“ศิษย์พี่หลงช่วยด้วย…”
“ไม่…ข้าจะตายอยู่ในที่แบบนี้ได้อย่างไร…อ้าก…”
เสียงกรีดร้องของศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับสองคนดังตามกันออกมาจากด้านในหมอกดำพลุ่งพล่านที่อัดแน่นอยู่บริเวณสิบกว่าจั้งสองก้อนด้านข้างร่องลึกมหึมาบนพื้นดิน!
สีหน้าของหลงเซวียนซีดเผือด เขาไม่พูดพร่ำหมุนตัวกลายเป็นเงาแสงสีเขียวสายหนึ่งแหวกท้องฟ้าจากไปทันที
“คิดหนีหรือ?”
มนุษย์ปีศาจตุ่มหนองหัวเราะลั่น มือข้างหนึ่งคว้าอากาศ รอยแยกยาวหนึ่งจั้งกว่าเส้นหนึ่งฉับพลันปรากฏขึ้น จากนั้นเงาดำทั้งร่างก็มุดเข้าไปในรอยแยก
เวลาหนึ่งลมหายใจผ่านไป กลางอากาศห่างไปร้อยกว่าจั้งก็ปรากฏรอยแยกเช่นเดียวกันขึ้นมาเส้นหนึ่ง เงาคนสีดำร่างหนึ่งพุ่งออกมา มนุษย์ปีศาจที่หน้าเต็มไปด้วยตุ่มหนองคนนั้นนั่นเอง
ตอนนี้เขาขวางอยู่หน้าหลงเซวียนแล้ว
“เคลื่อนย้ายชั่วพริบตาหรือ?”
หลงเซวียนตะลึงไปทันที แต่เขาก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วโยนยันต์สีแดงหนาตั้งหนึ่งออกมา พร้อมกันนั้นก็ตบยันต์ที่ทอแสงสีขาวเรืองรองอีกแผ่นหนึ่งลงบนร่าง แล้วเปลี่ยนทิศทางพุ่งเร็วรี่ไปทางอื่นทันที
เสียงเปรี้ยงปร้างดังลอยมา!
ยันต์สีแดงทยอยกลายเป็นดอกบัวสีแดงดอกแล้วดอกเล่าจากนั้นคายมังกรเพลิงร้อนระอุตัวแล้วตัวเล่าออกมาจากด้านใน ราวกับมีทะเลดอกบัวสีแดงฉานผืนหนึ่งขวางอยู่หน้าร่างมนุษย์ปีศาจอัปลักษณ์
“รนหาที่ตาย”
มนุษย์ปีศาจอัปลักษณ์คำรามแผ่วเบาครั้งหนึ่ง หลังจากเพลิงสีดำลุกโชนทั่วร่างก็พัดดอกบัวสีแดงฉานรวมถึงมังกรเพลิงเต็มฟ้าให้ทยอยพังทลาย เมื่อเขาคว้าอากาศอีกครั้ง รอยแยกก็แหวกออกอีกหน เขามุดเข้าไปทันที
ทั้งสองคน คนหนึ่งไล่ตาม คนหนึ่งหนีเช่นนี้ ชั่วพริบตาก็หนีออกไปร้อยกว่าลี้
ระหว่างนั้นทุกครั้งที่มนุษย์ปีศาจผู้นี้จวนเจียนจะไล่ตามทันหลงเซวียน หลงเซวียนก็จะโยนยันต์จำนวนมากหรืออาวุธจิตวิญญาณที่ระเบิดตัวเองออกมาผสานกับวิชาท่าร่างประหลาด จนหลบพ้นไปได้อย่างหวุดหวิด
……
ในเทือกเขาที่สูงต่ำไม่เท่ากันแถบหนึ่ง เมฆดำก้อนหนึ่งลอยเอื่อยเฉื่อยอยู่ชิดกับหน้าผาฝั่งหนึ่ง บนเมฆดำมีเงาคนร่างหนึ่งยืนตัวตรงแน่ว เขาก็คือหลิ่วหมิงที่สวมชุดสีน้ำเงินทั้งร่างนั่นเอง
เวลานี้คิ้วบนใบหน้าของเขาขมวดเล็กน้อย สีหน้าเหมือนกำลังใคร่ครวญบางอย่าง
เนื่องจากเหตุไม่คาดฝันก่อนหน้านี้ทำให้เขาไม่อาจเร่งเดินทางมาถึงเขาศิลาดำที่จินเทียนชื่อพูดได้ในทันที
แต่เขาศิลาดำนั่นเป็นหนึ่งในสถานที่ค้นหาสมบัติไม่กี่แห่งที่กำหนดไว้ในการเดินทางครั้งนี้ของพวกเขา แล้วก็เป็นจุดที่ระบุในแผนที่ของนิกายว่าอาจมีสมบัติอยู่
ขอเพียงมีความเป็นไปได้สักเศษเสี้ยว หลิ่วหมิงก็ยังคิดจะไปรวมกลุ่มกับพวกจินเทียนชื่อก่อน
อย่างไรเศษซากของโลกบนแห่งนี้ก็อันตรายทุกย่างก้าว การค้นหาสมบัติตามลำพังด้วยพลังของคนเพียงคนเดียวเสี่ยงอันตรายเกินไปอยู่บ้าง ต่อให้เขาเตรียมตัวมาเดินทางลำพังจริงๆ แต่ก็ต้องรอหลังจากปรับตัวกับเศษซากของโลกบนแห่งนี้ได้อย่างสิ้นเชิงเสียก่อน
ขณะที่หลิ่วหมิงครุ่นคิดอยู่ในใจนั่นเอง ทันใดนั้นหัวคิ้วก็พลันขมวด สายตาเหล่มองไปยังขอบฟ้าจุดหนึ่ง แววตาประหลาดใจจางๆ แล่นผ่านในดวงตา ทันใดนั้นก้อนเมฆก็กดหัวร่อนลงไปบนเขาขนาดเล็กลูกหนึ่งข้างใต้ โฉบวูบดียวก็จมเข้าไปด้านใน
เขาเร้นกายเข้าไปในภูเขาได้ไม่นานนัก ลำแสงสีเขียวสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงขอบฟ้าไม่ไกลนัก มันพุ่งเร็วรี่ตรงมายังจุดที่หลิ่วหมิงอยู่
หลังจากสองตาของหลิ่วหมิงฉายแสงสีดำวูบหนึ่ง เขาก็มองเห็นใบหน้าของคนในลำแสงชัดเจน เขาตะลึงไปเล็กน้อยในทันที
เจ้าของลำแสงสายนี้ก็คือหลงเซวียนที่หนีตลอดทางมาจนถึงที่แห่งนี้
ห่างไปร้อยกว่าจั้งหลังร่างเขา ปราณดำพลุ่งพล่านอีกก้อนหนึ่งไล่ตามลำแสงมาติดๆ อย่างไม่ลดละ
เวลานี้หลงเซวียนแลดูค่อนข้างสะบักสะบอม ไม่เพียงหอบหายใจฮั่กๆ เหงื่อยังไหลอาบชุ่มแผ่นหลัง
ขณะที่หลิ่วหมิงกำลังรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่งนั่นเอง หลงเซวียนที่บินเข้ามาใกล้ก็เปลี่ยนทิศทางทันที เขาพุ่งอย่างรวดเร็วมาทางหลิ่วหมิงพร้อมกันนั้นก็ตะโกนเสียงดัง
“ยังจะรออะไร รีบลงมือช่วยข้าสิ!”
หลิ่วหมิงได้ยินก็ตกตะลึง ยังไม่ทันเข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอย่างไร ทันใดนั้นอากาศว่างเปล่าไม่ไกลด้านหลังหลงเซวียนก็มีเสียงเปรี๊ยะดังขึ้น รอยแยกยาวสองสามจั้งเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นจากนั้นเงาดำร่างหนึ่งก็พุ่งออกมา
มนุษย์ปีศาจตุ่มหนองผู้นั้นนั่นเอง สายตาเขากวาดผ่านยอดเขาที่หลิ่วหมิงอยู่ดั่งสายฟ้าฟาดจากนั้นก็หัวเราะเหี้ยมเกรียมเอ่ยขึ้นว่า
“อ้อ? มีผู้ช่วยซ่อนอยู่ที่นี่ด้วย ถ้าเช่นนั้นก็ตายไปด้วยกันเสียเถอะ!”
สิ้นเสียง มนุษย์ปีศาจผู้นี้เพียงสะบัดมือข้างหนึ่ง ไอปีศาจสีดำแถบใหญ่ก็ซัดออกมาด้านหน้าประหนึ่งคมดาบแหลมคม ยอดเขาขนาดหลายสิบจั้งถูกซัดจนแตกทลายเสียงดังกึกก้อง
เศษหินปลิวว่อน เงาร่างสีน้ำเงินร่างหนึ่งดีดตัวออกมาจากด้านใน
หลิ่วหมิงที่ซ่อนตัวอยู่ที่นี่นั่นเอง!
เวลานี้เมื่อหลงเซวียนเห็นว่าคนที่ซ่อนอยู่บนยอดเขาคือหลิ่วหมิงก็ตกใจยิ่งนัก ทว่าทันใดนั้นดวงตาก็ฉายแววชั่วร้าย เขาพลิกมือเรียกยันต์สีขาวแผ่นหนึ่งตบลงบนร่าง ความเร็วเพิ่มขึ้นกลายเป็นเงาสีเขียวสายหนึ่งพุ่งผ่านเหนือยอดเขาไปทันที
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ในใจย่อมโกรธจัด
หลงเซวียนผู้นี้ไม่รู้ใช้วิชาลับอันใด ไกลเช่นนี้กลับค้นพบจุดที่เขาซ่อนตัวอยู่แล้วใช้แผนชักน้ำมาตะวันออกนี่ได้
ไม่ทันรอให้หลิ่วหมิงเอ่ยปาก มนุษย์ปีศาจอัปลักษณ์ก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นสะบัดอีกครั้ง สายลมสีดำสองสายหอบพัดก่อตัวเป็นเป็นแหลนสีดำยาวสิบกว่าจั้งสองเล่มซึ่งผิวด้านนอกมีปราณดำเวียนวน พวกมันพุ่งเร็วรี่ดังหวีดหวิวเข้ามาใส่ทั้งสองคน
แม้ในใจหลิ่วหมิงหงุดหงิดยิ่งนัก แต่เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีประหลาดของ ‘ผู้ฝึกฝนสายปีศาจ’ ที่ดูทรงพลังคนนี้ เขาก็ได้แต่รีบร้อนรับมือ
ปราณดำรอบร่างเขาพลุ่งพล่าน แขนข้างหนึ่งต่อยออกไปด้านหน้าพร้อมเสียงพยัคฆ์คำรามแผ่วต่ำ หัวพยัคฆ์สีดำขนาดมหึมาหัวหนึ่งหลุดออกจากมือพุ่งเข้าประจันกับแหลนสีดำเล่มนั้นที่เคลื่อนเข้ามาหาตน
เวลานี้หลงเซวียนก็ฝืนบิดร่างกลางอากาศกะทันหัน สองมือประกบสิบนิ้วปล่อยอสรพิษวิญญาณยักษ์ที่มีเพลิงสีเขียวลุกโหมหุ้มอยู่ตัวหนึ่งเข้าประจันกับแหลนสีดำเล่มนั้นที่แทงเข้าใส่ตนดุจเดียวกัน
ผลปรากฏว่าภาพที่ทำให้หลิ่วหมิงตกตะลึงยิ่งนักปรากฏขึ้น!
เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นแผ่วเบาครั้งหนึ่ง
เมื่อหัวพยัคฆ์สีดำที่เขาปล่อยออกไปปะทะกับแหลนสีดำที่มีปราณดำวนเวียนเล่มนั้น แหลนกลับพุ่งตรงผ่านไปราวกับไม่มีสิ่งใดอยู่ ทว่าหัวพยัคฆ์สีดำที่แตะถูกปราณดำบนแหลนเพียงนิดเดียวกลับกร่อนทลายอย่างรวดเร็ว!
หลังจากแหลนสีดำโจมตีหัวพยัคฆ์สีดำทลายไปก็ยังคงพุ่งเร็วรี่เข้าใส่เขาต่อด้วยความเร็วที่ไม่ลดลง!
“ไอปีศาจแท้หรือ? นี่มันมนุษย์ปีศาจ!” หลิ่วหมิงหลุดปากออกมาในทันใด เขาไม่คิดสักนิดตบหัวไหล่ทันที แสงสีน้ำเงินแถบหนึ่งส่องสว่างออกมาจากใต้เสื้อ เงาวัวสีน้ำเงินประหนึ่งมีชีวิตร่างหนึ่งลอยออกมาทันที
เงาของภาพสัญลักษณ์ตัวนี้ปรากฏตัวขึ้นปุ๊บก็อ้าปากกว้างส่งพายุหมุนสีน้ำเงินลูกหนึ่งออกมาทันที
เสียง “ปัง” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง!
แหลนสีดำถูกพายุหมุนเป่าครั้งเดียวพลันกลับกลายเป็นไอปีศาจสีดำสายแล้วสายเล่าพังทลายลง จากนั้นก็ถูกเงาวัวสีน้ำเงินสูดเข้าไปในคำเดียว
อีกด้านหนึ่งอสรพิษสีเขียวตัวนั้นที่หลงเซวียนปล่อยออกมา เพียงชั่วลมหายใจเดียวก็ถูกแหลนสีดำโจมตีทลายสลาย แต่เขากลับทิ้งร่างลงเหมือนคาดเอาไว้อยู่ก่อนแล้วจึงหลบพ้นแหลนสีดำอีกเล่มหนึ่งไปได้อย่างหวุดหวิด
“เอ๋ น่าสนใจ!”
มนุษย์ปีศาจอัปลักษณ์สองตาเป็นประกาย เขาจ้องหลิ่วหมิงเขม็งอยู่ชั่วครู่ คล้ายกับว่าสนใจภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนยิ่งนัก
หลิ่วหมิงเผชิญหน้ากับมนุษย์ปีศาจตรงหน้าย่อมไม่กล้าดูแคลน เขาเก็บเงาวัวสีน้ำเงินกลับมาที่หัวไหล่ พร้อมกันนั้นก็มองอีกฝ่ายนิ่งด้วยสายตาเย็นชาเช่นกัน
หลงเซวียนลอยสูงอยู่บนท้องฟ้า เส้นผมสีเขียวมีหมู่เขาด้านหลังขับเน้นจึงสะดุดตายิ่งนัก ทว่าทันใดนั้นเขาก็หัวเราะอย่างมีเลศนัยใส่หลิ่วหมิงที่อยู่ด้านล่าง แล้วตบยันต์สีขาวขมุกขมัวแผ่นหนึ่งลงบนร่างอีกครั้ง เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นครั้งหนึ่งเขาก็กลายเป็นเงาร่างสายหนึ่งแหวกท้องฟ้าจากไป เขาพุ่งออกไปสามสี่สิบจั้งภายใต้แสงสีขาวที่ห้อมล้อม พร่าเลือนอีกวูบหนึ่งก็กลายเป็นจุดสีเขียวจุดหนึ่งหายลับไปไกล
“จิ๊ๆ ดูท่าสหายของเจ้าจะทิ้งเจ้าไปแล้ว! ให้เจ้าหนูคนนั้นหนีไปก่อนก็แล้วกัน อย่างไรข้าก็จดจำไอปีศาจบนร่างเขาได้แล้ว ไม่มีทางหนีพ้นไปได้จริงๆ หรอก! เจ้ากลับน่าสนใจกว่าอยู่บ้าง ว่าอย่างไร หากยินดีสวามิภักดิ์ ข้าไว้ชีวิตเจ้าสักครั้งก็ได้นะ?” มนุษย์ปีศาจอัปลักษณ์เห็นสถานการณ์เช่นนี้กลับไม่โกรธแต่ยินดี เขาหัวเราะเสียงประหลาดใส่หลิ่วหมิง
หลิ่วหมิงฟังด้วยสีหน้าราบเรียบประหนึ่งไม่สะเทือนใจกับการหนีไปของหลงเซวียนแม้แต่น้อย เขาเพียงมองสำรวจ ‘มนุษย์ปีศาจ’ ในตำนานคนนี้ตรงหน้าจากหัวจรดเท้าไม่หยุด
อีกฝ่ายสูงเท่าคนธรรมดา แต่เมื่อเทียบสัดส่วนแล้วมือเท้าเรียวยาวกว่าอยู่บ้าง ทั้งร่างถูกไอปีศาจสีดำล้อมรอบ เห็นลวดลายจิตวิญญาณสีเทาขนาบดำแถบแล้วแถบเล่าบนร่างชัดเจน ในดวงตาสีเขียวหยกทั้งสองข้างฉายแววโหดเหี้ยมออกมาเลือนราง
“เหอะ เจ้าเด็กรุ่นหลังเผ่ามนุษย์ ดูท่าทางจะตัดสินใจรนหาที่ตายเองแล้ว! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็คงได้แต่ส่งเจ้าไปโลกหน้าก่อนเวลา!”
มนุษย์ปีศาจอัปลักษณ์เห็นหลิ่วหมิงมองตนเองประหนึ่งสำรวจสิ่งของไร้ชีวิตชิ้นหนึ่ง ทว่าไม่ตอบคำถามเขาแม้แต่น้อยก็โกรธจัดขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ หลังจากตวาดโกรธเกรี้ยวประโยคหนึ่ง มือข้างหนึ่งก็คว้าไปยังพื้นที่ว่างตรงหน้าทันที
เสียง “ฉึบ” ดังขึ้น!
รอยแยกแคบยาวเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ เงาดำของมนุษย์ปีศาจอัปลักษณ์แทรกเข้าไปในรอยแยกแล้วก็หายไปเช่นนี้
ในดวงตาของหลิ่วหมิงฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย แขนเสื้อสะบัดครั้งหนึ่ง มุกพลังวารีสีดำขมุกขมัวสองเม็ดพลันร่วงลงในมือ พร้อมกันนั้นปราณดำทั่วร่างก็ถาโถมออกมากลบทั้งร่างของเขาเข้าไป
เวลานี้เองอากาศว่างเปล่าด้านหลังร่างเขาพลันปรากฏรอยแยกเส้นหนึ่งอย่างเงียบเชียบ เงาดำร่างหนึ่งพุ่งออกมา สองมือกลายเป็นกรงเล็บสีดำยาวหนึ่งฉื่อกว่าตะปบเข้าใส่แผ่นหลังของหลิ่วหมิง
ร่างกายของหลิ่วหมิงส่ายไหวพร่าเลือนไปวูบหนึ่ง จากนั้นด้านข้างก็มีเงาจางๆ อีกร่างหนึ่งเพิ่มขึ้นมา
เสียง “ฟึบ” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง
“หลิ่วหมิง” ร่างเดิมถูกกรงเล็บสีดำทะลุผ่านกลายเป็นละอองแสงสีดำจุดแล้วจุดเล่าแตกสลายไปในพริบตา
เงาที่จำแลงออกมาด้านข้างกลับก่อตัวกลายเป็นหลิ่วหมิงตัวจริงใหม่อีกครั้ง ทั้งเขายังตะโกนดั่งลั่น สองมือถูกันครั้งหนึ่งให้มุกพลังวารีสองลูกผสานจากสองกลายเป็นหนึ่ง จากนั้นต่อยหนึ่งหมัดหนักหน่วงออกมาทั้งที่ยังกำไว้
เสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง
ระหว่างทางสายลมรุนแรงจากหมัดก็กลับกลายเป็นเงาหัวพยัคฆ์สีดำที่ดูราวกับมีชีวิตหัวหนึ่ง พุ่งไปยังด้านหลังของมนุษย์ปีศาจ
มนุษย์ปีศาจอัปลักษณ์สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในช่วงเวลาที่ฉุกละหุกได้แต่บังคับเพลิงมารที่ปกป้องร่างอยู่ให้เคลื่อนไปตรงช่วงเอวพยายามจะป้องกัน แต่กลับสายไปแล้ว
เสียง “ปึก” หนักหน่วงดังขึ้นครั้งหนึ่ง!
เพลิงมารที่ปกป้องร่างมนุษย์ปีศาจอัปลักษณ์ถูกแรงมหาศาลสายหนึ่งกระแทกอย่างแรงจนกระจาย ร่างกายปลิวถอยออกไปประหนึ่งกระสอบผ้าในพริบตา
หลิ่วหมิงไม่หยุดชะงักแม้แต่น้อย ร่างกายขยับไหวครั้งหนึ่งก็กลายเป็นเงาร่างหนึ่งบินโถมออกไป
มนุษย์ปีศาจอัปลักษณ์ผู้นั้นเห็นชัดว่ามีประสบการณ์การต่อสู้มากมายยิ่งนัก เมื่อเห็นหลิ่วหมิงไล่ตามมาเขากลับไม่ลนลานแม้แต่น้อย ออกแรงบิดร่างเพียงครั้งเดียว ไอปีศาจทั่วร่างพลันทะลักออกมา ร่างกายหยุดกะทันหันทั้งที่กำลังจะเหาะออกไป แล้วฉวยจังหวะนี้คำรามแผ่วเบาพร้อมกับขยับแขนครั้งหนึ่ง ห้านิ้วรวมเข้าด้วยกัน เงาฝ่ามือยักษ์สีดำขมุกขมัวใหญ่หนึ่งจั้งกว่าข้างหนึ่งตบเข้าใส่หลิ่วหมิงที่กำลังพุ่งไล่ตามมา
หลิ่วหมิงที่ร่างกายอยู่กลางท้องฟ้าเหมือนจะคิดไม่ถึงว่าในสถานการณ์เสียเปรียบเช่นนี้มนุษย์ปีศาจผู้นี้จะยังคงตอบโต้ได้อย่างเฉียบไวเช่นนี้ เขาได้แต่ไขว้สองแขนขวางไว้หน้าร่าง