ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 832 ปีศาจงูหมื่นปี

ตอนที่ 832 ปีศาจงูหมื่นปี
เนื่องจากก่อนหน้านี้พ่นแก่นปีศาจออกมาระเบิดด้วยตนเอง อสูรกวางชะมดตัวนี้จึงขัดขืนได้ไม่เท่าไรก็ถูกทั้งสามคนร่วมมือกันสังหารประหนึ่งสายฟ้าฟาด

ผู้เฒ่าอ้วนร่างกายขยับวูบหนึ่งก็ร่อนลงบนพื้นดิน สายตากวาดผ่านบนศพทีหนึ่ง เมื่อแน่ใจว่าอสูรตัวนี้ไม่มีร่องรอยของชีวิตสักนิดแล้วจริงๆ กระทั่งวิญญาณในร่างก็ถูกการโจมตีก่อนหน้านี้ทำลายสลายไปแล้ว ในดวงตาก็ฉายแววพอใจจางๆ หันศีรษะมาประสานมือเอ่ยกับหลิ่วหมิง

“กระบี่บินพลังจิตวิญญาณของสหายคมกริบอย่างยิ่งจริงๆ ก่อนหน้านี้เหตุเพราะค่ายกลจึงไม่อาจสังหารอสูรตัวนี้ในทีเดียวได้ เป็นข้าคิดไม่รอบคอบเอง”

“เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ว่าจะว่าอย่างไรวันนี้พวกเราก็ทำสำเร็จแล้ว” หลิ่วหมิงตอบอย่างไม่แสดงท่าที

“เหอะ ไม่มีค่ายกลหลายชั้นของข้า คิดจับปีศาจอสูรแห่งความว่างเปล่าตัวนี้ก็เป็นเรื่องเพ้อฝัน” เฟิงชิงโม่กลับแค่นสียงเหอะอย่างไม่ยอมรับ

หลิ่วหมิงได้ยินก็เพียงยิ้มน้อยๆ ไม่พูดมากอันใด

อย่างไรตอนนี้อสูรกวางชะมดว่างเปล่าก็ถูกสังหารแล้ว หลังเขาเอาวัตถุดิบส่วนหนึ่งที่ตนสมควรได้ไปก็เตรียมจะแยกทางกับสองคนนี้ทันที จึงไม่คิดสร้างเรื่องอันใดเพิ่มเวลานี้

ผู้เฒ่าอ้วนเห็นเช่นนี้ก็แค่นเสียงเบาๆ กำลังจะอ้าปากเอ่ยอะไร ทันใดนั้นในพุ่มไม้หนาสูงเท่าตัวคนแถบหนึ่งไกลออกมาก็มีเสียงแสกสากดังขึ้น พร้อมกันนั้นแรงกดดันและคลื่นสั่นสะเทือนรุนแรงสายแล้วสายเล่าก็พุ่งขึ้นฟ้าโถมออกไปสี่ด้านแปดทิศอย่างเหิมเกริม

“นี่มัน…” หลิ่วหมิงใจสะท้าน กวาดจิตสัมผัสไปยังพุ่มไม้ด้านนั้นเป็นอย่างแรก ผลปรากฏว่าลึกเข้าไปในพุ่มไม้มีโพรงมืดสนิทใหญ่ยักษ์อย่างยิ่งโพรงหนึ่งอยู่

แรงสั่นะสเทือนและเสียงแสกสากมากมายก่อนหน้านี้ เห็นชัดว่าดังออกมาจากด้านใน

ในดวงตาของผู้เฒ่าอ้วนทอประกาย หลังกวาดสายตาไปทางพุ่มไม้ก็เห็นชัดว่าเขาค้นพบเรื่องนี้แล้วเช่นกัน ทันใดนั้นเขาก็คิดอะไรขึ้นได้ พลิกมือเรียกคัมภีร์หยกเล่มหนึ่งออกมาทันที เมื่อจิตสัมผัสกวาดผ่านบนนั้นเขาก็ทำหน้าตกใจร้องออกมา

“แย่แล้ว พวกเราต้องรีบไป! คิดไม่ถึงว่าอสูรกวางชะมดว่างเปล่าตัวนี้จะเจ้าเล่ห์เช่นนี้ พวกเราถูกล่อมาที่นี่! ที่แห่งนี้คือหุบเขาอสรพิษจิตวิญญาณหมื่นปีสถานที่ต้องห้ามของแถบนี้ ปีศาจอสรพิษที่ขดตัวหลับใหลอยู่ในโพรงมีนับไม่ถ้วน ได้ยินว่ายังมีปีศาจงูอายุหมื่นปีระดับแก่นแท้ขั้นปลายตัวหนึ่งด้วย”

ผู้เฒ่าอ้วนพูดจบก็สะบัดแขนเสื้อ โยนยันต์เก็บของแผ่นหนึ่งออกมาเก็บศพอสูรกวางชะมดว่างเปล่าข้างเท้า จากนั้นเมฆขาวก้อนหนึ่งใต้เท้าก็ปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า ยกร่างของเขาลอยขึ้นพุ่งเร็วรี่ไปไกล

“ปีศาจงูอายุหมื่นปีระดับแก่นแท้ขั้นปลายหรือ?” เฟิงชิงโม่สูดลมหายใจดังเฮือกเช่นกัน กระทั่งเพียงพอนผลึกม่วงก็ไม่ทันเรียกกลับมา รีบร้อนกระตุ้นเคล็ดวิชากลายเป็นแสงสีขาวดวงหนึ่งตามผู้เฒ่าอ้วนไปติดๆ

หลิ่วหมิงขมวดคิ้วตาม มือข้างหนึ่งตั้งท่าเคล็ดวิชาทันที แสงสีทองโถมทั่วร่างกลายเป็นแสงกระบี่สีทองสายหนึ่งแหวกท้องฟ้าจากไปเช่นกัน

ชั่วอึดใจให้หลัง ในดงไม้ไม่ไกลเสียงแสกสากดังสนั่น ปีศาจอสรพิษสีเขียวสลับดำตัวหนาเท่าถังน้ำขนาดยาวสั้นไม่เท่ากันร้อยกว่าตัวเลื้อยออกมาจากด้านใน

ปีศาจอสรพิษเหล่านี้ดวงตาฉายประกายแสงสีเลือดสว่างจ้า ออกจากโพรงปุบก็ทอดสายตาไปทางสามคนที่หนีไปไกล หลังปราณปีศาจโถมออกมาจากทั่วร่างก็พากันลอยขึ้นฟ้า ปากส่งเสียงฟ่อๆ ขี่สายลมตามไปติดๆ

ทางด้านหลิ่วหมิงขี่กระบี่เคลื่อนไปด้านหน้าพลางก็ปล่อยจิตสัมผัสกวาดปีศาจอสรพิษด้านหลังร่างไปพลาง ในหมู่พวกมันมีระดับแก่นแท้มากถึงสี่ห้าตัว นอกจากนี้ยังมีงูยักษ์ลายแต้มสีเขียวทั่วร่างตัวหนึ่งในนั้นตัวหนาเท่าโม่ หนากว่าพวกเดียวกันตัวอื่นมากนัก พลังระดับแก่นแท้ขั้นปลาย น่าจะเป็นปีศาจงูหมื่นปีตัวนั้นที่ผู้เฒ่าอ้วนว่า

เวลานี้ทอดสายตามองไป กลางท้องฟ้าเบื้องหลังทั้งสามคนล้วนเป็นอสรพิษจิตวิญญาณดุร้ายตัวแล้วตัวเล่าอ้าปากพ่นหมอกพิษ บางตัวคำรามเบาๆ จำนวนมากมายทำให้คนขนหัวลุกอย่างไม่รู้ตัว!

เฟิงชิงโม่กับผู้เฒ่าอ้วนคนนั้นเห็นชัดว่าค้นพบความดุร้ายโหดเหี้ยมของปีศาจอสรพิษด้านหลังแล้ว พวกเขาพากันเรียกยันต์เพิ่มความเร็วนานาชนิดออกมา รอบกายทั้งสองคนส่องแสงสีเหลืองวูบหนึ่ง ความเร็วก็พลันเพิ่มขึ้นหลายส่วน เพียงชั่วสองสามลมหายใจก็ทิ้งระยะห่างจากหลิ่วหมิงไปอยู่บ้าง

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็แค่นเสียงหยันแล้วกระตุ้นพลังเวทบริสุทธิ์ในร่างบ้าง แสงสีทองใต้เท้าสว่างจ้า บนแผ่นหลังส่งเสียงดัง “ฟึบ” ปีกเนื้อสีเงินคู่หนึ่งปรากฏออกมาจากความว่างเปล่า หลังเขาโฉบหายวับไปก็กลายเป็นแสงกระบี่ที่เพิ่มความเร็วขึ้นมากพุ่งเร็วรี่ไปด้านหน้าเช่นกัน

ตอนนี้เองปีศาจงูหมื่นปีตัวนั้นก็ร้องฟ่อขึ้นทีหนึ่ง ทันใดนั้นฝูงอสรพิษเบื้องหลังก็รวมปราณเป็นหนึ่งกลายเป็นสายลมปีศาจถาโถม ความเร็วเพิ่มขึ้นพรวดพราดไล่ตามมาไม่ลดละเช่นกัน

เวลาครึ่งเค่อให้หลัง กลางหมู่ยอดเขาที่ทอดยาวไม่จบสิ้น รุ้งสีเหลืองสองสายบินอยู่เคียงคู่กัน

“ผู้อาวุโสหวง ใช้ยันต์นภาทิพย์แล้ว เจ้าเด็กนี่กลับยังมีแรงเหลือไล่ตามมาอีก ต่อไปพวกเราจะทำอย่างไร?” เฟิงชิงโม่ขยับริมฝีปากเล็กน้อยส่งกระแสจิตเอ่ยถามผู้เฒ่าอวบอ้วนด้านข้าง

“ฮ่ะๆ ศพของอสูรว่างเปล่าอยู่ที่ข้าตรงนี้ เขาได้แต่ว่าง่ายเชื่อฟังเท่านั้น! เดิมคิดจะยืมมือปีศาจอสรพิษพวกนั้นกำจัดเขาไปจะได้ประหยัดแรง แต่คิดไม่ถึงว่าพลังเวทของคนผู้นี้จะบริสุทธิ์กว่าผู้ฝึกฝนรุ่นเดียวกันไม่น้อย นอกจากนี้ยังมีวิชาหลบหลีกยอดเยี่ยมยิ่งกว่าที่เล่าลือ ในเมื่อตอนนี้ไม่อาจสลัดเขาหลุดได้ ถ้าเช่นนั้นก็คงต้องทำเช่นนี้…” ในดวงตาของผู้เฒ่าอ้วนฉายประกายเจ้าเล่ห์ ส่งกระแสจิตเอ่ยกับเฟิงชิงโม่เสียงเบา

“ผู้เฒ่าหวงช่างวางแผนได้ล้ำลึกยิ่งนัก ข้านับถือ!” เฟิงชิงโม่เวลานี้เปลี่ยนท่าทีจากที่เหิมเกริมตอนแรกไปแล้ว เขาเผยรอยยิ้มประหลาดพลางพยักหน้ารัว

ในเวลานี้เองห่างไปด้านหลังร่างทั้งสองคนหลายร้อยจั้ง แสงกระบี่สีทองสายหนึ่งแหวกท้องฟ้าเคลื่อนที่มาเร็วประหนึ่งสะเก็ดไฟแลบ

หลิ่วหมิงที่อยู่กลางแสงสีทองมองลำแสงสองสายที่บินหนีอยู่เบื้องหน้า บนใบหน้าแลดูไม่มีสีหน้าประหลาดใจสักนิด แต่ลึกลงไปในดวงตากลับมีแววตาประหลาดใจเล็กน้อยเป็นพักๆ

ห่างไปสองสามลี้หลังร่างเขา นอกจากปีศาจงูหมื่นปีตัวนั้นกับปีศาจอสรพิษระดับแก่นแท้อีกสามตัว ฝูงอสรพิษตัวอื่นพลังเวทไม่พอจึงถูกสลัดทิ้งไม่เห็นเงาแล้ว

เวลานี้เองลำแสงของพวกเฟิงชิงโม่ด้านหน้าก็ชะงักเล็กน้อย ความเร็วช้าลงวูบหนึ่ง

หลิ่วหมิงฉุกใจคิด ปีกเนื้อสีเงินบนแผ่นหลังกระพืออย่างแรงทีหนึ่ง เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นหลายหน แสงสีทองรอบร่างกะพริบวูบปรากฏตัวขึ้นข้างกายทั้งสองคน

ภาพนี้ทำให้เฟิงชิงโม่กับผู้เฒ่าอ้วนทำหน้าตกตะลึงเล็กน้อยพร้อมกันโดยไม่ได้นัด

“สหายหลิ่ว เมื่อครู่พวกเราสองคนสนใจแต่หนีเอาชีวิตรอด เกือบลืมไปเลยว่ายังมีสหายอยู่ด้านหลัง เลินเล่อไปอยู่บ้างขอโปรดอย่าถือโทษ” ผู้เฒ่าอ้วนรีบยิ้มน้อยๆ เอ่ยกับหลิ่วหมิง

“ไม่เป็นไร แต่ปีศาจอสรพิษด้านหลังนี่ยุ่งยากอยู่จริงๆ ดูสภาพแล้ววิธีทั่วไปคงไม่อาจสลัดหลุดได้ ไม่ทราบทั้งสองท่านมีวิธีการอันใดใช้ได้หรือไม่” หลิ่วหมิงเอ่ยถามเรียบๆ

“สหายหลิ่วเอ่ยถามเช่นนี้ ข้าก็มีวิธีการหนึ่งลองดูได้จริงๆ” ผู้เฒ่าอ้วนมองสายลมปีศาจที่ถาโถมไล่ตามมาด้านหลัง หลังกะพริบตาปริบๆ ก็พลันเอ่ยตอบเช่นนี้

“เชิญพี่หวงเอ่ย!” หลิ่วหมิงถามต่ออย่างไม่ครุ่นคิด

“ง่ายดายยิ่ง ค่ายกลห้วงนทีที่พวกเราใช้ขังปีศาจอสูรแห่งความว่างเปล่าก่อนหน้านี้ เพราะยามนั้นจากมาอย่างรีบร้อนเกินไปจึงยังไม่ได้เก็บ ไม่สู้ล่อปีศาจร้ายเหล่านี้ด้านหลังไปขังไว้ที่นั่น หลังจากนั้นไม่ว่าจะสู้หรือหนี เรื่องที่เหลือก็จัดการง่ายแล้ว” ผู้เฒ่าอ้วนดวงตากลอกกลิ้งรอบหนึ่งก็เสนอเช่นนี้

“อืม นี่เป็นวิธีที่ดีวิธีหนึ่งจริงแท้ ทำตามที่ท่านว่าเถิด” หลิ่วหมิงใคร่ครวญครู่เดียวก็ตอบรับอย่างเต็มปากเต็มคำ

ผู้อาวุโสหวงได้ยินพลันยินดี เรียกเฟิงชิงโม่คำหนึ่งจากนั้นเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางพุ่งเร็วรี่ไปทันที

เฟิงชิงโม่ตามก้นไปโดยไม่พูดสักคำ

หลิ่วหมิงมองเงาแผ่นหลังของทั้งสองคนนิ่งนาน จากนั้นสองปีกบนแผ่นหลังก็กระพือกลายเป็นรุ้งทองสายหนึ่งแหวกท้องฟ้าติดตามไปอีกครั้ง

ฝูงอสรพิษด้านหลังเห็นเช่นนี้ย่อมส่งเสียงฟ่อๆ เปลี่ยนทิศทางเช่นเดียวกัน ปีศาจงูหมื่นปีตัวนั้นยังคงนำหน้าไล่ตามไม่ลดละ

…….

เสียงแหวกท้องฟ้าดังขึ้นสายหนึ่ง!

ลำแสงสามสายสีเหลืองสองสายสีทองหนึ่งสายกะพริบวูบหนึ่งก็หายไป จากนั้นปรากฏออกมาใหม่อีกครั้งเหนือที่ราบระหว่างเขาซึ่งวางค่ายกลห้วงนทีเจ็ดชั้นไว้ก่อนหน้านี้

เมื่อลำแสงดับลงเงาร่างของหลิ่วหมิง ผู้เฒ่าอ้วนและเฟิงชิงโม่สามคนก็ปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้า

“ในที่สุดก็กลับมาถึงที่นี่แล้ว” ผู้เฒ่าอ้วนมองม่านแสงสีฟ้าเข้มที่ยังอยู่เบื้องล่างแล้วเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าโล่งใจ

บนหน้าเฟิงชิงโม่กลับปรากฏสีหน้าตื่นเต้นจางๆ

ส่วนหลิ่วหมิงสายตากวาดเร็วไวไปรอบด้านอย่างนิ่งเฉย

เวลานี้เองท้องนภาด้านหลังก็มีเสียงสายลมโหมรุนแรงดังลั่นขึ้นในพริบตา ร่างปีศาจอสรพิษตัวแล้วตัวเล่าฉับพลันปรากฏตัว ขณะที่อยู่ห่างไปไม่กี่ลี้ตัวหนึ่งที่มหึมาที่สุดในนั้นก็อ้าปากแหงนหัวขึ้นฟ้า เสาน้ำสีเขียวเข้มต้นหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้าไป

ครู่ต่อมาพวกหลิ่วหมิงสามคนรู้สึกว่าสูงขึ้นไปบนท้องฟ้ามีคลื่นสั่นสะเทือนก่อตัวขึ้น ทันใดนั้นเสียงบึ๊มก็ดังสนั่น ของเหลวสีเขียวเข้มก้อนแล้วก้อนเล่าพุ่งเร็วรี่ลงมาประหนึ่งฝนกระหน่ำ ครอบทับพวกเขาทั้งหมดไว้ข้างใต้

ครั้งนี้ผู้เฒ่าอ้วนหน้าถอดสีอย่างแท้จริง เขาหมุนตัวยกแขนขึ้นในทันใด แสงสีดำสายหนึ่งพุ่งรวดเร็วออกมาจากในแขนเสื้อของเขา หมุนติ้วกลางท้องฟ้าแล้วหยุดนิ่งจากนั้นกลายเป็นโล่เหล็กสีดำแผ่นหนึ่ง พริบตาเดียวโต้ลมขยายจนใหญ่ยักษ์สามสิบกว่าจั้งในพริบตา ไอหมอกสีดำสายแล้วสายเล่าที่วนเวียนอยู่บนผิวปกป้องหลิ่วหมิงและเฟิงชิงโม่ที่อยู่ใกล้ๆ ไว้ข้างใต้ด้วยกันทั้งหมด

เสียงเปรี๊ยะๆ ประหนึ่งฝนต้องใบตองดังลอยมา!

ของเหลวเหนียวหนืดสีเขียวเข้มก้อนแล้วก้อนเล่าสัมผัสกับไอหมอกสีดำปุบก็สลายหายไปด้วยกัน

“นายน้อยไม่ต้องตระหนก ตอนนี้ในเมื่อพวกเรากลับมาถึงตรงค่ายกลนี้แล้ว ขอเพียงปีศาจงูหมื่นปีตัวนั้นถูกขังไว้ข้างในย่อมไม่อาจหนีออกมาง่ายๆ ได้ ถึงขั้นที่หากสังหารมันเสีย แก่นปีศาจของมันคงล้ำค่าอย่างยิ่ง ตอนนี้ขอเพียงพวกเราสองคนคิดหาวิธีล่ออสรพิษตัวอื่นข้างกายมันออกไปกำจัดก่อน ข้าย่อมมีวิธีจัดการปีศาจงูหมื่นปีตัวนี้” ผู้เฒ่าอ้วนตวาดเสียงดัง

ทว่าในเวลานี้เอง เสียง “ปัง” หนักอึ้งก็ดังขึ้น ผิวของโล่เหล็กยักษ์บนท้องฟ้ากัดกร่อนจนเป็นรอยแตกเส้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว แสงสีเขียวเข้มก้อนแล้วก้อนเล่าพุ่งเร็วรี่ผ่านตรงกลางลงมาทันที

น้ำพิษของปีศาจงูหมื่นปีไม่ธรรมดาจริงๆ!

ผู้เฒ่าอ้วนสีหน้าพรั่นพรึง เขาไม่มีเวลาเอ่ยวาจาอื่นใดอีก ยกมือข้างหนึ่งขึ้นทันที ยันต์สีทองแผ่นหนึ่งพุ่งเร็วรี่ออกมาจากนั้นระเบิดกลายเป็นม่านแสงสีทองอ่อนชั้นหนึ่งปกป้องเขาไว้ข้างใน

หลิ่วหมิงหรี่สองตาลงพลางฉวยโอกาสกระตุ้นเคล็ดวิชา หมอกดำทั้งร่างพลุ่งพล่านพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วก่อตัวเป็นหนวดสีดำหลายเส้นออกมาจากความว่างเปล่า พวกมันสะบัดร่อนอย่างบ้าคลั่ง เงาหนาแต่ละเส้นๆ ก่อตัวขึ้นมาปุบก็โจมตีน้ำพิษที่ร่วงลงมาจนปลิวออกไป

เฟิงชิงโม่พลิกมือ เรียกพัดขนนกที่ส่องแสงสีขาวขมุกขมัวเล่มนั้นออกมาอีกหน เมื่อพัดกลางอากาศทีหนึ่ง กลิ่นหอมอ่อนๆ สายหนึ่งก็ลอยกระจายออกมา พร้อมกันนั้นกระแสลมแรงก็ก่อตัวขึ้นกลายเป็นม่านสายลมผืนหนึ่งขวางน้ำพิษไว้ด้านนอก

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset