“เหอะ มรดกประตูสวรรค์ไหนเลยจะเป็นสิ่งที่ผู้ไร้พลังเพ้อฝันถึงได้ พวกเจ้าคนธรรมดาเหล่านี้กระทั่งเศษแผ่นค่ายกลยังไม่มี ยังคิดจะกวนน้ำจับปลาที่นี่ รู้จักสถานการณ์ก็ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!” เมื่อบุรุษผมม่วงมองเห็นกลุ่มคนมากมายเข้าไปใกล้แท่นศิลาพลันตวาดเสียงเย็นชา
เสียงของเขาไม่ดัง ทว่าไม่ทราบใช้วิชาลับอันใดหรือไม่ ทุกคนจึงรู้สึกว่าเสียงพูดของเขาแหลมเสียดหูอย่างน่าประหลาด ทั้งในหูมีความรู้สึกเจ็บแปลบส่งออกมาเป็นพักๆ
หลิ่วหมิงกับคนของสี่ยอดนิกายใหญ่และแปดตระกูลใหญ่ที่เหลือส่วนใหญ่ หลังใบหน้าเผยสีหน้าประหลาดใจออกมาเล็กน้อยแล้วก็กลับมาเป็นปกติ ส่วนศิษย์นิกายเหล่านั้นที่เหลือฉับพลันกลับเผยสีหน้าเจ็บปวด คนสองคนที่พลังอ่อนแอถึงขั้นล้มลงกับพื้นเดี๋ยวนั้น จากนั้นกลิ้งบนพื้นไม่หยุด สองหูเลือดไหลริน ท่าทางทรมานอย่างยิ่ง
“มรดกในแดนลึกลับแห่งนี้ เหตุใดพวกเราสืบทอดไม่ได้ พวกเจ้าไม่ใช่แค่โชคดีนิดหน่อยหาเศษชิ้นส่วนที่เปิดทางไปสู่มรดกพบเท่านั้นหรือ” ชายฉกรรจ์สูงใหญ่กายห่มหนังเสือ ใบหน้าดุร้ายผู้หนึ่งหลังสะบัดศีรษะอย่างมึนงงแล้วก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจทันที
“ใช่แล้ว…” ชายหนุ่มรูปร่างเล็กเตี้ย คิ้วโจร ดวงตาดั่งหนูคนหนึ่งข้างกายคนผู้นี้ก็เอ่ยตามเสียงเบาเช่นกัน
บุรุษผมม่วงได้ยินพลันหน้าบึ้ง แสงรัศมีรอบร่างสว่างวูบหนึ่ง บนใบหน้าลวดลายจิตวิญญาณสีดำกับเขียวสองสีสลับกันสายแล้วสายเล่าพลันปรากฏขึ้นมาในบัดดล
นาทีต่อมาร่างเขาก็พร่าเลือนวูบหนึ่ง ฉับพลันปรากฏตัวหลังร่างชายฉกรรจ์ตัวสูงใหญ่ประหนึ่งภูตผี มือหนึ่งควักไปตรงหน้าอกรวดเร็วดุจดั่งสายฟ้าแลบ
ชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่ยังตามไม่ทันว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ปราณแกร่งคุ้มร่างก็ส่งเสียงดังเปรี้ยงแล้วแตกกระจาย หน้าอกเย็นวูบหนึ่ง หัวใจที่ยังคงเต้นตุบๆ เลือดไหลโชกดวงหนึ่งก็ถูกควักออกมา
ชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่ใบหน้าชะงักงัน ปากอ้าหุบอยู่หลายที แต่กลับไม่มีเสียงใดๆ ส่งออกมา ร่างกายล้มตึงกับพื้น
มือของบุรุษผมม่วงบีบแน่นทีหนึ่ง หัวใจที่ยังเต้นตุบๆ อยู่ก็ถูกบีบจนเป็นเนื้อแหลกเละ สายตาของเขาประหนึ่งน้ำแข็งกวาดมองผู้คนรอบด้าน ทันใดนั้นใบหน้าก็เผยความเหี้ยมโหดเอ่ยว่า
“คนที่อยู่ที่นี่หากคิดจะเข้าไปยังดินแดนแห่งมรดกก็จงรับหมัดของผู้แซ่หลี่ว์หนึ่งหมัดก่อน รับได้ก็เข้าไป รับไม่ได้ ฮ่ะฮ่ะ ถ้าเช่นนั้นก็ช่วยตัวเองนะ”
เพิ่งเอ่ยจบ บุรุษผมม่วงก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้น ปราณสีม่วงสายหนึ่งซัดออกมาโจมตีโซ่โชคชะตาบนศพของชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่จนแหลก ไอสีเทาสายแล้วสายเล่าทะลักออกมาโถมเข้าไปในโซ่หยกแวววาวในมือเขา
ชายหนุ่มร่างเตี้ยคิ้วโจรตาหนูผู้นั้นเห็นภาพนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เขาหมุนตัวกลายเป็นลำแสงสีน้ำตาลเส้นหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้าไปทันที
บุรุษผมม่วงไม่สนใจ เขาเพียงหัวเราะหยัน ร่างกายขยับไหววูบหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเซวียผานที่อยู่ใกล้ที่สุด หลังแขนขยับทีหนึ่ง ปราณสีม่วงสายหนึ่งก็พันรอบแขน จากนั้นพลันกลายเป็นเงาหมัดสีม่วงเสมือนของจริงขนาดเท่าศีรษะหมัดหนึ่งโจมตีออกไป
เซวียผานสีหน้าตกตะลึง เขากำลังจะลงมือ ตรงหน้ากลับมีเงาคนขยับไหว บุรุษหน้าเหยี่ยวขวางอยู่เบื้องหน้าเขาแล้ว
คนผู้นี้เพียงไขว่สองมืออยู่หน้าร่าง เพลิงปราณสีเงินสองสายพลันซึมทะลุออกมาจากบนแขน ผนึกรวมตัวกันกลายเป็นม่านแสงสีเงินชั้นหนึ่งขวางอยู่ด้านหน้า
เสียงเปรี้ยงดังสนั่นทีหนึ่ง!
เงาหมัดสีม่วงแตะถูกม่านแสงสีเงินปุบพลันระเบิดแตกกระจุยกลายเป็นแสงสีม่วงดวงแล้วดวงเล่าสลายหายไป ส่วนม่านแสงสีเงินกลับเพียงสั่นไหวเล็กน้อยก็ฟื้นคืนดังเดิม
บุรุษผมม่วงเห็นภาพนี้กลับไม่หยุดสักนิด ร่างกายพร่าเลือนวูบหนึ่งอีกหนก็ปรากฏตัวเบื้องหน้าชายหนุ่มชุดแดงอีกคนหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลดั่งภูตผี อัดหนึ่งหมัดประหนึ่งสายฟ้าแลบออกมาเช่นเดียวกัน
ผลปรากฏว่าบุรุษชุดแดงผู้นั้นกระทั่งการเคลื่อนไหวของบุรุษผมม่วงก็ยังมองเห็นไม่ชัด จึงถูกโจมตีหนักหน่วงปลิวออกไป ร่วงลงบนพื้นดินว่างเปล่าห่างไปหลายจั้งประหนึ่งถุงกระสอบขาดๆ หน้าอกปรากฏรูเลือดใหญ่รูหนึ่ง หัวใจด้านในแหลกป่นเป็นผง เลือดทะลักออกมาจากปากแผลไม่หยุด
ชายหนุ่มชุดแดงยังไม่ทันได้กรีดร้องก็หมดลมหายใจไปทันที
เห็นบุรุษผมม่วงลงมือสังหารอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้จริงๆ คนที่อยู่ในบริเวณนั้นซึ่งคิดว่าตนเองพลังไม่ถึงก็พากันหน้าถอดสี พวกเขาไหนเลยยังกล้ารั้งอยู่อีก ครู่เดียวแตกกระเจิง ชั่วพริบตาก็หนีไปเจ็ดแปดคน
บนใบหน้าของบุรุษชุดม่วงยังคงประดับรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมไว้ แต่ไม่ได้ไล่ตามคนที่หนีไปเหล่านั้น เขาเพียงดีดนิ้วทีหนึ่ง กระแสลมแรงสายหนึ่งพุ่งรวดเร็วออกมาโจมตีโซ่โชคชะตาบนมือของชายหนุ่มชุดแดงจนแหลก หลังดูดซับโชคชะตาครึ่งหนึ่งแล้ว ร่างกายถึงพร่าเลือนอีกหน ปรากฏตัวเบื้องหน้าสตรีชุดเขียวจากสำนักเฮ่าหราน
หญิงสาวประหนึ่งไม่เห็นการลงมืออันโหดร้ายก่อนหน้านี้ของบุรุษผมม่วง นางกลับยิ้มน้อยๆ ให้คนตรงหน้า ในดวงตางามพลันปรากฏเปลวเพลิงสีแดงฉานวูบไหววูบ
บุรุษผมม่วงเห็นสิ่งนี้สีหน้าพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังลังเลอยู่ชั่วครู่กลับไม่ลงมือโจมตี แต่ร่างกายพลิ้วหมุน ไม่รู้ทำอย่างไรไปปรากฏตัวเบื้องหน้าชายหนุ่มคิ้วหนาผิวดำขลับคนหนึ่ง โจมตีออกมาอีกหนึ่งหมัด
ชายหนุ่มคิ้วหนาเตรียมตัวอยู่ก่อนแล้ว แสงสีดำในมือส่องสว่างเรียกโล่สีดำแผ่นหนึ่งออกมาขวางเบื้องหน้าอย่างมั่นคง
เงาหมัดสีม่วงมาถึงพร้อมเสียงดังสนั่น ผิวโล่ส่องประกายวูบหนึ่งแต่ถูกเงาหมัดทะลวงผ่านไปตรงๆ
ชายหนุ่มคิ้วหนากรีดร้องทีหนึ่ง ร่างกายปลิวลอยออกไป ศีรษะแหลกกลายเป็นแตงโมเละ
บุรุษผมม่วงร่างกายไหววูบต่อเนื่องไปเช่นนี้ รวดเดียวก็โจมตีคนไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำสิ้นใจไปอีกสามสี่คน เวลานี้คนที่ยังกล้ารั้งอยู่ที่นี่ แทบทั้งหมดล้วนเป็นศิษย์นิกายใหญ่ต่างๆ
เวลานี้บุรุษผมม่วงกำลังหัวเราะลั่น ปรากฏตัวเบื้องหน้าชายหนุ่มรถเงินของนิกายเทียนกง
ชายหนุ่มรถเงินแค่นเสียงหยัน มือข้างหนึ่งสะบัด แสงสีน้ำเงินสายหนึ่งพุ่งเร็วรี่ออกมาจากในแขนเสื้อ มันเปล่งแสงวูบหนึ่งกลายเป็นหุ่นเต่ายักษ์สีน้ำเงินขนาดสองสามจั้งตัวหนึ่ง อักขระสีน้ำเงินดวงแล้วดวงเล่าบนหลังเดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืด พร้อมกันนั้นก็แผ่ปราณมหาศาลสายแล้วสายเล่าออกมาเลือนราง
บุรุษผมม่วงตะลึงเล็กน้อย เขาประเมินเต่ายักษ์ทีหนึ่งก็ไม่ลงมือโจมตีต่อ รอบร่างแสงสีม่วงม้วนออกมา ปรากฏตัวตรงหน้าชายหนุ่มชุดเทาหน้าตาวิตกกังวลคนต่อไป
แผ่นกลมสีเหลืองขุ่นแผ่นหนึ่งตรงหน้าอกของชายหนุ่มชุดเทาขยายจนมีขนาดหลายจั้งอยู่ก่อนแล้ว บนแผ่นกลมปรากฏลายแกะสลักสีน้ำตาลทองลายแล้วลายเล่า สภาพคล้ายคลึงกับโล่พสุธาในมือหลิ่วหมิงอย่างยิ่ง
เสียงเปรี้ยงหนักหน่วงดังขึ้น!
แสงสีม่วงแถบหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้า เมื่อเงาหมัดสีม่วงแตะถูกแผ่นกลมสีเหลืองปุบ เพลิงปราณสีเหลืองสายแล้วสายเล่าบนโล่ไม้พลันถูกพุ่งชนกระจาย
หลังสั่นสะท้านรุนแรงพักหนึ่ง บนแผ่นกลมก็ปรากฏรอยหมัดรอยหนึ่งออกมาชัดเจน ทว่าสุดท้ายก็ไม่แตกกระจุย
ทว่าชายหนุ่มชุดเทาทนรับกำลังมากมายเช่นนี้ไม่ไหว หลังถอยหลังออกไปสิบกว่าจั้งจนยืนทรงตัวได้อย่างหวุดหวิดแล้ว ปากกระอักโลหิตคำน้อยออกมาคำหนึ่ง สีหน้าหวาดกลัวมองบุรุษผมม่วง
บุรุษผมม่วงเงยศีรษะมองคนผู้นี้ทีหนึ่ง ทว่าไม่ลงมือต่อ เขาไม่พูดพร่ำก็ขยับไหววูบหายไปอีก
หลังเวลาผ่านครู่หนึ่ง ในที่สุดบุรุษผมม่วงก็โผล่มาตรงหน้าพวกหลิ่วหมิง
“พวกเจ้าเป็นกลุ่มสุดท้ายแล้ว ใครจะมาก่อน?” เวลานี้บุรุษผมม่วงกลับไม่รีบร้อนลงมือ หลังกวาดตามองพวกหลิ่วหมิงทีหนึ่ง สายตาก็จับจ้องอยู่บนร่างของหลัวเทียนเฉิง
“เหอะ ถ้าเช่นนั้นข้าขอรับการสั่งสอนจากผู้เก่งกาจของหอเป๋ยโต่วเป็นคนแรกแล้วกัน!”
หลัวเทียนเฉิงเดิมทีโทสะยังไม่คลาย เห็นสถานการณ์นี้ยิ่งโกรธจัด เขาก้าวมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง เอ่ยด้วยเสียงเย็นชา
“ดีมาก”
สิ้นเสียง เงาหมัดยักษ์ที่มีปราณสีม่วงล้อมพันหมัดหนึ่งก็โจมตีเข้าใส่หลัวเทียนเฉิงอย่างไร้สุ้มเสียง
หลัวเทียนเฉิงไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย รอบร่างแสงสีเงินส่องสว่าง ยกมือขึ้นส่งหนึ่งหมัดเข้าประจัน
เสียงพยัคฆ์คำรามดังสนั่นจนหูแทบดับสายหนึ่งดังขึ้น เงาหัวพยัคฆ์สีเงินหัวหนึ่งหลุดออกมาจากมือปะทะกับเงาหมัดสีม่วงอย่างจังทันที
เสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน!
แสงรัศมีสีม่วงกับสีเงินสองสีปะทะกันพักหนึ่ง เงาหมัดพลันส่งเสียงครวญครางสลายหายไป ทว่าเงาหัวพยัคฆ์สีเงินหลังพร่าเลือนวูบหนึ่งยังคงพุ่งเร็วรี่เข้าใส่บุรุษผมม่วงต่อ
บุรุษผมม่วงหัวเราะดังลั่นไม่ถอยกลับรุกคืบ เขายกมือขึ้นสะบัด เมฆสีม่วงผืนใหญ่ม้วนออกมาจากในแขนเสื้อของเขาประหนึ่งน้ำวน กระชากเงาหัวพยัคฆ์สีเงินเข้าไปด้านในกำจัดสลายในชั่วพริบตา
“ดีมาก! นิกายยอดบริสุทธิ์ไม่เสียทีเป็นสี่ยอดนิกายใหญ่ ศิษย์ในนิกายพลังไม่ธรรมดาจริงๆ!” บุรุษผมม่วงสะบัดมือข้างหนึ่ง เมฆสีม่วงพลันสลายกลายเป็นความว่างเปล่า สายตาที่มองไปยังหลัวเทียนเฉิงฉายแววตาตื่นเต้นจางๆ พลางเอ่ยปากชม
หลัวเทียนเฉิงแค่นเสียงเหอะคำหนึ่ง ยังคงมองบุรุษผมม่วงอย่างเกรี้ยวกราด
บุรุษผมม่วงไม่พูดมาก ยกมือขึ้นอีกครั้งก็ต่อยเข้าใส่พี่น้องโอวหยางที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
โอวหยางเชี่ยนกับสตรีชุดเขียวผู้นั้นตวาดเสียงหวานออกมาพร้อมกันคำหนึ่ง มืองามสองข้างยกขึ้น แสงเรืองรองสองสายหนึ่งเขียวหนึ่งม่วงพุ่งออกมาต้านเงาหมัดเอาไว้
หนึ่งลมหายใจให้หลังเงาหมัดยักษ์พลันทะลวงผ่านแสงเรืองรอง พุ่งเกรี้ยวกราดเข้ามาหาสตรีทั้งสองนางต่อ
โอวหยางเชี่ยนใบหน้าเคร่งขรึมบึ้งตึง ไม่เห็นนางเคลื่อนไหวอย่างใด ทว่าเบื้องหน้ากลับปรากฏแสงดาบขาวสว่างสายหนึ่งขึ้นวูบหนึ่งแล้วหายไป
เงาหมัดสีม่วงที่ดูทรงพลังดุดันชั่วพริบตากลับถูกฟันสะบั้นกลายเป็นปราณสีม่วงสองก้อนลอยหายไปอย่างรวดเร็ว
บุรุษผมม่วงแห่งหอเป๋ยโต่วเห็นสิ่งนี้พลันหัวเราะแผ่วเบา สายตาเคลื่อนไปจับอยู่บนร่างของหลิ่วหมิงต่อ
“คนของนิกายยอดบริสุทธิ์อีกคนหนึ่ง ดียิ่ง ได้ยินอยู่บ่อยครั้งว่าในหมู่สี่ยอดนิกายใหญ่ของเผ่ามนุษย์นิกายยอดบริสุทธิ์เป็นนิกายใหญ่ที่มีจำนวนคนมากที่สุดแต่ล้วนเป็นพวกธรรมดาสามัญ วันนี้ได้ประจักษ์ ข่าวลือช่างห่างจากความเป็นจริงยิ่งนัก ข้าขอลองฝีมือของเจ้าหน่อยเถอะ”
บุรุษผมม่วงพูดจบ ดวงตาทอก็ประกายเจิดจ้า ลวดลายจิตวิญญาณสีดำกับเขียวบนใบหน้าฉับพลันหนาขึ้นอยู่บ้าง พร้อมกันนั้นเสียงเปรี๊ยะก็ดังขึ้นในร่างพักหนึ่ง แขนข้างหนึ่งขยายใหญ่ขึ้นหนึ่งรอบจากนั้นยกขึ้น ห้านิ้วกางออกคว้ามายังจุดที่หลิ่วหมิงอยู่
หลิ่วหมิงเห็นภาพนี้พลันยิ้มเล็กน้อย ไม่เห็นว่าเขาเคลื่อนไหวอย่างใด ทว่าในแขนเสื้อกลับมีเสียงใสกังวานเสียงหนึ่งดังขึ้น กระบี่ยาวสีทองเล่มหนึ่งบินออกมา หลังจากโต้ลมสั่นไหววูบหนึ่งพลันกลายเป็นเงากระบี่สีทองขมุกขมัวใหญ่เจ็ดแปดจั้งฟันเข้าใส่บุรุษผมม่วงทันที
บุรุษผมม่วงรู้สึกเพียงเบื้องหน้าแสงสีทองสว่างวูบหนึ่ง จิตกระบี่แข็งแกร่งยิ่งใหญ่สายหนึ่งกดทับลงมา จิตกระบี่มหึมายังไม่ทันฟันลงมาจริงๆ สายลมเย็นเยียบน่าขนลุกก็ซัดมาถึงก่อน
บุรุษผมม่วงสีหน้าสะท้าน ฝ่ามือที่คว้าออกมาฉับพลันรั้งกลับ ร่างกายบิดอีกหนหนึ่งก็ขยับกลายเป็นเงาพร่าเลือนปรากฏตัวขึ้นตรงจุดที่ค่อนข้างไกล หลบการโจมตีนี้ไปได้
เสียงเปรี้ยงดังขึ้นหนึ่งหน
จิตกระบี่สีทองแตกสลายหายไป จุดที่บุรุษผมม่วงยืนอยู่ก่อนหน้านี้ปรากฏร่องลึกยาวสิบกว่าจั้งเส้นหนึ่ง
คนที่อยู่ใกล้เคียงได้เห็นล้วนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ฮ่าฮ่า ดูท่าหอของเราจะต้องเก็บรวบรวมข้อมูลของทุกท่านใหม่แล้ว” บุรุษผมม่วงเห็นภาพนี้ไม่โมโหแต่กลับยินดี หลังหัวเราะลั่นพักหนึ่งก็บินไปเบื้องหน้าเผิงเยวี่ยอีก
เผิงเยวี่ยถอนหายใจแผ่วเบาทีหนึ่งเหมือนคิดไว้อยู่แล้ว มือข้างหนึ่งตบข้างเอว แสงสีทองจางๆ สายหนึ่งวนล้อมบนร่างพักหนึ่ง เสียงแกรกๆ ก็ดังขึ้น บนร่างฉับพลันปรากฏชุดเกราะที่ส่องแสงสีทองเรืองชุดหนึ่งออกมา