ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 945 เตาหลอมปรากฏ

บนพื้นมีศิลาสีน้ำเงินหม่นกองหนึ่งวางอยู่ พวกมันทอแสงเรืองๆ ส่วนใจกลางกองหินมีมีดสั้นที่ทอแสงสีน้ำเงินเล่มหนึ่งปักเอนอยู่

สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของหลิ่วหมิงเมื่อครู่ก็คือแสงที่ส่องออกมาจากมีดสั้น

“ดูเหมือนจะเป็นแร่ที่พลังจิตวิญญาณไม่น้อยชนิดหนึ่ง มีดนี่น่าจะเป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับต้นแบบอาวุธเวท น่าเสียดายก็แต่…” หลิ่วหมิงครุ่นคิดรวดเร็วแล้วถอนหายใจอยู่ในใจ

มันสามารถทนต่อการกัดกร่อนของไอหมอกสีม่วงในท้องของอสูรยักษ์ได้ ไม่ว่าจะเป็นหินแร่สีน้ำเงินหรือมีดสั้นล้วนเป็นสมบัติที่หายาก หากเป็นยามปกติเขาคงเก็บของเหล่านี้เข้ากระเป๋าอย่างแทบทนรอไม่ได้ แต่วันนี้เขากลับไม่กล้าบุ่มบ่ามเคลื่อนไหว

สายตาเขากวาดลงไปเบื้องล่างเห็นเงาร่างหนาสีแดงคล้ำหลายตัวขยับเชื่องช้าอยู่ตรงกองหินแร่สีน้ำเงินพร้อมกับส่งเสียงทุ้มต่ำแผ่วเบาออกมาเป็นระยะ

แม้บนผิวหน้าจะมีหนอนปรสิตขนาดยักษ์เพียงไม่กี่ตัว แต่ลึกลงไปในกำแพงเนื้อใกล้ๆ ก็ไม่รู้ว่ามีซุ่มซ่อนอยู่เท่าไร

หากเขาบุ่มบ่ามลงมือจะต้องดึงดูดความสนใจของหนอนปรสิตประหลาดเหล่านี้แน่ แม้มีภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนกลบกลิ่นอายก็คงยากจะหนีพ้นโดยง่าย

“หินแร่นี่คล้ายแร่ทองแดงเพลิงคราม มีดสั้นก็เป็นอาวุธจิตวิญญาณโลหะ ดูท่าไอหมอกสีม่วงเหล่านี้ในท้องอสูรยักษ์คงกัดกร่อนวัตถุจำพวกโลหะไม่ได้” เพราะไม่สะดวกหยิบฉวย หลิ่วหมิงจึงไม่ได้รั้งอยู่ตรงนี้นานนัก เขากวาดสายตามองไม่กี่ครั้งก็กระตุ้นพลังเวทเหาะไปด้านหน้าต่อ ในเวลาเดียวกันในใจก็ครุ่นคิดอย่างเงียบๆ

จากนั้นหลิ่วหมิงก็พบวัตถุจิตวิญญาณที่อสูรยักษ์ป่าเถื่อนตัวนี้กลืนเข้ามาในท้องอีกไม่น้อย ทั้งวัสดุจิตวิญญาณ หินแร่และอาวุธจิตวิญญาณนานาชนิด ในหมู่พวกมันมีอยู่หลายชิ้นที่ทำให้หลิ่วหมิงเห็นแล้วตาวาวอย่างยิ่ง

ตัวอย่างเช่นขวานยักษ์มหึมาเล่มหนึ่งที่ใหญ่ถึงสิบกว่าจั้งและมีลวดลายจิตวิญญาณสีน้ำเงินโบราณแผ่อยู่ทั่วทั้งเล่ม ด้ามขวานแลดูเก่าแก่ใสดุจแก้วผลึก

แล้วก็ตราประทับชิ้นหนึ่งที่สีเขียวหยกทั้งชิ้น บนตราประทับมีลายมังกรเก้าตัวขดรอบอยู่เลือนราง ศีรษะกับกรงเล็บพันต่อกันดูประหนึ่งมีชีวิต ทั่วทั้งชิ้นเปล่งแสงเรืองๆ เปี่ยมด้วยพลังจิตวิญญาณ ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ของธรรมดา

บริเวณใกล้ๆ ของเหล่านี้ย่อมมีหนอนปรสิตประหลาดยึดครองอยู่ไม่น้อย พวกมันชูคออย่างละโมบดูดซับปราณจิตวิญญาณเข้มข้นที่แผ่ออกมาจากอาวุธจิตวิญญาณ

หลิ่วหมิงผิดหวังยิ่งนัก แต่เพื่อที่จะไม่เปิดเผยตัว เขาได้แต่เมินของเหล่านี้ไป

เวลานี้เขาสัมผัสตำแหน่งของเตาหล่อหลอมจิตวิญญาณได้อยู่เลือนราง มันอยู่ใกล้ตนเข้ามาทุกทีแล้ว

หลังจากเขาเดินหน้าต่อไปอีกระยะหนึ่ง ทันใดนั้นก็มีเสียงระเบิดของวิชาเวทดังมาจากหมอกสีม่วงเบื้องหน้า หลังจากนั้นแสงรัศมีสีเงินสายหนึ่งก็พุ่งวูบหายไป

หลิ่วหมิงตกตะลึง แสงสีเงินนี้ค่อนข้างคุ้นตาทีเดียว

“โฮก!”

เสียงพยัคฆ์คำรามดังมาจากเบื้องหน้าอีกครั้งพร้อมกับเสียงตะโกนลั่นของมนุษย์ เห็นชัดว่านั่นคือหลัวเทียนเฉิง

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้แววตาก็ไหววูบ

หลังจากทั้งสองคนเข้ามาในท้องของอสูรยักษ์ พวกเขาก็แยกย้ายกันเคลื่อนไหว คิดไม่ถึงว่าหลัวเทียนเฉิงจะเคลื่อนไหวเร็วเช่นนี้จนมาถึงก่อนเขา

ในใจเขาครุ่นคิดเร็วไว ขณะที่คนก็เหาะไปข้างหน้าต่ออย่างเงียบเชียบ จนในที่สุดก็มองเห็นภาพเบื้องหน้าชัดเจน

กลางหมอกสีม่วงที่อยู่ไม่ไกล ลมพายุพัดไปรอบด้าน แสงสีเงินดวงหนึ่งขยับเป็นพัลวันกระแทกเงาสีแดงคล้ำตัวแล้วตัวเล่าที่เข้ามาโรมรัน

กลางดวงแสงสีเงินก็คือหลัวเทียนเฉิงที่สวมชุดเกราะจักรกลสีดำ เวลานี้ไอหมอกสีเงินพลุ่งพล่านอยู่รอบร่างเขา สองหมัดเหวี่ยงดุดันต่อสู้กับหนอนปรสิตประหลาดที่โถมเข้ามาไม่ขาดสายจากทั่วทุกสารทิศอย่างดุเดือดอย่างยิ่ง

ชุดเกราะจักรกลบนร่างหลัวเทียนเฉิงแลดูพังเละอยู่บ้าง โล่ทรงโค้งสีดำที่หัวหมาป่าบนหัวไหล่กางออกมาแตกกระจุยไปแล้วฝั่งหนึ่ง สีหน้าของเขาดูซีดเผือดเล็กน้อยน่าจะเสียพลังเวทจากการต่อสู้ดุเดือดมาอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรเสียเขาก็ไม่มีวิชาเก็บซ่อนลมปราณเช่นนี้อย่างหลิ่วหมิง ตลอดทางมานี้คงอาศัยสองหมัดเหล็กฟันฝ่ามา

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็หรี่ตาสองข้างลง!

ดูจากเรื่องนี้ การเข้ามาในพื้นที่แห่งนี้คงไม่ได้มีทางเดียว

คลื่นพลังเวทรุนแรงล่อหนอนปรสิตประหลาดใกล้ๆ เข้ามาไม่หยุด เสียงกรีดร้องของพวกมันดังขึ้นตรงนั้นตรงนี้

ไม่นานนักก็มีหนอนประหลาดตัวใหญ่ตัวน้อยราวหลายร้อยตัวล้อมหลัวเทียนเฉิงไว้จนเขาไม่อาจสลัดหลุดได้ในเวลาสั้นๆ

หลิ่วหมิงไม่บุ่มบ่ามเคลื่อนไหว แต่เฝ้าดูอยู่กลางอากาศไม่ไกลนักอย่างนิ่งสงบ

“ฮ่า!”

สองหมัดของหลัวเทียนเฉิงแยกกันโจมตีสองฝั่ง ไอหมอกสีเงินรอบร่างปั่นป่วนอยู่แวบหนึ่งก็แยกออกจากกัน พยัคฆ์หมอกสีเงินขนาดสิบกว่าจั้งตัวหนึ่งกับมังกรหมอกยาวสิบกว่าจั้งตัวหนึ่งกระโจนออกมา แยกย้ายกันพุ่งไปทางฝูงหนอนสองฝั่ง

เสียงมังกรร้องพยัคฆ์คำรามดังขึ้น!

พยัคฆ์หมอกสีเงินแยกเขี้ยวสะบัดกรงเล็บพุ่งเข้าไปในฝูงหนอนแล้วตะปบกรงเล็บไปด้านหน้าอย่างเหี้ยมเกรียม

ป้าบ ป้าบ ป้าบ! มีหนอนปรสิตประหลาดตัวใหญ่ห้าหกตัวถูกตบปลิวออกไปทันที และมีครึ่งหนึ่งในนั้นถูกไอหมอกสีเงินที่เหลืออยู่กลางอากาศปั่นเป็นเศษเล็กเศษน้อย

อีกด้านหนึ่งมังกรหมอกสีเงินราวกับจะพลิกแม่น้ำคว่ำมหาสมุทรอยู่กลางทะเลหนอน จุดที่มันผ่านมีหนอนปรสิตประหลาดหลายตัวถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ

ทว่าทะเลหนอนที่อยู่ข้างตัวหลัวเทียนเฉิงอย่างน้อยก็มีนับร้อยอีกทั้งจำนวนยังเพิ่มขึ้นไม่หยุด หนอนเหล่านี้เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น

ดวงตาหลัวเทียนเฉิงฉายแววเหี้ยมเกรียม สองมือตั้งท่าเคล็ดวิชาดุจกงล้อ ปากเอ่ยคำว่า “ระเบิด” ออกมาเบาๆ คำหนึ่ง

พยัคฆ์หมอกรวมถึงมังกรหมอกสีเงินร่างสั่นสะท้านวูบหนึ่งก็ระเบิดอย่างรรุนแรง คลื่นปราณสีเงินพัดไปสี่ด้านแปดทิศในทันที ทะเลหนอนรอบด้านฉับพลันถูกกวาดจนเกลี้ยงสองแถบใหญ่

วงล้อมถูกระเบิดจนเกิดช่องว่างสองช่องทันที

หลัวเทียนเฉิงฉวยโอกาสกลายเป็นแสงสีเงินเส้นหนึ่งพุ่งผ่านช่องว่างช่องหนึ่งของวงล้อมออกมา พร้อมกันนั้นในมือก็มีแสงส่องสว่าง โคมทองแดงดวงหนึ่งปรากฏออกมา

หลิ่วหมิงเห็นเช่นนี้ก็หรี่ตาลงเล็กน้อย

เขาจำโคมทองแดงดวงนี้ได้ ในแดนลึกลับประตูสวรรค์ยามหลัวเทียนเฉิงเผชิญหน้ากับชวีเหยาซึ่งเป็นพวกต่างเผ่าก็เคยหยิบออกมาก่อน พลังค่อนข้างน่าตะลึง

หลัวเทียนเฉิงท่องเคล็ดวิชาอย่างรวดเร็วหลายประโยค จากนั้นจึงอ้าปากพ่นพลังเวทบริสุทธิ์คำหนึ่งออกมาตกลงบนโคมทองแดง เปลวเพลิงสีเงินจุดหนึ่งสว่างขึ้นมา

จากนั้นเขาก็ทำท่าเคล็ดวิชาอีกท่าหนึ่ง เพลิงสีเงินฉับพลันขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่าแล้วแกว่งไกวโปรยปรายลงมาเอง มันเลือนหายวูบหนึ่งแล้วกลายเป็นกำแพงสีเงินมหึมาผืนหนึ่งร่วงลงบนพื้น ขวางหนอนปรสิตประหลาดทั้งหลายไว้ด้านนอก

หลัวเทียนเฉิงอาศัยโอกาสนี้ฝืนต้านไว้แล้วพุ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว

หลิ่วหมิงสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ร่างกายขยับวูบเดียวก็ตามไปอย่างเงียบเชียบ

แม้หลัวเทียนเฉิงจะสลัดหนอนปรสิตประหลาดโขยงหนึ่งหลุด แต่การต่อสู้รุนแรงเช่นนี้ย่อมทำให้ตัวเขาเหมือนคบเพลิงดวงมหึมาท่ามกลางความมืด เสียงแสกสากดังขึ้นเบื้องหน้า มีหนอนปรสิตขนาดหนึ่งจั้งกว่าหลายสิบตัวทยอยโผล่ออกมากระโจนเข้าใส่เขาอีกครั้งอย่างรวดเร็วยิ่ง

“สมควรตาย!”

หลัวเทียนเฉิงสีหน้าถมึงทึง เขาไม่มีเวลาใช้โคมทองแดงในมือ จึงหยุดร่างแล้วโยนค้อนประหลาดที่ทอแสงสีแดงวิบวับเล่มหนึ่งออกไปเบื้องหน้า

ค้อนประหลาดหมุนคว้างกลางอากาศอยู่รอบหนึ่งก็กลายเป็นเงาค้อนสีแดงเพลิงมากมายผืนหนึ่งทุบลงไปหาฝูงหนอนเบื้องหน้าอย่างแรง

หลิ่วหมิงมองสถานการณ์เบื้องหน้าแล้วพุ่งผ่านด้านข้าง เหาะรวดเร็วไปเบื้องหน้าแซงหลัวเทียนเฉิงไปทันที

มุกสนองตอบในแขนเสื้อของเขาสั่นไหวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เห็นชัดว่าเตาหล่อหลอมจิตวิญญาณอยู่ใกล้ๆ แล้ว

“หลิ่วหมิง เจ้า…” ในที่สุดหลัวเทียนเฉิงก็ค้นพบหลิ่วหมิง เขาคำรามขึ้นมาทั้งตกตะลึงทั้งเกรี้ยวกราดอย่างห้ามไม่ได้

เพราะก่อนหน้านี้เขาทุ่มสมาธิรับมือกับทะเลหนอนปรสิตที่ทะลักมาไม่ขาดสายอยู่ตลอด ผนวกกับหลิ่วหมิงใช้ภาพสัญลักษณ์เชอฮ่วนซ่อนกลิ่นอายอยู่ เขาจึงไม่สังเกตเห็นการมีอยู่ของหลิ่วหมิงจริงๆ

การเสียสมาธิครั้งนี้ทำให้หนอนยักษ์หลายตัวจากสองฟากฝั่งกระโจนพรวดเดียวมาถึงตรงหน้าในทันใด

หลัวเทียนเฉิงจนปัญญาได้แต่ใช้สมบัติสองชิ้นพร้อมกัน จดจ่อสมาธิรับมือ

เวลานี้หนอนปรสิตทั้งหมดล้วนถูกหลัวเทียนเฉิงดึงดูดไป หลิ่วหมิงขยับไม่กี่หนก็เลี้ยวผ่านอีกโค้ง ทันใดนั้นดวงตาก็เป็นประกายทันที

เบื้องหน้าไม่ไกลมีตำหนักขนาดเล็กที่ถล่มไปเกือบครึ่งหลังหนึ่งอยู่ พื้นที่ขนาดราวครึ่งหมู่ ตำหนักทั้งหลังทอแสงสีขาวเรืองๆ ไอหมอกสีม่วงด้านในจึงสะดุดตาอย่างยิ่ง

อสูรยักษ์ป่าเถื่อนตัวนี้ถึงกับกลืนตำหนักครึ่งหลังเข้ามาในท้องตรงๆ หลิ่วหมิงเห็นแล้วก็หมดคำพูดอยู่บ้างอย่างห้ามไม่ได้

เวลานี้ประตูใหญ่ของตำหนักเปิดอ้ากว้าง มองเห็นหนอนปรสิตประหลาดตัวใหญ่น้อยที่คลานอยู่เต็มไปหมดด้านในได้เลือนราง

ตรงกลางของตำหนักมีแท่นบูชาสามชั้นที่เอียงง่อนแง่นล้มอยู่ที่พื้น ด้านบนสุดของแท่นบูชามีเตาหลอมขนาดเล็กสามขาสีเงินสูงหนึ่งฉื่อกว่าเตาหนึ่งกำลังลอยอยู่กลางอากาศอย่างนิ่งสงบส่องแสงสีขาวแสบตาออกมา

เตาหลอมนี้หน้าตาเก่าแก่โบราณ สามขาของเตาดูเหมือนขาสามข้างของอสูร ตัวเตาหลอมวาดลวดลายจิตวิญญาณหน้าตาเหมือนขดหอยวงแล้ววงเล่าเอาไว้ แม้เวลานี้ไม่มีพลังเวทถ่ายเทเข้าไปแต่มันก็ยังคงแผ่คลื่นแรงกดดันจิตวิญญาณอันชัดเจนสายแล้วสายเล่าออกมา

กลางเตาหลอมสลักอักษรประหลาดสามตัวไว้

หลิ่วหมิงเข้าใจอักษรยุคโบราณอยู่บ้าง แต่อักษรสามตัวนี้เขากลับไม่รู้จัก

ทว่ามุกสนองตอบในแขนเสื้อของเขากลับสั่นไหวอย่างรุนแรงแล้วลอยออกมา มันแผ่แสงสีทองระลอกแล้วระลอกเล่าชี้ไปหาเตาหลอมโบราณสีเงินบนแท่นบูชา

ดูท่านี่คงจะเป็นเตาหล่อหลอมจิตวิญญาณไม่ผิดแล้ว!

ในดวงตาของหลิ่วหมิงเปล่งประกายเจิดจ้า ร่างกายขยับพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว ประกายแสงสีดำสายหนึ่งปะทุออกมาจากมือกลายเป็นมือปราณขนาดใหญ่สีดำข้างหนึ่งคว้าตรงไปยังเตาหล่อหลอมจิตวิญญาณ

เขาขยับมือครั้งเดียว หนอนปรสิตที่ครองพื้นที่ในเศษซากตำหนักอยู่ก็สัมผัสได้ในทันที หนอนปรสิตประหลาดตัวที่ใหญ่ที่สุดยาวสองถึงสามจั้งตัวหนึ่งบิดร่างกลายเป็นเงาสีแดงสายหนึ่งกระโจนเข้าใส่หลิ่วหมิงดุจสายฟ้าแลบ สายลมชั่วร้ายโถมจู่โจมใส่ใบหน้าเขาในทันใด

หลิ่วหมิงแค่นเสียงหยันคำหนึ่ง เขาไม่หลบแต่ปราณสีดำบนมือทะลักออกมากลายเป็นพยัคฆ์หมอกสีดำตัวหนึ่งร้องคำรามพุ่งเข้าชนหนอนปรสิตประหลาด

หนอนปรสิตประหลาดนี้มีขนาดตัวใหญ่ที่สุดเท่าที่หลิ่วหมิงเจอมาจนถึงตอนนี้ เกล็ดบนร่างมีแสงสีแดงไหลเวียนอยู่เลือนราง ตรงท้องน้อยมีกรงเล็บคมดูดุร้ายสีดำสนิทคู่หนึ่งงอกออกมา นิ้วแหลมคมสีดำยาวถึงสองฉื่อกว่าคล้ายกับกระบี่สั้นสีดำ ชวนให้คนสั่นสะท้านทั้งที่ไม่หนาว

เสียง “เปรี้ยง” ดังขึ้นทีหนึ่ง!

พยัคฆ์หมอกสีดำสร้างมาจากพลังของวิชามังกรพยัคฆ์ทมิฬ พวกมันบรรจุพลังมหาศาลอันไม่อาจดูแคลนได้ไว้ แต่หนอนปรสิตประหลาดขนาดยักษ์ตัวนี้ก็ร้ายกาจเหนือกว่าที่คาด ร่างกายที่เหมือนอสรพิษของมันขยับวูบเดียวก็รับแรงกระแทกจากพยัคฆ์หมอกไว้ได้

“ฟ่อ!”

หนอนปรสิตประหลาดขนาดยักษ์กรีดร้อง กรงเล็บด้านหน้าส่องประกายกรงเล็บคมกริบไขว้ตัดกันผืนหนึ่งครอบลงมาจากกลางอากาศ ฟันตัดร่างกายของพยัคฆ์หมอก

พยัคฆ์หมอกสีดำร้องครวญครางครั้งหนึ่ง ร่างกายก็ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ กลายเป็นปราณดำสายแล้วสายเล่าลอยกระจายไปรอบด้าน

หลิ่วหมิงสะบัดแขนทั้งสองข้างด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ มังกรหมอกสองตัวก็ร้องคำรามโถมเข้าใส่หนอนประหลาดอีกครั้ง พร้อมกันนั้นร่างกายก็เลือนหายวูบหนึ่งกลายเป็นเงาเลือนรางสี่สายพุ่งรวดเร็วออกไป

สามร่างในนั้นแยกย้ายกันพุ่งเข้าไปใส่หนอนปรสิตตัวอื่นที่โถมเข้ามาด้านซ้ายกับด้านหลัง ส่วนร่างสุดท้ายพุ่งข้ามหนอนปรสิตขนาดยักษ์ด้านหน้าดุจภูตพรายแล้วสร้างมือใหญ่สีดำข้างหนึ่งออกมาเอื้อมไปคว้าเตาหล่อหลอมจิตวิญญาณที่ลอยอยู่ด้านใน

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้ เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset