ขณะที่หลิ่วหมิงกับหวงอิ๋งต่างก็เผยสีหน้าประหลาดใจออกมานั้น คมวายุอีกด้านก็พุ่งมาถึงด้านหน้าผู้อาวุโสขุยมู่แล้ว
“ฮึ!” ผู้อาวุโสขุยมู่ทำเสียงฮึดฮัดออกมา พอมือขวาโยนออกไปกลางอากาศ ไม้เท้าสีเขียวที่ยาวราวๆ สี่ฉื่อ ก็วางขวางอยู่เหนือศีรษะ ภายใต้การร่ายคาถา แสงสีเขียวก็เปล่งประกายบนไม้เท้า จากนั้นเถาวัลย์สีเขียวจำนวนมากก็เลื้อยออกมา และก่อตัวเป็นกำแพงขวางอยู่ด้านหน้าสามชั้น
“ปัง!” “ปัง!”
คมวายุสีม่วงโจมตีกำแพงไปได้สองชั้น ส่วนกำแพงชั้นที่สามยืนหยัดได้ไม่นานก็สลายไป
ขณะเดียวกัน เงาสีม่วงก็มาปรากฏตัวเหนือศีรษะของหวงอิ๋งอย่างน่าประหลาดใจ มันเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับประกายไฟ
ครู่ต่อมาพอแขนข้างหนึ่งของเขาพร่ามัว คมวายุสีม่วงก็ก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง และฟันไปทางศีรษะของหวงอิ๋ง
“สหายหวงอิ๋ง ระวัง!” พอผู้อาวุโสขุยมู่เห็นเงาสีม่วงเปลี่ยนทิศทางไปโจมตีหวงอิ๋ง เขาก็รีบตะโกนออกไปด้วยความตกใจ
หวงอิ๋งคิดไม่ถึงว่าชายชุดม่วงจะโจมตีคนที่ยืนอยู่ไกลที่สุดอย่างนาง ทันใดนั้นนางก็ส่งเสียงออกมา และโยนวงแหวนทองคำกับหยกขึ้นไปเหนือศีรษะ ทันใดนั้น แสงทรงกลดสีทองกับสีเขียวก็ตัดสลับกลางอากาศ จากนั้นก็ขยายใหญ่อย่างบ้าคลั่ง และหมุนวนขึ้นฟ้า
แสงเงาที่เกิดจากการหมุนตัวของวงแหวนคู่ผสานเข้าด้วยกันอยู่ไม่หยุด และก่อเกิดเป็นรังไหมแสงสีทองหยกหนึ่งลูก ภายใต้แสงสีทองที่เปล่งประกาย มันก็กลายเป็นเกราะป้องกันสีเขียวปกคลุมหวงอิ๋งไว้ด้านใน
“เพล้ง!”
คมวายุสีม่วงโจมตีลงบนรังไหมแสงสีทองหยก ทำให้เกราะป้องกันเปล่งประกายอย่างบ้าคลั่ง ดีที่ว่ามันไม่ได้แตกกระจายออกมา
หวงอิ๋งเผยสีหน้าดีใจออกมาแวบหนึ่ง ขณะที่กำลังจะเก็บวงแหวนทองคำกับหยกนั้น
“ระวัง!” หลิ่วหมิงส่งเสียงเข้ามาทันที
หญิงนางนี้ได้ยินก็รู้สึกอึ้งเล็กน้อย พอเหลือบตามอง ก็ต้องมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
ไม่รู้ว่าชายชุดม่วงอีกคนมาอยู่ด้านหลังของนางตั้งแต่เมื่อไหร่ เพียงแต่ว่าทั่วทั้งใบหน้าของเขาล้วนเต็มไปด้วยลวดลายจิตวิญญาณสีแดง ขณะนี้กำลังชี้นิ้วสีแดงออกมาอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ และจมเข้าไปในช่องว่างระหว่างวงแหวนทองคำและหยกที่ตัดสลับกันพอดี
เกิดเสียงดัง “แคล็กๆ!” ภายใต้การสั่นสะท้านของวงแหวนคู่ รังไหมแสงสีทองหยกก็สลายไปในพริบตา และเผยให้เห็นร่างของหวงอิ๋งที่อยู่ด้านใน
จากนั้น เงาร่างชายชุดม่วงก็ยกแขนอีกข้างปล่อยกำปั้นพร่ามัวเข้ามา พอเงากำปั้นสีแดงขนาดเท่าล้อรถแผดเสียงโจมตีเข้ามา อากาศบริเวณนั้นก็บิดเบี้ยวอยู่ครู่หนึ่ง
หวงอิ๋งรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ขณะที่คิดจะหลบหลีกนั้น มันกลับสายไปเสียแล้ว นางได้แต่กัดฟันตัวเอง จากนั้นแสงจิตวิญญาณก็เปล่งประกายตรงด้านหลัง ค่ายกลสีเหลืองจางๆ ปรากฏออกมา และหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง
“ตู๊ม!”
พริบตาที่ค่ายกลถูกเงากำปั้นโจมตีจนแตกกระจายนั้น หวงอิ๋งก็ถูกเงากำปั้นที่เหลือโจมตีตรงหลัง ทันใดนั้นก็เซไปด้านหน้าและกระอักเลือดออกมา ร่างของนางร่วงลงไปในพริบตา
ชายชุดม่วงที่อยู่ตรงหน้า ยกมือข้างหนึ่ง ปล่อยคมวายุสีม่วงเจ็ดแปดสายไปฟันหวงอิ๋ง
ประจักษ์ชัดว่า เขามองออกตั้งแต่แรกแล้วว่าหวงอิ๋งอ่อนแอสุดในบรรดาคนทั้งสาม ด้วยเหตุนี้พอลงมือ ก็คิดที่จะกำจัดไปคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว
ขณะนั้นเอง แสงกระบี่สีทองลำหนึ่งก็กวาดเข้ามาถึง
ภายใต้การเปล่งประกายติดต่อกับของแสงสีทอง ทำให้คมวายุทั้งหมดถูกโจมตีจนแตกกระจาย ขณะเดียวกัน เมฆดำก้อนหนึ่งก็พยุงร่างหวงอิ๋งที่หมดสติไว้ และม้วนตัวไปยังก้อนหินยักษ์ที่อยู่ไม่ไกล
ซึ่งก็คือหลิ่วหมิงที่ตามมาทันนั่นเอง
ตอนนี้เผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ มีคนเยอะขึ้นหนึ่งคนก็ยิ่งมีโอกาสชนะมากขึ้น ด้วยเหตุนี้เขาถึงรีบยื่นมือเข้าช่วย
แต่ดูจากสภาพในตอนนี้แล้ว หวงอิ๋งคงไม่อาจเข้าร่วมการต่อสู้ในระยะเวลาสั้นๆ ได้
ชายชุดม่วงเห็นเช่นนี้ ก็แสดงสีหน้าโมโหออกมา ขณะที่กำลังจะลงมือนั้น ก็มีเงาดำเคลื่อนไหวตรงหน้า และหลิ่วหมิงก็ปรากฏตัวออกมาขวางไว้
ขณะเดียวกัน หลิ่วหมิงก็ยกแขนทั้งสองขึ้นด้านบน จากนั้นหัวพยัคฆ์สีดำสี่หัวก็ปรากฏออกมาพร้อมกัน ท่ามกลางเสียงแผดร้องของพยัคฆ์ เขาก็ชกกำปั้นออกไปอย่างรุนแรง
อีกด้านหนึ่ง ผู้อาวุโสขุยมู่ก็โบกไม้เท้าสีเขียวใส่ชายชุดม่วงคนที่สองไปสองที
คนผู้นี้นอกจากจะมีลวดลายจิตวิญญาณสีแดงเต็มหน้าแล้ว ส่วนอื่นๆ ก็เหมือนกับชายชุดม่วงคนแรกไม่มีผิด แม้แต่กลิ่นไอก็ไม่แตกต่างกันเลยแม้แต่น้อย พอยกแขนทั้งสองขึ้น ก็มีลูกเปลวไฟสีแดงพุ่งออกมาราวกับสายฝนกระหน่ำ
ผู้อาวุโสขุยมู่หยุดชะงักลง ทำให้แค่โบกสะบัดไม้เท้าอย่างรีบร้อน จากนั้นมันก็กลายเป็นแสงสีเขียวเพิ่มการต้านทานไว้
ขณะนี้ เมื่อชายชุดม่วงที่อยู่อีกด้านเผชิญกับการโจมตีของหลิ่วหมิง ดวงตาของเขาก็ดูประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นก็ยกแขนอย่างไม่รีบร้อน และใช้มือขวากดไปยังอากาศด้านหน้า
จุดสีม่วงพุ่งออกจากฝ่ามือของเขา จากนั้นก็หมุนติ้วๆ จนกลายเป็นพายุบ้าระห่ำสีม่วงที่มีขนาดหลายจั้ง และพุ่งออกไปรับมือกับเงากำปั้นหัวพยัคฆ์ทั้งสี่ของหลิ่วหมิงพอดี
พริบตาเดียว เงากำปั้นกับก็ปะทะกับพายุบ้าระห่ำสีม่วงอย่างรุนแรง
พอทั้งสองปะทะกัน มันกลับไร้ซึ่งสุ้มเสียงใดๆ!
ดูเหมือนว่าหัวพยัคฆ์ทั้งสี่ที่ส่งเสียงคำรามท่ามกลางพายุบ้าระห่ำสีม่วง จะหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศไม่ขยับเขยื้อน แต่ทันใดนั้น เงาหัวพยัคฆ์ทั้งสี่ก็ระเบิดออกมา พายุหมุนสีม่วงดำปรากฏขึ้นมาทันที และกลายเป็นใบพัดกลมๆ ม้วนออกไปทั่วทิศ
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็รู้สึกใจสั่นสะท้าน พอสะบัดแขนเสื้อ โล่สีดำกลมๆ ก็พุ่งออกมา หลังจากขยายตัวตามแรงลมจนมีขนาดหลายจั้ง มันก็ต้านทานไว้ตรงหน้า ขณะเดียวกัน ร่างของก็พุ่งถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
“เพล้ง!” “เพล้ง!” เกิดเสียงดังขึ้นติดต่อกัน!
พื้นผิวของโล่เก้ากะโหลกเปล่งประกายแวววาวอยู่พักหนึ่ง เสียงโลหะกระทบกันดังออกมา “เต๊งๆ!”
ขณะเดียวกัน พอก้อนหินยักษ์กับหน้าผาที่อยู่บริเวณนี้ สัมผัสกับคมวายุที่พุ่งออกไปทั่วทิศ มันก็สลายตัวกลายเป็นผุยผงในทันที
แต่หลิ่วหมิงที่อยู่ด้านหลังโล่เก้ากะโหลกกลับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย
ชายหนุ่มชุดม่วงเห็นเช่นนี้ ก็หัวเราะอย่างเยือกเย็น มือทั้งสองทำท่ามือขึ้นมา พายุแปลกประหลาดหลายลูกม้วนตัวออกไปอีกครั้ง และม้วนตัวเข้าหาหลิ่วหมิงด้วยอานุภาพดุดัน
หลิ่วหมิงตาเป็นประกาย หลังจากเก็บโล่เล็กสีดำเข้าไปแล้ว ไอดำรอบตัวก็พวยพุ่งออกมา และพร่ามัวกลายเป็นเงาร่างสามเงา จากนั้นก็พุ่งออกไปรับมือกับคมวายุสีม่วงของชายชุดม่วงอย่างรวดเร็ว
เกิดเสียงดัง “ฟู่!” “ฟู่!” อยู่พักหนึ่ง เงาร่างสองในนั้นถูกคมวายุสีม่วงพุ่งยิงจนระเบิดออกมาเป็นไอดำ
ร่างจริงของหลิ่วหมิงอาศัยจังหวะนี้พุ่งออกมาจากไอดำ พริบตาเดียวก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าชายชุดม่วง และกำปั้นข้างหนึ่งที่มีไอดำพวยพุ่ง ก็ทุบออกไปพร้อมเสียงแผดร้อง!
ชายชุดม่วงเห็นเช่นนี้ ก็ชกกำปั้นกลับมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงเช่นกัน
เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว!
หลิ่วหมิงรู้สึกแค่ว่ามีพลังมหาศาลพุ่งเข้ามาตรงหน้า หลังจากเขาครุ่นคิดอย่างรวดเร็วแล้ว ก็พุ่งถอยกลับไปโดยตรง เมื่อถอยออกไปได้เจ็ดแปดจั้ง เขาถึงหยุดชะงักลง และชายชุดม่วงก็ร่นถอยออกไปหลายก้าวด้วยเช่นกัน
ดวงตาของชายชุดม่วงฉายแววประหลาดใจออกมา จากนั้นก็ดูเคร่มขรึมเป็นอย่างมาก พอเขาร่ายคาถา ลวดลายจิตวิญญาณสีม่วงที่ปกคลุมเต็มหน้าก็เปล่งประกาย แสงสีม่วงชั้นหนึ่งปกคลุมร่างของเขาไว้
หลิ่วหมิงเลิกคิ้วและเอามือข้างหนึ่งแตะหน้าผาก ภายใต้แสงสีทองที่เปล่งประกาย กระบี่เล็กสีทองเล่มหนึ่งก็พุ่งออกมา มันขยายตัวตามแรงลมจนมีขนาดสิบจั้งในพริบตา และฟันออกไปด้านหน้า
ทันใดนั้น แสงกระบี่สีทองลำหนึ่งก็ฟันลงมา!
ชายชุดม่วงขยับแขนทั้งสองด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก แสงสีม่วงม้วนออกจากตัว และก่อตัวเป็นเงาอสรพิษยักษ์ที่มีขนาดสิบกว่าจั้ง มันหมุนวนรอบตัวหนึ่งรอบ จากนั้นก็อ้าปากพ่นเสาวายุขนาดเท่าแผ่นโม่ออกมา และมันก็ขยายใหญ่อย่างบ้าคลั่ง
หลิ่วหมิงชี้ไปกลางอากาศด้วยสีหน้าเฉียบขาด
แสงกระบี่สีทองที่ฟันออกไปส่งเสียงดัง “เพล้ง!” จากนั้นก็กลายเป็นปราณกระบี่สีทองสิบกว่าสายพุ่งยิงออกไป ภายใต้การตัดประสานกันไปมา ทำให้เสาวายุสีม่วงเหล่านี้ถูกปั่นจนละเอียด และกลายเป็นไอสีม่วงกลุ่มหนึ่ง
แต่ทว่าหลิ่วหมิงยังไม่ทันได้เผยสีหน้าดีใจออกมา ชายชุดม่วงก็แสดงรอยยิ้มแปลกๆ ตรงมุมปากของเขา
“แย่แล้ว!” หลิ่วหมิงรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมาทันที
กำปั้นสีแดงโจมตีเข้ามาด้านหลังพร้อมกับเปลวไฟอันร้อนแรง ชายที่มีลวดลายจิตวิญญาณสีแดงบนใบหน้าที่แลกมือกับผู้อาวุโสขุยมู่อยู่นั้น ปล่อยลูกเปลวไฟสีแดงสิบกว่าลูกออกมาโจมตีในฉับพลัน
“ไอ้ระยำ!”
ผู้อาวุโสขุยมู่รู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก
ชายที่มีลวดลายสีแดงแลกมือกับเขาไปด้วย ขณะเดียวกันยังสามารถลอบโจมตีหลิ่วหมิงได้ แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เขามีสีหน้าดูไม่ได้ได้อย่างไร
หลิ่วหมิงรีบถอยออกไปอย่างรวดเร็ว มือขวาโหมพลังปล่อยกำปั้นโจมตีออกไป ไอดำพวยพุ่งไปรับมือกับเปลวไฟสีแดง ทำให้เกิดควันไฟพุ่งขึ้นฟ้าจนบดบังแสงอาทิตย์ไปชั่วขณะหนึ่ง
ชายชุดม่วงถือโอกาสนี้ทำให้ร่างพร่ามัวขึ้นมา และเข้าประชิดหลิ่วหมิงด้วยความเร็วแปลกประหลาด ภายใต้แสงสีม่วงที่หมุนวนรอบตัว ทำให้ก่อเกิดเป็นพายุบ้าระห่ำสีม่วงลูกแล้วลูกเล่า
เขาเคลื่อนไหวแค่ทีเดียว ก็มาอยู่ตรงหน้าหลิ่วหมิงราวกับปีศาจ
หลิ่วหมิงรีบกระตุ้นเกราะอสูรด้วยความตกใจ เกราะหนังสีเงินจางๆ ปรากฏขึ้นบนตัวภายในพริบตา ขณะเดียวกันก็มีเกล็ดหนาๆ ปรากฏออกมาบริเวณหน้าอกเป็นชั้นๆ แขนทั้งสองก็ตั้งตัดสลับกันไว้ตรงหน้า
“ตู๊ม!” กำปั้นที่เปล่งแสงสีม่วงโจมตีลงบนแขน
หลิ่งหมิงรู้สึกร้อนที่แขนทั้งสอง ร่างของตนเองราวกับถูกภูเขาลูกเล็กๆ กระแทก พอรู้สึกหวานที่ลำคอ เขาก็กระอักเลือดออกมา ภายใต้การครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว เขากลับกระตุ้นเคล็ดวิชาในทันที และอาศัยพลังนี้พุ่งถอยออกไป และกะพริบออกจากพื้นที่กักขังของพายุบ้าระห่ำ
หลังจากเขาเคลื่อนไหวแค่ทีเดียว ก็มาปรากฏตัวอยู่ห่างออกไปสิบกว่าจั้ง มือข้างหนึ่งซ่อนไว้ด้านหลัง ส่วนอีกข้างก็เรียกกระบี่บินกลับมา สายตาที่จ้องมองฝ่ายตรงข้ามดูเคร่งขรึมอย่างหาที่เปรียบมิได้
ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของปีศาจสายฟ้าผู้นี้ ดูจากสถานการณ์ที่เขาไม่ได้นำอาวุธจิตวิญญาณและยันต์ใดๆ ออกมาตั้งแต่ต้นจนจบ เห็นได้ชัดว่าเป็นพวกอนุรักษ์นิยมผู้หนึ่งในเผ่าปีศาจ ทั้งยังอาศัยพลังของวายุแปลกประหลาดสีม่วงเพียงอย่างเดียว ในการทำการโจมตีรูปแบบต่างๆ
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าปีศาจโคดำในก่อนหน้านั้นเลยแม้แต่น้อย ลำพังแค่พลังการฝึกฝนเฉพาะตัวก็มีอานุภาพระดับนี้ ทำให้หลิ่วหมิงนึกถึงวิชาพื้นฐานที่เขาประทับวิชาในตอนที่อยู่ระดับศิษย์จิตวิญญาณอย่างอดไม่ได้
ขณะนั้นเอง ลวดลายจิตวิญญาณบนใบหน้าของชายชุดม่วงก็เปล่งประกาย และเขาก็เริ่มร่ายคาถาออกมา ขณะเดียวกันกลิ่นไออันน่าตกใจก็พุ่งขึ้นฟ้า และค่อยๆ คว้ามือไปทางหลิ่วหมิงอย่างช้าๆ
“ฟู่!” ฝ่ามือแสงสีม่วงขนาดหนึ่งหมู่กว่าๆ ปรากฏตัวเหนือศีรษะหลิ่วหมิง พอนิ้วทั้งห้ากางออกมา มันก็ค่อยๆ คว้าลงมาอย่างโหดเหี้ยม
หลิ่วหมิงรู้สึกว่าอากาศรอบด้านอัดแน่นเข้ามา ทำให้หายใจลำบากเป็นอย่างมาก ทันใดนั้น เขาก็แผดร้องด้วยสีหน้าเคร่งขรึม และคว้ากระบี่เล็กสีทองไว้แน่น หลังจากขยายตัวตามแรงลมแล้ว มันมีขนาดยาวสองฉื่อกว่าๆ
เขาปล่อยพลังเวททั้งหมดลงในกระบี่บินว่างเปล่าอย่างบ้าคลั่ง พอสะบัดข้อมือไปกลางอากาศ แสงกระบี่สีทองที่ยาวสามสิบกว่าจั้ง ก็พุ่งเข้าไปรับมือกับมือยักษ์สีม่วง
………………………………