แม้อาวุธจิตวิญญาณกับวิชาของสองพี่น้องโอวหยางจะโดดเด่นในหมู่คนรุ่นเดียวกันของตระกูล แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลงเซวียนที่ฝึกฝนวิชามารชิงหยางสำเร็จไปมากแล้วก็ยังด้อยกว่าอยู่ขั้นหนึ่ง
เวลาเพียงสองสามลมหายใจมังกรสีขาวกับบุปผาจิตวิญญาณสีม่วงก็ถูกกระบี่อัคคีสีเขียวกับดาบยักษ์สีเขียวบีบจนพังทลายทีละน้อย สตรีทั้งสองนางทำได้เพียงกรอกพลังเวทเข้าไปในอาวุธจิตวิญญาณในมือไม่หยุด แต่กระนั้นก็ต้านทานไว้ได้อย่างยากเย็น
หลงเหยียนเฟยเห็นเช่นนี้ ดวงหน้างามก็เคร่งเครียด ขณะที่นางกำลังจะลงมือช่วยอีกครั้ง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงแหวกอากาศดังมาจากด้านข้าง ศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับสามคนที่เหลือลงมือพร้อมกัน เป้าหมายก็คือตัวนาง
หลงเหยียนเฟยไม่มีทางเลือกได้แต่เรียกแสงกระบี่ออกมาขัดขวาง
ทว่าศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับที่เข้ามาในเศษซากแห่งโลกบนได้แต่ละคนย่อมพลังไม่อ่อนแอ ผนวกกับหลงเหยียนเฟยยังบาดเจ็บอยู่ พริบตาเดียวนางจึงตกเป็นรองอย่างมาก
“มนุษย์ปีศาจเหล่านี้ไม่ธรรรมดา แม้ข้าจะทุ่มเต็มกำลังก็เกรงว่าคงจะเอาชนะในเวลาสั้นๆ ได้ยาก ประเดี๋ยวข้าจะใช้วิชาถ่วงเวลาพวกเขาไว้ พวกเจ้าแยกย้ายกันหนีให้ไว รักษาชีวิตตนเองไว้ก่อนค่อยว่ากัน” ทันใดนั้นจินเทียนชื่อก็ส่งกระแสจิตบอกหลงเหยียนเฟยกับสองพี่น้องโอวหยางอย่างรวดเร็ว
เวลานี้เขาถูกขังอยู่ในตาข่ายยักษ์สีเขียวหม่น ไม่มีหนทางคว้าชัยชนะเหนือศัตรูได้ในเวลาชั่วครู่ชั่วยาม แต่อีกฝ่ายก็ต้องถ่ายไอปีศาจเข้าไปเสริมตาข่ายยักษ์เบื้องล่างไม่หยุดเช่นกัน การเคลื่อนไหวของมนุษย์ปีศาจเจ็ดคนจึงถูกสกัดไว้ด้วย
หากเวลานี้สามสาวหนีไป เขาจะได้ลงมือสู้เต็มที่อย่างไม่ต้องพะวงได้
สตรีทั้งสามได้ยิน ต่างคนย่อมส่งกระแสจิตตอบรับทันที
หลงเหยียนเฟยเร่งเร้าแสงกระบี่ทันที นางบีบศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับให้ถอยไปเล็กน้อยจากนั้นขี่กระบี่จากไป ศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับสามคนฝั่งตรงข้ามเห็นเช่นนี้จึงยกมือข้างหนึ่งขึ้นตั้งท่าเคล็ดวิชาแล้วพ่นอักขระมารสีดำสนิทแถบแล้วแถบเล่าออกมา พวกมันส่ายไหวโต้สายลมทยอยกลายเป็นใบไม้สีดำพัดมืดฟ้ามัวดินเข้าใส่หลงเหยียนเฟย
หลงเหยียนเฟยเปลี่ยนสีหน้าทันที นางรีบพลิกมือข้างหนึ่ง โล่เล็กสีเขียวขมุกขมัวชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ
โล่ชิ้นนี้เป็นรูปสามเหลี่ยมสีเขียวหยกทั้งชิ้นราวกับสลักขึ้นมาจากหยก แลดูประณีตงดงามยิ่งนัก เมื่อหลุดออกมาจากมือ มันก็ขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าจนกลายเป็นเกราะแสงสีเขียวผืนหนึ่งปกป้องทั้งร่างของหลงเหยียนเฟยไว้
ใบไม้สีดำสนิทมากมายกระหน่ำโจมตีบนนั้นอย่างไม่เกรงใจสักนิด!
เสียงดุจพายุพัดสายฝนกระหน่ำดังกึกก้อง!
ทันทีที่ใบไม้สีดำสนิทสัมผัสถูกเกราะป้องกัน พวกมันก็ทยอยระเบิดกลายเป็นไอปีศาจพลุ่งพล่านกลืนหลงเหยียนเฟยเข้าไป พริบตาเดียวก่อตัวเป็นลูกบอลหมอกสีดำเส้นผ่านศูนย์กลางหลายจั้งลูกหนึ่ง
หลงเหยียนเฟยรู้สึกว่าเบื้องหน้ามืดดับ หลังจากนั้นสี่ด้านแปดทิศก็มีเสียงชี่ดังขึ้นมา ในใจหวาดหวั่นขึ้นมาทันที
เห็นชัดว่าไอปีศาจนี้มีคุณสมบัติในการกัดกร่อนอย่างรุนแรง ผิวของเกราะป้องกันสีเขียวสั่นไหวไม่หยุดและกลายเป็นหลุมเป็นบ่ออย่างรวดเร็ว
ศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับสามคนปรากฏร่างออกมาล้อมลูกบอลหมอกสีดำไว้ตรงกลาง
“จิ๊ๆ สมบัตินี่ไม่ธรรมดาเลย ถึงกับต้านไอปีศาจกัดกร่อนของพวกเราสามคนได้นานเช่นนี้!” ศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับรูปร่างผอมแห้งคนหนึ่งเอ่ยชม
“เหอะ! ก็ทำได้แค่ถ่วงเวลาเท่านั้น” ศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับร่างเตี้ยคนหนึ่งกลับเอ่ยอย่างดูแคลนนิดๆ
“ไม่ต้องพูดพร่ำไร้สาระ ลงมือเถอะ!” ศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับคนสุดท้ายเอ่ยเร่งอย่างรำคาญเล็กน้อย
ทั้งสามคนงอสิบนิ้วแล้วดีดทันที ปราณสีเทาดำสายแล้วสายเล่าพุ่งรวดเร็วต่อเนื่องไม่ขาดสายออกมาจากปลายนิ้วแล้วจมลงไปในลูกบอลหมอกสีดำตรงกลาง
ลูกบอลหมอกสีดำที่เดิมทีเบาบางอยู่บ้างฉับพลันก็หนาทึบและเริ่มหดตัวเข้าไปตรงกลาง
ทั้งสามคนนี้คิดจะใช้ไอปีศาจกัดกร่อนหลงเหยียนเฟยให้ไม่เหลือซากไปพร้อมกับเกราะป้องกัน
ทว่าครู่ต่อมาเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกะทันหัน!
ในลูกบอลหมอกสีดำฉับพลันมีเสียงอสนีบาตดังขึ้น จากนั้นเส้นอสนีบาตสีเงินนับไม่ถ้วนก็พุ่งตามออกมาติดๆ กลายเป็นอสรพิษอสนีบาตสีเงินตัวแล้วตัวเล่าเลื้อยบ้าคลั่งไม่หยุดอยู่บนผิวลูกบอลหมอก
ทันใดที่ไอปีศาจสีดำซึ่งกำลังลุกโชนเข้าใกล้เส้นสายฟ้าสีเงิน ทั้งหมดก็ราวกับพบดาวข่มพากันระเบิดกระจายกลายเป็นความว่างเปล่า
เสียง “เปรี้ยง” ดังสนั่น!
แสงอสนีบาตสีเงินฉีกลูกบอลหมอกออกมา คลื่นความร้อนน่าตะลึงที่สอดแทรกด้วยประกายอสนีบาตสีเงินสายแล้วสายเล่าถาโถมไปสี่ด้านแปดทิศ
ศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับทั้งสามคนหน้าถอดสีทันที พวกเขาพากันพุ่งถอยหลบไปด้านหลัง
มีเพียงศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับรูปร่างเตี้ยคนนั้นที่หลบไม่พ้น หลังจากถูกคลื่นความร้อนกวาดเข้าไปด้านใน เขาก็กรีดร้องโหยหวนแล้วเสียงก็ขาดหายไปทันที ดูเหมือนว่าจะตายอยู่ด้านในทั้งอย่างนั้น
ครู่ต่อมาเงาร่างสีม่วงร่างหนึ่งก็เหาะขึ้นมาจากด้านในลูกบอลหมอก นั่นก็คือหลงเหยียนเฟยสตรีนางนี้นี่เอง
นางในเวลานี้สีหน้าซีดเผือดกว่าเมื่อครู่อย่างเห็นได้ชัด
ที่แท้ในห้วงเวลาวิกฤตนางกระตุ้นจี้ห้อยคอที่บรรจุพลังอันยิ่งใหญ่ของสายฟ้าสวรรค์ซึ่งอาจารย์ของนางมอบให้ ถึงหนีรอดออกมาได้
หลงเหยียนเฟยที่ลอยอยู่กลางอากาศตั้งหลักได้ก็ไม่พูดพร่ำ นางพลิกมือล้วงลูกแก้วกลมสีขาวลูกหนึ่งออกมาแล้วโยนไปเบื้องหน้าทันที
ลูกแก้วลูกนี้หมุนติ้วรอบหนึ่งแล้วกลายเป็นแสงเรืองรองสีขาวสว่างผืนหนึ่งม้วนรอบตัวนางจากนั้นแหวกท้องฟ้าหนีไป
ศิษย์นิกายปีศาจลี้ลับสองคนที่เพิ่งได้สติ พวกเขาเห็นหลงเหยียนเฟยบาดเจ็บหนัก หลังจากสบตากันครั้งหนึ่งจึงกลายเป็นเงาดำสองก้อนไล่ตามหลงเหยียนเฟยไปติดๆ
อีกด้านหนึ่งหลงเซวียนควบคุมมารชิงหยางให้กระหน่ำโจมตีพี่น้องโอวหยางอย่างบ้าคลั่ง พวกนางกระตุ้นอาวุธจิตวิญญาณในมือต้านทานอย่างสุดกำลังแต่ก็ทำได้เพียงฝืนต้านไว้อย่างยากเย็น
เวลานี้เองหลังจากสตรีทั้งสองเห็นหลงเหยียนเฟยใช้สมบัติลับบางอย่างหนีจากไปไกลได้อย่างราบรื่นแล้ว ทันใดนั้นพวกนางก็สบตากันครั้งหนึ่งแล้วกัดฟันตบถุงหนังข้างเอวพร้อมกัน
“ฟู่” “ฟู่” แสงเรืองรองเจ็ดสีสองสายม้วนออกมาจากในถุงหนังแล้วพุ่งไปด้านหลังในพริบตา พวกมันกะพริบไม่กี่ครั้งก็กลายเป็นผีเสื้อเจ็ดสีที่ทอแสงเรืองรองสองตัวที่อยู่ห่างออกไปร้อยจั้ง
สองสาวเห็นเช่นนี้พลันเอ่ยเบาๆ พร้อมกันว่า “สลับ”
เพียงครู่เดียวร่างกายของพวกนางก็เลือนรางลงแล้วเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาหายวับไปยังตำแหน่งของผีเสื้อเจ็ดสีสองตัวในทันใด
กระบี่อัคคีสีเขียวเล่มหนึ่งกับดาบยักษ์สีเขียวเล่มหนึ่งฟันผ่านตำแหน่งที่สตรีทั้งสองนางเคยอยู่อย่างรวดเร็ว แต่พลาดเป้าอย่างสิ้นเชิง
โอวหยางฉินที่เพิ่งตั้งหลักได้โยนพัดพับในมือออกไปอย่างเร็วไว พร้อมกันนั้นก็ขยับนิ้วมือรัวจี้ดัชนีใส่อากาศต่อเนื่องหลายครั้ง
เปลวเพลิงสีม่วงแสบตาผืนหนึ่งส่องสว่าง หลังจากนั้นพัดพับก็กลายเป็นบุปผาจิตวิญญาณสีม่วงขนาดยักษ์ผืนหนึ่งยกร่างของนางกับโอวหยางเชี่ยนขึ้นมา มันหมุนติ้วรอบหนึ่งกลายเป็นแสงสีม่วงสายหนึ่งมุ่งไปคนละทิศกับหลงเหยียนเฟย
“คิดหนี? ไม่ง่ายดายปานนั้นหรอก!”
หลงเซวียนเห็นเช่นนี้ก็โกรธจัด หลังจากคำรามเสียงประหลาดครั้งหนึ่ง ประกายแสงสีเขียวทั่วร่างก็ส่องสว่างก่อตัวเป็นลูกไฟสีเขียวขนาดยักษ์ดวงหนึ่งอีกครั้งแล้วไล่ตามพี่น้องโอวหยางที่หนีไปติดๆ
ทันทีที่สตรีทั้งสามหนีออกจากสนามรบได้ ท้องฟ้าสีเทาขมุกขมัวเหนือหุบเขาแคบก็พลันกลายเป็นสีดำสนิท จากนั้นแสงแวววาวจุดแล้วจุดเล่าก็ทอแสงระยิบระยับ
เสียง “บึ๊ม” ดังขึ้นครั้งหนึ่ง!
จากนั้นแสงดาราเจิดจ้าผืนแล้วผืนเล่าก็เทลงมาจากท้องฟ้าสูง จุดที่มันผ่าน ไอปีศาจสีเขียวหม่นล้วนหลอมละลาย ตาข่ายมารทั้งหมดมีรูนับร้อยนับพันในพริบตา!
ร่างแยกมนุษย์ปีศาจเจ็ดคนที่ล้อมโจมตีอยู่เห็นสถานการณ์พลันเปลี่ยนสีหน้าแล้วถอยหลังไปอย่างเร็วไว
ทว่าเวลานี้จินเทียนชื่อกลับหลับตาสองข้างสนิท ยันต์สีทองมากมายวนเวียนทั่วร่าง ด้านนอกยันต์ยังมีกระจกแสงสีทองเรืองรองแปดด้านอยู่เลือนราง
แสงดาวที่ร่วงลงมาจากฟ้าเหมือนถูกกระจกแสงเหล่านี้ดึงดูด พวกมันแย่งกันจมลงไปด้านในราวกับน้ำหลาก
มนุษย์ปีศาจทั้งเจ็ดเห็นเช่นนี้ย่อมรู้ว่าท่าไม่ดีแล้ว หลังจากคนที่เป็นหัวหน้าตวาดเสียงดังครั้งหนึ่ง แขนเสื้อสองข้างก็ยกขึ้นพร้อมกัน
สายลมสีดำพัดโหม ไอปีศาจสายแล้วสายเล่าบินออกมาจากแขนเสื้อของมนุษย์ปีศาจเจ็ดคนทยอยจมลงในตาข่ายมารแล้วสมานมันจนประสานกันด้วยความเร็วที่มองเห็นด้วยตาเปล่า
จินเทียนชื่อลืมตาขึ้น กระจกแสงสีทองแปดด้านรอบตัวส่งเสียงดัง “เพล้ง” “เพล้ง” ทยอยพังทลาย สองแขนของเขากางออก แสงดาราสายหนึ่งวนเวียนอยู่บนแขนก่อนจะกลายเป็นลูกบอลแสงสองลูกตรงปลายนิ้วจากนั้นส่งเสียงระเบิดดังสนั่นออกมา พร้อมกับที่กลายเป็นเส้นไหมแวววาวสีขาวเส้นแล้วเส้นเล่าพุ่งออกไปสี่ด้านแปดทิศทันที
จุดที่เส้นไหมแวววาวสีขาวพุ่งผ่าน ไอปีศาจสีเขียวหม่นที่ดูเหมือนของจริงเหล่านั้นทยอยถูกเปลวเพลิงสีขาวร้อนแรงเผาไหม้แล้วสลายไปอย่างสมบูรณ์
พร้อมกันนั้นวงแหวนแสงสีขาววงหนึ่งก็พุ่งออกมาจากบนร่างของจินเทียนชื่อ แล้วกวาดเข้าใส่ร่างของมนุษย์ปีศาจทั้งเจ็ดคนด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ
“เปรี้ยงๆ” เปลวเพลิงสีขาวดวงแล้วดวงเล่าลอยออกมาจากตัวมนุษย์ปีศาจ
มนุษย์ปีศาจทั้งเจ็ดคนดิ้นรนกระตุ้นไอปีศาจในร่างต่อต้านสุดชีวิต ทว่าเปลวเพลิงร้อนแรงสีขาวเหล่านี้กลับยิ่งลุกโหมขึ้นราวกับราดน้ำมันลงบนกองเพลิง ผิวทั่วร่างเริ่มไหม้เกรียมเป็นแถบอยู่ใจกลางเปลวเพลิง ในเวลาเดียวกันไอปีศาจหนาทึบรอบร่างก็เบาบางลงอย่างรวดเร็ว
“น่าสนใจอยู่บ้างจริงๆ ! แต่หยุดเล่นสนุกกันตรงนี้แล้วกัน” มนุษย์ปีศาจที่เป็นหัวหน้าเห็นเช่นนี้ก็หัวเราะคลุ้งคลั่งอย่างเหี้ยมเกรียมจนใบหน้าบิดเบี้ยว
เพิ่งเอ่ยจบ ร่างกายของมนุษย์ปีศาจที่เหลือหกคนก็พองขยายอย่างรวดเร็วจนเหมือนลูกโป่ง หลังจากเสียงดังสนั่นหลายครั้งพวกเขาก็ระเบิดตัวเองกลายเป็นไอปีศาจสีเขียวหม่นสายแล้วสายเล่าไหลเข้าไปในร่างมนุษย์ปีศาจที่เป็นหัวหน้าอย่างรวดเร็ว
มนุษย์ปีศาจที่เป็นหัวหน้าทำท่าเคล็ดวิชาด้วยมือข้างเดียว หลังจากตวาดก้องคำหนึ่ง ลวดลายจิตวิญญาณสีม่วงก็ไหลไปทั่วร่าง ร่างกายฉับพลันขยายใหญ่ยักษ์ แรงกดดันจิตวิญญาณน่าตะลึงพุ่งขึ้นฟ้าแล้วเพิ่มพูนไม่หยุดราวกับไร้ที่สิ้นสุด!
“ระดับดาราพยากรณ์!”
จินเทียนชื่อเห็นเช่นนี้ก็หลุดปากออกมาในพริบตา
……
ห่างจากหุบเขาแคบที่พวกจินเทียนชื่ออยู่ไปราวหนึ่งแสนหลายหมื่นลี้ มีเทือกเขาทอดยาวที่ภูเขาสูงชันแห่งหนึ่ง
เทือกเขาทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยไอหมอกบางเบาชั้นหนึ่ง มองจากไกลๆ ดูหม่นหมองพร่ามัวเล็กน้อย บนเขามีต้นไม้เตี้ยที่ไม่ทราบนามงอกอยู่แถบหนึ่ง เมื่อสายลมพัดผ่านผืนดินบนเขาก็เกิดเสียงเป็นระยะ
สุดขอบฟ้ามีเมฆดำก้อนหนึ่งลอยมา บนเมฆมีบุรุษชุดน้ำเงินคนหนึ่งยืนอยู่ เขาก็คือหลิ่วหมิงที่ไล่ตามสัญลักษณ์บอกทางของนิกายยอดบริสุทธิ์มาตลอดทางนั่นเอง
ครู่หนึ่งเขาก็เหาะเข้ามายังท้องฟ้าเหนือหุบเขาเหล่านี้ แต่หลังจากนั้นเวลาเพียงหนึ่งก้านธูป ทันใดนั้นสีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไป เขาเอี้ยวศีรษะมองลึกเข้าไปในเทือกเขา ดวงตาฉายแววตาประหลาดออกมาเล็กน้อยในทันใด
“นี่มัน…”
หลิ่วหมิงพึมพำออกมาเบาๆ จากนั้นก็เปลี่ยนทิศทางกลายเป็นแสงสีดำสายหนึ่ง เพิ่มความเร็วเหาะลึกเข้าไปในเทือกเขาทันที
ผลปรากฏว่าเขาเหาะมาได้ราวหลายร้อยลี้เมฆดำก็หยุดกะทันหัน เขาเพ่งมองไกลออกไป
เพียงครู่เดียวหลังจากนั้นตรงขอบฟ้าไกลออกไปก็มีเสียงฟิ้วดังขึ้น แสงสีม่วงดวงหนึ่งปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่าแหวกท้องฟ้าพุ่งมาทางหลิ่วหมิงด้วยความเร็วอันน่าตกตะลึง
หลิ่วหมิงเพ่งสายตามองก็จำเงาร่างของสตรีสองนางในแสงสีม่วงได้ทันที พวกนางคือโอวหยางเชี่ยนกับโอวหยางฉิน!
เวลานี้สตรีทั้งสองนางก็สังเกตเห็นหลิ่วหมิงแล้วเช่นกัน พวกนางดีใจยิ่งนักแล้วเหาะตรงเข้ามาอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
เวลานี้หลิ่วหมิงถึงค้นพบว่าหลังลำแสงของสตรีทั้งสองยังมีเพลิงมารสีเขียวลุกโหมดวงหนึ่งไล่ตามมาติดๆ ด้วย
เขาใช้จิตสัมผัสสำรวจกลิ่นอายด้านในเพลิงมารเพียงนิดเดียวก็รู้ทันทีว่าเป็นหลงเซวียน ทันใดนั้นใบหน้าของเขาก็ปรากฏสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย เหยียบเมฆพุ่งเข้าไปหาเช่นเดียวกัน