พอผู้อาวุโสเผ่าทรายที่มีการฝึกฝนระดับผลึกขั้นปลายซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดเห็นเช่นนี้ ก็ร่นถอยออกไปสองก้าวด้วยความตกใจ หลังจากดูดซับพลังในดินทรายเข้าไปเสริมจำนวนหนึ่งแล้ว มือทั้งสองก็ทำท่ามืออยู่บริเวณหน้าอก ทันใดนั้นพื้นทรายตรงหน้าก็เกิดการสั่นสะเทือน เสาทรายสีดำขนาดเท่าแผ่นโม่หมุนวนขึ้นจากพื้น และพุ่งไปบริเวณคอของปีศาจหมี
ซาฉู่เอ๋อร์กับชายฉกรรจ์ระดับผลึกขั้นต้นอีกคนก็กระโดดขึ้นฟ้าอย่างรวดเร็ว มือทั้งสองทำท่ามือในทันที พอเปลี่ยนท่ามือ ต่างก็สร้างฝ่ามือทรายขนาดหลายจั้ง และฟาดลงบนหลังของหมีทราย
“ปัง! ปัง! ปัง!” เกิดเสียงระเบิดดังออกมา
ฝ่ามือทราย เสาทราย พากันโจมตีลงบนตัวหมีทราย ทันใดนั้นมันก็ระเบิดออกมาทันที หมอกทรายปกคลุมไปทั่วทิศจนมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในไปชั่วขณะหนึ่ง
แม้ว่าหลิ่วหมิงจะพุ่งไปมาท่ามกลางฝูงอสูร จนหมาไนทรายเสียชีวิตภายใต้กระบี่ของเขาไปราวๆ สามสิบสี่สิบตัวภายในพริบตา แต่เขาก็ใช้วิชาหนึ่งจิตสองพลังระแวดระวังกลุ่มการต่อสู้ทางด้านซาฉู่เอ๋อร์ตลอดเวลา
ท่ามกลางหมอกทรายสีดำ ภายใต้การส่งเสียงคำรามของหมีทรายยักษ์ ทำให้หมอกทรายบริเวณนั้นถูกพลังบางอย่างสั่นสะเทือนจนแตกกระจาย เผยให้เห็นร่างของอสูรยักษ์ตัวนี้อีกครั้ง
อสูรยักษ์เพียงแค่กวาดลูกตาสีเขียวสองลูก ลำแสงสีเขียวขนาดเท่าถังน้ำจำนวนสองลำก็พุ่งออกจากลูกตาในทันที
ลำแสงสีเขียวพุ่งออกไปราวกับสายฟ้า พริบตาเดียวก็กวาดไปทางชายเผ่าทรายทั้งสอง
ร่างของผู้อาวุโสเผ่าทรายคนหนึ่งพร่ามัวด้วยความตกใจ หลังจากเกิดเสียงดัง “ปัง!” เขาก็กลายเป็นพายุทรายหลบลำแสงที่กวาดเข้ามาได้
และชายฉกรรจ์เผ่าทรายระดับผลึกขั้นต้นผู้นั้น กลับช้าไปเล็กน้อย จึงถูกลำแสงสีเขียวโจมตี หลังจากส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ ร่างของเขาก็กลายเป็นรูปปั้นหินสีเขียวในทันที
จากนั้นพออสูรทรายยักษ์อ้าปาก คลื่นเสียงไร้รูปสีขาวก็ม้วนตัวออกไปอย่างบ้าคลั่ง
ผู้อาวุโสเผ่าทรายที่ปรากฏตัวออกมาอีกครั้ง ถูกคลื่นม้วนตัวเข้าใส่จนกระเด็นออกไปราวกับถุงกระสอบ
ซาฉู่เอ๋อร์ที่อยู่อีกด้านก็ทำท่ามือด้วยมือข้างหนึ่งด้วยความตกใจ ทันใดนั้น กำแพงทรายก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเป็นชั้นๆ แต่ภายใต้การสั่นสะเทือนของคลื่นสีขาว มันก็ค่อยๆ ระเบิดออกมา
แต่ว่านางอาศัยจังหวะนี้กลายเป็นพายุทรายม้วนตัวกลับไป จนหลบการโจมตีอันน่ากลัวนี้ได้
แต่ชายฉกรรจ์ที่กลายเป็นหินกลับไม่ได้โชคดีเช่นนี้ หลังจากคลื่นเสียงสีขาวม้วนตัวผ่านไป ผลึกสีเขียวบนผิวของเขาก็ค่อยๆ แตกกระจายเป็นผงสีเขียวระยิบระยับ และถูกพัดไปตามลม
“หมิ่นเอ๋อร์ ข้าจะฆ่าเจ้า!”
หลังจากผู้อาวุโสเผ่าทรายโอนเอนไปมาสองสามทีแล้ว ก็ยืนทรงตัวได้อีกครั้ง ดูเหมือนเขาจะมีความสัมพันธ์กับชายฉกรรจ์ที่กลายเป็นหิน พอเห็นฉากเช่นนี้ ก็รู้สึกเศร้าโศกเสียใจด้วยความเจ็บแค้นเป็นอย่างมาก
เขาคำรามออกมาทันที แสงสีเลือดเปล่งประกายในดวงตาทั้งสอง แสงสีเหลืองเปล่งประกายออกจากร่าง พอแสงทรายม้วนตัว ร่างของเขาก็กลายเป็นกระบี่ทรายสีดำยาวสิบกว่าจั้ง จากนั้นก็ฟันไปที่หัวของอสูรยักษ์ท่ามกลางพายุบ้าระห่ำ
หมีทรายเห็นเช่นนี้กลับดวงตาเป็นประกาย แสงสีเหลืองพุ่งออกจากตัว ร่างของมันหมุนกลับไปอย่างรวดเร็ว แขนขวาขนาดใหญ่ตบใส่กระบี่ทรายยักษ์อย่างรุนแรง
“ไม่ดี!” หลิ่วหมิงที่อยู่ไม่ไกลเห็นเช่นนี้ ก็ค่อยๆ หดรูม่านตาลง
การโจมตีของฝ่ามือนี้ทำให้ลมและเมฆสั่นสะท้าน ดูเหมือนว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าการโจมตีของระดับแก่นแท้เลย แม้แต่หลิ่วหมิงที่มีกายเนื้ออันแข็งแกร่ง ก็ไม่กล้ารับการโจมตีนี้โดยตรง
ภายใต้การครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว เขาแสดงวิชากระบี่ร่างเป็นหนึ่งอีกครั้ง ครู่เดียวก็จัดการอสูรทรายสองสามตัวที่อยู่ด้านข้างจนสิ้นซาก จากนั้นก็กลายร่างเป็นสายรุ้งสีทองพุ่งไปทางซาฉูเอ๋อร์
“ตู๊ม!”
กระบี่ทรายขนาดใหญ่ถูกฝ่ามือของหมีทรายตบจนแตกกระจาย และกลายเป็นหมอกทรายสีดำขนาดหลายจั้งกลุ่มหนึ่ง เงาร่างคนผู้หนึ่งพุ่งออกมาจากหมอกทราย ซึ่งก็คือผู้อาวุโสเผ่าทรายคนนั้นนั่นเอง
ตอนนี้ร่างเกือบครึ่งหนึ่งของเขามีเลือดเนื้อพร่ามัว และตกลงบนเนินทรายบริเวณนั้นราวกับถุงกระสอบ จนเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ ส่วนตัวเขาก็ไม่อาจลุกขึ้นได้อีก
ครู่ต่อมา ลำแสงสีเขียวขนาดใหญ่สองลำก็พุ่งออกจากลูกตาสีเขียวบนหน้าผากของหมีทราย และตัดสลับกันก่อนพุ่งไปหาซาฉู่เอ๋อร์
แม้ว่าหญิงสาวจะกลายร่างเป็นพายุทรายหลบหนีอย่างสุดชีวิต แต่ก็หลบหลีกลำแสงไปได้ลำหนึ่งเท่านั้น ลำแสงลำที่สองกลับพร่ามัวมาปรากฏตรงหน้า ทำให้นางไม่อาจหลบหลีกได้
ซาฉู่เอ๋อร์มีใบหน้าซีดเผือดในทันที นางคิดว่าตนเองคงยากที่จะหลบหนีด่านเคราะห์ในครั้งนี้ได้
แต่ในขณะที่ชีวิตราวกับแขวนอยู่บนเส้นด้ายนั้น สายรุ้งสีทองก็ม้วนตัวเข้ามา พอแสงสีทองดับลงก็เผยให้เห็นเงาร่างสีเทาของคนผู้หนึ่ง
ขณะที่ค้นพบว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีนั้น หลิ่วหมิงที่รีบร้อนเข้ามาถึงก็สะบัดแขนทั้งสองโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง มังกรหมอกดำสี่ตัวพุ่งออกมาท่ามกลางเสียงร้อง และพุ่งออกไปรับมือกับลำแสงสีเขียว
หลังจากเกิดเสียงดังขึ้น มังกรหมอกก็ปะทะกับลำแสงอย่างรุนแรง
อากาศสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง แสงสีเขียวเปล่งประกาย หมอกดำก็พวยพุ่ง!
“ขอบคุณพี่หลิ่วที่เข้าช่วย!” พอซาฉู่เอ๋อร์เห็นหลิ่วหมิงก็ถอนหายใจยาวออกมา ในที่สุดสีหน้าของนางก็ดูมีเลือดฝาดขึ้นมาเล็กน้อย หลังจากกล่าวขอบคุณหลิ่วหมิงแล้ว มือข้างหนึ่งก็คว้าออกไป และดาบทรายสีดำเล่มหนึ่งก็ก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง
“เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน” หลิ่วหมิงมองดูซาฉู่เอ๋อร์แล้วกล่าวอย่างราบเรียบ
ซาฉู่เอ๋อร์ได้ยินเช่นนี้กลับส่ายหัวอย่างดื้อรั้น นางพุ่งออกจากแขนของหลิ่วหมิงที่ขวางอยู่ เพื่อที่จะพุ่งออกไปต่อ
หลิ่วหมิงมองดูเงาร่างอรชรของซาฉู่เอ๋อร์แล้วก็ถอนหายใจออกมา จากนั้นก็กะพริบไปอยู่ด้านหน้าซาฉู่เอ๋อร์
“เจ้าฝืนบุกไปเช่นนี้ มีแต่เสียชีวิตเปล่าเท่านั้น มอบให้ข้าจัดการเถอะ!”
“ท่านหรือ? ข้าไม่ได้คิดจะดูถูกแต่อย่างใด เพียงแต่หากท่านเพียงคนเดียวล่ะก็…” ในที่สุดซาฉู่เอ๋อร์ก็หยุดเท้าลง แต่ยังคงส่ายหน้ากล่าว
“ไม่เป็นไร แม้ข้าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน แต่พอจะรู้วิชาขี่กระบี่อยู่บ้าง สามารถก่อกวนมันได้อย่างไม่มีปัญหา แต่หากแม่นางซาฉู่เอ๋อร์ไม่กลับไปล่ะก็ เกรงว่าเมืองทั้งเมืองคงจะต้องถูกทำลายแล้ว” หลิ่วหมิงค่อยๆ กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“อะไรนะ! แย่แล้ว! มีหมาไนทรายบุกเข้าเมืองไปแล้วจริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พี่หลิ่วต้องระวังตัวให้มาก” ซาฉู่เอ๋อร์ได้ยินก็รู้สึกอึ้งเล็กน้อย แต่หลังจากหันหน้ากลับไปดู ใบหน้าของนางก็ถอดสีในฉับพลัน หลังจากกัดฟันกำชับไปหนึ่งประโยคแล้ว ก็กลายเป็นพายุทรายม้วนตัวไปทางเมืองทันที
บนกำแพงเมืองในขณะนี้ ด้วยเหตุที่ผู้ฝึกฝนระดับผลึกถูกอสูรยักษ์ตัวแรกหลอกล่อไปหมด ชาวเผ่าทรายคนอื่นๆ จึงไม่อาจปิดกั้นช่องโหว่ไว้ได้ ทำให้หมาไนทรายสิบกว่าตัวพุ่งเข้าไปในเมืองแล้ว
ส่วนสตรีและเด็กที่มีการฝึกฝนค่อนข้างต่ำกับผู้ฝึกฝนเผ่าทรายที่สูญเสียพลังเวทไปมาก กำลังรวมตัวอยู่ที่ใจกลางเมือง ซึ่งไม่มีแรงตอบโต้เลยแม้แต่น้อย
ปีศาจทรายยักษ์ที่มาถึงหน้าเมืองในขณะนี้ ได้ถูกมนุษย์ทองแดงยักษ์ที่ผู้เฒ่าเผ่าทรายควบคุมกับผู้แข็งแกร่งระดับผลึกควบคุมเอาไว้ได้ แม้ว่าจะอาศัยการป้องกันอันแข็งแกร่งของตนเอง จึงไม่ได้รับบาดเจ็บจนเสียชีวิต แต่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่อาจแสดงฤทธิ์เดชใดๆ ออกมาได้อีก
แต่หากจะให้ผู้เฒ่าเผ่าทรายกับคนอื่นๆ แยกตัวออกไป ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เป็นอันขาด
ด้วยเหตุนี้ ซาฉู่เอ๋อร์จะไม่รู้สึกร้อนใจได้อย่างไร นางจึงได้แต่บุกกลับไปแล้ว
พอหมียักษ์เห็นว่าซาฉู่เอ๋อร์จากไปแล้ว มันกลับส่งเสียงคำรามออกมา และคิดจะไล่ตามไป
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ก็กวาดสายตามองดูอสูรยักษ์อย่างราบเรียบ พอทำท่ามือด้วยมือทั้งสอง แสงสีดำก็เปล่งประกายบนตัว และกลายเป็นเงาร่างสามเงา ภายใต้การเคลื่อนไหวไม่กี่ที ก็หมุนวนล้อมรอบอสูรยักษ์ไว้
หมีทรายยักษ์เห็นหลิ่วหมิงพุ่งเข้ามา ดวงตาของมันก็ฉายแววโหดร้าย หลังจากส่งเสียงคำรามออกมาแล้ว ก็โบกสะบัดฝ่ามือยักษ์ทั้งสองเบาๆ พายุบ้าระห่ำม้วนตัวขึ้นมา และกวาดออกไปทั่วทิศ
“ฟู่!” “ฟู่!” เงาร่างสองเงาถูกฝ่ามือยักษ์พัดผ่านจนแตกกระจายกลายเป็นจุดสีดำ
ชั้นทรายลึกหลายฉื่อบนพื้นทรายบริเวณนี้ถูกตัดออกไป
หลิ่วหมิงที่อยู่ด้านหลังอสูรยักษ์กลับพร่ามัวพุ่งออกไปด้านหลัง จนพอที่จะหลบเงาฝ่ามือยักษ์ไปได้
เกิดเสียงมังกรร้องก้องฟ้าอยู่ชั่วขณะหนึ่ง มังกรหมอกสีดำสี่ตัวที่ยาวเจ็ดแปดจั้งพุ่งออกจากร่างหลิ่วหมิง และกระโจนเข้าใส่หลังหมีทรายยักษ์ท่ามกลางเสียงดัง “ฟู่ๆ!”
ขณะเดียวกัน พอร่างของหลิ่วหมิงเคลื่อนไหว เขาก็กลายเป็นเงาร่างสามเงาพุ่งออกไป
หมีทรายยักษ์คำรามด้วยความโมโห พอมันหมุนตัวกลับมา ลูกตาสีเขียวสองลูกบนหน้าผากก็หมุนวนอยู่ไม่หยุด ลำแสงสีเขียวแต่ละลำพุ่งเข้าใส่เงาร่าง
“ปัง!” “ปัง!”
ลำแสงสีเขียวพุ่งเข้ามาถึงในพริบตา ทำให้เงาร่างทั้งสองของหลิ่วหมิงกลายเป็นก้อนหินสีเขียวอย่างน่าประหลาดใจ และแตกสลายไปในพริบตา
ขณะนั้นเอง เงาดำสี่เงาก็ปรากฏตัวตรงหน้าหมีทรายยักษ์ มันคือมังกรหมอกสี่ตัวนั่นเอง!
จะเห็นว่าแสงสีเหลืองเปล่งประกายบนผิวหมีทราย จุดแสงสีเหลืองปรากฏออกมา และก่อตัวเป็นเกราะป้องกันสีเหลืองห่อหุ้มร่างของมันไว้ แม้แต่ลมฝนก็ไม่อาจทะลุเข้าไปได้
ครู่ต่อมา มังกรหมอกทั้งสี่ก็โจมตีลงบนนั้นพร้อมกัน!
เกิดเสียงดัง “โครมคราม!”
แสงสีเหลืองบนผิวหมีทรายไหลวนอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็สลายไป แต่อานุภาพของมังกรหมอกทั้งสี่ก็ถูกต้านทานไปเจ็ดแปดส่วน มีมังกรเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่สามารถโจมตีลงบนหลังของหมีทรายยักษ์ได้
ภายใต้สถานการณ์ที่หมีทรายยักษ์ไม่ทันได้ระวัง มันจึงถูกโจมตีจนโซซัดเซออกไป แต่หลังจากไอดำสลายไปแล้ว กลับไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้เลยแม้แต่น้อย
ขณะนั้นเอง ร่างของหลิ่วหมิงก็เคลื่อนไหวมาปรากฏตัวด้านข้างหมีทรายยักษ์ พออ้าปาก กระบี่เล็กสีทองก็พุ่งออกมาในพริบตา และขยายใหญ่ตามลมจนกลายเป็นกระบี่บินขนาดสองฉื่อแปดชุ่น จากนั้นก็กะพริบไปตัดหัวหมีทรายยักษ์
หมีทรายยักษ์ถูกหลิ่วหมิงโจมตีในระยะใกล้เช่นนี้ มันก็รู้สึกโมโหจนถึงขีดสุดตั้งแต่แรกแล้ว หลังจากส่งเสียงร้องออกมา ลูกตาแปลกประหลาดบนหน้าผากก็จ้องมองกระบี่บินสีทองที่ร่วงลงมาตาไม่กะพริบ
ฉากอันน่าประหลาดใจได้บังเกิดแล้ว!
แสงสีเขียวเกาะตัวบนผิวกระบี่ ทำให้มันหยุดชะงักกลางอากาศ และไม่อาจร่วงลงมาได้ จากนั้นหมีทรายยักษ์ก็ละสายตามามองหลิ่วหมิงที่อยู่ด้านข้าง
หลิ่วหมิงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ขณะที่ยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ นั้น ก็รู้สึกชาไปทั้งตัวจนไม่อาจเคลื่อนไหวได้เลยแม้แต่น้อย ขณะเดียวกัน ผลึกหินสีเขียวจำนวนหนึ่งก็ปรากฏบนหน้าอก และขยายไปทั่วร่างอย่างน่าตกใจ
หลิ่วหมิงถูกหมีทรายมองผ่านอากาศ ก็กลายร่างเป็นหินแล้ว
หมีทรายยักษ์เห็นเช่นนี้ ดวงตาดุร้ายของมันก็เป็นประกาย พอยกมือยักษ์ขึ้นมาโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง มันก็กลายเป็นเงาฝ่ามือยักษ์ค้ำฟ้า และฟาดเข้าหาหลิ่วหมิงอย่างโหดเหี้ยม
“ตู๊ม!” เกิดเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น
บริเวณที่หลิ่วหมิงอยู่พังทลายลงมาทันที รอยฝ่ามือยักษ์ขนาดสิบกว่าจั้งปรากฏออกมา
………………………………