หลิ่วหมิงรีบถอยออกไปหลายก้าวอย่างพรั่นพรึง ความรู้สึกเจ็บปวดและอาการอึดอัดทั้งร่างมลายหายไปในทันใด เมื่อร่างกายผ่อนคลายลง สิ่งที่มาแทนที่ก็คือยันต์จิตวิญญาณปีศาจแผ่นนั้นในทะเลจิตวิญญาณซึ่งสั่นไหวอย่างรุนแรงอีกครั้ง ทำให้หลิ่วหมิงรู้สึกเหมือนว่าจะกดไว้ไม่ได้อีกต่อไป
ในเวลาเดียวกันนี้เสียงบึ๊มหลายครั้งก็ดังขึ้นจากฝั่งตรงข้าม!
เศษเลือดเนื้อสีเทาดำชิ้นแล้วชิ้นเล่าร่วงกระจัดกระจายออกมาจากหมอกสีเทาหนาทึบกลางท้องฟ้าตกลงมาเกลื่อนพื้นดิน กลิ่นเหม็นคาวที่ชวนให้คนอยากอาเจียนตลบอบอวลในอากาศ
เมื่อครู่มนุษย์ปีศาจเหล่านั้นระเบิดตนเองกันหมดจริงๆ
ขณะที่หลิ่วหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปมาไม่หยุดอยู่นั่นเอง เสียงครางก็ดังออกมาจากปากของหญิงสาวผู้สวมชุดนางใน ขนตายาวกระพือไหว ดวงเนตรงามลืมขึ้นอีกครั้ง
นางกวาดสายตามองหลิ่วหมิงที่อยู่ไม่ไกล ใบหน้าไม่มีสีหน้าใดแม้แต่นิด แล้วใช้มือข้างหนึ่งยันร่างลุกขึ้นนั่ง ล้วงโอสถสีแดงสดสองเม็ดออกมากลืนลงไปอย่างเร็วไว หลังจากนั้นมือข้างหนึ่งจึงตั้งท่าเคล็ดวิชาเริ่มกระตุ้นฤทธิ์ยาอย่างรวดเร็ว
สตรีนางนี้ได้รับบาดเจ็บจนสีหน้าซีดเผือด แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดตรงกลางหว่างคิ้วจึงมีปราณสีดำชั้นหนึ่งทอแสงออกมา ทว่านางยังคงเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ท่าทางเหมือนกีดกันคนไม่ให้เข้าใกล้
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็หัวเราะฝืดๆ อย่างห้ามไม่ได้
สตรีนางนี้ตั้งแต่ต้นจนจบไม่หันไปมองเลือดเนื้อที่ร่วงกระจัดกระจายของมนุษย์ปีศาจเหล่านั้นเลยสักครั้ง แต่กลับรักษาอาการบาดเจ็บต่อหน้าสิ่งเหล่านั้นอย่างไม่ใส่ใจ ไม่รู้ว่าเป็นคนไม่ใส่ใจหรือว่ามั่นใจในฝีมือจึงไม่กลัว แต่ก็ทำให้เขาอดนับถือไม่ได้อยู่บ้าง
จะว่าไปแล้วนับตั้งแต่พบหญิงสาวเผ่าปีศาจผู้นี้ ไม่ว่ายามสนทนาปกติหรือเผชิญหน้าศัตรูที่แข็งแกร่งนางก็ล้วนท่าทางเย็นชานิ่งเฉยดุจภูเขาน้ำแข็งมาตลอด แม้ใบหน้างามล้ำเลิศจะเสริมส่งจนมีเสน่ห์อย่างประหลาดอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับความงามเย้ายวนยามใช้วิชามายากลับแตกต่างราวกับเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง
หากไม่ใช่เพราะเขาเห็นมาเองกับตา เขาไม่มีทางเชื่อว่านี่เป็นคนเดียวกันเด็ดขาด
เพียงแต่เวลานี้ชั้นจำกัดที่สตรีผู้นี้ฝังไว้ในร่างตนยังไม่คลายออก เห็นชัดว่าตนไม่อาจออกไปจากที่แห่งนี้ได้!
หลิ่วหมิงขบคิดในใจดั่งสายฟ้าแลบ มือข้างหนึ่งคลำบนฝักกระบี่ที่ซ่อนอยู่ข้างเอว แววตาที่มองไปยังหญิงสาวมีจิตสังหารเล็กน้อยปรากฏออกมา
หญิงสาวผู้สวมชุดนางในคล้ายสัมผัสได้ถึงจิตสังหารจากร่างหลิ่วหมิง คิ้วดำจึงเลิกขึ้นเล็กน้อย สายตาทอประกายเย็นเยียบมองมาเช่นเดียวกัน
หลิ่วหมิงหรี่ตาลง ขณะที่เขากำลังคิดจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง
ในไอหมอกอีกด้านหนึ่งก็พลันมีเสียงกรีดร้องประหลาดดังออกมา!
หลิ่วหมิงตกตะลึงเงยหน้ามองทันที จากนั้นก็หน้าถอดสีอย่างห้ามไม่ได้
ไอหมอกสีเทาเขียวหนาทึบกลุ่มนั้นกลางท้องฟ้าฉับพลันปั่นป่วนอย่างรุนแรง ก่อนจะรวมตัวเข้าไปตรงกลางแล้วหดเล็กลงทุกที พริบตาเดียวจากขนาดสิบกว่าจั้งมันก็หดลงจนเหลือเส้นผ่านศูนย์กลางเพียงสองถึงสามจั้งเท่านั้น
ทันใดนั้นเลือดเนื้อสีเทาดำของมนุษย์ปีศาจที่เดิมร่วงกระจัดกระจายอยู่บนพื้นก็ขยับขยุกขยิกลอยขึ้นมาประหนึ่งกลับมามีชีวิต แล้วพากันลอยขึ้นฟ้ามุ่งไปรวมตัวกับไอหมอกสีเทาเขียวที่หดเล็กลงด้านบนอย่างรวดเร็ว
ขณะที่เลือดเนื้อของมนุษย์ปีศาจเข้าไปรวมตัวกัน ด้านในไอหมอกก็มีเสียงระเบิดดังเปรี้ยงปร้างดังออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า
หลิ่วหมิงกวาดจิตสัมผัสเพียงครั้งเดียวก็สัมผัสได้เลือนรางว่าท่ามกลางไอหมอกสีเขียวกลุ่มนี้กลางท้องฟ้า เลือดเนื้อของมนุษย์ปีศาจรวมตัวกันเป็นก้อนเนื้อขนาดหนึ่งจั้งกว่าแล้ว นอกจากนี้ยังรวมตัวกันแล้วขยายใหญ่ไม่หยุด กลิ่นอายประหลาดที่แผ่ออกมาพร้อมกันก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
“เสแสร้ง”
หญิงสาวผู้สวมชุดนางในลุกขึ้นยืนทันที นางตบเข้าใส่ไอหมอกกลางท้องฟ้าอย่างไม่ลังเลสักนิด
เสียงฟุบดังขึ้นครั้งหนึ่ง
พลังมหาศาลล่องหนสายหนึ่งฉับพลันซัดออกไป เม็ดทรายปลิวฟุ้งก้อนหินปลิวกระเด็น ทว่าเมื่อมันสัมผัสถูกไอหมอกกลับประหนึ่งตุ๊กตาวัวโคลนจมลงในทะเลไม่ส่งเสียงออกมาแต่อย่างใด
ภาพประหลาดเช่นนี้ทำให้หญิงสาวตกตะลึง บนใบหน้าปรากฏสีหน้าเคร่งเครียดออกมาเป็นครั้งแรก
เวลาเดียวกันนี้ด้านในไอหมอกพลันมีเสียงทุ้มต่ำของหัวหน้ามนุษย์ปีศาจคนนั้นดังออกมา
“หึๆ ไม่เสียทีที่เป็นปีศาจจิ้งจอกเก้าหาง ฟื้นตัวเร็วทีเดียว แต่ถึงโอสถหยกโลหิตนั่นจะมีฤทธิ์ไม่ธรรมดา แต่บนร่างเจ้าต้องพิษลับของเผ่ามารเราแล้ว ชั่วครู่ชั่วยามใช้พลังเวทไม่ได้สักเท่าไรหรอก!”
“ดูท่าชั้นจำกัดที่ฝังไว้ในร่างพวกเจ้าจะถูกทำลายเสียแล้ว เจ้าก็คงไม่ใช่มนุษย์ปีศาจธรรมดาเช่นกันกระมัง?” หญิงสาวผู้สวมชุดนางในยกแขนกลมกลึงขึ้นกวักเบาๆ คว้าอาภรณ์สีแดงที่ลอยละล่องอยู่ไม่ไกลกลับมาไว้ในมือ พร้อมกันนั้นนางก็จ้องก้อนเนื้อที่ขยับขยุกขยิกไม่หยุดอยู่กลางไอหมอกแล้วเอ่ยถามขึ้นทีละคำ
“เหอะ ข้าคือผู้ใด เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ แต่ในเมื่อเจ้าบีบข้าจนต้องใช้วิชานี้ ถ้าเช่นนั้นข้าไม่ตายย่อมไม่เลิกรา” เสียงจากในก้อนเนื้อเย็นยะเยือกยิ่งนัก
สิ้นเสียง กลิ่นเหม็นคาวชวนอาเจียนกับไอปีศาจท่วมท้นก็แผ่ออกมาจากหมอกหนาทึบสีเขียวเทาซัดสาดไปสี่ด้านแปดทิศพร้อมกัน
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขากดยันต์เผ่าปีศาจที่ดิ้นรนจะขยับในร่างไปพลางก็สังเกตก้อนเนื้อในไอหมอกไม่หยุดไปด้วย สีหน้าเคร่งขรึมอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน
ในเวลาเพียงชั่วครู่ก้อนเนื้อในไอหมอกก็มีขนาดถึงสองจั้งแล้ว นอกจากนี้ยังมีเค้าโครงสองแขนสองขาและศีรษะ กลายเป็นรูปร่างของมนุษย์แล้วอีกด้วย
“ไม่ตายไม่เลิกรา แต่แค่อย่างเจ้าน่ะรึ?” หญิงสาวผู้สวมชุดนางในหัวเราะหยัน
“ไม่ผิด อย่างข้านี่แหละ!”
เสียงบึ๊มดังสนั่นขึ้นครั้งหนึ่ง หมอกหนาทึบสีเทาเขียวทั้งหมดกระจายออกไปในทันใด เผยให้เห็นร่างของมนุษย์ปีศาจหน้าตาดุร้ายสูงสองจั้งคนหนึ่งด้านใน
หน้าตาของมนุษย์ปีศาจผู้นี้เหมือนกับหัวหน้ามนุษย์ปีศาจคนก่อนทุกประการ เพียงแต่รูปร่างใหญ่โตกว่าหลายเท่าและปราณบนร่างเพิ่มพูนขึ้นมหาศาลยิ่งกว่าเดิมในพริบตา ทะลุเกินระดับแก่นแท้ขั้นปลายไปแล้ว!
หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็สูดลมหายใจดังเฮือก ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง
“ระดับดาราพยากรณ์หรือ เป็นไปไม่ได้ หากเจ้ามีพลังระดับนี้จะเข้ามายังที่แห่งนี้ได้อย่างไร” หญิงสาวผู้สวมชุดนางใจก็ตกตะลึงไม่น้อยเช่นเดียวกัน
“ฮ่ะๆ ด้วยพลังของข้า เดิมทีข้าไม่อาจเข้ามายังที่แห่งนี้โดยตรงได้ แต่หากแยกทั้งหมดเป็นส่วนย่อยเล่า?” มนุษย์ปีศาจคนใหม่หัวเราะเอ่ยขึ้นมา ใบหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง
“ที่แท้พวกเขาเหล่านั้นล้วนเป็นร่างแยกของเจ้าเท่านั้น ข้าก็ว่าแล้วว่าเหตุใดปราณและระดับพลังล้วนใกล้เคียงกันเช่นนั้น แต่ก่อนหน้านี้เจ้าเสียร่างแยกไปร่างหนึ่ง แล้วยามนี้ยังระเบิดตนเองอย่างไม่เสียดายเพื่อทำลายชั้นจำกัดของข้า พลังคงเสียหายไปไม่น้อยกระมัง! ยิ่งไปกว่านั้นดินแดนแห่งนี้รองรับตัวตนระดับดาราพยากรณ์ไม่ได้ แม้เจ้ากลับคืนร่างจริงก็เกรงว่าคงจะต้องถูกพลังแห่งกฎของโลกใบนี้ย้อนกลับมาทำร้าย ไม่อาจคงพลังระดับดาราพยากรณ์อยู่ได้นานนักหรอก” หลังจากหญิงสาวผู้สวมชุดนางในสีหน้าเปลี่ยนไปมาหลายครั้งก็เอ่ยออกมาด้วยสีหน้าย่ำแย่
“เจ้าพูดได้ไม่ผิด ร่างจริงของข้าคงอยู่บนดินแดนแห่งนี้ได้ไม่นานจริงๆ ดังนั้นข้าจึงไม่คิดจะพูดไร้สาระอันใดต่อ ชั้นจำกัดของที่แห่งนี้ถูกทำลายไปประมาณหนึ่งแล้ว ชีวิตน้อยๆ ของพวกเจ้าทั้งสองคน ข้าขอรับไว้เลยก็แล้วกัน” มนุษย์ปีศาจคนใหม่หัวเราะลั่นอย่างโหดเหี้ยม แขนข้างหนึ่งงอแล้วยืดออกอย่างเร็วไว ไอปีศาจพวยพุ่งออกมาหมุนวนกลางท้องฟ้าแล้วก่อตัวเป็นเงากรงเล็บมารขนาดยักษ์สีดำขมุกขมัวประหนึ่งมีชีวิตขนาดสิบกว่าจั้งข้างหนึ่ง บนผิวของมันมีไอปีศาจสีเทาเขียวดุจอสรพิษเส้นแล้วเส้นเล่าเวียนวนไม่หยุด พลังน่าตะลึงอย่างที่สุด
“ข้าจะช่วยเจ้าคลายชั้นจำกัดชั่วคราว เจ้าพาข้าหนีไปก่อน ถ่วงเวลาไว้สักพัก รอข้าทุ่มกำลังสะกดพิษในร่างได้แล้วเราค่อยร่วมมือกันรับมือศัตรู!” หญิงสาวผู้สวมชุดนางในเป็นคนเด็ดขาดยิ่งนัก แทบจะในพริบตาที่มนุษย์ปีศาจฝั่งตรงข้ามลงมือ ร่างกายนางก็ขยับมาปรากฏข้างหลิ่วหมิงทันที ขณะที่ปากเอ่ยอย่างรวดเร็ว มือก็ดีดแสงแวววาวสีขาวเส้นหนึ่งทะลวงเข้ามาในร่างของเขาพร้อมกัน
พริบตาที่แสงสีขาวเข้ามาในร่างของหลิ่วหมิง เขาก็รู้สึกว่าร่างกายผ่อนคลายลงในทันใด ปราณปีศาจที่เดิมทีทะลวงไปทั่วกลับไปอยู่ในยันต์จิตวิญญาณปีศาจแผ่นนั้น ในที่สุดทะเลจิตวิญญาณก็สงบลง เขาทั้งตกตะลึงและยินดี ตบอสูรสมุทรแปดขาตรงหน้าอกครั้งหนึ่งอย่างไม่ลังเลอีกต่อไป ปีกเนื้อสีเงินแวววาวคู่หนึ่งงอกออกมาจากแผ่นหลัง
เสียงฟึ่บดังขึ้นครั้งหนึ่ง
ปีกเนื้อสีเงินกระพือเพียงครั้งเดียว หลิ่วหมิงก็อุ้มหญิงสาวผู้สวมชุดนางในขึ้นมาแล้วกลายเป็นลำแสงสีเงินเส้นหนึ่งพุ่งเร็วรี่ผ่านทางเดินด้านหลังที่พวกเขาเข้ามา
เขารู้ชัดยิ่งว่าในเมื่อมนุษย์ปีศาจระดับดาราพยากรณ์เผยร่างจริงออกมาแล้ว เขาก็มีแต่ต้องร่วมมือกับหญิงสาวเผ่าปีศาจเท่านั้น
เสียงเปรี้ยงดังขึ้นครั้งหนึ่ง!
กรงเล็บมารสีดำมหึมาแทบจะร่วงเฉียดแผ่นหลังของเงาสีดำสลับเงินไป แต่มันก็ตบเข้าใส่ความว่างเปล่า กระแทกลงบนพื้นดินตรงจุดที่หลิ่วหมิงกับหญิงสาวผู้สวมชุดนางในเคยอยู่
ทันใดนั้นพายุหมุนปราณสีดำลูกหนึ่งก็พัดขึ้นมาพร้อมกับหินที่ปลิวกระเด็นนับไม่ถ้วน
ปราณสีดำสลายไปอย่างรวดเร็ว บนพื้นดินมีรอยกรงเล็บขนาดมหึมาลึกหลายจั้งรอยหนึ่งปรากฏขึ้นเด่นชัด
นับตั้งแต่หญิงสาวผู้สวมชุดนางในเอ่ยปากจนกระทั่งหลิ่วหมิงใช้วิชาเกราะอสูรอุ้มสตรีนางนี้หลบหนี จนถึงตอนที่กรงเล็บมารร่วงลงมา ตั้งแต่ต้นจนจบเป็นเวลาเพียงสองลมหายใจ เรียกได้ว่าเร็วดุจสายฟ้าแลบ
“จิ๊ๆ ปฏิกิริยาตอบสนองไวเอาเรื่อง! ข้าก็อยากดูสิว่าพวกเจ้าจะหนีไปได้ถึงไหน!”
มนุษย์ปีศาจที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้นมาใหม่คิดไม่ถึงว่าหลิ่วหมิงผู้มีพลังระดับแก่นเสมือนกระจอกๆ จะมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วเช่นนี้ หลังจากเขาคำรามเสียงทุ้มต่ำประโยคหนึ่งก็กลายร่างเป็นเงามารสีเทาเขียวก้อนหนึ่งพุ่งดิ่งลงมาแล้วไล่ตามหลิ่วหมิงไปติดๆ
หลิ่วหมิงในเวลานี้พุ่งหนีไปตามทางด้านหน้าอย่างสุดกำลัง เพราะในอ้อมแขนอุ้มเรือนร่างบอบบางที่อ่อนยวบราวกับไร้กระดูกไว้ ยามหายใจกลิ่นหอมชื่นใจที่หอมยิ่งนักจึงโถมเข้ามาในจมูกชวนให้ใจคนวอกแวก
ทว่าหลิ่วหมิงกลับกระตุ้นพลังเวทในร่างอย่างบ้าคลั่งด้วยสีหน้าเรียบเฉยแล้วกรอกเข้าไปในปีกทั้งสองข้างบนแผ่นหลังอย่างสุดชีวิต ทั้งร่างกลายเป็นแสงสีเงินเส้นหนึ่งโดยสมบูรณ์
หญิงสาวผู้สวมชุดนางในกลับคิดไม่ถึงว่าหลิ่วหมิงจะอุ้มตนเองไว้ในอ้อมแขน รอจนนางได้สติคืนมาก็พบว่าทัศนียภาพรอบด้านพุ่งถอยหลังอย่างรวดเร็ว และครึ่งค่อนร่างของตนก็อิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของอีกฝ่าย
สตรีนางนี้สัมผัสได้ถึงไออุ่นที่ส่งผ่านมาจากร่างกายแข็งแกร่งของอีกฝ่าย แก้มสองข้างแดงปลั่งอย่างห้ามไม่อยู่ ขับเน้นให้ดวงหน้าที่เดิมก็งามล้ำอยู่แล้วยิ่งเย้ายวนคนขึ้นไปอีก
ต้องรู้ว่าแม้แต่บนแผ่นดินหมานฮวงเองสายเลือดปีศาจจิ้งจอกเก้าหางที่นางครอบครองอยู่ก็มีประวัติความเป็นมาอันยิ่งใหญ่ เมื่อรวมกับที่นางมีชาติกำเนิดมาจากกลุ่มอำนาจขนาดใหญ่ที่มีน้อยจนนับนิ้วได้ อีกทั้งตั้งแต่เกิดก็เป็นคนงาม หน้าตาสะกดผู้คน ที่แผ่นดินหมานฮวงจึงมีผู้คนชื่นชมนับไม่ถ้วน ในหมู่พวกเขาเหล่านั้นมีคนไม่น้อยฐานะและระดับพลังสูงส่ง แต่เนื่องจากสาเหตุทางตระกูลจึงไม่เคยมีคนต่างเพศคนใดได้ใกล้ชิดแนบเนื้อเช่นนี้
ตอนนี้นางเข้ามาในเศษซากของดินแดนต่างโลกแห่งนี้เพียงลำพัง เพราะไม่รอบคอบจึงได้รับบาดเจ็บแล้วยังต้องพิษร้ายของมนุษย์ปีศาจ ต่อให้มีใจจะสู้ร่างกายก็ไม่ไหว แต่ผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์คนนี้กลับตัดสินใจเด็ดขาดฉับไวพาตนเองหนีมาด้วยกัน ทำให้ในใจนางเกิดความรู้สึกประหลาดน้อยนิดแล่นผ่านอย่างห้ามไม่อยู่
ความรู้สึกเช่นนี้ห่างไกลจากตัวนางยิ่งนัก คล้ายกับว่ายามที่นางถูกท่านปู่อุ้มไว้ตอนยังเล็กก็เคยทำให้นางรู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาเนิ่นนานเช่นนี้
ทว่าความรู้สึกประหลาดนี้ถูกหญิงสาวฝืนกดลงไปอย่างรวดเร็วยิ่ง ความหยิ่งทะนงที่มีมาแต่กำเนิด การเป็นปีศาจชั้นสูงและการเติบโตมาท่ามกลางสายตาของผู้คนตั้งแต่เด็กทำให้นางไม่มีวันยอมให้ตนเองมีความคิดที่ไม่สมกับฐานะแม้แต่นิดเป็นอันขาด