ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 807 ถูกขัง

ตอนที่ 807 ถูกขัง
หลังศิษย์อัปลักษณ์ของนิกายปีศาจลี้ลับถูกหนวดเนื้อมากมายล้อมโจมตีหลายต่อหลายครั้ง ในที่สุดเขาก็กดโทสะในหัวใจไม่ไหว หลังคำรามเกรี้ยวกราดคำหนึ่งปราณสีดำทั่วร่างก็พลุ่งพล่านในทันที ฝ่ามือสองข้างพร่าเลือนวูบหนึ่งโจมตีออกไปเป็นเงาฝ่ามือเกี่ยวกวัดมองไม่ชัดแถบหนึ่งตบหนวดเนื้อสีเลือดใกล้ๆ กำจัดจนหมดสิ้นในชั่วพริบตา

ส่วนบุรุษหน้าเหยี่ยวซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนท้องฟ้าไม่สูงนัก ดวงตาเปล่งประกายวูบวาบ เบื้องหน้าร่างกระจกหกเหลี่ยมบานหนึ่งหมุนวนอยู่หน้าร่างเขาไม่หยุด ลำแสงสีเงินสายแล้วสายเล่าพุ่งออกมาจากด้านในเป็นระยะ

จุดที่ลำแสงสีเงินกวาดผ่าน หนวดเนื้อสีเลือดแตะถูกปุบก็สลายไปในทันใด ไม่อาจทำอันใดบุรุษหน้าเหยี่ยวได้สักนิด

ใกล้ๆ กับบุรุษหน้าเหยี่ยว เซวียผานถือดาบสีขาวเล่มหนึ่งขยับร่างกายไม่หยุด เงาร่างเลือนรางสีขาวสายหนึ่งพาเงาดาบตวัดซ้ายขวาฟันเข้าใส่จุดที่หนวดเนื้อรวมตัวกันแน่นหนาอย่างเหิมเกริม

การกระทำของทั้งสามคนนี้ดึงความสนใจของคนที่เหลือทันที โอวหยางเชี่ยนขมวดคิ้วดกดำ นางกำลังคิดจะอ้าปากเอ่ยอะไรสักอย่าง สถานการณ์ที่ทุกคนไม่ทันป้องกันก็บังเกิดขึ้น!

มิติทั้งหมดสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้นอย่างกะทันหัน ทันใดนั้นแรงสั่นสะเทือนรุนแรงสายหนึ่งก็ส่งมาอย่างไม่มีที่มา

พริบตานั้นที่ร่างกายของทุกคนโซเซไม่มั่นคง หนวดเนื้อยักษ์ที่หนากว่าก่อนหน้านี้หลายเท่าหลายร้อยเส้นก็ทะลวงออกมารอบตัวพวกเขาในเวลาเดียวกัน พวกมันกระหวัดพันกันกลางอากาศเกิดเป็นดอกไม้กินคนดอกแล้วดอกเล่ารวบตัวทุกคนที่ไม่ทันระวังเข้าไปทั้งหมดแล้วกระชากลงไปใต้ผืนดินที่ขยับยุกยิกเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว

หลิ่วหมิงรู้สึกว่าฟ้าดินพลิกตลบพร้อมกันนั้นกลิ่นเหม็นน่ารังเกียจก็โถมเข้าใส่ใบหน้า เขาพบว่าตนเองถูกหนวดเนื้อหลายสิบเส้นขังไว้ในมิติสีเลือดขนาดเพียงสี่ห้าจั้งแห่งหนึ่ง

เขาไม่พูดพร่ำเหวี่ยงแขนข้างหนึ่งออกมาทันที เงาหมัดสีดำเรืองรองข้างหนึ่งโจมตีกำแพงเนื้อเบื้องหน้าอย่างหนักหน่วง

เสียง “ปัง” เบาๆ ดังขึ้นทีหนึ่ง กำแพงเนื้อสั่นเล็กน้อยแล้วดูดกลืนเงาหมัดทั้งหมดเข้าไป ไม่มีปฏิกิริยาแต่อย่างใด

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้คิ้วก็ขมวดเล็กน้อย มือข้างหนึ่งทำท่ามือกลางอก คมวายุสีน้ำเงินยาวหลายฉื่อสายหนึ่งก่อตัวขึ้น หลังนิ้วดีดเบาๆ ทีหนึ่งมันก็บินพุ่งเข้าใส่กำแพงเนื้อด้านข้าง

หลังเสียงแผ่วเบาสายหนึ่ง คมวายุยักษ์ก็ฟันลงบนกำแพงเนื้อ ทว่าฟันขาดลึกเพียงไม่กี่ชุ่นก็จมเข้าไป หลิ่วหมิงกระตุ้นเคล็ดวิชา คมวายุก็ส่งเสียงดังทีหนึ่งแตกออกเป็นแสงสีน้ำเงินดวงแล้วดวงเล่า

กำแพงเนื้อที่หนวดเนื้อเหล่านี้สร้างขึ้นมาจัดการยากกว่าหนวดเนื้อทีละเส้นๆ มากอย่างเห็นได้ชัด การโจมตีธรรมดาไม่อาจสะบั้นมันขาดได้สักนิด

หลิ่วหมิงอดไม่ได้สีหน้าถมึงทึงขึ้นมา

……

หลังบุรุษผมม่วงแห่งหอเป๋ยโต่วถูกขังอยู่ในกำแพงเนื้อกลับมีท่าทางไม่ใส่ใจ เขาเพียงสะบัดมือข้างหนึ่งอย่างสบายๆ คมดาบสีม่วงแถบหนึ่งก็ซัดออกมาฟันเข้าใส่กำแพงเนื้อแถบหนึ่งใกล้ๆ อย่างรุนแรง ผลปรากฏว่าฟันเข้าไปลึกไม่กี่ชุ่นเท่านั้นก็สลายหายไป

บุรุษผมม่วงเห็นเช่นนี้กลับหัวเราะ มือข้างหนึ่งตบถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณที่ประณีตไม่ธรรมดาซึ่งส่องแสงสีแดงเป็นประกายใบหนึ่งข้างเอว

เสียง “ฟู่” ดังขึ้น แสงสีแดงสายหนึ่งม้วนออกมาจากข้างใน หลังก่อตัวหมุนวนอยู่หน้าร่างก็กลายเป็นแมงมุมสีเลือดสูงหนึ่งฉื่อกว่าตัวหนึ่ง

แมงมุมตัวนี้ทั้งร่างแดงก่ำประหนึ่งโลหิต แปดขาใสแวววาวประหนึ่งหยกไร้ตำหนิ

มันปรากฏตัวออกมาในมิติสีเลือดปุบก็เหวี่ยงขาหน้าสองข้างอย่างอดทนรอไม่ไหว ฟันเลือดเนื้อแถบหนึ่งบนกำแพงเนื้อออกมาอย่างง่ายดายแล้วโถมเข้าไปกัดกินอย่างบ้าคลั่งพลางส่งเสียงร้องดัง “ซือๆ” ออกมาเป็นระยะคล้ายชมชอบเลือดเนื้อเหล่านี้ยิ่งนัก

“เดิมทียังคิดหนักอยู่ว่าจะไปหาเลือดเนื้อมากมายเช่นนั้นมาเลี้ยงเจ้าได้อย่างไร วันนี้กลับได้มา ให้เจ้าอิ่มได้มื้อหนึ่งโดยไม่ต้องเปลืองแรงแล้ว” หลังบุรุษผมม่วงพึมพำคำหนึ่งก็นั่งขัดสมาธิอยู่ที่เดิมหลับตาทำสมาธิ

แมงมุมสีเลือดได้ยินก็กระโดดตึงตังเข้ากัดกินเลือดเนื้อบนพื้นอย่างสนุกสนาน จากนั้นกระโดดขึ้นมาเกาะแน่นตรงจุดหนึ่งบนกำแพงเนื้อ เริ่มกัดกินอย่างบ้าคลั่งกว่าเดิม

ปริมาณเลือดเนื้อที่แมงมุมกัดกินมากขึ้นเท่าไหร่ ขนาดตัวของมันก็ยิ่งขยายพรวดพราด สีก็ยิ่งแดงเป็นประกายขึ้นเช่นกัน

ในช่วงไม่กี่ลมหายใจสั้นๆ มันก็โตขึ้นจนตัวใหญ่ยักษ์เกือบหนึ่งจั้งกว่า ความต้องการเลือดเนื้อมีแต่จะเพิ่มขึ้นไม่มีลดลงประหนึ่งไม่มีวันกินอิ่ม ขาหน้าทั้งสองข้างยังคงควักเลือดเนื้อยัดเข้าปากกลืนกินอย่างบ้าคลั่งไม่หยุดแม้สักนาที

ทว่ายิ่งร่างใหญ่ยักษ์ของแมลงปีศาจตัวนี้ใหญ่ขึ้น ปริมาณเลือดเนื้อที่กลืนลงไปแต่ละครั้งก็มากขึ้นจนก่อนหน้านี้เทียบไม่ติด กลืนลงไปคำหนึ่งเลือดเนื้อก็น้อยลงไปหลายชั่งในทันใด

แม้มิติเลือดเนื้อแห่งนี้จะซ่อมแซมประสานตัวเองไม่หยุด แต่ไม่ทันที่เลือดเนื้อเส้นแล้วเส้นเล่าจะประสานกันก็ถูกแมงมุมตัวนี้กลืนลงท้องอีกครั้ง ชั่วขณะกำแพงเนื้อตรงที่ถูกกัดกินค่อยๆ บางลง

……

ในเวลาเดียวกันนี้ในมิติเลือดเนื้อที่ค่อนข้างกว้างอีกแห่งหนึ่งเงาคนสีเหลืองที่สวมเสื้อผ้าเรียบง่ายประหนึ่งชาวนาร่างหนึ่งกำลังพลิกไปมาไม่หยุด พยายามหลบหลีกการโจมตีของหนวดเนื้อสีเลือดที่หวดมาถึงเส้นแล้วเส้นเล่าอย่างสุดกำลัง บนหน้าผากเหงื่อท่วม หอบหายใจแฮกๆ

คนผู้นี้ก็คือเผิงเยวี่ย ตอนนี้บนร่างเขาสวมชุดเกราะจักรกลพุ่งหนีไปพลาง เหวี่ยงกระบอกกลมสีแดงฉานหนาเท่าแขนสองท่อนปล่อยลำแสงสีแดงฉานเส้นแล้วเส้นเล่าฟาดฟันจุดหนึ่งของกำแพงเนื้อไม่หยุดไปพลาง

ทว่าลำแสงเหล่านี้กลับฟาดฟันขาดเพียงหนวดเนื้อที่ยื่นออกมาในมิติเป็นระยะเท่านั้น กำแพงเนื้อหนากลับฟันขาดได้เพียงส่วนหนึ่งก็พังทลายหายไป ทิ้งรอยขาดที่สมานได้ในพริบตาไว้

เวลานี้ชุดเกราะจักรกลบนร่างเขาเห็นชัดว่าถูกแสงสีเลือดชั้นหนึ่งกลืนกินแสงสีเงินที่แผ่ออกมาจากชุดเกราะเลือนรางไปแล้ว เทียบกับครั้งแรกนอกแดนมรดกแสงจิตวิญญาณเห็นชัดว่าหม่นหมองลงไปส่วนหนึ่ง

สองฝั่งของเขาหุ่นนักรบเกราะสีเหลืองห้าหกตัวกำลังถูกหนวดเนื้อสีเลือดหนาหลายเส้นรัดไว้แน่นหนา ตรงหน้าอกถูกควักเป็นรูขนาดเท่ากำปั้นรูแล้วรูเล่าอย่างเห็นได้ชัด แก่นบริสุทธิ์ด้านในไม่รู้ว่าถูกสิ่งใดทำลายจนแหลก

……

ในมิติเลือดเนื้อแห่งหนึ่งใกล้ๆ เผิงเยวี่ย สตรีชุดเขียวแห่งสำนักเฮ่าหรานอยู่ใต้เกราะปกป้องสีเหลืองขมุกขมัวชั้นหนึ่ง นางสะบัดพู่กันหยกสีดำขยับไหวไม่หยุดปล่อยประกายแสงสีดำดวงแล้วดวงเล่าออกมาพุ่งเข้าใส่หนวดเนื้อสีเลือดที่โถมเข้ามาเบื้องหน้าเหล่านั้น

ประกายแสงสีดำสัมผัสถูกหนวดเนื้อสีเลือดปุบก็กลายเป็นน้ำเลือดแอ่งหนึ่งสาดพรม มีไม่น้อยสาดลงบนเกราะป้องกันรอบร่างของนางตรงๆ

ในมิติคับแคบเช่นนี้คิดหลบการโจมตีของหนวดเนื้อและหลบเลือดพร้อมๆ กันนั้น เห็นชัดว่าเป็นไปไม่ได้

“พลังกัดกร่อนของมิติเลือดเนื้อนี่แข็งแกร่งเช่นนี้เชียว” สตรีชุดเขียวมองเกราะป้องกันสีเหลืองที่หม่นลงไปมากพลางขมวดคิ้วแน่นเอ่ยพึมพำกับตนเอง

จะว่าไปแล้ววิชาเนตรที่นางภาคภูมิใจเมื่ออยู่ในที่แห่งนี้กลับแสดงพลังไม่ได้สักนิด ส่วนวิชาอื่นก็เหมือนจะไม่อาจทำให้หลุดพ้นออกไปได้ ตอนนี้นอกจากเป็นฝ่ายป้องกันก็คล้ายไม่มีวิธีใดอีก

นางถอนหายใจในใจเล็กน้อย หลังสะบัดมือเล่นงานการโจมตีระลอกหนึ่งให้ล่าถอยไปก็พลิกมือเรียกยันต์สีทองแผ่นหนึ่งออกมาฉีก แสงสีทองสายหนึ่งส่องสว่างแล้วซึมเข้าไปในเกราะป้องกันทำให้แสงเรืองรองบนเกราะป้องกันสว่างขึ้นอีกหน

เนื่องจากการโจมตีอันคาดไม่ถึงของหนวดเนื้อรวดเร็วจนน่าตะลึง กระทั่งพี่น้องโอวหยางที่เดิมทีหันหลังพิงกันอยู่ เวลานี้ก็ถูกบีบให้แยกจากกันอยู่ในมิติเลือดเนื้อสองแห่งที่อยู่ข้างกัน

ทว่าแม้เป็นเช่นนี้ ทั้งสองคนกลับยังคงค่อนข้างใจเย็นดีดสิบนิ้วระรัวพร้อมกัน ปล่อยแสงเรืองรองสีม่วงและสีเขียวแถบแล้วแถบเล่าออกมาบินวนล้อมรอบกายอย่างต่อเนื่อง

ทว่าแสงเรืองรองเหล่านี้ทำได้เพียงจัดการหนวดเนื้อที่งอกออกมาไม่ขาดในมิติเลือดเนื้อเท่านั้น ไม่ได้ผลกับกำแพงเนื้อรอบด้านสักนิด

เนื่องจากทั้งสองคนถูกแยกกันจึงไม่อาจร่วมมือกันกระตุ้นวิชาลับได้ แสงเรืองรองที่พวกนางเสกออกมาจึงเล็กกว่าก่อนหน้านี้เท่าหนึ่งอย่างเห็นได้ชัด

ทันใดนั้นโอวหยางเชี่ยนก็สีหน้าเคร่งขรึม เสียงมังกรคำรามกังวานสายหนึ่งดังออกมาจากแขนเสื้อ แสงสีขาวเส้นหนึ่งพุ่งออกมากลายเป็นเงามังกรขาวสะอาดประหนึ่งหยกตัวหนึ่งกลางอากาศ หางมังกรสะบัดทีหนึ่งฟาดหนวดเนื้อหลายเส้นรอบด้านจนแหลก หลังจากนั้นเมื่อนิ้วของนางชักนำกลางอากาศมันก็แยกเขี้ยวกางกรงเล็บบินเร็วรี่เข้าใส่กำแพงเนื้อจุดหนึ่ง ทั้งยังอ้าปากมโหฬารยิงแสงสีเงินท่วมฟ้าออกมา

แสงรัศมีสีเงินเหล่านี้ส่องสว่างบนกำแพงสีเลือดแล้วหายไป ทิ้งไว้เพียงรูลึกตื้นไม่เท่ากันมากมายถี่ยิบ เมื่อแสงสีเลือดสว่างขึ้นมันก็สมานคืนดังเดิม

นี่ทำให้โอวหยางเชี่ยนอดไม่ได้เคร่งเครียดอยู่ในใจ

สาวน้อยชุดเขียวอีกด้านหนึ่ง ในมือก็มีแสงรัศมีสีม่วงสว่างขึ้น พัดพับสีม่วงอ่อนเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ นางสะบัดแผ่วเบาเงาพัดแถบแล้วแถบเล่าก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าร่าง ก่อตัวเป็นม่านแสงสีม่วงขมุกขมัวชั้นหนึ่งล้อมตัวนางไว้ตรงกลาง

หนวดเนื้อเหล่านั้นแตะถูกม่านแสงสีม่วงปุบฉับพลันก็กลายเป็นเลือดกองแล้วกองเล่าสาดกระจายรอบด้าน

ทว่าม่านแสงสีม่วงหลังถูกเลือดสาดต้อง ผิวหน้าก็พลันมีเสียงถูกกัดกร่อนดังชี่ๆ ออกมาทันที กลิ่นแสบจมูกสายแล้วสายเล่าลอยออกมา หลังม่านแสงสว่างวูบวาบหลายหนก็หม่นแสงลงอย่างผิดปกติในทันใด

เมื่อเห็นภาพนี้ สาวน้อยชุดเขียวจึงสูดลมหายใจเย็นเยือกเฮือกหนึ่ง คิ้วงามขมวดแน่น

……

“คิดไม่ถึง ตัวข้าหลงเซวียนจะถูกขังอยู่ที่นี่ แต่ข้าจะไม่ตายอยู่ที่นี่เด็ดขาด”

ศิษย์อัปลักษณ์จากนิกายปีศาจลี้ลับสีหน้าซีดเผือดนั่งขัดสมาธิโงนเงนอยู่ในมิติเลือดเนื้อ สองมือเปลี่ยนเคล็ดวิชาไม่หยุด

วิชามารที่เขาใช้ทำลายกำแพงเลือดเนื้อเหล่านี้ได้ผลน้อยนัก ผนวกกับก่อนหน้านี้เขาสู้ศึกใหญ่กับบุรุษหน้าเหยี่ยวมายกหนึ่งเสียพลังเวทไปมากจนถึงตอนนี้ยังไม่ทันได้ฟื้นฟู เวลานี้สถานการณ์แลดูไม่ดีนัก

ทันใดนั้นศิษย์อัปลักษณ์พลันแผดเสียงคำรามบ้าคลั่ง สองมือชูขึ้นฟ้า มีดสั้นสีดำเล่มหนึ่งในมือชั่วพริบตากลายเป็นอสรพิษยักษ์ยาวสิบกว่าจั้งตัวหนึ่งเลื้อยขดออกมา

อสรพิษยักษ์ตัวนี้สองตาเปล่งกระกายวาบวับ เกล็ดทั่วร่างตั้งขึ้นเป็นชั้นๆ ประหนึ่งมีดเล่มเล็กแหลมคมเล่มแล้วเล่มเล่า จุดที่มันเลื้อยผ่านหนวดเนื้อสีเลือดที่รุมเข้ามาก็ถูกมันสะบั้นขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยร่วงลงพื้นในพริบตา

ในเวลาเดียวกันศิษย์อัปลักษณ์ยังฉีกยันต์สีดำแผ่นหนึ่งอย่างว่องไว กลายเป็นม่านแสงสีดำจางๆ ชั้นหนึ่งปกป้องทั้งร่างไว้ ปราณดำพลุ่งพล่านถาโถมออกมาบนม่านแสงพุ่งชนกำแพงเนื้อสี่ด้านแปดทิศอย่างบ้าคลั่งไม่หยุด

ชั่วขณะหนึ่งด้านในบังเกิดเสียงเปรี้ยงดังขึ้นไม่ขาดสาย

……

ในมิติเลือดเนื้ออีกแห่งหนึ่ง เซวียผานท่องมนตร์งึมงำออกจากปากไม่หยุด ในร่างเสียงข้อต่อลั่นเปรี๊ยะๆ ดังออกมาต่อเนื่องพักหนึ่ง ร่างกายก็พลันขยายพรวด

ครู่ต่อมากลางหว่างคิ้วของเขาก็ปรากฏอักษรเลือนรางคำว่า ‘ราชา’ ใบหูทั้งคู่ที่เดิมทียาวเรียวก็เหยียดตั้งยิ่งกว่าเดิม เขี้ยวโค้งในปากค่อยๆ งอกพรวดพราดเผยชัด พร้อมกันนั้นเล็บทั้งสิบก็งอกแหลม บนแขนมีขนแข็งสีเงินแถบแล้วแถบเล่างอกออกมาอย่างชัดเจน

หลังจากนั้นแสงสีเงินก็สว่างวาบขึ้นกลางฝ่ามือทั้งสองข้างของเขา ลิ่มแหลมสีเงินเหมือนกันทุกประการสองแท่งปรากฏขึ้นจากมือ เมื่อสองเท้ากระทืบพื้นร่างกายก็หมุนอยู่ที่เดิมอย่างรวดเร็ว

เสียงแหวกอากาศดังกึกก้องออกมา กระแสลมแรงก่อตัวขึ้น ลมหมุนสีเงินยวงพัดหมุนไม่หยุด

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset