วันหนึ่งครึ่งเดือนให้หลัง เขากระบี่หักก็มีเสียงประลองกระบี่เอะอะดัง “เคร้งๆ” ขึ้นอีกครั้ง
สูงขึ้นไปบนท้องฟ้าแสงกระบี่สีทองยาวหนึ่งจั้งกว่าเส้นหนึ่งวาดเร็วรี่ไล่ตามแสงกระบี่สีแดงสองสายไปติดๆ
ทันใดนั้นแสงกระบี่สีทองกลางท้องฟ้าก็เพิ่มความเร็วขึ้นในทันใดแล้วหายวับไปขณะที่อยู่ห่างออกไปไกล
ครู่ต่อมากลางอากาศห่างไปเบื้องหน้าสิบกว่าจั้งก็เกิดรอยกระเพื่อมจางๆ ชั้นหนึ่ง แสงกระบี่สีทองอ่อนสายหนึ่งปรากฏออกมาอีกครั้ง เสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้น มันก็สะบั้นแสงสีแดงเส้นหนึ่งในนั้นเป็นสองท่อน
แสงกระบี่สีแดงสลายหายไป กระบี่ยาวสีแดงเล่มหนึ่งหักเป็นสองท่อนร่วงลงบนพื้นดินดัง “เคร้ง”
แสงกระบี่สีแดงอีกเส้นหนึ่งราวกับเชื่อมโยงถึงกัน มันส่งเสียงร้องครวญครางเลี้ยวกลับกลางอากาศ แล้วพุ่งเข้าชนแสงกระบี่สีทองตรงๆ ทันที
เสียง “ฉึบ” ดังขึ้นหลายหน!
หลังแสงกระบี่สีแดงฟันไขว้ปะทะกับแสงกระบี่สีทองหลายครั้งกลางอากาศก็ทานไม่ไหวถูกดีดปลิวออกไป มันกลิ้งกลางอากาศหลายครั้งแล้วร่วงเร็วจี๋ลงมาปักดัง “ฉึก” ปักเอนอยู่ห่างจากกระบี่หักสีแดงเล่มก่อนหน้านี้ไม่ไกล
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ ในดวงตาก็ฉายแววพึงพอใจจางๆ จากนั้นมือข้างหนึ่งกวักเบาๆ กลางอากาศ กระบี่น้อยสีทองกะพริบวูบหนึ่งกลางท้องฟ้าแล้วบินพุ่งกลับมาในมือของเขา
เขาตรวจสอบกระบี่ว่างเปล่าอย่างละเอียด หลังแน่ใจว่าไม่เป็นไรก็หยิบโอสถประลองกระบี่เม็ดนั้นออกมาโยนขึ้นไปกลางท้องฟ้าอีกหน พร้อมกันนั้นก็ผนึกปราณกระบี่บนตัวกระบี่ยิงออกไปพร้อมกัน
หลังจากเปลวเพลิงสามสีกะพริบอยู่พักหนึ่งก็แผ่กลิ่นหอมจางๆ สายหนึ่งพุ่งรวดเร็วไปทางเขากระบี่หัก
วันนี้เขาควบคุมโอสถประลองกระบี่เวลาใช้ได้อย่างพอดิบพอดีแล้ว กระบี่บินที่ถูกดึงดูดมาครั้งหนึ่งมีเพียงห้าถึงสิบเล่ม
แม้ดูเหมือนความเร็วการประลองกระบี่ลดน้อยลง แต่ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ ทำเช่นนี้ความเสียหายของกระบี่บินจะน้อยยิ่งกว่าน้อย ไม่ต้องยุ่งยากเก็บเข้าฝักกระบี่เพื่อบำรุงใหม่ ประสิทธิภาพกลับเพิ่มขึ้นมากหลายเท่า
หลังจากนั้นหลิ่วหมิงก็ฟันฝ่าขวากหนาม ประลองกับกระบี่หักในภูเขาจากด้านล่างขึ้นไปด้านบนตามลำดับ เขาอาศัยพลังจิตมหาศาลของตนรวมถึงการมีทรายธารดาราปกป้องจึงฝึกปรือกับกระบี่บินแทบจะทั้งหมดที่พบได้รอบหนึ่งโดยที่ระหว่างนั้นหยุดพักไปเพียงสามครั้งเท่านั้น
เวลาผ่านไปทีละวันๆ เช่นนี้!
ครึ่งค่อนปีให้หลัง ในที่สุดหลิ่วหมิงก็มาถึงบริเวณไหล่เขา กระบี่บินที่ปักอยู่ตรงนี้หนาแน่นน้อยลงกว่าที่ตีนเขา ในบริเวณร้อยกว่าจั้งมีกระบี่บินเพียงเจ็ดแปดเล่มเท่านั้น แต่จิตกระบี่ในอากาศกลับเข้มข้นขึ้นมากกว่าสิบเท่า
ในหมู่กระบี่บินเหล่านี้ บางเล่มได้นายท่านของกระบี่ตั้งป้ายจารึกไว้ วัดจากแค่ปราณกระบี่ดุดันที่แผ่ออกมาพวกมันไม่ได้อ่อนแอกว่ากระบี่บินระดับสุดยอดหรือต้นแบบอาวุธเวทแม้แต่น้อย จินตนาการไม่ออกเลยว่ากระบี่เหล่านี้ล้วนเป็นซากกระบี่ที่พลังจิตวิญญาณเสียหายอย่างหนัก
แม้หลิ่วหมิงจะควบคุมกระบี่บินอย่างระมัดระวัง แต่พลังจิตวิญญาณก็ยังคงเสียหายหนักเป็นระยะอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ ความเร็วของการฝึกปรือจึงลดลงมาก
……
หนึ่งปีให้หลัง บนไหล่เขาของเขากระบี่หัก เสียงฝึกปรือกระบี่บินดัง “เปรี้ยงๆ” ดังออกมาอีกครั้ง แสงกระบี่สีทองสายหนึ่งกะพริบวูบวาบไปมาไม่หยุดระหว่างแสงกระบี่ต่างสีสันสองสาย
หลิ่วหมิงในเวลานี้ฝึกปรือกับซากกระบี่หลายพันเล่มตั้งแต่ไหล่เขาลงมาจนหมดรอบหนึ่งแล้ว หากซากกระบี่เหล่านี้ต้องการฟื้นฟูปราณกระบี่ให้เหมือนก่อนหน้านี้ ไม่บำรุงแปดปีสิบปีเกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้
แสงกระบี่ที่กระบี่ว่างเปล่าผนึกออกมาตอนนี้แลดูคมกริบล้ำลึกขึ้นกว่าหนึ่งปีก่อนหน้าอยู่หลายส่วน เสียงกระบี่ครวญครางที่ดังออกมาก็ค่อยๆ ทุ้มต่ำลงด้วย
แต่กระบี่ว่างเปล่าเวลานี้ดูจากสีสันสว่างไสวกว่าก่อนหน้านี้อยู่หลายส่วน ไม่ว่าปราณกระบี่ที่แผ่ออกมาหรือจิตกระบี่ที่แฝงอยู่ด้านในก็แข็งแกร่งขึ้นไม่ใช่แค่เล็กน้อย
หลังเสียง “ฉึบ” ดังขึ้นหลายครั้ง!
แสงกระบี่สีฟ้าสายหนึ่งกับแสงกระบี่สีเทาสายหนึ่งก็ดีดออกไปกลายเป็นกระบี่บินหักสองเล่มเสียบลงในซอกหิน
กระบี่บินสีทองบินวนกลางท้องฟ้าอย่างเร็วไวรอบหนึ่ง จากนั้นเงาคนสีดำว่องไวร่างหนึ่งก็พุ่งโฉบขึ้นไปด้านบนของเขากระบี่หัก…
สองปีให้หลัง!
หลิ่วหมิงมาถึงจุดที่ห่างจากยอดเขาไม่ไกลอีกครั้ง บนพื้นผิวภูเขาบริเวณนี้ซากกระบี่หลากหลายแบบน้อยลงกว่าเดิมอีก
ด้านข้างไม่ไกลมีแผ่นศิลาสีเขียวตั้งตระหง่านอยู่แผ่นหนึ่ง กระบี่บินสีทองที่มีรอยบิ่นบนคมกระบี่สองรอย ด้ามกระบี่แหว่งไปค่อนครึ่งเล่มหนึ่งกำลังเอนไหวเบาๆ ตามสายลม
‘กระบี่เลี่ยหยาง’ เล่มนั้นที่หลิ่วหมิงเห็นเมื่อวันที่เข้ามาในเขากระบี่หักนั่นเอง
กระบี่เล่มนี้แตกต่างจากกระบี่หักเล่มอื่น หลิ่วหมิงเข้าใกล้มันในระยะร้อยกว่าจั้งเมื่อไร กระบี่เล่มนี้จะส่งเสียงครวญทุ้มต่ำเหมือนจะเป็นการเตือนออกมา หากเข้าใกล้มันในระยะสิบกว่าจั้งมันก็จะลอยออกจากพื้นขึ้นมาเองพร้อมกับพาปราณกระบี่ท่วมฟ้าพุ่งรวดเร็วเข้าใส่เขา
สิบกว่าวันก่อนหน้านี้ ตอนหลิ่วหมิงเพิ่งมาถึงที่แห่งนี้เคยเผลอไปแตะต้องกระบี่เล่มนี้อย่างไม่ตั้งใจจนถูกบีบให้ประลองกระบี่กับมันครั้งหนึ่ง ผลปรากฏว่ากระบี่หักที่เหลืออยู่แค่ครึ่งท่อนเล่มนี้กลับสูสีทัดเทียมกับกระบี่ว่างเปล่าที่ฝึกปรือมานาน ทำให้ในใจเขาพรั่นพรึงอย่างมาก
เขาฉวยโอกาสที่กระบี่บินสีทองสองเล่มต่อสู้กัน อ่านตัวอักษรขนาดเล็กสองสามบรรทัดแรกบนป้ายศิลาที่ก่อนหน้านี้ไม่ทันได้สังเกตอย่างละเอียด จากนั้นเขาก็ขนหัวลุก
‘กระบี่เลี่ยหยาง ใช้เหล็กเฉินหยางที่แทรกอยู่ในอุกกาบาตเป็นตัวอ่อนกระบี่ ผสานดินปราณทองคำบริสุทธิ์เข้าไปแล้วหลอมด้วยหินหนืดเพลิงพิภพอยู่เจ็ดปีจึงก่อเกิด ยาวสามฉื่อเจ็ดชุ่น สามร้อยกว่าปีก่อนหน้านี้ ในการต่อสู้กับเฟิงหู่แห่งหุบเขาปีศาจสวรรค์ ข้าใช้พลังระดับแก่นแท้ฝืนกระตุ้นวิชากระบี่ร่างเป็นหนึ่ง ต้านการโจมตีครั้งหนึ่งจากอาวุธเวทขวานผ่าบรรพตของอีกฝ่ายจนกระบี่หักเสียหาย แต่ก็ทำให้เขาบาดเจ็บหนักได้เช่นเดียวกัน กระบี่เล่มนี้ตะลุยแผ่นดินจงเทียนเคียงข้างข้ามาเจ็ดสิบเก้าปี ทำให้ผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์บาดเจ็บทั้งหมดห้าคน สังหารผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้ไปสี่สิบหกคน ผู้ฝึกฝนตั้งแต่ระดับผลึกลงไปมากมายนับไม่ถ้วน’
จินเลี่ยหยางผู้ได้ชื่อว่าเป็นอันดับหนึ่งของศิษย์ลับผู้นี้มีพลังเหนือผู้คนอย่างแท้จริง ถึงกับทำร้ายผู้แข็งแกร่งระดับดาราพยากรณ์ได้ตั้งแต่ตอนพลังระดับแก่นแท้
แม้กระบี่เล่มนี้จะเสียหาย แต่พลังจิตวิญญาณยังคงอยู่ ดังนั้นจึงทำให้กระบี่บินเล่มอื่นไม่กล้าเข้าใกล้
จากที่หลิ่วหมิงคาดคะเน หากกระบี่เล่มนี้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ไม่เสียหาย เกรงว่าคงจะแข็งแกร่งกว่าที่สัมผัสได้ตอนนี้มากกว่าร้อยเท่า ดังนั้นแม้เสียหายไปแล้วแต่ก็ยังคงบินออกมาทำร้ายคนแต่ไกลได้
ทว่าหลิ่วหมิงมาถึงที่นี่อีกครั้ง ครั้งนี้ย่อมเตรียมพร้อมอย่างรอบคอบมาก่อนแล้ว
หลังเขาสูดลมหายใจลึกเฮือกหนึ่ง มือข้างหนึ่งก็ถือโอสถประลองกระบี่ขึ้นมาแล้วก้าวยาวเข้าไปทางป้ายศิลาทันที
ผลปรากฏว่าหลิ่วหมิงเพิ่งเดินไปได้ไกลอีกสิบกว่าก้าว กระบี่เลี่ยหยางที่อยู่ใกล้ๆ ป้ายศิลาก็ส่งเสียงดัง “ฟึบ” ทีหนึ่งแล้วพุ่งขึ้นฟ้า หลังมันบินวนกลางท้องฟ้ารอบหนึ่งก็กลายเป็นแสงสีทองสายหนึ่งพุ่งรวดเร็วมายังจุดที่หลิ่วหมิงอยู่
หลิ่วหมิงสีหน้าเคร่งขรึม มืออีกข้างหนึ่งฉับพลันตบฝักกระบี่สีเงินอ่อนที่เอว แสงกระบี่สีทองเส้นหนึ่งพุ่งรวดเร็วออกมาเช่นเดียวกัน
รุ้งสีทองยาวเจ็ดแปดจั้งสองสายฉับพลันโรมรันกันกลางท้องฟ้า เสียงเสียดสีดังชิ้งๆ ดังขึ้นไม่ขาดหู
แสงสีทองสองสายฟาดฟันกันไม่หยุด แสงสีทองสายแล้วสายเล่ากระจายไปสี่ด้านแปดทิศ ฟันหินภูเขาโล่งเตียนก้อนแล้วก้อนเล่าป่นเป็นผุยผง
โอสถประลองกระบี่ถูกหลิ่วหมิงโยนออกไปนานแล้ว มันลอยนิ่งไม่ขยับอยู่กลางอากาศใกล้ๆ
หลังเวลาผ่านไปครึ่งก้านธูป เคล็ดกระบี่ที่มือหลิ่วหมิงก็เปลี่ยนไปในทันใด กระบี่ว่างเปล่าฉับพลันมียันต์ที่ทอแสงสีเงินระยิบระยับมากมายวนเวียนอยู่รอบๆ ทรายสีเงินซัดออกมาจากด้านใน กลายเป็นพายุหมุนสีเงินกลางอากาศแล้วล้อมกระบี่เลี่ยหยางไว้
“สำเร็จแล้ว!”
ขณะที่หลิ่วหมิงเผยสีหน้ายินดีออกมาแล้วเปลี่ยนเคล็ดกระบี่อีกครั้ง เกลียวคลื่นความร้อนลูกหนึ่งก็ซัดออกมาจากกลางพายุหมุน แสงสีทองเส้นแล้วเส้นเล่าแหวกออกมาจากระหว่างรอยแยก
หลังเสียง “ฟู่” ดังขึ้นทีหนึ่ง พายุหมุนสีเงินก็กลายเป็นทรายสีเงินสายหนึ่งแล้วระเบิดออก กระบี่เลี่ยหยางส่งเสียงครวญครางยาวทีหนึ่งแล้วพุ่งจากด้านในขึ้นไปบนท้องฟ้า
หลิ่วหมิงขมวดคิ้วแล้วกวักมือเรียกกระบี่ว่างเปล่า มันโต้ลมขยายใหญ่ขึ้นกลายเป็นยาวสิบกว่าจั้ง จากนั้นพุ่งดังหวีดหวิวไปหากระบี่เลี่ยหยาง
เสียง “เปรี้ยง” ดังสนั่นก้องท้องนภา!
หลังจากกระบี่ว่างเปล่ากับกระบี่เลี่ยหยางปะทะกันอย่างรุนแรงครั้งหนึ่ง ดวงตะวันเจิดจ้าสีทองแสบตาที่ทำให้คนแทบไม่กล้ามองตรงๆ ดวงหนึ่งก็ลอยขึ้นมา
แสงกระบี่สีทองอ่อนเลือนรางสายหนึ่งพุ่งกลับมาจากด้านในดวงตะวันเจิดจ้า มันคือกระบี่บินว่างเปล่าที่แสงกระบี่หม่นลงไปเล็กน้อยนั่นเอง
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ หัวใจพลันกระตุก มือข้างหนึ่งกวักเรียกกระบี่ว่างเปล่าที่พลังจิตวิญญาณเสียหายกลับมาทันที หลังตรวจสอบแล้วว่ามันไม่ได้เสียหายไปถึงแก่นด้านใน เขาก็เก็บมันไว้ในฝักกระบี่ว่างเปล่าเริ่มบำรุงอีกครั้ง
ในเวลาเดียวกันนี้แสงกระบี่สีทองของกระบี่เลี่ยหยางก็พุ่งย้อนกลับไปทิศตรงกันข้าม มันกะพริบวูบหนึ่งก็ปักกลับไปด้านข้างป้ายศิลาทันที ผิวกระบี่หม่นหมองอยู่บ้างเห็นชัดว่าเสียหายไม่น้อยเช่นกัน ไม่อาจบินออกมาประลองกระบี่เองได้อีกต่อไปแล้ว
หลังจากนั้นหลิ่วหมิงก็ใช้เวลาหนึ่งเดือนกว่าๆ บำรุงกระบี่ว่างเปล่าจนฟื้นคืนสภาพเดิม แล้วออกเดินทางมุ่งสู่ยอดเขาต่ออีกครั้ง
สามปีให้หลัง!
ณ ที่แห่งหนึ่งบนเขากระบี่หัก รุ้งกระบี่สีทองยาวสิบกว่าจั้งเส้นหนึ่งกับรุ้งกระบี่สีดำยาวสิบห้าสิบหกจั้งเส้นหนึ่งกำลังฟาดฟันปะทะกันอย่างรุนแรงไปมา
ส่วนหลิ่วหมิงยืนอยู่บนป้ายศิลาแผ่นหนึ่งด้วยสีหน้าเคร่งเครียด สองตาหรี่ลงเล็กน้อย เคล็ดวิชาที่มือเปลี่ยนไปมาไม่หยุด
จากที่เขียนบนป้ายศิลา กระบี่บินสีดำเล่มนี้ชื่อว่า ‘กระบี่หยุดจันทร์’ เป็นกระบี่บินพลังจิตวิญญาณที่ผู้อาวุโสระดับดาราพยากรณ์คนหนึ่งของยอดเขากระบี่สวรรค์ทิ้งไว้เมื่อหกพันปีก่อนหลังจากละสังขาร
กระบี่เล่มนี้ทรงพลังอย่างที่สุด นิสัยก็ดุร้ายอย่างยิ่ง กระหายเลือดเป็นสันดาน ทายาทผู้สืบสายเลือดของเขาไม่มีผู้ใดควบคุมมันได้ ดังนั้นจึงได้แต่ปล่อยมันไว้ในเขากระบี่หักทั้งอย่างนั้น
กระบี่เล่มนี้ตัวมันยาวเพียงหนึ่งฉื่อกว่า ทั้งเล่มสีดำสนิทประหนึ่งหมึก มองจากไกลๆ ตัวกระบี่ส่องแสงจิตวิญญาณจางๆ ดูคล้ายธรรมดาอย่างยิ่ง แต่พลังยังคงยิ่งใหญ่เหนือกว่าจินตนาการของหลิ่วหมิงไปไกล
หากไม่ใช่เพราะกระบี่เล่มนี้เสื่อมสภาพจากการผ่านกาลเวลามาหลายพันปี พลังจิตวิญญาณสลายไปไม่น้อยจนพลังที่สำแดงออกมาได้ในวันนี้ไม่ถึงหนึ่งในร้อยส่วนของยามรุ่งโรจน์ เกรงว่ากระบี่ว่างเปล่าประมือเพียงครั้งเดียวก็คงถูกมันสะบั้นกลายเป็นสองท่อน
แม้เป็นเช่นนี้หลิ่วหมิงก็ยังต่อสู้กับกระบี่เล่มนี้มาแล้วถึงสามครั้ง ใช้เวลายาวนานถึงหกเดือนเซาะกร่อนทำให้ปราณกระบี่ของกระบี่เล่มนี้ค่อยๆ ลดน้อยลงจนถึงระดับนี้
ในช่วงเวลานี้กระบี่ว่างเปล่าเสียหายไปสองครั้ง ครั้งแรกที่ถูกกระบี่เล่มนี้ฟัน บนตัวกระบี่ปรากฏรอยแตกยาวหนึ่งชุ่นกว่าเส้นหนึ่ง เสียหายค่อนข้างหนักจนทำให้เขาต้องเก็บกระบี่ว่างเปล่าเข้าไปบำรุงในร่างเป็นเวลาสองเดือนครึ่งเต็มๆ
แน่นอนถึงหลิ่วหมิงจะเสียเวลากับกระบี่เล่มนี้ไปมากปานนี้ แต่ตัวกระบี่ว่างเปล่าก็ได้รับประโยชน์ไม่น้อย ตัวกระบี่ว่างเปล่าที่เดิมทียาวสองฉื่อแปดชุ่นวันนี้ถูกฝึกปรือจนยาวห้าหกชุ่นแล้ว นอกจากนี้ความคมก็เพิ่มมากขึ้นกว่าตอนก่อนเข้ามาในมิติแห่งนี้สองถึงสามเท่า
วันนี้หลิ่วหมิงอยู่ห่างจากยอดเขาอีกหนึ่งพันว่าจั้ง ทอดสายตามองไป ด้านบนเหลือซากกระบี่เล็กน้อยราวสิบกว่าเล่มเท่านั้น