนนี้ เวลาก็ผ่านไปสามวันแล้ว ในระหว่างนี้ก็ไม่มีผู้ฝึกฝนปีศาจมาเลยแม้ตาคนเดียว
ทั้งสามต่างก็เป็นผู้ที่สงบใจได้อยู่แล้ว จนรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
จากการค้นวิญญาณของผู้อาวุโสขุยมู่ พลังของศิษย์ที่เข้าร่วมคัดเลือกปีศาจสวรรค์เหล่านี้ ล้วนเป็นผู้ที่โดดเด่นในบรรดาผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ขั้นต้น มิเช่นนั้นจะไม่ถูกเลือกเข้าร่วมทดสอบปีศาจสวรรค์ แม้กระทั่งในนั้นยังมีระดับแก่นแท้ขั้นกลางสองคนด้วย ว่ากันว่าความสามารถลึกล้ำจนไม่อาจคาดเดาได้ พลังเข้าใกล้ผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ขั้นปลายโดยทั่วไปแล้ว การเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับนี้ ต้องร่วมมือกันเท่านั้น ถึงมีโอกาสเอาชนะได้
“นับๆ เวลาดูแล้ว ศิษย์ของปีศาจสายฟ้ากับปีศาจเหล็กได้เข้าแดนลึกลับมากว่าครึ่งเดือนแล้ว ดูเหมือนว่าจะห่างจากเวลาที่ข้าถูกจับมาไม่มากนัก ในเมื่อบนร่างของพวกเราต่างก็ถูกประทับตราไว้ คิดว่าคงมีคนโชคดีหลบเคราะห์ครั้งนี้ไปได้น้อยมาก และการสืบสานปีศาจสวรรค์ ก็มีแค่คนเดียวที่ได้ไปเท่านั้น ไม่แน่ตอนนี้ปีศาจทั้งสองฝ่ายต่างก็เข่นฆ่ากันเองแล้วก็เป็นไปได้” หลิ่วหมิงเอ่ยออกมาอย่างราบเรียบ
“ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ มีโอกาสเป็นอย่างที่พี่หลิ่วพูดจริงๆ หากเป็นเช่นนี้ล่ะก็ หรือว่าพวกเราจะเริ่มลงมือก่อนเอง หากเจอกับคนอื่นก็ยังดีอยู่หรอก แต่หากพบกับระดับแก่นแท้ขั้นกลางสองคนนั้น ก็จะมีอันตรายเล็กน้อยแล้ว” หวงอิ๋งขมวดคิ้วกล่าว
“ไม่สู้พวกเรารออีกสักวัน หากยังไม่มีคนมาล่ะก็ พวกเราก็จะไปจากที่นี่” ผู้อาวุโสขุยมู่คิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กัดฟันกล่าวออกมา
“ดี! ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้” หลิ่วหมิงตัดสินใจในทันที
หวงอิ๋งได้ยินย่อมไม่มีข้อคัดค้านใดๆ
ในบรรดาพวกเขาทั้งสาม ผู้อาวุโสขุยมู่กับนางผู้นี้ต่างก็มองหลิ่วหมิงเป็นผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ขั้นกลาง ย่อมแอบให้เขาเป็นหัวหน้าเป็นธรรมดา
แน่นอนว่าทั้งสามต่างก็ไม่ทราบว่า หลังผ่านการฆ่าฟันมานานขนาดนี้ ผู้ฝึกฝนเผ่าต่างๆ ที่ถูกขังอยู่ที่นี่ต่างก็ถูกศิษย์เหล่านี้สังหารไปพอประมาณแล้ว
และศิษย์ที่สมัครคัดเลือกต่างก็เข่นฆ่ากันเองจนเหลืออยู่ไม่กี่คนแล้ว และก็มีผู้แข็งแกร่งระดับแก่นแท้ทั้งสองอยู่ในนั้นด้วย
ขณะที่ทั้งสามรอคอยอย่างเงียบๆ นั้น ผู้อาวุโสขุยมู่พลันสะบัดแผ่นค่ายกล และลุกขึ้นกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
“ด้านนอกมีคนมาแล้ว!”
หลิ่วหมิงกับหวงอิ๋งได้ยินเช่นนี้ ต่างก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที
ผู้อาวุโสขุยมู่วางค่ายกลตรวจสอบขนาดเล็กไว้บริเวณหน้าผาไม่น้อย และใช้แผ่นค่ายกลในมือควบคุม เพียงแค่มีคนเข้ามาก็รู้ได้ในทันที
“ทำตามแผนที่วางไว้!”
หลิ่วหมิงดวงตาเป็นประกายและกล่าวอย่างไม่ลังเล
ผู้อาวุโสขุยมู่พยักหน้า และทำท่ามือโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง จากนั้นก็ปล่อยพลังออกไปหลายสาย
“ฟิ้วๆ!” แสงจิตวิญญาณอันน่าตกใจพุ่งออกจากแผ่นค่ายกล หลังจากแสงแวววาวหมุนวนบนพื้นผิวแล้ว มันก็แลดูโปร่งใสขึ้นมา
ไอหมอกสีขาวปรากฏออกมาจากสถานที่ต่างๆ ของถ้ำ พวกหลิ่วหมิงทั้งสามเข้าไปรวมตัวในหมอกขาวอย่างรวดเร็ว
ผู้อาวุโสขุยมู่โบกแขนอีกครั้ง ไอหมอกในถ้ำหายไปอย่างไร้ร่องรอย แม้แต่หลิ่วหมิงกับหวงอิ๋งก็หายไปจากที่เดิมราวกับว่าไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน
ในถ้ำทั้งหลังมีผู้อาวุโสขุยมู่เพียงคนเดียวเท่านั้น
และเมื่อเขาทำทุกอย่างนี้เสร็จสิ้นไม่นาน ก็มีเสียงดังก้องมาถึงนอกปากถ้ำ
ภายใต้การเปล่งประกายของแสงสีดำ เผยให้เห็นร่างชายฉกรรจ์หัวล้านที่สวมชุดดำผู้หนึ่ง เขาสูงถึงสองจั้ง ผิวหนังที่โผล่ออกมาจากเสื้อเป็นสีดำ บนศีรษะมีเขาโค้งงอสีดำอยู่หนึ่งคู่
ชายฉกรรจ์หัวล้านกวาดสายตามองดูด้านใน ทันใดนั้นเขาก็เผยใบหน้าดุร้ายออกมา และชกกำปั้นผ่านอากาศในทันที
“ฟู่!” เงากำปั้นยักษ์กลุ่มหนึ่งกะพริบหายเข้าไปในถ้ำ
เกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น!
ถ้ำทั้งหลังรวมถึงหน้าผาครึ่งหนึ่งสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง และพากันพังทลายลงมา
………………………………