“หลังจากนี้ไม่ทราบว่าศิษย์หลานหลิ่ววางแผนไว้อย่างไร?” สายตาของผู้อาวุโสเจียงมองหลิ่วหมิงอย่างคาดหวังอยู่บ้างแล้วเอ่ยถามอย่างเชื่องช้า
“คงเว้นไปก่อนชั่วคราว” หลิ่วหมิงฟังแล้วก็เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้นมา
หลายปีนี้เขาสังหารผู้ฝึกฝนชั่วร้ายติดๆ กันจนชื่อเสียงเลื่องลือ ทำให้ผู้ฝึกฝนชั่วร้ายมากมายพากันซ่อนตัวไม่ออกมา ยากจะตามหาร่องรอยของพวกเขา
อีกอย่างการล่าผู้ฝึกฝนชั่วร้ายก็อันตรายยิ่งนัก ครั้งนี้เขาก็ถูกผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้สองคนรุมซุ่มโจมตี หากไม่ใช่เพราะไหวพริบของเขา เกรงว่าคงสิ้นชื่อในกับดักของปีศาจพันมายาไปแล้ว
ในเมื่อห่างจากหนึ่งล้านห้าแสนแต้มอีกไม่เท่าไร เขาย่อมไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอันตรายเกินไปนัก วันนี้เขาวางแผนจะเปลี่ยนแผนการสักหน่อยด้วยการไปลองดูป้ายประกาศสายในของหอลี้ลับ
ผู้อาวุโสเจียงสีหน้าแข็งทื่อไปทันที จากนั้นก็หัวเราะเจื่อนๆ ออกมา
“ศิษย์หลานหลิ่วพักนี้ชื่อเสียงโด่งดังเกินไป นิกายสายอธรรมมากมายอาจจับตาศิษย์หลานอยู่ ระวังสักหน่อยก็สมควร”
คำพูดนี้ของผู้เฒ่าแฝงนัยประจบอยู่บ้าง ศิษย์สายในที่มีพลังระดับนี้อย่างหลิ่วหมิง เขาที่เป็นเพียงผู้อาวุโสระดับผู้ดูแลธรรมดาๆ คนหนึ่งย่อมไม่กล้าล่วงเกินง่ายๆ
“ที่ผ่านมาได้ผู้อาวุโสเจียงดูแลแล้ว” หลังจากหลิ่วหมิงคำนับให้เขาหนึ่งครั้งก็หมุนตัวเดินออกไปจากหอความเป็นความตายอย่างรวดเร็ว
ก่อนจะไปหอลี้ลับ เขากลับไปถ้ำที่พักบนยอดเขาลั่วโยวเตรียมตัวจะดูสถานการณ์ของเฟยเอ๋อร์สักหน่อยก่อน
ตอนจากไปครั้งก่อนเฟยเอ๋อร์ยังหลับใหลอยู่ หลายเดือนนี้หลิ่วหมิงจึงค่อนข้างเป็นห่วงอยู่ตลอด
เพิ่งเหยียบเข้าประตูใหญ่ของถ้ำที่พัก เงาสีเขียวก็พุ่งออกมาจากในห้องศิลา เด็กน้อยชุดเขียวคนหนึ่งโถมเข้ามาหาหลิ่วหมิงอย่างรวดเร็ว
“นายท่าน…” มือน้อยขาวนุ่มทั้งสองข้างของเฟยเอ๋อร์กอดแขนของหลิ่วหมิงไว้พร้อมกับที่เสียงอ้อแอ้ตะโกนเรียก
“เฟยเอ๋อร์ ในที่สุดเจ้าก็ตื่นแล้วหรือ” หลิ่วหมิงมีสีหน้ายินดี เขาสะบัดมือส่งปราณดำสายหนึ่งยกเฟยเอ๋อร์ลอยขึ้นมา จากนั้นก็เพ่งสมาธิ
เทียบกับก่อนหน้านี้พลังเวทบนร่างเฟยเอ๋อร์ล้ำลึกขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงอยู่ที่ระดับผลึกขั้นปลาย ไม่ได้เข้าสู่ระดับแก่นเสมือนดังที่เขาคาดไว้
“ข้าตื่นตั้งแต่หนึ่งเดือนก่อนหน้านี้แล้ว แต่นายท่านกับเซียเอ๋อร์ล้วนไม่อยู่ เฟยเอ๋อร์อยู่ในถ้ำน่าเบื่อยิ่งนัก!” เฟยเอ๋อร์บิดร่างจนหลุดออกมาจากปราณสีดำ แล้วดึงชายเสื้อของหลิ่วหมิงขณะที่ปากบ่นงึมงำ
“ดูท่าคอขวดของระดับแก่นเสมือนจะไม่ได้ทะลวงผ่านง่ายดายเช่นนั้น หลังจากนี้ค่อยตามหาโอกาสใหม่นะ” หลิ่วหมิงลูบศีรษะของเฟยเอ๋อร์ ส่วนในใจลอบถอนหายใจ
“นายท่าน ต่อจากนี้ยังต้องไปทำภารกิจไหมขอรับ?” เด็กน้อยโคลงศีรษะเอ่ยถาม
“ไม่ผิด ข้ายังต้องสะสมแต้มคุณูปการอีกสักหน่อยถึงจะได้” หลิ่วหมิงเอ่ยขณะที่ก้าวเชื่องช้าไปหน้าโต๊ะศิลากลางโถงรับแขกของถ้ำที่พักแล้วนั่งลง
“ดีเลย ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปกับนายท่านด้วย อยู่ที่นี่คนเดียวน่าเบื่อเกินไปแล้ว” เฟยเอ๋อร์กระโดดโลดเต้นเอ่ยขึ้นข้างกายหลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงพยักหน้าพร้อมแย้มยิ้มน้อยๆ ในเมื่อเฟยเอ๋อร์ตื่นขึ้นมาแล้วเขาย่อมต้องพาไปข้างกาย ตอนล่าปีศาจพันมายาเซียเอ๋อร์ทำประโยชน์ให้เขาไม่น้อย ตอนนี้มีอสูรเลี้ยงสองตัวย่อมสะดวกกว่าเดิม
เขาตบมือข้างหนึ่งบนถุงหล่อเลี้ยงวิญญาณ เด็กน้อยพลันกลายเป็นแสงสีดำสายหนึ่งบินเข้าไปด้านใน
จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องลับ หลังจากนั่งขัดสมาธิลงบนเบาะกลมตรงกลางก็หยิบอาวุธจิตวิญญาณเก็บของของจั่วกงเฉวียนออกมา
เขาสำรวจแหวนเก็บของของปีศาจพันมายาคร่าวๆ ไปรอบหนึ่งแล้ว แต่ของจั่วกงเฉวียนเขายังไม่ทันสำรวจอย่างละเอียด
จั่วกงเฉวียนผู้นี้อย่างไรก็เป็นประมุขของนิกายแห่งหนึ่ง ทรัพย์สมบัติย่อมมากมายพอสมควร
หลิ่วหมิงคิดเช่นนี้ก็ส่งจิตสัมผัสสายหนึ่งแทรกเข้าไปในกำไลเก็บของของจั่วกงเฉวียน หลังจากกวาดผ่านไปครั้งหนึ่ง บนใบหน้าก็เผยสีหน้าตกตะลึงระคนยินดีทันที
หลังจากเขาสะบัดมือครั้งหนึ่ง บนพื้นของห้องลับก็มีของกองพะเนินปรากฏขึ้นมา
“ดอกฝูหลิง หญ้าบัวขาว เอื้องเงินยวง หินอุกกาบาตเหล็กศิลา ผลึกอำพัน…” ด้านในข้าวของกองพะเนินนั่นส่วนใหญ่เป็นหญ้าจิตวิญญาณและหินแร่จำนวนหนึ่ง ล้วนเป็นวัตถุจิตวิญญาณอันล้ำค่าอย่างยิ่ง
บนร่างหลิ่วหมิงไม่ขาดแคลนหินจิตวิญญาณ ครั้งนี้ได้วัตถุจิตวิญญาณล้ำค่ามากมายเช่นนี้มาย่อมสมใจเขายิ่งนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในนั้นยังมีวัตถุดิบเสริมหลายอย่างสำหรับการปรุงโอสถกระดูกมรกตนักรบพระโพธิสัตว์อีกด้วย เขาจึงไม่ต้องเปลืองเวลาไปตลาดหาซื้อแล้ว
หลังจากนั้นเขาก็หยิบแหวนหยกเก็บของของปีศาจพันมายาออกมา ลูบทีหนึ่งบนพื้นก็พลันมีของเพิ่มขึ้นมาอีกกองหนึ่ง
โอสถ หินแร่ อาวุธจิตวิญญาณที่ปีศาจพันมายาพกติดตัวล้วนเป็นวัตถุของสายปีศาจ ไม่มีประโยชน์กับหลิ่วหมิงนัก เขาต้องไปตลาดเพื่อขายค่อนครึ่งในนั้นออกไป
หลังจากเขาจำแนกประเภทข้าวของเหล่านี้แล้วก็ถอนหายใจยาว เอนตัวลงบนเตียงแล้วหลับลึก
วันต่อมาหลิ่วหมิงตื่นขึ้นมาอย่างกระปรี้กระเปร่า
เขาออกจากถ้ำที่พักไปตั้งแต่เช้าโดยไม่ชักช้า เท้าเหยียบเมฆดำก้อนหนึ่งเหาะไปยังหอลี้ลับ
หอลี้ลับนอกยังคงเป็นสถานที่ซึ่งครึกครื้นอย่างยิ่งในนิกาย ศิษย์สายนอกมากมายเบียดเสียดกันอยู่ที่นี่ จับจ้องป้ายประกาศลี้ลับอย่างไม่ละสายตา ทุกครั้งที่บนป้ายมีภารกิจปรากฏขึ้นภารกิจหนึ่งก็จะเกิดเสียงถกเถียงดังอื้ออึงขึ้นพักหนึ่ง บางครั้งมีการทะเลาะเบาะแว้งเพื่อภารกิจสักภารกิจก็เป็นเรื่องปกติ
หลิ่วหมิงมองภาพตรงหน้าแล้วในใจก็รู้สึกปลงอยู่บ้าง
แต่ชุดศิษย์สายในบนร่างเขาสะดุดตาเกินไป ดังนั้นเขาจึงไม่ได้หยุดดูนานแต่ก้าวเท้าเดินเข้าไปในค่ายกลเคลื่อนย้ายค่ายกลหนึ่งในห้องโถงด้านข้าง พร้อมกันนั้นบนใบหน้าก็มีปราณดำชั้นหนึ่งลอยออกมาบดบังใบหน้าไว้
หอในเทียบกับหอนอกแล้วเงียบกว่ามาก มีเพียงศิษย์สายในที่แต่งกายแตกต่างกันสิบกว่าคนเดินอยู่เบาบาง แต่ละคนล้วนเงยศีรษะมองภารกิจบนป้ายประกาศ ไม่มีใครเอ่ยปากคุยกัน
หลิ่วหมิงปะปนอยู่ในหมู่คนอย่างเงียบเชียบ ดวงตาจับจ้องภารกิจข้อแล้วข้อเล่าบนป้ายประกาศลี้ลับ
แต้มคุณูปการแสนกว่าแต้มที่เหลือนั่น เขาวางแผนว่าจะสะสมให้ได้เร็วที่สุดเพื่อที่จะเข้าไปในทางปีศาจร้ายให้ได้ไวที่สุด อย่างไรเวลาที่เหลืออยู่ก็มีจำกัด
สายตาของหลิ่วหมิงวนเวียนไปมาอยู่บนภารกิจที่ให้แต้มคุณูปการมาก จะว่าไปแล้วจำนวนครั้งที่เขามาเยือนหอลี้ลับก็ไม่นับว่ามากนัก แต่เขากลับคุ้นกับสภาพของหอลี้ลับพอสมควร
เมื่อพลังเพิ่มขึ้น ภารกิจเช่นการล่าปีศาจอสูรหรือตามหาวัตถุจิตวิญญาณบนป้ายประกาศของหอลี้ลับในก็แทบจะไม่มีอันตรายแต่อย่างใดกับเขาแล้ว เพียงแต่ภารกิจเหล่านี้ให้แต้มคุณูปการน้อยนิดเพียงไม่กี่ร้อยแต้มจนไปถึงหลักพันแต้มเท่านั้น เมื่อรวมการเดินทางไปกลับซึ่งระยะทางไม่นับว่าสั้น ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงถูกเขามองข้ามไปทันที
ภารกิจนอกเหนือจากนั้นที่สุ่มเสี่ยงจะอันตรายมากอย่างการค้นหาสมบัติในสถานที่อันตรายซึ่งตัดขาดจากโลกภายนอก หรือการค้นหาวัตถุดิบจากปีศาจอสูรระดับแก่นแท้ที่หายากบางชนิด มีค่าตอบแทนที่ค่อนข้างทำให้คนพอใจ
สายตาของหลิ่วหมิงกวาดไปบนภารกิจอันดับหนึ่งบนป้ายประกาศอย่างอดไม่อยู่ มันคือภารกิจตามหาลูกอ่อนของของราชสีห์ตะพาบเก้าหัวตัวหนึ่ง แต้มคุณูปการที่มอบให้เป็นรางวัลมากถึงเกือบหนึ่งล้านแต้ม ท้ายภารกิจยังมีอักษรตัวเล็กแถวหนึ่งบอกว่าให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องก็ได้แต้มคุณูปการหนึ่งแสนแต้มเช่นกัน
ภารกิจนี้หลิ่วหมิงเคยเห็นบนป้ายประกาศตอนมาที่นี่ครั้งหนึ่ง คนที่ประกาศคือผู้อาวุโสสูงสุดที่ปิดบังชื่อผู้หนึ่ง
แต่ภารกิจนี้ไม่อาจทำสำเร็จได้แน่นอน
หลิ่วหมิงเคยอ่านพบในตำรา ราชสีห์ตะพาบเก้าหัวเป็นทายาทของเผ่ามังกรยุคโบราณในตำนาน ในตัวมีเลือดมังกรเทพไหลเวียนอยู่ มังกรน้ำหรือมังกรดินที่เป็นปีศาจอสูรระดับสูงทั่วไปไม่อาจเทียบได้
หลังจากราชสีห์ตะพาบเก้าหัวโตเต็มวัย พลังจะทัดเทียมกับผู้ฝึกฝนระดับดาราพยากรณ์ นอกจากนี้ปีศาจอสูรชนิดนี้ไม่ปรากฏตัวบนแผ่นดินจงเทียนมาหลายพันปีแล้ว ถึงขนาดที่มีคนคาดเดาว่าราชสีห์ตะพาบเก้าหัวสูญพันธุ์ไปตั้งแต่ยุคโบราณแล้ว จะตามหาลูกอ่อนของมันย่อมเป็นเรื่องบ้าบอเพ้อฝันที่สุด
หลิ่วหมิงย่อมไม่เสียเวลากับภารกิจเช่นนี้ แต่ที่มาครั้งนี้ เขาก็มาเพื่อภารกิจที่ค่อนข้างอันตรายอยู่บ้างจริงๆ
หลังจากหลิ่วหมิงดูอยู่อีกพักหนึ่งก็หยิบป้ายที่เอวขึ้นมาแล้วยิงเคล็ดวิชาสายหนึ่งใส่ป้ายประกาศลี้ลับ ทันใดนั้นแสงแวววาวสายหนึ่งก็พุ่งเร็วรี่ลงมาจากตำแหน่งหนึ่งของกำแพงหยกของป้ายประกาศลี้ลับแล้วร่วงลงบนแผ่นป้าย
เขาเหวี่ยงแขนติดกันอีกสองครั้ง แสงแวววาวสองสายก็พุ่งหายวับร่วงลงมาอีก
การเคลื่อนไหวนี้ค่อนข้างสะดุดตา จึงดึงสายตาของคนทั้งหมดในหอลี้ลับมาทันที
หลิ่วหมิงเก็บป้ายไปอย่างสบายๆ แล้วเดินออกไปท่ามกลางสายตาของคนทั้งหมดอย่างไม่สนใจ
“คนผู้นี้คือใคร? ถึงกับรับภารกิจรวดเดียวสามภารกิจ?”
“ดูจากชุดบนร่างเขา เหมือนจะเป็นศิษย์ของยอดเขาลั่วโยว”
“เอ๋ ภารกิจที่คนผู้นั้นรับล้วนเป็นภารกิจที่แต้มคุณูปการสูง!” ไม่นานก็มีคนสังเกตรายการภารกิจที่หายไปจากประกาศลี้ลับของหอลี้ลับใน จากนั้นก็ตกตะลึงในทันที
ภารกิจทั้งสามที่หายไป หนึ่งในนั้นคือการสังหารปีศาจอสูรระดับแก่นแท้ชนิดหนึ่งเพื่อเก็บแก่นปีศาจสดใหม่ มีรางวัลให้ลูกละหนึ่งหมื่นห้าพันแต้มคุณูปการ
ศิษย์สายในรอบด้านฮือฮาในทันใด พวกเขาถกเถียงวิพากษ์วิจารณ์กันราวกับหม้อระเบิด ภารกิจเหล่านี้ที่หลิ่วหมิงรับไปล้วนไม่ใช่ภารกิจที่จะทำสำเร็จได้ง่ายๆ ส่วนใหญ่จะทำสำเร็จได้อย่างหวุดหวิดก็ต่อเมื่อร่วมมือกันหลายคนแล้วเตรียมการอย่างครบครัน แต่การรับภารกิจหลายภารกิจรวดเดียวเช่นนี้มักจะพะวงหน้าพะวงหลัง ตรงกันข้ามกลับจะได้ไม่คุ้มเสีย
“คนผู้นี้คือใคร? ยอดเขาลั่วโยวมีศิษย์สายในที่มีพลังเช่นนี้ หรือเขาจะเป็นหลิ่วหมิงในคำเล่าลือคนนั้น?” บุรุษผู้สวมหน้ากากผีร้ายคนหนึ่งพึมพำกับตนเองพักหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นอย่างอึ้งๆ
วันนี้ชื่อเสียงของหลิ่วหมิงในนิกายยอดบริสุทธิ์เรียกได้ว่าเป็นเช่นดวงตะวันยามเที่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากข่าวที่เขาเข้าสู่ระดับแก่นเสมือนกระจายออกไป ในชั่วเวลาหนึ่งไม่มีข่าวอื่นเทียบเคียงข่าวของเขาได้
อีกทั้งระยะนี้ยังมีข่าวลือว่าหลายปีนี้ที่หลิ่วหมิงหายตัวไป เขาไปรับภารกิจจากหอความเป็นความตายสายในจำนวนไม่น้อย สังหารผู้ฝึกฝนชั่วร้ายระดับแก่นแท้หลายคนติดๆ กัน
เวลานี้หลิ่วหมิงมีแนวโน้มว่าจะกลายเป็นศิษย์อันดับหนึ่งของสายในอยู่เลือนราง
ความวุ่นวายด้านในหอลี้ลับใน หลิ่วหมิงย่อมไม่รับรู้ เวลานี้เขานั่งเรือหยกจันทราตรงออกจากเขาหมื่นวิญญาณไปแล้ว
ภารกิจทั้งสามที่เขารับมา ภารกิจหนึ่งคือการล่าปีศาจอสูรระดับแก่นแท้ที่ชื่อว่าอสูรเพลิงมายา แล้วเอาแก่นปีศาจของมันมา อีกภารกิจหนึ่งคือการเก็บดอกภูตสวรรค์ห้าดอก และภารกิจสุดท้ายคือการรวบรวมมุกทานตะวันสมุทรระดับสูงหนึ่งร้อยเม็ด
สามภารกิจนี้ล้วนเป็นภารกิจที่ยากมากจึงอยู่บนป้ายประกาศของหอลี้ลับในมานานโดยไม่มีผู้ใดสนใจ
อสูรเพลิงมายาเป็นปีศาจอสูรประหลาดระดับสูงชนิดหนึ่ง มันอาศัยอยู่ในธารลาวาของภูเขาไฟเท่านั้น มันเกิดมาก็มีความสามารถในการควบคุมพลังปราณธาตุไฟ เมื่อโตเต็มวัย พลังจะบรรลุระดับแก่นแท้ขั้นต้น พลังแข็งแกร่งอย่างที่สุด นอกจากนี้เมื่อได้ปราณธาตุอัคคีไม่หมดไม่สิ้นในธารลาวาภูเขาไฟเสริมส่ง พลังของอสูรตัวนี้ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมากเป็นเท่าตัว ด้วยเหตุนี้หากคิดจะสังหารอสูรเพลิงมายาระดับแก่นแท้ขั้นต้นสักตัวจำต้องมีพลังสูงกว่าระดับแก่นแท้ขั้นกลางถึงจะเป็นไปได้
การเก็บดอกภูตสวรรค์ก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างตึงมือเช่นกัน
ทั้งแผ่นดินจงเทียนดอกภูตสวรรค์งอกอยู่แต่ในเทือกเขาศพมืดซึ่งมีกลิ่นอายความตายหนักหน่วงตลอดทั้งปีไม่เห็นแสงตะวันซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของแผ่นดินเท่านั้น เล่าลือกันว่าที่นั่นเป็นสนามรบของอสูรในยุคโบราณ ดังนั้นปราณหยินจึงหนาทึบอย่างที่สุด ภูตผีและปีศาจอสูรนานาชนิดกำเริบเสิบสาน เป็นสถานที่อันตรายอันลื่อชื่อบนแผ่นดินจงเทียน ผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้เมื่อเข้าไปด้านใน วิชาและพลังจะได้รับผลกระทบจากปราณหยิน หากจิตใจไม่เข้มแข็งนักอาจถึงขั้นสูญเสียสติสัมปชัญญะ ร่วงหล่นสู่วิถีแห่งภูตผีกลายเป็นผีร้าย
ส่วนมุกทานตะวันสมุทรซึ่งเป็นภารกิจสุดท้าย เป็นมุกชนิดหนึ่งที่ถือกำเนิดในร่างของแมงกะพรุนทานตะวัน แมงกะพรุนทานตะวันมีลักษณะคล้ายดอกทานตะวันยามบาน ตลอดทั้งปีอาศัยอยู่ในหมู่ปะการังก้นทะเลลึกหมื่นจั้งในเขตหนานไห่
พลังของปีศาจอสูรตัวนี้ไม่นับว่าสูงนัก หลังโตเต็มวัยปกติแล้วจะอยู่ในระดับของเหลวจิตวิญญาณขั้นกลางหรือปลายไปจนถึงระดับผลึกขั้นต้น แต่มันผสานร่างเป็นหนึ่งเดียวกับสภาพแวดล้อมรอบตัวได้จึงแกะรอยยากอย่างที่สุด และเมื่อสัมผัสถึงภัยคุกคามต่อชีวิต มันจะอ้าปากพ่นพิษและอสนีบาตออกมา เป็นปีศาจอสูรแมงกะพรุนประหลาดที่จัดการยากอย่างที่สุดชนิดหนึ่ง
เนื่องจากในร่างแมงกะพรุนทานตะวันที่โตเต็มวัยเท่านั้นถึงจะให้กำเนิดมุกทานตะวันสมุทรระดับสูงได้ การรวบรวมให้ได้หนึ่งร้อยเม็ดจึงเป็นเรื่องที่ยากเย็นอย่างที่สุด
ทว่าแม้ภารกิจเหล่านี้จะอันตราย แต่หลิ่วหมิงพิจารณาแล้วว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับตนเอง และสาเหตุสำคัญที่เขารับก็เพราะภารกิจทั้งสามนี้ล้วนระบุสถานที่ไว้ชัดเจน ไม่ต้องให้เขาใช้เวลาไปตามหาอีก